เพื่อไทย ถามกกต. รมช.คมนาคม ลุยแจกถุงยังชีพ 24 ก.ย. ผิดกฎหมายหรือไม่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7278642
เพื่อไทย ถามกลับกกต. ปม “รมช.คมนาคม” แจกถุงยังชีพช่วยน้ำท่วมที่ อ.สีดา วันที่ 24 ก.ย. หวังผลหาเสียงล่วงหน้าหรือไม่ จี้ เร่งวินิจฉัย
เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2565 นาย
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งเตือนกรอบเวลา 180 วัน ก่อนครบอายุของสภาฯ วันที่ 23 มี.ค.66 ผู้สมัครและพรรคการเมืองต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ทำให้หลังวันที่ 24 ก.ย. ไม่สามารถแจกสิ่งของช่วยน้ำท่วมหรือโควิดได้ ว่า ในระหว่างที่ กกต.เตรียมจะออกประกาศหลักเกณฑ์ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้สมัครและพรรคการเมืองปฏิบัติตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ภายในกรอบเวลา 180 วัน สิ่งใดทำได้หรือไม่ได้บ้างในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น
มีส.ส.และว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ร้องเรียนเข้ามายังพรรค เพื่อให้ส่งเรื่องให้กกต.ตรวจสอบ กิจกรรมการลงพื้นที่แจกของน้ำท่วมและโควิดของบรรดารัฐมนตรีในรัฐบาลหลายกรณี เช่น กรณีของนาย
อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม มีข่าวว่าทางส่วนราชการส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ อ.สีดา
จ.นครราชสีมา ได้ออกหนังสือสั่งการไปยังส่วนราชการต่างๆ ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวก เกณฑ์คนมาต้อนรับและแจกถุงยังชีพจำนวน 5,000 ชุดในวันที่ 24 ก.ย.
นาย
อนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ถ้าถุงยังชีพที่นำมาแจกนั้น จัดซื้อด้วยเงินส่วนตัวของรัฐมนตรีผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าเป็นถุงยังชีพจากเงินงบประมาณถือเป็นการทุจริตหรือไม่ การกระทำการดังกล่าวจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 ก.ย. สามารถกระทำการได้หรือไม่ เป็นการเอาเปรียบกันทางการเมืองอย่างชัดเจนหรือไม่ เพราะอ.สีดา แม้จะเคยมีน้ำท่วมก็มีเพียงตำบลเดียว และเกิดน้ำท่วมในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา แต่จะมีการนำของมาแจกในเดือนก.ย. และกระจายแจกทั้งอำเภอ ลักษณะการกระทำเช่นนี้ ถือเป็นการหวังผลหาเสียงล่วงหน้าหรือไม่ ผิดกฎหมายหรือไม่
“การเร่งแจกของในช่วงคาบลูกคาบดอก ระหว่างรอ กกต.เตรียมจะออกประกาศหลักเกณฑ์ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ภายในกรอบเวลา 180 วัน เจตนาบริสุทธ์หรือไม่ เป็นการหวังเอาเปรียบกันทางการเมืองหรือไม่ เชื่อว่าสังคมตัดสินได้ จึงขอให้กกต.เร่งดำเนินการวินิจฉัย” นาย
อนุสรณ์ กล่าว
“สุรเชษฐ์ – ก้าวไกล” แฉส่อฮั้วประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_414962/
“สุรเชษฐ์-ก้าวไกล” แฉส่อฮั้วประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม เตรียมเรียกหน่วยงานเกี่ยวข้องชี้แจง
นาย
สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการประมูลสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือรฟม. ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าผู้ชนะคือบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เนื่องจากคู่แข่ง ถูกกีดกันไม่ให้เข้าประมูล ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายของรัฐบาลกว่า 68,000 ล้านบาท
โดยนาย
สุรเชษฐ์ ระบุว่า ย้อนกลับไปในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มเมื่อปี63 รฟม. ภายใต้การกำกับดูแลของนาย
ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกประกาศเชิญชวนได้มีเอกชนยื่นซองตาม ซึ่งมีบริษัทเอกชนที่ดำเนินกิจการเดินรถไฟฟ้า 2 เจ้าใหญ่ในประเทศไทย คือ BTS และ BEM เข้าร่วมประมูล แต่ที่ไม่ปกติก็คือ รฟม. มีการเปลี่ยนเกณฑ์การให้คะแนนระหว่างการพิจารณากลางอากาศ อย่างมีนัยสำคัญต่อการพลิกผลแพ้ชนะ และนำไปสู่การฟ้องร้องโดย BTS ต่อ รฟม. หลายคดี บางคดียังคงคาราคาซังอยู่ในศาล แต่ รฟม. กลับเร่งรีบวิธีเปิดประมูลใหม่รอบ 2 โดยที่คดีเดิมยังสรุปไม่ความชัดเจน
โดยนาย
สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลเชิงลึกที่ได้มา หากไม่มีการเปลี่ยนเกณฑ์ระหว่างการประมูลในปี63 รอบแรก BTS จะเป็นผู้ชนะโดยรัฐอุดหนุนเพียง 9,675 ล้านบาทเท่านั้น แต่ด้วยเงื่อนไขการประมูลในปัจจุบัน กลายเป็นว่ารัฐจะต้องอุดหนุนเงินให้กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มแก่ BEM คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันสูงถึง 78,288 ล้านบาท นำไปสู่คำถามสำคัญ ว่าส่วนต่าง 68,613 ล้านบาทหายไปไหน และเหตุใดประชาชนต้องมาแบกความรับผิดชอบนี้
ทั้งนี้นาย
สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตัวเองในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ จะเชิญทั้ง BTS และ รฟม. มาชี้แจงในที่ประชุมอนุกรรมาธิการวันจันทร์ที่ 3 ส.ค.นี้
KKP เตือนรับมือค่าเงินผันผวน ดอกเบี้ยไทย-สหรัฐ กว้างมากขึ้น
https://www.prachachat.net/finance/news-1056480
ดร.พิพัฒน์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ KKP จับท่าที “เฟดเอาจริงสยบเงินเฟ้อ” จับตาสัปดาห์หน้า แบงก์ชาติตัดสินใจดอกเบี้ยนโยบายไทย ชี้หากยังปรับช้าส่วนต่างดอกเบี้ยจะยิ่งมากขึ้น เตือนรับมือความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยน
วันที่ 22 กันยายน 2565 ดร.
พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) โพสต์เฟซบุ๊ก “
Pipat Luengnaruemitchai” ระบุถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อีก 0.75% ว่า ไม่ผิดคาดเมื่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ขึ้นดอกเบี้ยไปอีก 0.75% ไปอยู่ที่ 3.0-3.25% สูงสุดตั้งแต่ปี 2008 แต่ความสนใจอยู่ที่การคาดการณ์ของดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และการว่างงานในอนาคต
โดย Dot plot หรือการคาดการณ์ของกรรมการ FOMC บอกว่า ดอกเบี้ยสิ้นปีนี้น่าจะไปอยู่ที่ 4.4% หรือขึ้นอีก 1.25% เหลือการประชุมอีกแค่สองครั้งปีนี้ แปลว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมครั้งต่อไป และยังไม่หยุด ปีหน้าอาจจะขึ้นไปถึง 4.6% ในปีหน้า ก่อนจะปรับลดลงไปปีถัดไป ซึ่งอาจจะแปลว่าการขึ้นดอกเบี้ยของ FOMC อาจจะทำให้เงินเฟ้อลงมาหรือไม่ก็เศรษฐกิจอาจจะชะลอจนต้องลดดอกเบี้ย
“ตามการคาดการณ์ของ FOMC เงินเฟ้อน่าจะค่อย ๆ ชะลอจาก 6.3% ตอนนี้เป็น 5.4% ปลายปี และไม่กลับไปเข้าเป้า 2% จนกระทั่งปี 2025 และระหว่างทางอาจจะทำให้เศรษฐกิจชะลอ อัตราการว่างงานอาจจะขึ้นไปถึง 4.4% จากประมาณ 3.7% ในปัจจุบัน”
โดยนาย
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ไม่ยอมตอบว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะนำสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ แต่ยอมรับว่าโอกาสที่จะมี softlanding ลดน้อยลงไปทุกที แม้การขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้เศรษฐกิจชะลอ แต่ประธานเฟดบอกว่าเงินเฟ้อสูงจะสร้างต้นทุนที่สูงกว่าในระยะยาว
“นั่นแหละครับท่านผู้ชม เมื่อ Fed เอาจริงกับเงินเฟ้อ และประกาศจะสู้จนเงินเฟ้อลงให้ได้ ดอกเบี้ย 2 ปี ทะลุ 4% ไปไกล 10 ปี ขึ้นไป 3.53% แปลว่า yield curve inverted มากขึ้นไปอีก ซึ่งสะท้อนการคาดการณ์ recession (เศรษฐกิจถดถอย) ของตลาด”
ดร.
