JJNY : 5in1 หมอสุรวิทย์อัดสร้างภาพคุมโควิด│ปกรณ์วุฒิแฉศักดิ์สยาม│กลุ่ม16แฉสุชาติ│เอกชนช็อก!เมียนมา│ชัชชาติ จ่อออกระเบียบ

'หมอสุรวิทย์' อัด รัฐบาลสร้างภาพคุมโควิดได้ แต่ชาวบ้านเข้าไม่ถึงยาสำคัญ แฉแอสตร้าฯ ค้างสต็อกอื้อ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7169938
 
 
‘หมอสุรวิทย์’ อัด รัฐบาลสร้างภาพคุมโควิดได้ แต่ชาวบ้านเข้าไม่ถึงยาสำคัญ ฟาด ‘อนุทิน’ โวมียาเหลือเฟือ แฉแอสตร้าฯ ค้างสต็อกอื้อ
   
เวลา 14.15 น. วันที่ 19 ก.ค.65 นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงความล้มเหลวการแก้วิกฤตโควิด – 19  ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ว่ารัฐบาลพยายามสร้างภาพควบคุมโรคโควิด-19 ได้ แต่ขณะนี้มีโรงพยาบาลรัฐหลายแห่งปฏิเสธการรับผู้ป่วย และพยายามคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อให้เข้าสู่โรคประจำถิ่น บอกว่ามีผู้ติดเชื้อต่อวัน 3,000 คน แต่ความจริงติดเชื้อวันละไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นคน จนแพทย์หลายคนต้องเรียกร้องให้รัฐบาลบอกความจริงแก่ประชาชน
 
ขณะที่การรักษาก็มีปัญหา พอไปรพ.สต. มักได้ยาแก้ปวด แก้แพ้ ฟ้าทะลายโจร แต่ไม่ได้ยาโมลนูพิราเวียร์อ้างว่าหมด ในกลุ่มไลน์แพทย์ยืมยากันให้วุ่นไปหมด แต่พอไปถามรัฐมนตรีบอกว่า ยามีเหลือเฟือ มีความเหลื่อมล้ำการเข้าถึงยาโมลนูพิราเวียร์ ผู้หลักผู้ใหญ่เข้าถึงได้ง่ายได้เร็ว แต่ชาวบ้านเข้าไม่ถึง
ส่วนเรื่องการจัดซื้อวัคซีนโควิด–19 นั้น ขณะนี้มีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ค้างสต็อกอยู่ 30 ล้านโดส วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ที่รอวันหมดอายุ เพราะไม่สามารถป้องกันโควิด–19 สายพันธุ์โอมิครอนได้ แทนที่จะเลิกสั่งวัคซีนดังกล่าว แต่คณะรัฐมนตรี (ครม.) กลับแค่ลดจำนวนการสั่งซื้อ และซื้อมาเติมตลอดปี
 
ล่าสุดสั่งเพิ่มมาอีก 22 ล้านโดส รวมเป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 55 ล้านโดส คิดเป็นวงเงินกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท ที่จะเกิดความเสียหาย การบริหารโควิด–19 ของรัฐบาลล้มเหลว จากการประเมินสถานการณ์ผิดพลาด อาจมีการทุจริตร่วมด้วย จึงไม่สามารถไว้วางใจนายอนุทินได้
 


‘ปกรณ์วุฒิ’ แฉ ‘ศักดิ์สยาม’ ซุกหุ้น-ใช้ลูกจ้างเป็นนอมินี ฮั้วรับงานคมนาคมพันล้าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3462532
 
‘ปกรณ์วุฒิ’ แฉ ‘ศักดิ์สยาม’ ซุกหุ้น-ใช้ลูกจ้างเป็นนอมินี ฮั้วบริษัทตัวเองรับงาน ก.คมนาคม 
 
