JJNY : จี้สอบจนท.รัฐเก็บหัวคิวทำแก๊งคอล│สอบต่อศักดิ์-โจ๊กปมยึดทรัพย์​ทุนจีน│'เมียลิม คิมยา'เลี่ยงตอบสื่อ│ศก.จีนจมเงินฝืด

อัจฉริยะ หอบหลักฐาน จี้สอบจนท.รัฐ เก็บหัวคิวคนไทย พาเปิดบัญชีม้าทำแก๊งคอล ในกัมพูชา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4991429
 
 
อัจฉริยะ นำ หลักฐานพร้อมแผนที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา ยื่น กมธ.ความมั่นคงฯ ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐ – คนในพื้นที่ชายแดนไทย จัดหาอำนวยความสะดวกหลอกคนไทย ด้าน โรม บอกเป็นเรื่องใหญ่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะทำลายความเชื่อมั่น กระทบท่องเที่ยว รับยังไม่มีข้อมูลคนไทยตกตึก กระโดดหนีหรือถูกจับโยน
 
เวลา 09.30 น. วันที่ 9 มกราคม ที่รัฐสภา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ายื่นหนังสือต่อ นายรังสิมันต์ โรม  สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กรณีแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ บนตึก 25 ชั้นและ 18 ชั้นในประเทศกัมพูชา ซึ่งนายอัจฉริยะได้นำรูปภาพและแผนที่มาโชว์กับสื่อมวลชน ซึ่งทั้งสองตึกมีการติดเหล็กดัดที่หน้าต่างเพื่อป้องกันการหลบหนี และเมื่อวานนี้(8ม.ค.) มีเหตุการณ์กระโดดตึก เพราะการที่จะออกทางด้านล่างตึกรักษาความปลอดภัย ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตึกควบคุมอยู่คนจะเข้าออกไม่ได้นอกจากเป็นคนของขบวนการคอลเซ็นเตอร์เท่านั้น

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า การจะเข้าไปในตึกนี้ได้จะเป็นลักษณะแบบคอกม้า โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐ ทหารพรานและตำรวจ เก็บหัวคิว และมีขบวนการที่นำคนไทยและต่างชาติไปเปิดซิมการ์ด เปิดบัญชีธนาคารสาขาต่างๆโดยจะต้องเข้าไปสแกนใบหน้าที่ 2 ตึกนี้ ดังนั้นตนจึง ส่งคนเข้าไปสำรวจและทำแผนที่ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดจะส่งให้กับนายรังสิมันต์
 
นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า การเดินทางเข้าไปทำงานที่นั่นต้องผ่านช่องทางธรรมชาติเป็นจุดรับฝากรถเป็นที่ส่วนบุคคล เช่นบ้านเจ๊หมู บ้านเจ๊มีน บ้านตาเกิดบ้านเจ๊ดาว ซึ่งเมื่อวาน(8 ม.ค.)กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้เข้าไปตรวจค้นที่จุดบ้านเจ๊ดาว ซึ่งตรงกับข้อมูลที่นำมายื่นกับคณะกรรมมาธิการฯในวันนี้
 
นายอัจฉริยะ ยังกล่าวถึงคดีมือปืนยิงอดีตส.ส. ฝ่ายค้านกัมพูชา ก็มีการหลบหนีเข้าไปยังช่องทางธรรมชาติ จึงอยากให้คณะกรรมาธิการฯ ช่วยตรวจสอบลงพื้นที่ไปดูสถานที่จริง ที่มีการเก็บหัวคิวอย่างยาวนานสร้างความร่ำรวยให้กับภาคเอกชนทั้งทหาร ตำรวจในจังหวัดสระแก้ว มีการกระทำแบบนี้มานาน แต่เหตุใดไม่มีใครรู้หรือตรวจสอบเพื่อดำเนินการเพื่อไม่ให้กระบวนการคอลเซ็นเตอร์ข้ามฝั่งจากประเทศไทยไปยังตึก 25 ชั้นและตึก 18 ชั้นได้
 
ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวว่า กมธ.ฯ ได้ติดตามและให้ความสำคัญโดยเฉพาะเรื่องของคอลเซ็นเตอร์และทุนสีเทาต่างๆ วันนี้ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าปัญหาคอลเซ็นเตอร์เป็นเรื่องใหญ่ ทำลายและเกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยวประเทศไทย และยังมีผลกระทบอื่นๆ เช่นการหลอกลวงเงินคนไทยในปีหนึ่งมีตัวเลขที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกมูลค่าน่าจะทะลุ 100,000 ล้านบาท ตัวเลขที่เป็นทางการประมาณ 80,000 ล้านบาทแต่ตัวเลขจริงน่าจะมากกว่านั้น
 
และเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้มันคือวาระแห่งชาติที่ต้องดำเนินการ ซึ่งตนได้ติดตามในฐานะส่วนตัวและในฐานะ สส.รวมถึงในฐานะประธาน กมธ.ฯ  พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ แก๊งค์ข้ามชาติอ่อนแอที่สุด
 
