JJNY : ปชน.จัดงานวันเด็ก│ตร.รับตัว"จ่าเอ็ม"ถึงฝั่งไทยแล้ว│ชัยนาทแห่ซื้อหน้ากากอนามัย│ศาลตัดสินทรัมป์ผิด แต่ไม่ต้องรับโทษ

ปชน. จัดงานวันเด็ก ดัน ร่าง พ.ร.บ.การศึกษา ลุยพลิกโฉมการศึกษาไทย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9585251
 
 
พรรคประชาชน จัดงานวันเด็กคึกคัก ชูแนวคิดออกแบบห้องเรียนเอง ดัน ร่าง พ.ร.บ.การศึกษา มุ่งพลิกโฉมการศึกษาไทย หวังสภารับหลักการ ก่อนวันเด็กปีหน้า
 
เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2568 ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคประชาชน จัดกิจกรรมวันเด็ก “เมื่อทุกคนเลือกห้องเรียนเองได้” เน้นการให้ความสำคัญแก่เด็กหรือผู้เรียนในการร่วมออกแบบการเรียนรู้ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เด็ก ผู้ปกครอง และประชาชนเดินทางมาร่วมกิจกรรมตั้งแต่เช้า
 
สำหรับกิจกรรมแรก คือ การแถลงข่าวสรุปร่าง พ.ร.บ.การศึกษา ฉบับพรรคประชาชน พร้อมเปิดตัว e-book โดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรค และนายปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน 

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในวันเด็กทุกๆ ปี คำขวัญวันเด็กเป็นสิ่งที่สังคมมักให้ความสนใจ แม้เป็นธรรมเนียมที่เราคุ้นชินกันมายาวนานกว่า 60 ปี ตนและพรรคประชาชนมองว่า ในฐานะคนทำงานการเมือง สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กและเยาวชนในประเทศเรา อาจไม่ใช่คำขวัญที่เป็นการสรุปสิ่งที่ผู้ใหญ่ในสังคมคาดหวังจากพวกเขา แต่คือคำสัญญาว่าพวกเราจะทำให้อนาคตพวกเขาดีขึ้นได้อย่างไร
 
เมื่อวันเด็กปีที่แล้ว (13 ม.ค.2567) คำสัญญาหนึ่งที่เราได้แถลงต่อสาธารณะ คือ การผลักดันร่าง พ.ร.บ.ไม่ตีเด็ก เพื่อทำให้บ้าน สถานศึกษา และทุกพื้นที่ในสังคม เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่เด็กทุกคนสามารถเติบโตขึ้นมาได้ โดยไม่ถูกลงโทษในลักษณะที่เป็นการใช้ความรุนแรงต่อร่างกายหรือจิตใจเด็ก ผ่านไปไม่ถึง 1 ปี ภูมิใจที่พรรคประชาชนและฝ่ายต่างๆ ในรัฐสภาร่วมกันผลักดันให้กฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของทั้งสองสภาได้สำเร็จ
ในวันเด็กปีนี้ เราจึงใช้โอกาสเปิดตัวร่าง พ.ร.บ.การศึกษาของพรรคประชาชน ที่จะยื่นเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร และหวังจะผลักดันร่วมกับพรรคการเมืองอื่นๆ โดยหวังให้สภาฯ อย่างน้อยได้ลงมติรับหลักการร่างดังกล่าว ก่อนจะถึงวันเด็กในปีหน้า
 
ตนเชื่อว่าพวกเราเห็นตรงกันว่า ท่ามกลางปัญหาต่างๆ ของการศึกษาไทย ทั้งเรื่องคุณภาพ ความเหลื่อมล้ำ ความสุขผู้เรียน ภาระงานครู และความท้าทายใหม่ๆ ที่เข้ามา เราจะปล่อยให้การศึกษาไทยไปต่อแบบเดิมไม่ได้
 
แม้หลายปัญหาถูกแก้ไขได้โดยไม่ต้องรอการแก้ไขกฎหมาย แม้กฎหมายฉบับเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาการศึกษาได้ทั้งหมด แต่การผลักดัน พ.ร.บ.การศึกษา ฉบับใหม่ จะเป็นกระดุมเม็ดแรกที่สำคัญ ในการสร้างบทสนทนา และวางรากฐานสำหรับระบบการศึกษาที่เราอยากเห็น
เพื่อพลิกโฉมการศึกษาและพาไทยเท่าทันโลก พ.ร.บ.การศึกษา ฉบับพรรคประชาชน เราหวังว่าจะตอบโจทย์ผู้เรียน ยึดประโยชน์และอนาคตของผู้เรียนอยู่ในทุกมาตรา หากทำสำเร็จ พวกเราจะมีระบบการศึกษาที่ตอบโจทย์ผู้เรียนในอย่างน้อย 5 ด้านสำคัญ ได้แก่
 
