อิสราเอลถล่มภาคใต้เลบานอน ตอบโต้ฮิซบอลเลาะห์ยิงจรวดเจ็บ 21 คน
https://www.dailynews.co.th/news/2893997/
กองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีภาคใต้ของเลบานอน หลังกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยิงจรวดข้ามแดน ส่งผลให้ประชาชนในอิสราเอลได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 21 คน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ว่าเครื่องบินรบของกองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ต่อเป้าหมายหลายแห่ง ในเขตทางตอนใต้ของเลบานอน ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เพื่อตอบโต้ที่อีกฝ่ายยิงปืนใหญ่และจรวด โจมตีพื้นที่ใกล้กับหมู่บ้านโดเวฟ ตั้งอยู่ห่างจากชายแดนสองประเทศเพียง 800 เมตร
เหตุการณ์โจมตีดังกล่าว ที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยืนยันเป็นผู้ลงมือ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 21 คน หลายคนเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทไฟฟ้าเอกชน ซึ่งกำลังซ่อมแซมสายไฟฟ้าที่ได้รับความเสียหาย จากการปะทะระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเกิดขึ้นแล้วหลายครั้ง
ทั้งนี้ ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เกิดขึ้นคู่ขนานไปกับ สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ซึ่งสู้รบกันในฉนวนกาซา ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยในเลบานอนมีผู้เสียชีวิตแล้ว 91 ราย แบ่งเป็นสมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์อย่างน้อย 68 ราย นักรบกลุ่มอื่น 12 ราย และพลเมืองเลบานอน 11 ราย ส่วนในอิสราเอลมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย แบ่งเป็นทหาร 6 นาย และพลเรือนอีกสองราย
https://twitter.com/idfonline/status/1723759442255044713
ย้อนดูปม ‘นทท.จีน’ ขยาดมาไทย พิษหนัง No More Bets เผยปท.เพื่อนบ้านโวยลั่น
https://www.matichon.co.th/entertainment/thai-entertainment/news_4279782
ย้อนดูปม ‘นทท.จีน’ ขยาดมาไทย พิษหนัง No More Bets เผยปท.เพื่อนบ้านโวยลั่น
รัฐบาลนำโดยนาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พยายามกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีน หนึ่งในมาตรการที่รัฐบาลจะดำเนินการ คือ ดึงความร่วมมือจากตำรวจจีนเพื่อมาให้ข้อมูลและเบาะแส ไทยจะได้ป้องกันไม่ให้คนจีนที่คิดไม่ดี มาก่อเหตุในไทยและทำให้เสียบรรยากาศการท่องเที่ยว
แม้นาย
ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะพยายามชี้แจงดังกล่าว และย้ำว่าไม่ใช่การดึงตำรวจจีนมาลาดตระเวน แต่เป็นแค่การให้ข้อมูลและเบาะแสแก่ตำรวจไทย กระนั้นก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ลามไปถึงเรื่องเอกราช เกิดดราม่าทำนองว่าประเทศไทยเป็นเอกราช ทำไมต้องใช้ตำรวจจีนมาลาดตระเวน
อย่างไรก็ตามย้อนกลับไปในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีกระแสข่าวครึกโครมถึงภาพยนตร์จีนเรื่อง No More Bets หนังแนวแอ๊กชั่นอาชญากรรมระทึกขวัญ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีน ขยาดกับการมาเที่ยวประเทศในกลุ่มอาเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย เพราะหนังตีแผ่วงจรฉ้อโกงและการค้ามนุษย์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ผ่านโลกออนไลน์ แถมตัวอย่างหนัง ยังอ้างว่าสร้างจากคดีจริง ทั้งถ้าได้ดูเรื่องนี้ ก็จะลดการตกเป็นเหยื่อได้