ลำพัง กมธ.ฯไม่สามารถทำได้ ต้องพยายามร่วมมือกัน ทำให้รัฐบาลมีความเห็นที่ตรงกันเพราะเรื่องนี้สำคัญควรจะทำอย่างจริงจัง รวมถึงบรรดามาเฟียสีเทาต่างๆ ซึ่งเมื่อวาน(8 ม.ค.)ก็มีผู้มายื่นร้องเรียนมาเฟียสีเทาชาวจีนที่จังหวัดภูเก็ต ทางกมธ.ฯ จะต้องนำไปหารือ ยืนยันเรื่องนี้จะไม่ช้าเพราะให้ความสำคัญ เนื่องจากปัญหาคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้มีเฉพาะฝั่งเมียนมา กัมพูชา แต่ยังมีที่คิงโรมันสามเหลี่ยมทองคำ” นายรังสิมันต์ กล่าว
 
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า กรณีล่าสุดเมื่อวาน(8ม.ค.)ก็มีคนไทยกระโดดตึกที่กัมพูชา เป็นตึกที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยชี้เป้าเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างๆ ซึ่งตนได้รับข้อมูลมาจากฝ่ายความมั่นคงเช่นกัน ส่วนสาเหตุที่ตกตึกเป็นการกระโดดเองหรือถูกจับโยนจากตึกยังไม่มีข้อมูลเชิงลึกว่า สุดท้ายจะเป็นแบบใด แต่ข้อมูลที่ตนเคยมีจากเหตุการณ์ในอดีต จะคล้ายกับนายอัจฉริยะออกมาพูดว่า ชั้นล่างของตึกเป็นเหล็กดัด
 
ถ้าต้องการจะออกจากตึกวิธีการคือต้องกระโดด ซึ่งก่อนหน้านี้มีหลายเคสทั้งชาวจีน ที่กระโดดออกมา แต่มีคนในท้องที่มาช่วยทำให้สามารถหลบหนีจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาได้ ตนคิดว่ากรณีนี้อาจจะเป็นที่เขาพยายามจะหลบหนี แล้วกระโดด แต่ด้วยความสูงจึงอาจจะไม่โชคดีเหมือนรายอื่นๆ แต่ก็ไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้ความรุนแรงต่างๆ รวมถึงการโยนออกมาจากตึก ซึ่งเรื่องนี้คงจะต้องมีการติดตามต่อไป



อัจฉริยะ ยื่น โรม สอบต่อศักดิ์-โจ๊ก ปมยึดทรัพย์​ทุนจีน 700 ล้าน แต่ไม่ดำเนินคดี
https://www.matichon.co.th/politics/news_4991471

‘อัจฉริยะ’ ยื่น ‘โรม’ สอบ ‘ต่อศักดิ์-โจ๊ก’ ปม จับยึดทรัพย์​ทุนจีน 700 ล้าน แถลงใหญ่โต แต่สุดท้ายไม่ดำเนินคดี-คืนทรัพย์​ให้ผู้ต้องหาหมด ย้อนถามผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ พร้อมเปิดคลิปสาวจีนถูกตำรวจอุ้มรีดทรัพย์​ ฟ้องร้องแล้ว แต่ผู้ใหญ่เงียบ
 
เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่รัฐสภา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์​ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เขายื่นหนังสือ ต่อ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ตรวจสอบกรณีเมื่อปี 2565 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ซึ่งขณะนั้นเป็นรอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.ซึ่งขณะนั้นเป็น รอง ผบ.ตร. ได้มีการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีการฟอกเงินของกลุ่มชาวจีนสีเทา และมีการยึดอายัดทรัพย์จำนวน 700 ล้านบาท โดยกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับผับจินหลิง โดยมีการยึดทรัพย์และดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มากกว่า
15 คน ทั้งคนไทยและคนจีน ต่อมาปรากฏว่ามีการส่งของกลางทั้งหมด และผู้ต้องหาทั้งหมดให้กับกองบัญชาการตำรวจนครบาล มาทราบภายหลังว่า มีนายหลี่เหลียง คนเดียว ที่เป็นผู้ต้องหาสวมบัตรประชาชนคนไทย แต่ที่เหลือกลับได้รับการปล่อยตัว โดยไม่มีความผิด และเงินของกลางที่เป็นเงินสดเกือบ 100 ล้านบาท รวมทั้งรถของกลางด้วยคืนให้กับผู้ต้องหาทั้งหมด โดยไม่มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาแม้แต่รายเดียว

ผมจึงแปลกใจว่า เป็นการส่อไปในทางที่ไม่สุจริตหรือไม่ จึงขอให้ กมธ.ช่วยตรวจสอบ เพราะการที่ตำรวจแถลงข่าวในเรื่องนี้อย่างใหญ่โต เหตุใดจึงไม่มีผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีแม้แต่รายเดียว แล้วทำไมทางกอง บัญชาการตำรวจไซเบอร์ กองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงคืนของกลางให้กับผู้ต้องหาทั้งหมด มีผลประโยชน์อะไรหรือไม่” นายอัจฉริยะกล่าว
 
