JJNY : ปกรณ์วุฒิย้อนณัฐวุฒิถาม พท.│ฝ่ายค้านวัดใจอิ๊งค์│ลำตะคองโคราช จ่อวิกฤต│สั่งสอบตัวอย่างไวรัสอันตราย 300 ตัวอย่างหาย

ปกรณ์วุฒิ ย้อน ณัฐวุฒิ ถาม เพื่อไทย หากต้านรัฐประหาร ยาก แล้ว หาเสียงไว้ทำไม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4947917

“ปกรณ์วุฒิ” ย้อน “ณัฐวุฒิ” ถาม “เพื่อไทย” หากต้าน “รัฐประหาร” ยาก แล้วหาเสียงไว้ทำไม หรือมีอำนาจพรรคอื่นกดไว้ ก็ให้บอกมาตรงๆ โวถ้า“อดีตก้าวไกล ไม่เริ่มก็ไม่มีพรรคไหนขยับ เห็นด้วยร่าง “ประยุทธ์” ใกล้เคียง “ปชน.” เข้าสภาฯเมื่อไหร่โหวตเห็นชอบแน่ ปลุกเพื่อนนักการเมือง ให้ดูก่อน สร้างกลไกกันปฏิวัติไว้ไม่เสียหาย ยก “เกาหลีใต้” ให้สภามีอำนาจคานได้
 
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะรักษาการประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนของฝ่านค้านต่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอ ว่า จริงๆ แล้ว จุดเริ่มต้นมาจากชุดกฎหมายชุดแรก ที่พรรคก้าวไกลได้ยื่นไปตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2566 เพียงแต่เพิ่งได้เข้ามาในคิวของสภา เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ขอนำกลับไปพิจารณาภายใน 60 วัน แล้วคืนกลับมาที่สภา ก่อนปิดสมัยประชุมพอดี จากนั้นถึงได้มีการเคลื่อนไหวของรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยที่จะยื่นเข้ามาประกบเอง
 
นายปกรณ์วุฒิกล่าวต่อว่า ต้องพูดตามตรงว่า ถ้าพรรคก้าวไกลไม่ยื่นเข้าไปในตอนนั้น และไม่ได้เข้าคิวสภา ก็อาจจะไม่มีพรรคไหนที่จะเริ่มเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยตัวเองเลย ซึ่งเราเป็นคนยื่นเอง ดังนั้นเราจึงเห็นด้วยกับเนื้อหาร่างการแก้นี้อยู่แล้ว และร่างของนายประยุทธ์ถือว่าใช้ได้ และค่อนข้างใกล้เคียง แตกต่างเพียงรายละเอียด ซึ่งตนมองว่าเป็นจุดประสงค์หลักของการรับร่างวาระหนึ่ง และเข้าไปพูดคุยกันในกรรมาธิการ
  
ขอย้ำว่าพรรคประชาชนเห็นด้วยกับร่างของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว อีกทั้งผมเห็นว่า ร่างนี้อาจจะถูกบิดไปแล้ว ไม่ใช่การป้องกันการรัฐประหารโดยตรงขนาดนั้น แต่คือการทำให้กองทัพอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ซึ่งผมคิดว่าไม่มีแค่พรรคก้าวไกลเพียงพรรคเดียวที่หาเสียงไว้ เพราะพรรคเพื่อไทยก็หาเสียงเรื่องนี้ไว้ว่าการปฏิรูปหรือปรับเปลี่ยนให้กองทัพอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าพรรคเพื่อไทยยังมีจุดยืนเช่นนั้นอยู่หรือไม่” นายปกรณ์วุฒิกล่าว
 
นายปกรณ์วุฒิกล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่าโอกาสสำเร็จยาก และอาจจะไม่ได้จำเป็นหรือแก้ได้จริงนั้น ตนมองว่า หากไม่สามารถแก้ได้จริงแล้วพรรคเพื่อไทยจะหาเสียงเรื่องนี้ไว้ทำไม รวมถึงที่บอกว่าสำเร็จยากนั้น นายณัฐวุฒิประเมินจากอะไร เพราะสภามี 500 คน ซึ่งพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชนที่ยื่นร่างนี้ไปแล้ว เสียงของทั้ง 2 พรรคก็ผ่านแน่นอน หรือที่ประเมินว่าผ่านได้ยากนั้น เพราะมีอำนาจอื่นๆ หรือพรรคอื่นๆ คอยกดพรรคเพื่อไทยอยู่ ก็บอกมาตามตรง
 
