JJNY : ณัฐพงษ์ไม่หวั่นอิทธิพล│“เท้ง”โวยชิ่งตอบกระทู้│บัตรเครดิตท้าทาย ศก.ไม่ฟื้น│ผู้ต้องหาคดีตั้งโรงพักจีน รับสารภาพแล้ว

ณัฐพงษ์ ไม่หวั่นอิทธิพล ส่งชิงนายกอบจ.ปราจีน ยันหาเสียงตรงไปตรงมา ไม่ทำการเมืองแนวเดิมๆ 
https://www.matichon.co.th/politics/news_4961672
 
 
ณัฐพงษ์ ไม่หวั่นอิทธิพล ส่งชิงนายกอบจ.ปราจีน ยันหาเสียงตรงไปตรงมา ไม่ทำการเมืองแนวเดิมๆ 
 
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณี ที่พรรคประชาชนได้เปิดรายชื่อว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ปราจีนบุรี โดยระบุถึงความกังวลเรื่องอิทธิพลในพื้นที่ว่า พรรคประชาชนส่งผู้สมัคร นายจำรูญ สวยดี พร้อมแข่งในเวทีสนามท้องถิ่น พรรคประชาชนยืนยันในการทำท้องถิ่นอย่างตรงไปตรงมา ให้อบจ. รับใช้ประชาชน การทำงานการเมืองแบบเดิมๆไม่ใช่แนวทางของพรรคเราอยู่แล้ว จึงไม่ได้มีความกังวลในส่วนนี้

ส่วนกังวลกับคดีความรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดปราจีนบุรีหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ยืนยันว่า ผู้สมัครของพรรค และทีมงานของพรรคประชาชน มีกำลังใจดี เราเชื่อในการหาเสียงอย่างตรงไปตรงมา ไม่พาดพิง นำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน แต่เรื่องของการมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับกลุ่มอำนาจเดิม หรือกลุ่มการเมืองเดิมๆ ในพื้นที่ เราไม่มีประเด็นเหล่านี้แน่นอน จะไม่มีข้อกังวลใดๆ เกี่ยวกับคดีของอิทธิพลที่เกิดขึ้นในพื้นที่
 
ผมไม่ได้มองว่าพื้นที่ปราจีนบุรีจะน่ากลัวกว่าที่อื่น และคงจะดำเนินการหาเสียงตามแนวทางของพรรคประชาชนต่อไป” นายณัฐพงษ์กล่าว

สำหรับแคมเปญแตกต่างของพรรคประชาชนในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งนั้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงเลือกตั้ง พรรคก็จะมีการตั้งเวทีปราศรัยใหญ่ มีแกนนำของพรรคลงพื้นที่พบปะประชนชนมากขึ้น ตนเองก็มีแคมเปญเท้งทั่วไทยอยู่ ก็จะใช้พื้นที่เหล่านี้ในการหาเสียงกับพี่น้องประชาชน



“เท้ง” โวยนายกฯชิ่งตอบกระทู้ถามสด มอบ “รมต.” ตอบแทนแต่ไม่มีใครมา ฉะไม่ให้ความสำคัญสภา
https://siamrath.co.th/n/588610

วันที่ 19 ธ.ค.2567 เวลา 12.00 น.ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 3 สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 2 ซึ่งมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ซึ่งนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน ถามถึงการช่วย 4 ลูกเรือชาวประมงไทย ซึ่งถูกทหารเมียนมาจับ โดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นผู้ชี้แจง แต่ ติดภารกิจ จึงให้เลื่อนกระทู้ดังกล่าวออกไป
 
ต่อมานายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา เรื่องการยกเลิกสัมปทานไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ถามนายกฯ นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นผู้ตอบแทน แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมีภารกิจสำคัญ จึงขอเลื่อนการตอบกระทู้ถาม
 
โดยนายณัฐพงษ์ แสดงความไม่พอใจ ก่อนจะกล่าวถึงเหตุผลที่จะต้องถามกระทู้สด สืบเนื่องจากวันที่ 24 ต.ค.ในสมัยการประชุมครั้งที่แล้ว ตนมีการตั้งกระทู้ถามสดถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีใช้วิธีการมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมาตอบชี้แจงไปแล้ว และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ตอบว่า จะรับไปดำเนินการต่อ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก็รักษาคำพูด โดยทำหนังสือไปถึงคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เรื่องการรับซื้อพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 3600 เมกะวัตต์ เพื่อป้องกันไม่ให้คนไทยมีค่าไฟแพงขึ้นในอนาคต
 
ไม่ใช่ความผิดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานที่ไม่มาตอบ แต่เป็นการขาดความรับผิดชอบต่อสภาของนายกรัฐมนตรีที่ไม่มาตอบ เพราะเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีปัดความรับผิดชอบไม่ได้แล้ว เราจะยตุเรื่องนี้ได้ต้องเป็นมติของ กกพ. ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานอย่างเดียวเท่านั้น” นายณัฐพงษ์ กล่าว
 
นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า ไม่ควรอภิปรายถึงเนื้อหาของกระทู้ พร้อมขอให้รอตั้งคำถามใหม่อีกครั้งในสัปดาห์หน้า ประธานสภาฯ จึงกล่าวว่า ตนอนุญาตให้นายณัฐพงษ์พูดได้เล็กน้อย แต่ไม่เข้าเรื่องกระทู้ อยากให้อยู่ในกรอบ ไม่เช่นนั้นจะเกิดการประท้วงขึ้นอีก
 
ทำให้นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ขอหารือถึงกรอบแนวทางการพิจารณากระทู้สดในวันนี้ กรณีที่รัฐมนตรีไม่ได้มาตอบ ว่า กลไกกระทู้สด ไม่ได้มีเรื่องฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลเท่าไหร่ แต่เป็นหน้าที่ของสภา และ สส.ในการตรวจสอบถ่วงดุลกับฝ่ายบริหาร ที่ผ่านมาแนวทางและบรรทัดฐานเรื่องนี้ การให้โอกาสผู้ถามได้ชี้แจงเรื่องจำเป็นเร่งด่วน ก็ได้รับการอนุญาตทุกครั้ง เนื่องจากหากไม่ลงในรายละเอียดเลย คงเป็นไปไม่ได้ เพราะต้องอธิบายให้ทราบถึงความจำเป็นเร่งด่วน และเกี่ยวข้องกับประชาชนอย่างไร ทั้งนี้ หวังว่าสมาชิกทุกท่านจะเคารพในกลไกและความเห็นของผู้ตั้งกระทู้
 
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากมีมติจาก กกพ.แล้ว ในการรับซื้อพลังงานหมุนเวียน 3,600 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกรอบระยะดำเนินการ ภายใน 14 วัน
หมายความว่าภายในวันที่ 30 ธันวาคมนี้ หากนายกรัฐมนตรีผู้มีอำนาจเต็มในการหยุดยั้งเรื่องนี้ ไม่ดำเนินการ เราจะกลับมาแก้ไขไม่ได้อีก เพราะตามระเบียบการรับซื้อไฟฟ้า รัฐบาลมีอำนาจในการยกเลิก ตราบใดที่ยังไม่เซ็นสัญญา จึงเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องถามในวันนี้ เพราะเราอยากได้คำตอบว่า ท่านจะปล่อยให้กระบวนการที่สืบทอดมาจากรัฐบาลชุดก่อนๆ เอื้อให้กลุ่มธุรกิจพลังงานได้เงินเข้ากระเป๋า แต่คนไทยต้องรับผิดชอบค่าไฟฟ้ากันเองหรือ เหตุใดนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจในการหยุดยั้ง กลับไม่มาตอบกระทู้ถามสด และไม่หยุดยั้งเรื่องนี้ เพราะนโยบายการลดค่าไฟแพงเกินจริง หรือค่าผ่านท่อ ที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงผลงาน 90 วันรัฐบาล ซึ่งจะทำให้คนไทยสามารถจ่ายค่าไฟถูกลงได้ 30 สตางค์ต่อหน่วยด้วย ว่าหากนายกรัฐมนตรีมีความจริงใจในการดำเนินการ ก็ควรชี้แจง และจริงใจที่จะมาตอบกระทู้ถามสดในสภา
 
จากนั้น เวลา 12.55 น. นายณัฐพงศ์ได้ลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในเรื่องข้างต้น โดยมองว่า นายกรัฐมนตรี ควรแสดงความรับผิดรับผิดชอบ ว่ามีแนวทาง หรือทิศทางลดค่าไฟฟ้าของรัฐบาลอย่างไร
 
เมื่อถามว่าในอนาคตจะมีการตั้งกระทู้ถามเรื่องนี้อีกหรือไม่ หรือจะใช้กลไกอื่น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ตนคิดว่ากรอบระยะเวลาการตั้งกระทู้ถามสดในสัปดาห์หน้า ยังมีความเป็นไปได้อยู่ หากนายกรัฐมนตรีเดินหน้าการยุติได้ก่อน ขณะเดียวกัน ตนก็พร้อมจะตั้งกระทู้ถามอีกครั้งหนึ่งในสัปดาห์หน้า และนายกรัฐมนตรี ควรจัดการเวลา ล็อกคิวมาตอบในวันพฤหัสบดีได้ เพื่อชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลทั่วกัน เพราะนอกจากเรื่องนี้ ยังมีเรื่องค่าผ่านท่อ ซึ่งจะทำให้ลดค่าไฟฟ้าได้เช่นเดียวกัน รวมถึงการ การฝากเช่าโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่มากเกินความจำเป็น ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะที่เป็นประธาน กกพ. ควรชี้แจงว่า มีแนวทางการแก้ปัญหาอย่างไร
 
