JJNY : เพื่อไทยถามกกต.│แฉส่อฮั้วประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม│KKPเตือนรับมือค่าเงินผันผวน│ไทยจับกุมนักธุรกิจใกล้ชิด ‘มิน อ่อง ลาย’

เพื่อไทย ถามกกต. รมช.คมนาคม ลุยแจกถุงยังชีพ 24 ก.ย. ผิดกฎหมายหรือไม่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7278642
 
 
เพื่อไทย ถามกลับกกต. ปม “รมช.คมนาคม” แจกถุงยังชีพช่วยน้ำท่วมที่ อ.สีดา วันที่ 24 ก.ย. หวังผลหาเสียงล่วงหน้าหรือไม่ จี้ เร่งวินิจฉัย
 
เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2565 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งเตือนกรอบเวลา 180 วัน ก่อนครบอายุของสภาฯ วันที่ 23 มี.ค.66 ผู้สมัครและพรรคการเมืองต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ทำให้หลังวันที่ 24 ก.ย. ไม่สามารถแจกสิ่งของช่วยน้ำท่วมหรือโควิดได้ ว่า ในระหว่างที่ กกต.เตรียมจะออกประกาศหลักเกณฑ์ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้สมัครและพรรคการเมืองปฏิบัติตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ภายในกรอบเวลา 180 วัน สิ่งใดทำได้หรือไม่ได้บ้างในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น
มีส.ส.และว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ร้องเรียนเข้ามายังพรรค เพื่อให้ส่งเรื่องให้กกต.ตรวจสอบ กิจกรรมการลงพื้นที่แจกของน้ำท่วมและโควิดของบรรดารัฐมนตรีในรัฐบาลหลายกรณี เช่น กรณีของนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม มีข่าวว่าทางส่วนราชการส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ อ.สีดา 
จ.นครราชสีมา ได้ออกหนังสือสั่งการไปยังส่วนราชการต่างๆ ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวก เกณฑ์คนมาต้อนรับและแจกถุงยังชีพจำนวน 5,000 ชุดในวันที่ 24 ก.ย.
 
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ถ้าถุงยังชีพที่นำมาแจกนั้น จัดซื้อด้วยเงินส่วนตัวของรัฐมนตรีผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าเป็นถุงยังชีพจากเงินงบประมาณถือเป็นการทุจริตหรือไม่ การกระทำการดังกล่าวจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 ก.ย. สามารถกระทำการได้หรือไม่ เป็นการเอาเปรียบกันทางการเมืองอย่างชัดเจนหรือไม่ เพราะอ.สีดา แม้จะเคยมีน้ำท่วมก็มีเพียงตำบลเดียว และเกิดน้ำท่วมในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา แต่จะมีการนำของมาแจกในเดือนก.ย. และกระจายแจกทั้งอำเภอ ลักษณะการกระทำเช่นนี้ ถือเป็นการหวังผลหาเสียงล่วงหน้าหรือไม่ ผิดกฎหมายหรือไม่

“การเร่งแจกของในช่วงคาบลูกคาบดอก ระหว่างรอ กกต.เตรียมจะออกประกาศหลักเกณฑ์ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ภายในกรอบเวลา 180 วัน เจตนาบริสุทธ์หรือไม่ เป็นการหวังเอาเปรียบกันทางการเมืองหรือไม่ เชื่อว่าสังคมตัดสินได้ จึงขอให้กกต.เร่งดำเนินการวินิจฉัย” นายอนุสรณ์ กล่าว
 


“สุรเชษฐ์ – ก้าวไกล” แฉส่อฮั้วประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_414962/

“สุรเชษฐ์-ก้าวไกล” แฉส่อฮั้วประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม เตรียมเรียกหน่วยงานเกี่ยวข้องชี้แจง
 
นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการประมูลสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือรฟม. ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าผู้ชนะคือบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เนื่องจากคู่แข่ง ถูกกีดกันไม่ให้เข้าประมูล ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายของรัฐบาลกว่า 68,000 ล้านบาท
 
โดยนายสุรเชษฐ์ ระบุว่า ย้อนกลับไปในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มเมื่อปี63 รฟม. ภายใต้การกำกับดูแลของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกประกาศเชิญชวนได้มีเอกชนยื่นซองตาม ซึ่งมีบริษัทเอกชนที่ดำเนินกิจการเดินรถไฟฟ้า 2 เจ้าใหญ่ในประเทศไทย คือ BTS และ BEM เข้าร่วมประมูล แต่ที่ไม่ปกติก็คือ รฟม. มีการเปลี่ยนเกณฑ์การให้คะแนนระหว่างการพิจารณากลางอากาศ อย่างมีนัยสำคัญต่อการพลิกผลแพ้ชนะ และนำไปสู่การฟ้องร้องโดย BTS ต่อ รฟม. หลายคดี บางคดียังคงคาราคาซังอยู่ในศาล แต่ รฟม. กลับเร่งรีบวิธีเปิดประมูลใหม่รอบ 2 โดยที่คดีเดิมยังสรุปไม่ความชัดเจน
 
โดยนายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลเชิงลึกที่ได้มา หากไม่มีการเปลี่ยนเกณฑ์ระหว่างการประมูลในปี63 รอบแรก BTS จะเป็นผู้ชนะโดยรัฐอุดหนุนเพียง 9,675 ล้านบาทเท่านั้น แต่ด้วยเงื่อนไขการประมูลในปัจจุบัน กลายเป็นว่ารัฐจะต้องอุดหนุนเงินให้กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มแก่ BEM คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันสูงถึง 78,288 ล้านบาท นำไปสู่คำถามสำคัญ ว่าส่วนต่าง 68,613 ล้านบาทหายไปไหน และเหตุใดประชาชนต้องมาแบกความรับผิดชอบนี้
 
ทั้งนี้นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตัวเองในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ จะเชิญทั้ง BTS และ รฟม. มาชี้แจงในที่ประชุมอนุกรรมาธิการวันจันทร์ที่ 3 ส.ค.นี้
 

 
KKP เตือนรับมือค่าเงินผันผวน ดอกเบี้ยไทย-สหรัฐ กว้างมากขึ้น
https://www.prachachat.net/finance/news-1056480
 
ดร.พิพัฒน์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ KKP จับท่าที “เฟดเอาจริงสยบเงินเฟ้อ” จับตาสัปดาห์หน้า แบงก์ชาติตัดสินใจดอกเบี้ยนโยบายไทย ชี้หากยังปรับช้าส่วนต่างดอกเบี้ยจะยิ่งมากขึ้น เตือนรับมือความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยน
 
วันที่ 22 กันยายน 2565 ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) โพสต์เฟซบุ๊ก “Pipat Luengnaruemitchai” ระบุถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อีก 0.75% ว่า ไม่ผิดคาดเมื่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ขึ้นดอกเบี้ยไปอีก 0.75% ไปอยู่ที่ 3.0-3.25% สูงสุดตั้งแต่ปี 2008 แต่ความสนใจอยู่ที่การคาดการณ์ของดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และการว่างงานในอนาคต

โดย Dot plot หรือการคาดการณ์ของกรรมการ FOMC บอกว่า ดอกเบี้ยสิ้นปีนี้น่าจะไปอยู่ที่ 4.4% หรือขึ้นอีก 1.25% เหลือการประชุมอีกแค่สองครั้งปีนี้ แปลว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมครั้งต่อไป และยังไม่หยุด ปีหน้าอาจจะขึ้นไปถึง 4.6% ในปีหน้า ก่อนจะปรับลดลงไปปีถัดไป ซึ่งอาจจะแปลว่าการขึ้นดอกเบี้ยของ FOMC อาจจะทำให้เงินเฟ้อลงมาหรือไม่ก็เศรษฐกิจอาจจะชะลอจนต้องลดดอกเบี้ย
 
“ตามการคาดการณ์ของ FOMC เงินเฟ้อน่าจะค่อย ๆ ชะลอจาก 6.3% ตอนนี้เป็น 5.4% ปลายปี และไม่กลับไปเข้าเป้า 2% จนกระทั่งปี 2025 และระหว่างทางอาจจะทำให้เศรษฐกิจชะลอ อัตราการว่างงานอาจจะขึ้นไปถึง 4.4% จากประมาณ 3.7% ในปัจจุบัน”
  
โดยนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ไม่ยอมตอบว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะนำสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ แต่ยอมรับว่าโอกาสที่จะมี softlanding ลดน้อยลงไปทุกที แม้การขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้เศรษฐกิจชะลอ แต่ประธานเฟดบอกว่าเงินเฟ้อสูงจะสร้างต้นทุนที่สูงกว่าในระยะยาว
 
“นั่นแหละครับท่านผู้ชม เมื่อ Fed เอาจริงกับเงินเฟ้อ และประกาศจะสู้จนเงินเฟ้อลงให้ได้ ดอกเบี้ย 2 ปี ทะลุ 4% ไปไกล 10 ปี ขึ้นไป 3.53% แปลว่า yield curve inverted มากขึ้นไปอีก ซึ่งสะท้อนการคาดการณ์ recession (เศรษฐกิจถดถอย) ของตลาด”
 
ดร.พิพัฒน์ กล่าวว่า ส่วนด้านประเทศไทยนั้น สัปดาห์หน้า spotlight จะส่องกลับมาที่แบงก์ชาติไทย ที่จะมีการประชุมกัน

https://www.facebook.com/lpipat/posts/pfbid058xHHZfvjjLfm6QFiMGHrko6Ma1qf36LSamZMxedc3Rtqw5Ux4YivdN9bsJ9yCByl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่