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 จำนวน 11 คน วันแรก

ต่อมา เวลา 16.40 น. นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่านายศักดิ์สยาม ปกปิดทรัพย์สินของตัวเองในส่วนที่เป็น ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น โดยใช้ลูกจ้างเป็นนอมินี และจงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายเพื่อให้ตนเองมีส่วนได้รับผลประโยชน์จากโครงการต่างๆ ของรัฐ โดย หจก.บุรีเจริญ ก่อตั้งในปี 2539 มีตระกูลชิดชอบ ถือหุ้น 80% และที่ตั้งสำนักงานก็คือบ้านของนายศักดิ์สยาม ในขณะนั้น เมื่อมีตำแหน่งทางการเมือง ก็ออกจากการเป็นผู้ถือหุ้น หจก. นี้ทั้งหมด และย้ายสำนักงานไปที่อื่น พอยุค คสช. นายศักดิ์สยาม ก็กลับมาเป็นผู้ถือหุ้นเกือบทั้งหมด ในปี 2558 โดยเพิ่มทุนเป็น 120 ล้านบาทและย้ายที่ตั้งสำนักงานมาที่บ้านหลังใหม่ของตัวเอง จนเมื่อปี 2561 ที่มีข่าวการเลือกตั้ง นายศักดิ์สยามโอนหุ้นทั้งหมดไปให้นอมินีในวันรุ่งขึ้นทันที และย้ายที่ตั้งสำนักงานบุรีเจริญออกจากบ้านของตัวเอง ก่อนรับตำแหน่งรัฐมนตรีเพียง 23 วัน
 
นายปกรณ์วุฒิ ตั้งคำถามต่อว่า นี่เป็นเพียงการเปลี่ยนชื่อคนถือหุ้นให้ลูกจ้างมาเป็นนอมินี หรือมีการซื้อขายหุ้นจริง เพราะไม่พบหลักฐานว่ามีการชำระเงินค่าหุ้นเลย หากมีการซื้อขายกันจริง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายต่ำกว่า สูงกว่าราคาทุนที่ 120 ล้านบาท นายศักดิ์สยาม หรือ ผู้ถือหุ้นคนใหม่ ก็จำเป็นต้องยื่นมูลค่าหุ้นส่วนเกินเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีหรือหากซื้อขายเท่าราคาทุน นายศักดิ์สยาม ก็ต้องระบุเงินที่ได้จากการขายหุ้นเป็นทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่ก็ไม่ปรากฏเงินก้อนนี้ในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่น ป.ป.ช. ในปี 2562
 
“ในปี 62 ท่านยื่นทรัพย์สินในการเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. ว่ามีทรัพย์สินอยู่ที่ 115 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน มีเงินสดบวกเงินฝากอยู่ประมาณ 76 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่นๆ เกือบทั้งหมดระบุว่าได้มาก่อนปี 61 แทบทั้งสิ้น คำถามคือ เงิน 120 ล้านบาทก้อนนี้หายไปไหน” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
 
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า นอกจากจะซุกหุ้นแล้ว นายศักดิ์สยาม ยังนำ หจก. บุรีเจริญ มาเป็นคู่สัญญากับรัฐ รับงานในกระทรวงคมนาคมที่ตัวเองเป็นรัฐมนตรี เป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท โดยหลายงานก็มีความผิดปกติ คือ ราคาที่ชนะประมูลต่ำกว่าราคากลางเฉลี่ยไม่ถึง 0.3% และมีคู่เทียบเพียงรายเดียว ซึ่งเป็นบริษัทที่บริจาคเงินให้พรรค ภท. 5 ล้านบาทในปี 2562 แบบนี้เอาไปให้ใครดูเขาก็ว่าฮั้ว ชัดขนาดนี้ เอาธุรกิจตัวเองเข้ามารับงานกระทรวงที่ตัวเองเป็นรัฐมนตรีก็ว่าผิดแล้ว ยังมีพฤติกรรมที่เป็นการฮั้วประมูลอย่างชัดเจน
 
นายปกรณ์วุฒิ ตั้งข้อสังเกตว่า นอมินีคนนี้แจ้งข้อมูลรายได้น้อยมากจนน่าสงสัย ทั้งที่เขาสามารถซื้อต่อที่ดินในพื้นที่พิพาทเขากระโดง ต่อจาก บิดาของนายศักดิ์สยาม และซื้อหุ้น หจก. บุรีเจริญ ทั้งหมดมาจากนายศักดิ์สยาม ได้ จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า คนนี้เป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการในธุรกิจ 4 แห่ง แต่มีสถานะทิ้งร้างไป 3 แห่ง ส่วนอีกแห่งที่เหลือไม่มีรายได้เลยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และข้อมูลจากประกันสังคมและกรมสรรพากรในช่วงปี 2558-2563 ยังพบว่า เขาแสดงรายได้เพียงปีละประมาณ 100,000 บาท หรือเดือนละ 9,000 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นเงินเดือนที่ได้รับจาก บริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) ธุรกิจครอบครัวของตระกูลชิดชอบ มาตั้งแต่ปี 2558 ไล่เลี่ยกับช่วงที่นายศักดิ์สยาม เป็นกรรมการบริษัท ศิลาชัย
 