1. สิทธิและสวัสดิการด้านการศึกษาที่ตอบโจทย์ผู้เรียน โดยผู้เรียนจะได้รับสิทธิและสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ที่ครอบคลุมและถูกรับประกันอย่างรัดกุมกว่าที่เคยเป็นมา เช่น เรียนฟรีอย่างน้อยจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ใช้บริการแหล่งเรียนรู้ของรัฐได้ฟรี อุปกรณ์การเรียนที่ครบถ้วน
 
2. บุคลากรทางการศึกษาที่ตอบโจทย์ผู้เรียน ครูจะมีเวลา แรงจูงใจ สมรรถนะ สวัสดิภาพที่มั่นคงในจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ เช่น การกำหนดมาตรฐานเพื่อลดภาระงานครูที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน
 
3. การเรียนการสอนที่ตอบโจทย์ผู้เรียน หลักสูตร จะมี 3 ระดับ คือ กรอบหลักสูตรระดับประเทศ กรอบหลักสูตรระดับพื้นที่ หลักสูตรสถานศึกษา เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการรองรับความหลากหลายของผู้เรียน โดยจะมีการทบทวนกรอบหลักสูตรระดับชาติอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 5 ปี เพื่อให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง
 
4. สถานศึกษาที่ตอบโจทย์ผู้เรียน โดยสถานศึกษาจะมีอิสระและอำนาจมากขึ้น ในการจัดการศึกษา เช่น อำนาจด้านวิชาการ ในการออกแบบหลักสูตรสถานศึกษาของตนเอง อำนาจด้านงบประมาณ ในการได้รับเงินอุดหนุนแบบวงเงินรวมที่ไม่กำหนดวัตถุประสงค์ อำนาจด้านบุคลากร ในการร่วมสรรหาและบรรจุบุคลากรของตนเอง และการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นเรื่องค่าตอบแทน ทรัพยากร และองค์ความรู้
 
สถานศึกษาหลากหลายรูปแบบจะได้รับการปลดล็อก โดยเฉพาะการศึกษานอกระบบโรงเรียนที่จะสามารถจัดได้สำหรับนักเรียนทุกประเภท โดยรัฐจะต้องคำนึงถึงความเสมอภาคในการอุดหนุนผู้เรียนในสถานศึกษาทุกสังกัดและทุกรูปแบบ
 
5.กระทรวงศึกษาธิการที่ตอบโจทย์ผู้เรียน โครงสร้างกระทรวงจะมีการออกแบบใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยกระบวนการที่ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ซึ่งจะเกิดขึ้นภายใน 2 ปี หลัง พ.ร.บ. การศึกษา บังคับใช้
 
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะเข้ามามีบทบาทได้มากขึ้นในภารกิจด้านการศึกษาและการเรียนรู้ รวมถึงได้รับการปลดล็อกให้สามารถสนับสนุนงบประมาณ และทรัพยากรให้กับผู้เรียนหรือสถานศึกษาทุกสังกัดทุกแห่งในท้องถิ่นของตนเอง หรือเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเองได้
 
นายพริษฐ์ กล่าวว่า แม้ต่างพรรคการเมือง จะมีร่าง พ.ร.บ. การศึกษา ของตนเอง ซึ่งอาจมีเนื้อหาทั้งส่วนที่เหมือนและแตกต่างกันออกไปบ้าง แต่เราหวังว่าการผลักดัน พ.ร.บ. การศึกษา ฉบับใหม่ จะเป็นภารกิจที่ทุกพรรคพร้อมทำงาน และผลักดันร่วมกันต่อไปในสภาฯ เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อชีวิตความเป็นอยู่และอนาคตของเด็กทุกคน
 
โดยร่างฉบับเต็มที่ยื่นเข้าสู่สภาฯ จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบความถูกต้องโดยสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ ร่างจะถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของสภาฯ และผ่านเว็บไซต์ของพรรคประชาชน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกิจกรรมช่วงบ่าย มีวงเสวนาหัวข้อ “รีวิวห้องเรียนไทย Gen ไหนก็ทุกข์ทุกรุ่น” แลกเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมองด้านการศึกษาผ่านคนในช่วงวัยที่แตกต่างกัน โดยนายสุรวาท ทองบุ สส.บัญชีรายชื่อ , นายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ และนายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคประชาชน
 
นอกจากนี้ พรรคประชาชนยังมีบูธกิจกรรมที่หลากหลายจาก สส. และเครือข่ายของพรรค จัดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความสนใจที่แตกต่างกันของเด็กแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น บูธมูลนิธิคณะก้าวหน้า มีกิจกรรมเช่น Book talk, Informal classroom ห้องเรียนที่ไม่เหมือนใคร, บูธ Human library พูดคุยแลกเปลี่ยนกับ
 สส. พรรคประชาชน, บูธ AI Buddy for help สร้างภาพ เคารพงานศิลป์, บูธก้าวใจ เปลี่ยนอารมณ์ให้เป็นเครื่องดื่ม Sol bar, บูธก้าวกรีน และบูธยุวชนปฏิวัติ โดยทีมประกันสังคมก้าวหน้า