พิพัฒน์ กล่าวว่า ส่วนด้านประเทศไทยนั้น สัปดาห์หน้า spotlight จะส่องกลับมาที่แบงก์ชาติไทย ที่จะมีการประชุมกัน
https://www.facebook.com/lpipat/posts/pfbid058xHHZfvjjLfm6QFiMGHrko6Ma1qf36LSamZMxedc3Rtqw5Ux4YivdN9bsJ9yCByl
JJNY : เพื่อไทยถามกกต.│แฉส่อฮั้วประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม│KKPเตือนรับมือค่าเงินผันผวน│ไทยจับกุมนักธุรกิจใกล้ชิด ‘มิน อ่อง ลาย’
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7278642
เพื่อไทย ถามกลับกกต. ปม “รมช.คมนาคม” แจกถุงยังชีพช่วยน้ำท่วมที่ อ.สีดา วันที่ 24 ก.ย. หวังผลหาเสียงล่วงหน้าหรือไม่ จี้ เร่งวินิจฉัย
เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2565 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งเตือนกรอบเวลา 180 วัน ก่อนครบอายุของสภาฯ วันที่ 23 มี.ค.66 ผู้สมัครและพรรคการเมืองต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ทำให้หลังวันที่ 24 ก.ย. ไม่สามารถแจกสิ่งของช่วยน้ำท่วมหรือโควิดได้ ว่า ในระหว่างที่ กกต.เตรียมจะออกประกาศหลักเกณฑ์ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้สมัครและพรรคการเมืองปฏิบัติตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ภายในกรอบเวลา 180 วัน สิ่งใดทำได้หรือไม่ได้บ้างในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น
มีส.ส.และว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ร้องเรียนเข้ามายังพรรค เพื่อให้ส่งเรื่องให้กกต.ตรวจสอบ กิจกรรมการลงพื้นที่แจกของน้ำท่วมและโควิดของบรรดารัฐมนตรีในรัฐบาลหลายกรณี เช่น กรณีของนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม มีข่าวว่าทางส่วนราชการส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ อ.สีดา
จ.นครราชสีมา ได้ออกหนังสือสั่งการไปยังส่วนราชการต่างๆ ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวก เกณฑ์คนมาต้อนรับและแจกถุงยังชีพจำนวน 5,000 ชุดในวันที่ 24 ก.ย.
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ถ้าถุงยังชีพที่นำมาแจกนั้น จัดซื้อด้วยเงินส่วนตัวของรัฐมนตรีผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าเป็นถุงยังชีพจากเงินงบประมาณถือเป็นการทุจริตหรือไม่ การกระทำการดังกล่าวจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 ก.ย. สามารถกระทำการได้หรือไม่ เป็นการเอาเปรียบกันทางการเมืองอย่างชัดเจนหรือไม่ เพราะอ.สีดา แม้จะเคยมีน้ำท่วมก็มีเพียงตำบลเดียว และเกิดน้ำท่วมในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา แต่จะมีการนำของมาแจกในเดือนก.ย. และกระจายแจกทั้งอำเภอ ลักษณะการกระทำเช่นนี้ ถือเป็นการหวังผลหาเสียงล่วงหน้าหรือไม่ ผิดกฎหมายหรือไม่
“การเร่งแจกของในช่วงคาบลูกคาบดอก ระหว่างรอ กกต.เตรียมจะออกประกาศหลักเกณฑ์ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ภายในกรอบเวลา 180 วัน เจตนาบริสุทธ์หรือไม่ เป็นการหวังเอาเปรียบกันทางการเมืองหรือไม่ เชื่อว่าสังคมตัดสินได้ จึงขอให้กกต.เร่งดำเนินการวินิจฉัย” นายอนุสรณ์ กล่าว
“สุรเชษฐ์ – ก้าวไกล” แฉส่อฮั้วประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_414962/
“สุรเชษฐ์-ก้าวไกล” แฉส่อฮั้วประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม เตรียมเรียกหน่วยงานเกี่ยวข้องชี้แจง
นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการประมูลสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือรฟม. ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าผู้ชนะคือบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เนื่องจากคู่แข่ง ถูกกีดกันไม่ให้เข้าประมูล ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายของรัฐบาลกว่า 68,000 ล้านบาท