เมื่อถามว่า หมายความว่าพรรคเพื่อไทยเกรงใจพรรคร่วมอื่นหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ต้องย้อนกลับไปในการเลือกตั้ง ที่เราอยากได้เสียงจากประชาชน และเราก็หาเสียงโดยการนำนโยบายไปเสนอกับประชาชนว่า ถ้าได้รับเลือกเข้ามา เราจะทำอะไรบ้าง หากย้อนกลับไปดูตัวเองว่าตอนนั้นหาเสียงอะไรไว้ ก็คงจะตัดสินใจได้ไม่ยาก ว่าจะทำเรื่องนี้ในสภาอย่างไร จะถอนหรือไม่ถอน และจะลงมติเห็นชอบหรือไม่ ก็ต้องลองไปพิจารณาดู หากคิดว่าจะทำไปตามแนวทางพรรคร่วมรัฐบาลที่มีเสียงน้อยกว่าพรรคเพื่อไทยครึ่งหนึ่ง ก็ลองดูว่า ประชาชนจะตัดสินอย่างไรในเลือกตั้งครั้งหน้า หากเอาคำพูดในวันนี้ไปเปรียบเทียบกับเวทีปราศรัยหาเสียงก็จะรู้ว่ามันไม่สอดคล้องกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคเพื่อไทยถอนร่างดังกล่าว พรรคประชาชนจะแก้เกมอย่างไร นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า อย่างไรวาระนี้ก็ต้องเข้าสู่สภาอยู่แล้ว เพราะเป็นร่างที่ยื่นตั้งแต่พรรคก้าวไกล และจะถูกบรรจุเป็นเรื่องด่วนในสภาอยู่แล้ว ซึ่งในวันที่ 18 ธันวาคม หากไม่มีกฎหมายใดที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว หรือมีไม่มาก เรื่องนี้ก็จะอยู่ในเรื่องด่วน และเป็นไปได้ว่าจะเข้าที่ประชุมสภาในสัปดาห์หน้า และเราก็โหวตรับหลักการอยู่แล้ว

แต่ก่อนที่จะเข้าสภาเราก็คงต้องสื่อสารประเด็นที่เราอยากจะแก้ให้ทหารอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือนอย่างชัดเจนมากขึ้น และการป้องกันการรัฐประหารอาจจะไม่ถึงขนาดนั้น แต่สามารถไปแก้ที่จุดอื่นได้ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปกองทัพตามที่หลายพรรคการเมืองได้หาเสียงไว้มากกว่า
 
นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ส่วนเหตุผลที่หลายพรรคออกมาค้านร่างกฎหมายดังกล่าว ทั้งๆ ที่เป็นประโยชน์กับนักการเมืองนั้น การที่หลายพรรคออกมาบอกว่า ร่างกฎหมายนี้ต้านไม่ได้ หากเขาจะทำรัฐประหาร เขาก็ฉีกรัฐธรรมนูญ แต่ตนมองว่าการแก้ สามารถลองดูก่อนได้ ซึ่งการแก้เพื่อมีช่องทางในการป้องกันเอาไว้ ก็ไม่ได้มีใครเสีย หากใช้ไม่ได้ผลก็ไม่ได้ผล แต่ถึงเวลานั้นก็อาจจะได้ผลก็ได้ เพราะหากเกิดขึ้นจริง เราก็ไม่สามารถต้านได้อยู่แล้ว หากลองก็เผื่อจะได้ผล และคงไม่มีนักการเมืองพรรคการเมืองใดออกมาบอกว่าเห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร ไม่เช่นนั้นคงไม่มาตั้งพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นเราพิสูจน์ได้โดยการลองสร้างกลไกบางอย่างให้อำนาจของประชาชนสามารถต่อต้านอำนาจนอกระบบของระบอบประชาธิปไตยได้ เช่น ประเทศเกาหลีใต้ ที่มีกลไกให้รัฐสภาทำงาน

ถ้าเราลองสร้างกลไกเอาไว้ มันได้ผลหรือไม่ได้ผลไม่รู้ แต่มันมีกลไกที่ถ้าทำสำเร็จ มันอาจจะต่อต้านอำนาจนอกระบบได้สำเร็จก็ได้“ นายปกรณ์วุฒิกล่าว
 