ตร.รับตัว "จ่าเอ็ม" ถึงฝั่งไทยแล้ว
https://www.innnews.co.th/news/criminal/news_827163/
 
จ่าเอ็ม ถึงฝั่งไทยแล้ว ตำรวจไทยกัมพูชารับส่งตัวเพื่อกลับมาดำเนินคดี หลังก่อเหตุยิงอดีตส.ส. กัมพูชา เสียชีวิต คุมส่ง สน.ชนะสงคราม
 
วันนี้ ( 11 ม.ค. 68) เจ้าหน้าที่ทางการประเทศกัมพูชาควบคุมตัวนายเอกลักษณ์ หรือเอ็ม กองเรือ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 84/2568 ลงวันที่ 8 ม.ค.2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และ พรบ.อาวุธปืน” ออกจากห้องควบคุมที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ในเวลา 05.50 น. โดยนั่งรถยนต์มาถึงที่ด่านพรมแดนกัมพูชา จ.สระแก้ว เพื่อส่งมอบตัวนายเอกลักษณ์ ให้กับตำรวจไทย
ต่อมา พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว พร้อมตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจสภ.คลองลึก ได้ประสานงานการข้ามแดนของทางการกัมพูชา เพื่อควบคุมตัวนายเอกลักษณ์ ตามหมายจับ ก่อนส่งตัวให้กับ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผช.ผบ.ตร. ,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์  ผบก.สส.บช.น. และชุดสืบนครบาล เพื่อเตรียมควบคุมตัวนายเอกลักษณ์ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจ มาที่กรุงเทพฯ
 
ทั้งนี้มีรายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่ควบคุมตัวนายเอกลักษณ์ มาถึงกองบินตำรวจ จะมีหน่วยอรินทราช 26 พร้อมอาวุธครบมือตามประกบตัวนายเอกลักษณ์ พล.ต.ท.สมประสงค์ และ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ซึ่งภายหลังการแถลงข่าวพล.ต.ท.สยาม จะนำชุดสืบสวน ออกจากกองบินตำรวจ พร้อมรถที่ควบคุมผู้ต้องหา โดยมีรถของตำรวจสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ หรือ ตำรวจ 191 นำขบวน และมีรถของหน่วยอรินทราช 26 ปิดท้ายขบวน เดินทางไปที่ สน.ชนะสงคราม.


 
ชาวชัยนาทแห่ซื้อหน้ากากอนามัย หลังค่าฝุ่นพิษสูงเกินมาตรฐานต่อเนื่อง
https://www.matichon.co.th/region/news_4995166
 
ชาวชัยนาทแห่ซื้อหน้ากากอนามัย หลังค่าฝุ่นพิษสูงเกินมาตรฐานต่อเนื่อง
 
เมื่อวันที่ 11 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่ จ.ชัยนาทวันนี้ พบว่าค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM2.5 ยังคงเกินค่ามาตรฐานองค์การอนามัยโลก อยู่ในระดับสูงกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะผู้ป่วยและผู้ร่างกายอ่อนแอ ซึ่งเป็นค่าที่สูงต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 โดยวันนี้วัดได้สูงสุด 50.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทำให้สภาพอากาศโดยทั่วไปท้องฟ้ามีหมอกควันปกคลุมโดยทั่วไป ซึ่งพื้นที่จังหวัดชัยนาทนั้น สาเหตุหลักมาจากฝุ่นควันจากไฟป่า ที่ลอยข้ามจังหวัดมาจากพื้นที่ข้างเคียง ประกอบกับการลักลอบเผาในซังข้าวในที่โล่งของเกษตรกร รวมทั้งการเผาหญ้าวัชพืช และถ่านของชาวบ้าน
 
จากคุณภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพที่ดำเนินมาต่อเนื่องกันหลายวัน ทำให้ประชาชนเริ่มมีความกังวล ออกมาหาซื้อหน้ากากอนามัย ชนิดที่ได้รับการรับรองว่าสามารถกรองฝุ่นจิ๋วPM2.5 ได้ เอาไปไว้ใช้เวลาที่จะต้องออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้งนอกบ้าน เพราะหลายคนเกรงว่าถ้าสูดเอาฝุ่นจิ๋วPM2.5 เข้าไปจะทำให้เจ็บป่วยรุนแรงในระยะยาว
 
ขณะที่ ทางการจังหวัดชัยนาท ได้มีประกาศให้ประชาชนและเกษตรกร งดเผาในที่โล่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 เป็นต้นมา หากพบผู้ฝ่าฝืนจะดำเนินการตามกฏหมายทันที ซึ่งมีโทษทั้งจำและปรับ โดยความผิดจะแยกออกเป็น 2 กรณีคือ 1.การเผานอกเขตป่าไม้ อย่างการเผาตอซังข้าว เผาอ้อย เผาหญ้า เผ้าขยะ ที่ฝ่าฝืนจะมีโทษปรับไม่เกิน 25,000 บาท จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 2.การเผาในพื้นที่ป่า ซึ่งมีโทษสูงกว่าคือ ปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท จำคุกไม่เกิน 20 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่