พล็อตหนัง พูดถึงโปรแกรมเมอร์หนุ่มและนางแบบสาวชาวจีนถูกแก๊งค้ามนุษย์หลอกให้มาทำงานที่ศูนย์บัญชาการอาชญากรรมแห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทำการหลอกเหยื่อผ่านออนไลน์ แม้ในหนัง ไม่ได้ระบุชื่อประเทศที่ตั้งศูนย์บัญชาการ แต่เหยื่อจำนวนมากที่ถูกหลอกมาทำงานในแก๊งนี้ ต่างสวมเสื้อตัวอักษรเขมร และฉากที่มีการลักพาตัวเหยื่อก็คล้ายในไทย
หนังเต็มไปด้วยซีนระทึกขวัญ เพราะหากเหยื่อขัดคำสั่ง แก๊งอาชญากรรมก็จะทำร้ายเหยื่ออย่างโหดเหี้ยม อาทิ เลาะเล็บ ฉีกหูขาด ชอร์ตไฟฟ้า เป็นต้น
ข่าวว่าหนังเรื่องนี้ ทำให้ชาวจีนหวาดกลัวกับการมาเที่ยวประเทศในอาเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเแอพพ์เวยปั๋ว เผยผลสำรวจพบว่า จากการสอบถามชาวจีน 54,000 คน พบว่า 85% จะไม่มาเที่ยวประเทศในอาเซียนเพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย
หนังเรื่องนี้ทำให้ประเทศที่เสียหายมากที่สุดคือ กัมพูชา รองมาคือพม่าและไทย
ฉะนั้นไม่แปลกที่ประเทศต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ อาทิ กัมพูชา พม่า ต่างออกมาโวย โดยเฉพาะกัมพูชา นอกจากแบนหนังเรื่องนี้แล้ว ยังทำหนังสือร้องเรียนไปยังรัฐบาลจีนเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาด้วย โดยระบุว่าหนังเรื่องนี้ทำลายชื่อเสียงและการท่องเที่ยวของกัมพูชา
ทว่าท่ามกลางการประท้วงของประเทศเหล่านั้น กลับไม่ปรากฏประเทศไทย!
ล่าสุดเพจดังอย่าง Drama-addict ก็ได้โพสต์ถึงเรื่องนี้ โดยระบุว่า
ประเด็นที่จะให้ตำรวจจีนมาลาดตระเวนในไทยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวจีนกล้ามาเที่ยวไทยนั้น ทำไมไม่พูดตรงๆ ว่าที่เขาไม่กล้ามาเพราะอะไร
เพราะจีนเขาสร้างหนังเรื่อง No More Bets ประเด็นเกี่ยวกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ โดยมีไทยเป็นพื้นที่หลักในหนัง (และประเทศเพื่อนบ้าน กัมพูชา พม่า ด้วย) แล้วหนังดังเปรี้ยงๆ จนคนจีนที่ดูเชื่อ และไม่กล้ามาเที่ยวไทยหมดแล้ว นี่ล่ะพลังซอฟต์เพาเวอร์ของหนัง ทำ-ิบหายได้ทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ของเราที่โดนพาดพิง เขาออกมาโวยกันหมดแล้ว ว่าเนื้อหาที่นำเสนอในหนังมันเว่อร์ไป ของจริงไม่ได้อันตรายขนาดนั้น มาเที่ยวได้โว้ย (แถมความเป็นจริงคือ ไอ้นายทุนที่อยู่เบื้องหลังขบวนการพวกนี้ คนจีนทั้งนั้น)
แต่ของบ้านเราไม่หือไม่อือ ได้ครับพี่ดีครับเจ้าสัวท่านว่าไงไท่กั๋วก็ว่างั้น
https://www.facebook.com/DramaAdd/posts/pfbid02JQuB8jgEcxjFYqLydzACRsKfPWkEPyqcZTVm4BXPS8Zty9H5AgnzRBnq3rsdTydjl
เท่าพิภพ สงสัยขอบเขตงาน ‘ตร.จีน’ ใช้ กม.ใดบังคับจับกุม ยันอยากเห็นคนเที่ยวไทยอย่างสนุก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4279834
เท่าพิภพ สงสัยขอบเขตงาน ‘ตำรวจจีน’ ร่วมงานกันแบบไหน ใช้ กม.ใดบังคับจับกุม ยันอยากเห็น นทท.เที่ยวไทยอย่างสนุก
พลันที่วานนี้ (12 พฤศจิกายน) น.ส.