ฝ่ายค้าน วัดใจนายกฯอิ๊งค์ ยันถามกระทู้สดแน่ ข้องใจทำไมแถลงผลงานวันเดียวกัน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9543545

ปธ.วิปค้าน ลั่น ‘หัวหน้าเท้ง’ ถามกระทู้สด นายกฯแน่นอน ชี้มีหลายเรื่องสังคมสงสัย ข้องใจทำไมต้องแถลงผลงานวันเดียวกัน ทั้งที่รู้ล่วงหน้าแล้ว เหน็บ ‘อิ๊งค์’ ถ้าเห็นความสำคัญของสภาฯ ที่เลือกมา สะดวกตอบสัปดาห์ไหน ก็พร้อมเสมอ ขู่ สมัยประชุมนี้โดนซักฟอกแน่
 
เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.2567 ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานหลังเปิดสมัยประชุมสภาฯ วันที่ 12 ธ.ค. ว่า ที่ประชุมวิปฝ่ายค้านจะมีการคุยถึงภาพรวมในการทำงานในสมัยประชุมนี้ รวมทั้งเรื่องโควตาต่างๆ ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เช่น กระทู้สด
 
การประชุมวันที่ 12 ธ.ค. ถือเป็นการถามกระทู้สดวันแรกของสมัยประชุม กระทู้ที่จะถามมีหลายประเด็นที่สังคมสนใจ และรัฐบาลได้ขับเคลื่อนสื่อสารในช่วงปิดสมัยประชุม ดังนั้น ฝ่ายค้านได้เตรียมกระทู้สดที่จะถามนายกฯไว้แล้ว โดยให้นายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ เป็นผู้ถาม แม้จะมีหลายเรื่องแต่เราเลือกเรื่องที่สำคัญที่สุดและสังคมจับตามองมาถาม

เราทราบดีว่า ในวันที่ 12 ธ.ค. นายกฯ จะแถลงผลงาน ซึ่งตรงกับวันเปิดสมัยประชุมพอดี แต่เราได้แจ้งไปแล้วว่า ที่ผ่านมาเคยมีทำมาก่อนแล้ว มีรัฐมนตรีที่ติดภารกิจต่างจังหวัดก็ได้ประสานวิปว่ากำลังนั่งรถกลับมาสภาฯ โดยถึงประมาณ 12.00 น. ซึ่งสภาฯก็ได้ประสานว่าให้นำกระทู้ทั่วไปมาถามก่อน เมื่อรัฐมนตรีมาถึงก็ค่อยถามกระทู้สดก็ทำได้ ซึ่งเราก็ยินดี เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับว่ารัฐมนตรีท่านนั้นๆ อยากจะตอบหรือไม่มากกว่า
 
ส่วนการวางแผนแถลงอะไรกันไว้ เข้าใจว่าถ้าจำเป็นจะต้องเป็นวันพรุ่งนี้ (12 ธ.ค.) ก็มีหนทางอยู่ หากนายกฯ เห็นความสำคัญของสภาฯ ที่มาจากประชาชน และเป็นสภาฯที่เสียงส่วนมากเลือกท่านมาเป็นนายกฯ ถ้าท่านเห็นว่าควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหาร การมาตอบกระทู้น่าจะเป็นเรื่องที่ดี และน่าจะสร้างความมั่นใจในหลายเรื่องให้กับประชาชนได้ และเรื่องที่สังคมตั้งคำถามอยู่” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

เมื่อถามว่าแสดงว่าต้องการพิสูจน์ความจริงใจของนายกฯ ที่มีต่อสภาฯและประชาชนใช่หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เราพูดถึงเรื่องการแบ่งแยกอำนาจ การตรวจสอบถ่วงดุลมากกว่า ซึ่งรองโฆษกพรรคเพื่อไทยพูดถึงเรื่องการตรวจสอบถ่วงดุล ตนคิดว่าประชาชนเลือกสส. สส.เลือกนายกฯ ที่มาของนายกฯ รวมถึงครม.ก็มาจากสภาฯ
 
ดังนั้น นายกฯและรัฐมนตรีก็ควรให้เกียรติการตรวจสอบถ่วงดุลกลไกกระทู้สดของสภาฯ ที่มีตามข้อบังคับตามรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งตนคิดว่าเป็นเรื่องจำเป็น และเมื่อวาน (10 ธ.ค.) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ก็บอกว่าขอให้นายกฯมาตอบกระทู้จะดีกว่า ทั้งนี้ เรายินดีที่จะอำนวยความสะดวก นายกฯว่างตอนไหนก็แจ้งมาได้
 