นอกจากนี้ งบดุลของบริษัทศิลาชัยในปี 2561-2562 ยังระบุว่า ลูกจ้างคนนี้กลายมาเป็นเจ้าหนี้เงินกู้ระยะยาว 221.5 ล้านบาทของบริษัท จนปี 2564 สรุปสุดท้าย บริษัทนี้เป็นหนี้ลูกจ้างอยู่ 250.2 ล้านบาท และในขณะที่บริษัทศิลาชัยจะขาดทุนและติดหนี้ก้อนโตกับคนนี้ ในปี 2562 บริษัทศิลาชัยยังบริจาคให้พรรคภูมิใจไทยไป 4.7 ล้าน ก็บริจาคให้พรรคไปอีก 2.77 ล้านบาท พร้อมกับให้ หจก.บุรีเจริญ ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ บริจาคให้พรรคไป 4.8 ล้านบาท และในปี 2563-2564 ยังให้บริษัทศิลาชัย กู้เพิ่มอีก 100 กว่าล้านบาท โดยทั้งหมดเป็นการกู้เงินไม่มีสัญญา ไม่คิดดอกเบี้ยใดๆ
 
“ถ้าเราลองเปลี่ยนชื่อ พฤติการณ์นี้ทั้งหมดจาก นายเอ เป็น นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ และบริษัทศิลาชัยเป็นเหมือนกงสี ทุกอย่างก็ดูเรียบง่าย ตัวเลขกำไรขาดทุนก็อาจไม่สำคัญมากนัก ถึงบริษัทจะขาดทุนและเป็นหนี้อยู่เป็นร้อยล้าน แต่ก็เป็นหนี้คนในครอบครัว เอาเงินไปบริจาคให้พรรคการเมืองตัวเองก็เป็นเรื่องที่ไม่แปลกอะไร” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว



กลุ่ม16 แฉ 'สุชาติ' ดีลแลกโหวตผ่านซักฟอก เผย 'บิ๊กป๊อก' เครียด แต่ยังเมินเคลียร์
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7170321
 
“กลุ่ม 16” ยอมรับ “สุชาติ” ดีลขอโหวตไฟเขียว แลกพ้นซักฟอก ดึงราคาอ้างขอฟังอภิปรายก่อน เผย “บิ๊กป๊อก” เครียด แต่ยังเมินเคลียร์
   
เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2565 ที่รัฐสภา นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม ในฐานะกลุ่ม 16 กล่าวว่า ในระหว่างอภิปรายไม่ไว้วางใจวันนี้ (19 ก.ค.) ยอมรับว่าช่วงหนึ่งได้พบปะกับนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน หนึ่งในรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ และนายสุชาติได้เจรจาโน้มน้าวให้ไว้วางใจตัวนายสุชาติ แต่ตนขอรับฟังการอภิปรายของฝ่ายค้าน และการชี้แจงของรัฐมนตรีก่อน โดยกลุ่ม 16 จะมีการแถลงจุดยืนของกลุ่มวันต่อวัน และจะมีการโพสต์เฟซบุ๊กแจ้ง ว่าจะมีรัฐมนตรีกี่คนที่น่าเป็นห่วงในคะแนนอภิปรายไม่ไว้วางใจ
 
“การอภิปรายครั้งนี้จะเพ่งเล็งไปที่การชี้แจงของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เพราะได้รับฟังข้อมูลจากพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ยอมรับว่าค่อนข้างมีความหนักใจ และจะขอให้เป็นเอกสิทธิ์ ส.ส. ในการโหวต” นายพีระวิทย์ กล่าว
 