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แถลงผลภายหลังการประชุมร่วมกับ นาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึง โครงการลาดตระเวน ที่จะนำตำรวจจากประเทศจีนมาลาดตระเวนในประเทศไทยตามเมืองท่องเที่ยว ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง เหมือนกับที่เคยประสบความสำเร็จในอิตาลี แต่ยังไม่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนและเมืองนั้น
ทั้งนี้ เนื่องจากมีข้อมูลว่าคนจีนกลัวตำรวจมาก
กระแสสังคมวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนทันที ไม่ว่าจะเป็น
“ตำรวจไทยไม่มีเหรอ?”
“ตำรวจไทยยอมได้ไง?”
“แต่อิตาลียกเลิกไปแล้ว?”
“เปิดให้ต่างชาติเข้ามาจะกระทบเรื่องสิทธิสภาพนอกอาณาเขตหรือไม่?”
คืนเดียวกัน (12 พฤศจิกายน) นาย
ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องออกมาชี้แจงทันที
“
ข่าวที่จะให้ตำรวจจีนมาตระเวนดูแลความปลอดภัยไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ความจริงเพียงแค่มาร่วมมือทำงานและให้ข้อมูลเบาะแสเพื่อให้ตำรวจไทยทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าประเทศไทยเป็นเอกราชทำไมต้องใช้ตำรวจจีนมาลาดตระเวน
“เรื่องที่มีลักษณะสร้างสรรค์เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเช่นนี้ ทำไมต้องบิดเบือนและลากให้ไปโยงกับเรื่องของศักดิ์ศรีของประเทศเช่นนั้น ขออย่าได้เล่นเกมวาทะกรรมทางการเมืองกันจนเกินกว่าเหตุเช่นนี้เลย เรามามุ่งสมาธิให้กับการทำงานรับใช้ประเทศชาติและประชาชนกันดีกว่าไหม”
นายชัยระบุ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน นาย
เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า
จริงๆ ถ้าร่วมมือการข่าวน่าจะได้อยู่ และน่าจะทำอยู่แล้ว แต่แบบนี้เราไปเซ็นสนธิสัญญา “เป๋าหลิง” คล้ายๆ สนธิสัญญาเบาว์ริ่งไปแล้วหรือไม่
คำถามคือ
1. ตร.จีนมาลาดตระเวนเฉยๆ มีอำนาจจับกุมไหม
– ใช้กฎหมายใดบังคับจับกุม
– ผู้ต้องสงสัยขึ้นศาลไทยอย่างเดียว หรือก่อน หรือส่งตัวกลับจีนเลย
ผมยืนยันในฐานะ กมธ.ท่องเที่ยวเราก็อยากให้ นทท.มั่นใจมาเที่ยวไทยอย่างสนุกสนานประทับใจครับ
https://twitter.com/taopiphop/status/1723907765763264705
JJNY : อิสราเอลถล่มภาคใต้เลบานอน│ย้อนดูปม ‘นทท.จีน’ ขยาดมาไทย│เท่าพิภพสงสัยขอบเขต‘ตร.จีน’│ชาวไร่อ้อยอีสาน ฉุนรัฐบาล
https://www.dailynews.co.th/news/2893997/
กองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีภาคใต้ของเลบานอน หลังกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยิงจรวดข้ามแดน ส่งผลให้ประชาชนในอิสราเอลได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 21 คน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ว่าเครื่องบินรบของกองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ต่อเป้าหมายหลายแห่ง ในเขตทางตอนใต้ของเลบานอน ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เพื่อตอบโต้ที่อีกฝ่ายยิงปืนใหญ่และจรวด โจมตีพื้นที่ใกล้กับหมู่บ้านโดเวฟ ตั้งอยู่ห่างจากชายแดนสองประเทศเพียง 800 เมตร
เหตุการณ์โจมตีดังกล่าว ที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยืนยันเป็นผู้ลงมือ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 21 คน หลายคนเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทไฟฟ้าเอกชน ซึ่งกำลังซ่อมแซมสายไฟฟ้าที่ได้รับความเสียหาย จากการปะทะระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเกิดขึ้นแล้วหลายครั้ง
