JJNY : 5in1 โวยทอ.ของบ│รัฐอ่วม“บีทีเอส”ซัดแหลก│จวก'ตู่'ภัยคุกคามศก.│“ธนาธร”ค้านควบรวมทรูดีแทค│สหรัฐเคลื่อนเรือรบ จีนฮึ่ม

เดือด! โวย ทอ.เขียนของบ 7.4 พันล. ซื้อ F-35A แค่บรรทัดเดียว ลุ้นกมธ.นัดโหวต
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7193845

อนุกมธ.ไอซีที โวย ทอ.เขียนรายงานของบ 7.4 พันล้าน ซื้อ F-35A แค่บรรทัดเดียว ชี้หมวกนักบินใบเดียว 10 ล้าน จับตา กมธ.งบชุดใหญ่ โหวตพรุ่งนี้
 
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 ส.ค. 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2566 ที่มีนายวราเทพ รัตนากร รองประธาน กมธ. ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยเปิดให้ อนุกมธ. 9 คณะ รายงานผลการพิจารณาปรับลดงบประมาณหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งเปิดโอกาสให้หน่วยรับงบประมาณอุทธรณ์เพื่อให้ กมธ.ชุดใหญ่คืนงบที่ อนุกมธ. ปรับลดไป ซึ่งจะพิจารณาเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบตามที่หน่วยงานอุทธรณ์
 
ต่อมาเวลา 15.00 น. อนุกมธ.ครุภัณฑ์ และไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ได้เข้ารายงานการปรับลดงบหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะงบของกระทรวงกลาโหม ทั้งหมด 32,702 ล้านบาท ปรับลดไป 3,130 ล้านบาท โดยในส่วนกองทัพอากาศ อนุกมธ. ได้เสนอปรับลดเกี่ยวกับการจัดซื้อเครื่องบินโจมตี F-35A จำนวน 2 ลำ มูลค่า 7.4 พันล้านบาท (เครื่องเปล่า ไม่มีอาวุธ)
 
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธาน อนุกมธ. ชี้แจงว่า การที่ อนุกมธ. ไม่อนุมัติให้ซื้อ เป็นการให้เลื่อนออกไป โดยให้รอสภาคองเกรสอนุมัติก่อน แล้วกองทัพอากาศตั้งงบมาใหม่ในปีถัดไป ถือว่าไม่สายเกินไป นอกจากนี้การจัดซื้อของจากต่างประเทศที่ต้องกำหนดงบล่วงหน้า และต้องจ่ายด้วยเงินดอลลาร์นั้น จะมีความผันผวนเรื่องค่าเงินด้วย ซึ่งในขณะที่ติดต่อซื้อค่าเงินบาทต่อ 1 ดอลลาร์อยู่ที่ 32 บาท แต่ตอนนี้ 37 บาทต่อดอลลาร์แล้ว เราจึงต้องคำนึงถึงงบที่ต้องกู้ และเงินภาษีของประชาชนด้วย ซึ่งการจัดซื้อจะไม่จบที่ 2 ลำ แต่จะผูกพันให้ซื้อจนครบฝูงบิน 12 ลำ
 
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ในฐานะกมธ. ได้ถามที่ประชุมว่า การขอจัดซื้อ F-35A จากสภาคองเกรส ของสหรัฐ จำเป็นต้องระบุไว้ในงบประมาณปี 2566 หรือไม่ เพราะกองทัพอากาศบอกว่าต้องระบุ แต่อนุ กมธ.บอกว่าไม่ต้อง
 
ขณะที่นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะ อนุกมธ. อภิปรายว่า เหตุผลที่ อนุกมธ. ตัดงบการซื้อ F-35A เพราะเอกสารชี้แจงที่ อนุกมธ. ได้รับมีแค่บรรทัดเเดียว และมีแค่คำพูดปากเปล่าของ เสธ.ทอ. แล้วจะให้เราผ่านงบไปได้อย่างไร
 
อีกอย่างคือ การชี้แจงยังย้อนแย้ง รมช.กลาโหม บอกว่าถ้าซื้อปีนี้ จะได้ใช้ภายใน 2 ปี แต่ไปๆ มาๆ ผบ.ทอ. บอกว่าจะได้ใช้ภายใน 4 ปี แต่พอในห้องอนุ กมธ. บอกว่าภายใน 10 ปี เราจึงไม่รู้ว่าอีกกี่ปีจะได้ใช้ ระยะเวลาที่จะได้รับก็ยังไม่ชัดเจน วงเงินทั้งหมดที่จะใช้ก็ไม่ชัดเจน และไม่ทราบว่าการซื้อทั้งฝูงบินจะใช้งบเท่าใด บอกแค่ 2 ลำ มูลค่า 7.4 พันล้านบาท
 