นายพีระวิทย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้การชี้แจงของนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เห็นว่าประเด็นเรื่องนโยบายกัญชานำมาสู่การจัดทำร่างกฎหมาย หากจะผิดก็มีความผิดร่วมกันทั้งสภาฯ ที่โหวตรับหลักการร่างกฎหมาย
 
ส่วนประเด็นของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ไม่ติดใจเรื่องการทำทางหลวง แต่ขอรอติดตามการชี้แจงการครอบครองที่ดินเขากระโดง ในจ.บุรีรัมย์ เรื่องเดียว นอกจากนี้ยังติดตามการชี้แจงของนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คาดการณ์ว่าจะถูกอภิปรายหนักจากฝ่ายค้าน
 
“ยืนยันว่าการโหวตของกลุ่ม 16 จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน สำหรับแนวทางการโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ขณะนี้พรรคเล็กที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลยังคงไว้วางใจนายกฯ แต่ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยได้ประสานให้รับฟังข้อมูลการอภิปราย และการชี้แจงของนายกฯ ก่อนโหวต รวมถึงนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมด้วย” นายพีระวิทย์ กล่าว
 
นายพีระวิทย์ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม การอภิปรายวันแรกคาดว่าอาจจะมีรัฐมนตรีบางคนที่เข้าข่ายจะถูกโหวตไม่ไว้วางใจ โดยยกประเด็นการบริหารการเคหะฯ ในกำกับดูแลของนายจุติ ที่พรรคก้าวไกลจะอภิปราย ส่วนในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) คาดว่าน่าจะตื่นเต้น เพราะมีคิวอภิปราย พล.อ.อนุพงษ์ ซึ่งตนทราบว่าขณะนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เครียด ขณะที่เลขาฯ วิปรัฐบาล พยายามพา พล.อ.อนุพงษ์ เข้าไปห้องอาหาร แต่ไม่ได้รับเสียงตอบรับ เพื่อพยายามวัดกระแสกดดัน เพราะมีกระแสข่าวว่าขัดแย้งกับ ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐ



เอกชนช็อก!เมียนมาสั่งระงับจ่ายหนี้คู่ค้า ยกหูถามให้วุ่น กลุ่มของกิน-ใช้-ก่อสร้างอ่วมสุด
https://www.dailynews.co.th/news/1267093/
 
เอกชนรับตกใจ! หลังธนาคารกลางเมียนมา สั่งระงับจ่ายหนี้คู่ค้าชั่วคราว ยกหูถามสถานการณ์ให้วุ่น ชี้กลุ่มอุปโภคบริโภค-ก่อสร้างอ่วมสุด พร้อมสั่ง 45 กลุ่มอุตฯ เช็กผลกระทบด่วน
 
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีธนาคารกลาง เมียนมา มีคำสั่งให้บริษัทต่างๆ รวมทั้งบุคคลทั่วไปที่มีเงินกู้ต่างประเทศ ระงับการชำระคืนหนี้ต่างประเทศชั่วคราว เพื่อต้องการรักษาทุนสำรองระหว่างประเทศ หลังจากค่าเงินจ๊าดของเมียนมาเทียบกับดอลลาร์อ่อนค่าลงมากว่า 1 ใน 3 เทียบกับปีก่อนว่า ภาคเอกชนรู้สึกตกใจกับคำสั่งดังกล่าวของธนาคารกลางเมียนมา เนื่องจากเมียนมา ถือเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย ภาพรวมการค้าระหว่างไทย-เมียนมา ตั้งแต่เดือน ม.ค.-เม.ย. 65 เพิ่มขึ้นถึง 37.88% ทำให้ภาคเอกชนหลายรายที่มีการทำการค้ากับเมียนมา ได้โทรศัพท์สอบถามไปยังคู่ค้าว่า สถานการณ์เป็นอย่างไร จะทำการค้าจ่ายเงินกันอย่างไร และการสั่งสินค้าใหม่ จะทำกันอย่างไร
 
นอกจากนี้ได้ให้ 45 กลุ่มอุตสาหกรรมของ ส.อ.ท. ติดตามผลกระทบอย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมกันประเมินสถานการณ์ต่อไป เบื้องต้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ เช่น อุตสาหกรรมกลุ่มอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรมการก่อสร้าง ที่ทำการค้ากับเมียนมาเป็นจำนวนมาก ขณะที่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่