นายอัจฉริยะยังได้เปิดคลิปที่สาวจีน มาเที่ยวเมืองไทยและถูกคนไทยรีดไถ่ พร้อมกล่าวว่า สาวจีนมาเที่ยวเมืองไทย กับครอบครัว เพราะมองว่าเมืองไทยเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยว แต่ถูกตำรวจนครบาล ทำการอุ้มไปห้องสืบสวนของนครบาล แล้วรีดเงินไปทั้งสิ้น 7 ล้านบาท โดยสาวจีน ได้ไปแจ้งความที่โรงพักแห่งหนึ่งในนครบาล แต่กลับถูกพนักงานสอบสวนเรียกเงินอีก 260,000 บาท เป็นค่าทำคดี ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่เสียหาย เพราะคลิปดังกล่าวมีการเผยแพร่ไปทั่วโลก
 
นายอัจฉริยะกล่าวต่อว่า ตนได้ประสานกับผู้ใหญ่ในวงการตำรวจ แต่ไม่มีใครสนใจ วันนี้จึงนำข้อมูลและคลิปภาพที่สาวจีนถูกอุ้ม และคลิปเสียงที่พนักงานสอบสวนรีดเงิน มาเปิดต่อหน้าประธาน กมธ.ความมั่นคงฯ เพื่อให้เห็นว่านี่คือความเลวร้ายของคนที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทย แต่กลับมาถูกตำรวจไทยอุ้มรีดเงิน ซึ่งถือว่ากระทบต่อความมั่นคงของประเทศ



'เมียลิม คิมยา' ให้ปากคำตร.เลี่ยงตอบสื่อ ยังไร้ญาติ-ตัวแทนรับศพอดีตส.ส.เขมรไปบำเพ็ญกุศล
https://www.dailynews.co.th/news/4271510/

ภรรยาของ "นายลิม คิมยา" นัก​เคลื่อนไหว​ ทางการเมือง อดีต ส.ส.ฝ่ายค้านกัมพูชา​ เดินทางเข้าให้ปากคำกับตำรวจ หลังสามีโดนคนร้ายยิงเสียชีวิต ขณะที่ญาติยังไม่ติดต่อรับศพ

จากกรณี นายลิม คิมยา (Mr.Lim Kimya) อายุ 73 ปี ชาวกัมพูชา สัญชาติฝรั่งเศส นัก​เคลื่อนไหว​ ทางการเมือง อดีต ส.ส.ฝ่ายค้านกัมพูชา​ ถูกนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือ “จ่าเอ็ม” อายุ 41 ปี อดีตทหารเรือยิงเสียชีวิต บริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศ ใกล้วงเวียนสิบสามห้างถนนบวรนิเวศน์ แขวงวัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา ชุดสืบสวนนครบาล สืบสวนภาค 2 และกองปราบปรามประสานตำรวจกัมพูชาจับกุม “จ่าเอ็ม” ไว้ได้หลังหลบหนีข้ามประเทศไปในพื้นที่ จ.พระตะบอง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างประสานนำตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย นอกจากนี้ทางตำรวจยังได้ออกหมายจับ นายคิมริน พิช ชาวกัมพูชา บุคคลผู้ชี้เป้า ให้จ่าเอ็มยิงนายลิม เสียชีวิตตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
 
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่สน.ชนะสงคราม ภรรยาของนายลิม ซึ่งมีสัญชาติฝรั่งเศส พร้อมผู้ติดตามได้เดินทางมาให้ปากคำที่ สน.ชนะสงคราม โดยเข้าพบ พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม และพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตามเมื่อเดินทางมาถึงแล้วพบกับกองทัพสื่อปรากฏว่า ภรรยาของนายลิม พยายามหลบเลี่ยงไม่ให้สัมภาษณ์มีการใช้ผ้าคลุมหัวปกปิดใบหน้าและให้ผู้ติดตามคอยกันสื่อตลอดเวลา
 
ขณะที่รายงานข่าวแจ้งว่า หลังเกิดเหตุยิง นายลิม เจ้าหน้าที่ได้นำภรรยาของนายลิม ไปพักอยู่ในเซฟเฮาส์แห่งหนึ่งเพื่อความปลอดภัย รอให้เหตุการณ์คลี่คลายสักระยะหนึ่งถึงจะนำภรรยาผู้ตายมาสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ร่วมทั้งดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารและการติดต่อรับศพ ประกอบเอกสารรับรองจากสถานทูตราชอาณาจักรกัมพูชา หรือสถานทูตฝรั่งเศสด้วย ต้องขึ้นอยู่กับว่าภรรยาผู้ตาย จะนำศพสามีไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่ประเทศอะไร ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวไปสอบถามเจ้าหน้าที่รพ.วชิระ ที่ผ่าชันสูตรศพเมื่อช่วงสายวันเดียวกันนี้ แจ้งว่ายังไม่มีญาติผู้ตายหรือตัวแทนมาติดต่อรับศพแต่อย่างใด.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่