นอกจากนี้ เมื่อต้นปี 2565 ผบ.ทอ. คนเก่าบอกว่า ยังไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องบินรบ หรือ F-35A ใหม่ เพราะของเก่าพอใช้อีกนาน แต่พอมาปลายปี และเปลี่ยนผบ.ทอ.ใหม่ มาบอกว่าขาดแคลน เราจึงไม่รู้ว่าอะไรสำคัญหรือจำเป็นอย่างไร
 
ส่วนนายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธาน อนุกมธ. ชี้แจงว่า เราไม่ปฏิเสธว่า F-35A มีความจำเป็น เพราะเป็นเครื่องบินที่ล้ำยุค และทันสมัย การซื้อ F-35A มาใช้ไม่ใช่ว่าซื้อมาแล้วนักบินของเราจะใช้ได้เลย เพราะต้องใช้เวลาเรียนรู้การใช้อุปกรณ์ เพื่อให้เกิดการใช้อย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ แต่เนื่องจากข้อจำกัดของงบ จึงไม่สามารถจัดหาพร้อมกันได้ เครื่องบินยุคนี้ล้ำยุคจริงๆ แค่หมวกนักบินก็ใบละ 10 ล้านบาท และต้องตัดคนต่อคน
 
นายสรวุฒิ กล่าวต่อว่า อนุ กมธ. เป็นห่วง เพราะหากตั้งงบในปีนี้แล้ว สภาคองเกรส จะอนุมัติขายเครื่องบินให้หรือไม่ ถ้ากองทัพอากาศได้เงินก้อนนี้ไป และสามารถให้หลักประกันกับที่ประชุมแห่งนี้ได้หรือไม่ว่า กองทัพอากาศจะไม่เอาเงินส่วนนี้ไปเปลี่ยนแปลงทำอย่างอื่น ซึ่งตนได้สอบถามสำนักงบประมาณแล้ว ที่ระบุกลับมาว่า หลักการพูดได้ แต่จะรับปากต้องเป็นสัญญาลูกผู้ชาย เพราะตนเป็นส.ส.ก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกหรือไม่
เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต
 
จึงขอฝากว่าถ้าใครเข้ามาเป็นส.ส. ในครั้งหน้า หากกองทัพอากาศจัดซื้อไม่ได้ เนื่องจากสหรัฐ ไม่ให้หรือค่าเงินเปลี่ยนแปลงราคาขยับขึ้น ขอให้ติดตามรายการนี้ด้วย จึงขอให้กมธ.ชุดใหญ่ ใช้ดุลพินิจปรับลดหรือไม่ปรับลดในชั้นอุทธรณ์ ในวันที่ 3 ส.ค.นี้
 


ภาครัฐอ่วม “บีทีเอส” ซัดแหลก “ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม” กีดกันแข่งขัน
https://www.thansettakij.com/economy/mega-project/534990

“บีทีเอส” ซัดภาครัฐ ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม รอบ 2 กีดกันการแข่งขัน หลังศาลปกครองพิพากษาล้มประมูลไม่ชอบด้วยกฎหมาย โยนกฎหมาย-ประชาชนตัดสิน ใครทำเสียโอกาส
 
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับกรณีการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) หลังมีการเปิดซองที่ 1 ข้อเสนอด้านคุณสมบัติ เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น บริษัทฯมองว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเป็นสายที่มีการประมูลแล้วมีปัญหาอย่างจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าศาลปกครองจะมีการพิพากษาไปแล้วว่าการเปลี่ยนหรือยกเลิกทีโออาร์ที่ให้ประมูล ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 และการรถไฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ยังเดินหน้าต่อถือว่าเป็นสิทธิ์ของท่าน
 