ทั้งนี้ ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เกิดขึ้นคู่ขนานไปกับ สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ซึ่งสู้รบกันในฉนวนกาซา ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยในเลบานอนมีผู้เสียชีวิตแล้ว 91 ราย แบ่งเป็นสมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์อย่างน้อย 68 ราย นักรบกลุ่มอื่น 12 ราย และพลเมืองเลบานอน 11 ราย ส่วนในอิสราเอลมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย แบ่งเป็นทหาร 6 นาย และพลเรือนอีกสองราย
https://twitter.com/idfonline/status/1723759442255044713
ย้อนดูปม ‘นทท.จีน’ ขยาดมาไทย พิษหนัง No More Bets เผยปท.เพื่อนบ้านโวยลั่น
https://www.matichon.co.th/entertainment/thai-entertainment/news_4279782
ย้อนดูปม ‘นทท.จีน’ ขยาดมาไทย พิษหนัง No More Bets เผยปท.เพื่อนบ้านโวยลั่น
รัฐบาลนำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พยายามกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีน หนึ่งในมาตรการที่รัฐบาลจะดำเนินการ คือ ดึงความร่วมมือจากตำรวจจีนเพื่อมาให้ข้อมูลและเบาะแส ไทยจะได้ป้องกันไม่ให้คนจีนที่คิดไม่ดี มาก่อเหตุในไทยและทำให้เสียบรรยากาศการท่องเที่ยว
แม้นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะพยายามชี้แจงดังกล่าว และย้ำว่าไม่ใช่การดึงตำรวจจีนมาลาดตระเวน แต่เป็นแค่การให้ข้อมูลและเบาะแสแก่ตำรวจไทย กระนั้นก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ลามไปถึงเรื่องเอกราช เกิดดราม่าทำนองว่าประเทศไทยเป็นเอกราช ทำไมต้องใช้ตำรวจจีนมาลาดตระเวน
อย่างไรก็ตามย้อนกลับไปในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีกระแสข่าวครึกโครมถึงภาพยนตร์จีนเรื่อง No More Bets หนังแนวแอ๊กชั่นอาชญากรรมระทึกขวัญ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีน ขยาดกับการมาเที่ยวประเทศในกลุ่มอาเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย เพราะหนังตีแผ่วงจรฉ้อโกงและการค้ามนุษย์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ผ่านโลกออนไลน์ แถมตัวอย่างหนัง ยังอ้างว่าสร้างจากคดีจริง ทั้งถ้าได้ดูเรื่องนี้ ก็จะลดการตกเป็นเหยื่อได้
พล็อตหนัง พูดถึงโปรแกรมเมอร์หนุ่มและนางแบบสาวชาวจีนถูกแก๊งค้ามนุษย์หลอกให้มาทำงานที่ศูนย์บัญชาการอาชญากรรมแห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทำการหลอกเหยื่อผ่านออนไลน์ แม้ในหนัง ไม่ได้ระบุชื่อประเทศที่ตั้งศูนย์บัญชาการ แต่เหยื่อจำนวนมากที่ถูกหลอกมาทำงานในแก๊งนี้ ต่างสวมเสื้อตัวอักษรเขมร และฉากที่มีการลักพาตัวเหยื่อก็คล้ายในไทย
หนังเต็มไปด้วยซีนระทึกขวัญ เพราะหากเหยื่อขัดคำสั่ง แก๊งอาชญากรรมก็จะทำร้ายเหยื่ออย่างโหดเหี้ยม อาทิ เลาะเล็บ ฉีกหูขาด ชอร์ตไฟฟ้า เป็นต้น
ข่าวว่าหนังเรื่องนี้ ทำให้ชาวจีนหวาดกลัวกับการมาเที่ยวประเทศในอาเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเแอพพ์เวยปั๋ว เผยผลสำรวจพบว่า จากการสอบถามชาวจีน 54,000 คน พบว่า 85% จะไม่มาเที่ยวประเทศในอาเซียนเพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย
หนังเรื่องนี้ทำให้ประเทศที่เสียหายมากที่สุดคือ กัมพูชา รองมาคือพม่าและไทย
ฉะนั้นไม่แปลกที่ประเทศต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ อาทิ กัมพูชา พม่า ต่างออกมาโวย โดยเฉพาะกัมพูชา นอกจากแบนหนังเรื่องนี้แล้ว ยังทำหนังสือร้องเรียนไปยังรัฐบาลจีนเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาด้วย โดยระบุว่าหนังเรื่องนี้ทำลายชื่อเสียงและการท่องเที่ยวของกัมพูชา
ทว่าท่ามกลางการประท้วงของประเทศเหล่านั้น กลับไม่ปรากฏประเทศไทย!