มีเรื่องหนึ่งที่ผมแปลกใจเหมือนกันว่าเมื่อช่วงต้นเดือน มีวิปครม.ได้ทักมาส่วนตัว ถามว่าจะมีกระทู้ถามนายกฯหรือไม่ ผมแจ้งไปแล้วว่ามี แต่อยู่ๆ จะแถลงผลงานในวันเดียวกัน ผมก็งง เหมือนกันว่า แล้วถามทำไม” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
 
เมื่อถามว่าสามารถบอกการบ้านที่จะถามนายกฯได้หรือไม่ว่ามีเรื่องอะไรบ้าง นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า มีหลายเรื่อง และตนยังคาดหวัง แต่ยังไม่มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ว่านายกฯจะมาตอบกระทู้ ดังนั้น อาจจะต้องเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากเสียโอกาส และอยากเก็บประเด็นสำคัญไว้ถามนายกฯ และย้ำว่านายกฯ พร้อมสัปดาห์ไหนก็บอกได้
 
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวถึงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสมัยประชุมนี้อย่างแน่นอน ส่วนจะเป็นช่วงเวลาไหนคงต้องคุยกับพรรครร่วมฝ่านค้านก่อน โดยจะคุยกันภายในเพื่อวางแผนทั้งหมด



ลำตะคองโคราช จ่อวิกฤตน้ำลงเขื่อนน้อยที่สุดรอบ 56 ปี ส.ส ปชน.หวั่น 1 ล้านคนขาดน้ำกินน้ำใช้
https://siamrath.co.th/n/586726

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ที่ห้องประชุม SWOC โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ส.ส เขต จ.นครราชสีมา พรรคประชาชน
 (ปชน.) ประกอบด้วย เขต 1 นายฉัตร  สุภัทรวณิชย์ เขต 2 นายปิยชาติ  รุจิพรวศิน เขต 3 นายศุทธสิทธิ์  พจน์ฐศักดิ์ และคณะทำงาน เดินทางมาพบนายสุคนธ์  เต็มยศยิ่ง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง รักษาการแทนผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครราชสีมา เพื่อติดตามสอบถามข้อมูลน้ำในเขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว พร้อมขอคำแนะนำเกี่ยวกับมาตรการเตรียมรับสถานการณ์ช่วงฤดูแล้งปี 2568
 
นายอำนาจ  วรรณมาโส หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน ชี้แจงปริมาณน้ำล่าสุด 99.14 ล้าน ลบ.เมตร หรือ 32 % ของพื้นที่เก็บกัก 314.14 ล้าน ลบ.เมตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ “น้ำน้อยวิกฤต” และต้องเฝ้าระวัง สาเหตุหลักเนื่องจากปริมาณฝนตกในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยกว่า 300 มิลลิเมตร โดยมีมวลน้ำไหลมาเติม 80.87 ล้าน ลบ.เมตร แต่ต้องระบายน้ำสนับสนุนกิจกรรมสำคัญ 95.46 ล้าน ลบ.เมตร
 
นายสุคนธ์ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง เปิดเผยว่า ปี 2567 ถือเป็นปีที่มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนน้อยที่สุด นับตั้งแต่สร้างเขื่อนมา 56 ปี โดยบริการจัดการน้ำอย่างเหมาะสม ให้รัดกุมและเกิดประโยชน์สูงสุด จึงต้องวางแผนจัดการน้ำอย่างเข้มข้นตามมติที่ประชุมคณะกรรมการจัดการชลประทาน (JMC) ลุ่มน้ำลำตะคอง ครั้งที่ 2/2567 เห็นชอบกำหนดใช้อุปโภค บริโภค 73 ล้าน ลบ.เมตร รักษาระบบนิเวศ 35 ล้าน ลบ.เมตร
 เกษตรกรรม 7 ล้าน ลบ.เมตรและอุสาหกรรม 6 ล้าน ลบ.เมตร โดยประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือให้เกษตรกร งดปลูกข้าวนาปรัง ล่าสุดมีกว่า 1 พันไร่ โดยให้ปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทน เพราะมีความเสี่ยงสูงที่ผลผลิตจะขาดน้ำและได้รับความเสียหายจากภัยแล้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่