“จากเดิมที่มีความตั้งใจจะเข้าร่วมประมูลสายสีส้มนั้น แต่ครั้งนี้เราไม่เข้าร่วมประมูล เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และรู้สึกว่าเมื่อดูทีโออาร์แล้วไม่มีโอกาสเลยที่บีทีเอสจะเข้าไปประมูลได้ เพราะไม่ผ่านเกณฑ์แน่นอน หลังการศึกษารายละเอียดข้อกำหนดในเอกสารประกวดราคา (RFP) ฉบับใหม่ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่มีข้อกำหนดคุณสมบัติแบบเลือกผู้รับเหมา เนื่องจากบริษัทที่เป็นพันธมิตรครั้งที่แล้วได้ยื่นประมูลไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถหาพันธมิตรได้ทัน อาจจะอ้างว่าไปร่วมกับเอกชนรายอื่นได้ แต่เราดูแล้วไม่น่าจะทำได้ เพราะผู้รับเหมาเตรียมตัวไม่ทัน เมื่อถามว่าเป็นการกีดกันหรือเปล่า ข้อนี้ไม่ขอตอบ”
  
นายคีรี กล่าวต่อว่า บ้านเมืองเรามีกฎหมาย ความถูกต้องและความยุติธรรม มองว่าการประมูลรอบนี้เป็นการกีดกันหรือไม่ ควรให้กฎหมายบ้านเมืองและศาลเป็นผู้ตัดสิน อย่างไรก็ตามบริษัทมองว่าเรื่องนี้เห็นชัดเจนมาก เสียดายที่โครงการดีๆเกิดปัญหาล่าช้ามาหลายปีๆ และผู้ที่เสียประโยชน์ที่สุดคือประชาชน 
 
“อย่าลืมว่าที่ผ่านมาบีทีเอสต่อสู้และฟ้องร้องอย่างไร สิ่งที่อยากได้มากที่สุดคือ ความยุติธรรมในการประมูลอย่างปกติ ซึ่งโครงการส่วนใหญ่ของภาครัฐก็ดำเนินการประมูลในลักษณะเดิมมาตลอด ใครให้ผลประโยชน์กับบ้านเมืองมากที่สุดก็เป็นผู้ชนะ ผมต้องการแค่นั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ชนะในการร้องเรียนหรืออะไร ก็ยังไม่ใช่ผู้ชนะสำหรับการได้รับสัมปทานโครงการฯ ไม่ใช่ว่าออกทีโออาร์เดิมตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม) แม้แต่ศาลพิพากษาไปแล้วว่าไม่ชอบ แต่ยังมีการดำเนินการประมูลต่อ อันนี้ก็ต้องพึ่งพาทางกฎหมายขอร้องเถอะครับ ว่ามาประมูลโครงการใหญ่ที่ดีและเป็นธรรมเพื่อแป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติมากที่สุด” 
  
นายคีรี กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาบริษัทมีการประมูลโครงการฯแล้วในครั้งแรก แต่ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูล เมื่อถึงวันหนึ่งบริษัทจะเปิดเผยให้ประชาชนทราบว่าราคาการประมูลของบริษัทเป็นอย่างไร หากมีการชนะการประมูลโดยราคาที่แปลกประหลาด ก็ขอให้ประชาชนเป็นผู้ตรวจสอบ บริษัทมองว่าใครเสียผลประโยชน์และใครทำอะไรอยู่ ขอเพียงอย่างเดียวให้การประมูลอย่างถูกต้องและเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติมากที่สุด
 
“ส่วนกรณีที่บีทีเอสมีข้อพิพาทกับ รฟม.และจะเข้าร่วมการประมูลในครั้งต่อไปหรือไม่นั้นมองว่า รฟม.เป็นองค์กรของรัฐบาล ของประเทศชาติ บริษัทไม่กลัวว่าจะเป็นคู่ต่อสู้หรือทำให้เขาผิดใจหรือไม่ มาได้ก็ไปได้ ท่านก็อยู่ให้ค้ำฟ้าก็แล้วกัน ถ้าประชาชนคิดว่าสิ่งที่บริษัทขอเป็นเรื่องที่ถูกต้องในการประมูลให้เท่าเทียมกัน ก็ขอให้สนับสนุนบริษัทด้วย” 



'พิชัย' จวก 'บิ๊กตู่' ภัยคุกคาม ศก. ขาดความรู้รับมือศก.โลกที่ผันผวน ต้องถูกด่าถึงแก้ไข
https://www.matichon.co.th/economy/news_3485019
 