โดยนายสุรเชษฐ์ ระบุว่า ย้อนกลับไปในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มเมื่อปี63 รฟม. ภายใต้การกำกับดูแลของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ออกประกาศเชิญชวนได้มีเอกชนยื่นซองตาม ซึ่งมีบริษัทเอกชนที่ดำเนินกิจการเดินรถไฟฟ้า 2 เจ้าใหญ่ในประเทศไทย คือ BTS และ BEM เข้าร่วมประมูล แต่ที่ไม่ปกติก็คือ รฟม. มีการเปลี่ยนเกณฑ์การให้คะแนนระหว่างการพิจารณากลางอากาศ อย่างมีนัยสำคัญต่อการพลิกผลแพ้ชนะ และนำไปสู่การฟ้องร้องโดย BTS ต่อ รฟม. หลายคดี บางคดียังคงคาราคาซังอยู่ในศาล แต่ รฟม. กลับเร่งรีบวิธีเปิดประมูลใหม่รอบ 2 โดยที่คดีเดิมยังสรุปไม่ความชัดเจน
โดยนายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลเชิงลึกที่ได้มา หากไม่มีการเปลี่ยนเกณฑ์ระหว่างการประมูลในปี63 รอบแรก BTS จะเป็นผู้ชนะโดยรัฐอุดหนุนเพียง 9,675 ล้านบาทเท่านั้น แต่ด้วยเงื่อนไขการประมูลในปัจจุบัน กลายเป็นว่ารัฐจะต้องอุดหนุนเงินให้กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มแก่ BEM คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันสูงถึง 78,288 ล้านบาท นำไปสู่คำถามสำคัญ ว่าส่วนต่าง 68,613 ล้านบาทหายไปไหน และเหตุใดประชาชนต้องมาแบกความรับผิดชอบนี้
ทั้งนี้นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตัวเองในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ จะเชิญทั้ง BTS และ รฟม. มาชี้แจงในที่ประชุมอนุกรรมาธิการวันจันทร์ที่ 3 ส.ค.นี้
KKP เตือนรับมือค่าเงินผันผวน ดอกเบี้ยไทย-สหรัฐ กว้างมากขึ้น
https://www.prachachat.net/finance/news-1056480
ดร.พิพัฒน์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ KKP จับท่าที “เฟดเอาจริงสยบเงินเฟ้อ” จับตาสัปดาห์หน้า แบงก์ชาติตัดสินใจดอกเบี้ยนโยบายไทย ชี้หากยังปรับช้าส่วนต่างดอกเบี้ยจะยิ่งมากขึ้น เตือนรับมือความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยน
วันที่ 22 กันยายน 2565 ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) โพสต์เฟซบุ๊ก “Pipat Luengnaruemitchai” ระบุถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อีก 0.75% ว่า ไม่ผิดคาดเมื่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ขึ้นดอกเบี้ยไปอีก 0.75% ไปอยู่ที่ 3.0-3.25% สูงสุดตั้งแต่ปี 2008 แต่ความสนใจอยู่ที่การคาดการณ์ของดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และการว่างงานในอนาคต
โดย Dot plot หรือการคาดการณ์ของกรรมการ FOMC บอกว่า ดอกเบี้ยสิ้นปีนี้น่าจะไปอยู่ที่ 4.4% หรือขึ้นอีก 1.25% เหลือการประชุมอีกแค่สองครั้งปีนี้ แปลว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมครั้งต่อไป และยังไม่หยุด ปีหน้าอาจจะขึ้นไปถึง 4.6% ในปีหน้า ก่อนจะปรับลดลงไปปีถัดไป ซึ่งอาจจะแปลว่าการขึ้นดอกเบี้ยของ FOMC อาจจะทำให้เงินเฟ้อลงมาหรือไม่ก็เศรษฐกิจอาจจะชะลอจนต้องลดดอกเบี้ย
“ตามการคาดการณ์ของ FOMC เงินเฟ้อน่าจะค่อย ๆ ชะลอจาก 6.3% ตอนนี้เป็น 5.4% ปลายปี และไม่กลับไปเข้าเป้า 2% จนกระทั่งปี 2025 และระหว่างทางอาจจะทำให้เศรษฐกิจชะลอ อัตราการว่างงานอาจจะขึ้นไปถึง 4.4% จากประมาณ 3.7% ในปัจจุบัน”
โดยนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ไม่ยอมตอบว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะนำสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ แต่ยอมรับว่าโอกาสที่จะมี softlanding ลดน้อยลงไปทุกที แม้การขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้เศรษฐกิจชะลอ แต่ประธานเฟดบอกว่าเงินเฟ้อสูงจะสร้างต้นทุนที่สูงกว่าในระยะยาว
“นั่นแหละครับท่านผู้ชม เมื่อ Fed เอาจริงกับเงินเฟ้อ และประกาศจะสู้จนเงินเฟ้อลงให้ได้ ดอกเบี้ย 2 ปี ทะลุ 4% ไปไกล 10 ปี ขึ้นไป 3.53% แปลว่า yield curve inverted มากขึ้นไปอีก ซึ่งสะท้อนการคาดการณ์ recession (เศรษฐกิจถดถอย) ของตลาด”
ดร.พิพัฒน์ กล่าวว่า ส่วนด้านประเทศไทยนั้น สัปดาห์หน้า spotlight จะส่องกลับมาที่แบงก์ชาติไทย ที่จะมีการประชุมกัน
https://www.facebook.com/lpipat/posts/pfbid058xHHZfvjjLfm6QFiMGHrko6Ma1qf36LSamZMxedc3Rtqw5Ux4YivdN9bsJ9yCByl