ส่วนการที่พรรคประชาชนถูกเลื่อนตอบทั้ง 2 กระทู้ในวันนี้ สะท้อนอะไรนั้น หากได้ฟังการชี้แจงจากนายปกรณ์วุฒิ เราได้มีการประสานล่วงหน้าไปแล้ว อย่างน้อย 2-3 วัน และมี สอบถามรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้วยว่า มีคิวว่างหรือไม่ แต่กระทู้ถามทั้ง 2 กระทู้กลับไม่มีผู้ชี้แจงเลย และก่อนหน้านั้น นายกรัฐมนตรีก็เลี่ยงการตอบกระทู้สดในสภาด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้น ตนจึงคิดว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการติดภารกิจเร่งด่วน แต่เป็นการไม่ให้ความสำคัญต่อสภา เนื่องจากสามารถล็อกคิวตารางงานล่วงหน้าได้
 

 
ธุรกิจบัตรเครดิตปี 68 ท้าทาย เศรษฐกิจไม่ฟื้น มุ่งปรับกลยุทธ์ระวังปล่อยกู้
https://www.dailynews.co.th/news/4204015/
 
ธุรกิจบัตรเครดิตปี 68 เจอความท้าทาย เศรษฐกิจแย่ ฟื้นไม่ดีเท่าที่ควร มาตรการช่วยลูกค้า-ภาครัฐ กระทบกำไรเล็กน้อย มุ่งปรับกลยุทธ์ระวังปล่อยสินเชื่อ
 
วันที่ 19 ธ.ค. นายอธิศ รุจิรวัฒน์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ปีนี้ภาพรวมธุรกิจบัตรเครดิต ค่อนข้างท้าทาย เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีการปรับการชำระรายเดือนจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตจาก 5% เป็น 8% ส่งผลกระทบต่อยอดสินเชื่อและทำให้หนี้ด้อยคุณภาพ (เอ็นพีแอล) บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นพอสมควร ขณะที่สภาพเศรษฐกิจปีนี้ยังไม่ฟื้นอย่างที่คาดหวังไว้ ส่งผลให้หลายอย่างท้าทาย โดยยอดใช้จ่ายผ่านบัตรในตลาดเติบโต 4% แต่ยอดหนี้คงค้างในตลาดติดลบ 2% และยอดบัญชีใหม่ติดลบ 1%

ขณะที่ในปี 68 ธุรกิจบัตรเครดิต เป็นปีที่ท้าทายอีกเช่นกัน จากทั้งสภาพเศรษฐกิจค่อนข้างไม่ค่อยดีเท่าที่คาดหวัง และยังไม่เห็นว่าจะดีขึ้น รวมทั้งการช่วยลูกค้าในปี 68 ที่มีการคืนดอกเบี้ยให้ลูกค้า เพื่อช่วยเหลือลูกค้าในครึ่งปีแรกลดดอกเบี้ยให้ 0.5% และครึ่งปีหลัง 0.25% ซึ่งกระทบผลกำไรของบริษัทน้อยลง และมีอีกหลายเรื่องจากภาครัฐในมิติให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ และลดหนี้ครัวเรือน โดยได้รับผลกระทบเล็กน้อย ต้องปรับกลยุทธ์พอสมควร ต้องระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
 
ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อต้องเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ เช่น สภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า, มาตรการจากภาครัฐ เช่น การปรับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ โดยให้เครดิตเงินคืนสำหรับลูกหนี้ที่ผ่อนชำระหนี้ขั้นต่ำมากกว่าหรือเท่ากับ 8% เพื่อจูงใจให้ลูกหนี้ปิดจบหนี้เร็วขึ้น, รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเป็นผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัว สำหรับกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ในปีหน้าเราจะยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตและสินเชื่อให้ตรงใจลูกค้าแต่ละกลุ่มยิ่งขึ้น เช่น การปรับโฉมบัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวันใหม่ ภายในปีหน้า และการปรับสิทธิประโยชน์หลักของบัตรเครดิตในกลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น

นายอธิศ กล่าวว่า ผลประกอบการของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ต.ค. 67 เติบโตเป็นอย่างดี โดยมียอดบัญชีลูกค้าใหม่ 496,000 บัญชี เติบโต 6%, ยอดใช้จ่ายผ่านบัตร 317,000 ล้านบาท เติบโต 8%, ยอดสินเชื่อใหม่ 78,000 ล้านบาท เติบโต 4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยอดสินเชื่อคงค้าง 139,000 ล้านบาท
 
ทั้งนี้ คาดว่าช่วงปลายปีนี้ ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรและสินเชื่อจะเติบโตได้ดีจากการท่องเที่ยว การจับจ่ายในช่วงเทศกาล รวมถึงการซื้อกองทุนและประกันภัย โดยคาดว่าภายในปี 67 จะมียอดบัญชีลูกค้าใหม่ 600,000 บัญชี เติบโต 7%, ยอดใช้จ่ายผ่านบัตร 393,000 ล้านบาท เติบโต 8%, ยอดสินเชื่อใหม่ 96,000 ล้านบาท เติบโต 5% และยอดสินเชื่อคงค้าง 150,000 ล้านบาท เติบโต 1%.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่