‘พิชัย’ จวก ‘บิ๊กตู่’ ภัยคุกคาม ศก.ที่แท้จริง ติง เป็นผู้นำขาดความรู้ที่จะรับมือศก.โลกที่ผันผวน ต้องถูกด่าถึงแก้ไข แนะ เร่งเปลี่ยนผู้นำก่อนศก.ไทยจะทรุดหนัก เชื่อ หาก “อาคม-สุพัฒนพงษ์” ออกจากรบ.ชุดนี้ไปก็จะตำหนิ เหมือน “สมคิด”
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 สิงหาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ ด้านเศรษฐกิจพรรค พท. แถลงกรณีภัยคุกคามทางเศรษฐกิจไทย ว่า ธนาคารกลางของสหรัฐประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน ทำให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐห่างกับอัตราดอกเบี้ยของไทยค่อนข้างมาก ซึ่งจะเป็นผลกระทบกดดันกับเศรษฐกิจไทยอย่างมาก นอกจากนี้ ผลการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐและความพยายามที่จะคุมเงินเฟ้อทำให้เศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสสองติดลบ 0.9% ซึ่งเป็นการติดลบเป็นไตรมาสที่สองติดต่อกันหลังจากไตรมาสแรกติดลบแล้ว 1.6% โดยทางเทคนิคแล้วเศรษฐกิจของสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว แต่สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐยังเข้มแข็งอยู่และต้องจับตาดูว่าเงินเฟ้อในสหรัฐจะลดลงไหม ถ้ายังไม่ลดก็มีโอกาสที่สหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ยอีก ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้จะช้าจะเร็วโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยก็เป็นไปได้มาก และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก อีกทั้งเศรษฐกิจจีนในไตรมาส 2 ก็ย่ำแย่ขยายตัวได้เพียง 0.4% เท่านั้น รวมถึงเศรษฐกิจอียูก็ยังแย่จากสงครามรัสเซียยูเครน ดังนั้น เศรษฐกิจสหรัฐ จีน และอียูที่ย่ำแย่จะส่งผลกระทบไปทั่วโลก และจะส่งผลถึงเศรษฐกิจไทยที่กำลังย่ำแย่อยู่แล้วด้วย
 
นายพิชัย กล่าวต่อว่า ขณะในเดือนสิงหาคมประเทศไทย ค่าก๊าซหุงต้มได้ขึ้นเป็น 393 บาท/ถัง 15 กก. ทั้งที่ ค่าการตลาดน้ำมันก็ได้ปรับลดลงตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรค พท. ได้ทักท้วงและจะขึ้นค่าไฟฟ้าถึงหน่วยละ 4.72 บาทในงวดเดือนกันยายน ซึ่งก็ยังสูงมาก และหากคณะทำงานเศรษฐกิจพรรค พท. ไม่ทักท้วงไว้ น่าจะขึ้นทะลุไปหน่วยละ 5 บาท หรือ 6 บาท แม้จะขึ้นน้อยลงในตอนนี้ แต่กำลังรอเวลาจะขึ้นราคาอีกครั้งในไม่ช้า ซึ่งจะเป็นการสร้างภาระให้ประชาชนและภาคธุรกิจอย่างมาก ทั้งนี้ พิสูจน์แล้วว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ถูกด่าก็ไม่ยอมแก้ไข
 
นายพิชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐจะกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องขึ้นดอกเบี้ยในไม่ช้านี้ ซึ่งจะเพิ่มภาระให้กับประชาชนอย่างมากทั้งค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน และหนี้สินต่างๆ รวมถึงหนี้ธุรกิจที่จะต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม ดังนั้น จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลและธปท. ได้พิจารณาอย่างรอบคอบในระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมเพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวต่อไ และเงินทุนไม่ไหลออก เพราะตั้งแต่ต้นปีเงินทุนสำรองลดลง 45,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงต่ำกว่า 220,000 ล้านเหรียญครั้งแรกในรอบ 3 ปี ค่าเงินบาทก็อ่อนค่าลง และถึงแม้ไทยจะส่งออกได้มาก 6 เดือนแรกขยายตัวได้ 12.7% แต่นำเข้าขยายตัวมากกว่า ทำให้ไทยขาดดุลการค้าอย่างมาก 6 เดือนที่ผ่านมาไทยขาดดุลการค้าแล้วกว่า 6.25 พันล้านเหรียญ ซึ่งหากการท่องเที่ยวไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่ควร ประเทศไทยจะเกิดการขาดดุลแฝดคือ ขาดดุลทางการคลัง และขาดดุลบัญชีเดินสะพัดพร้อมกัน ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายต่อเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ทั่วโลกและไทยเองจะต้องระวังอย่างมาก ข้อมูลของผู้ว่าการ ธปท. ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญและคำอธิบายหลายเรื่อง ของผู้ว่าการ ธปท. ก็ยังคลุมเครือ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่