ล่าสุดเพจดังอย่าง Drama-addict ก็ได้โพสต์ถึงเรื่องนี้ โดยระบุว่า
ประเด็นที่จะให้ตำรวจจีนมาลาดตระเวนในไทยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวจีนกล้ามาเที่ยวไทยนั้น ทำไมไม่พูดตรงๆ ว่าที่เขาไม่กล้ามาเพราะอะไร
เพราะจีนเขาสร้างหนังเรื่อง No More Bets ประเด็นเกี่ยวกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ โดยมีไทยเป็นพื้นที่หลักในหนัง (และประเทศเพื่อนบ้าน กัมพูชา พม่า ด้วย) แล้วหนังดังเปรี้ยงๆ จนคนจีนที่ดูเชื่อ และไม่กล้ามาเที่ยวไทยหมดแล้ว นี่ล่ะพลังซอฟต์เพาเวอร์ของหนัง ทำ-ิบหายได้ทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ของเราที่โดนพาดพิง เขาออกมาโวยกันหมดแล้ว ว่าเนื้อหาที่นำเสนอในหนังมันเว่อร์ไป ของจริงไม่ได้อันตรายขนาดนั้น มาเที่ยวได้โว้ย (แถมความเป็นจริงคือ ไอ้นายทุนที่อยู่เบื้องหลังขบวนการพวกนี้ คนจีนทั้งนั้น)
แต่ของบ้านเราไม่หือไม่อือ ได้ครับพี่ดีครับเจ้าสัวท่านว่าไงไท่กั๋วก็ว่างั้น
https://www.facebook.com/DramaAdd/posts/pfbid02JQuB8jgEcxjFYqLydzACRsKfPWkEPyqcZTVm4BXPS8Zty9H5AgnzRBnq3rsdTydjl
เท่าพิภพ สงสัยขอบเขตงาน ‘ตร.จีน’ ใช้ กม.ใดบังคับจับกุม ยันอยากเห็นคนเที่ยวไทยอย่างสนุก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4279834
เท่าพิภพ สงสัยขอบเขตงาน ‘ตำรวจจีน’ ร่วมงานกันแบบไหน ใช้ กม.ใดบังคับจับกุม ยันอยากเห็น นทท.เที่ยวไทยอย่างสนุก
พลันที่วานนี้ (12 พฤศจิกายน) น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แถลงผลภายหลังการประชุมร่วมกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึง โครงการลาดตระเวน ที่จะนำตำรวจจากประเทศจีนมาลาดตระเวนในประเทศไทยตามเมืองท่องเที่ยว ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง เหมือนกับที่เคยประสบความสำเร็จในอิตาลี แต่ยังไม่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนและเมืองนั้น
ทั้งนี้ เนื่องจากมีข้อมูลว่าคนจีนกลัวตำรวจมาก
กระแสสังคมวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนทันที ไม่ว่าจะเป็น
“ตำรวจไทยไม่มีเหรอ?”
“ตำรวจไทยยอมได้ไง?”
“แต่อิตาลียกเลิกไปแล้ว?”
“เปิดให้ต่างชาติเข้ามาจะกระทบเรื่องสิทธิสภาพนอกอาณาเขตหรือไม่?”
คืนเดียวกัน (12 พฤศจิกายน) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องออกมาชี้แจงทันที
“ข่าวที่จะให้ตำรวจจีนมาตระเวนดูแลความปลอดภัยไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ความจริงเพียงแค่มาร่วมมือทำงานและให้ข้อมูลเบาะแสเพื่อให้ตำรวจไทยทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าประเทศไทยเป็นเอกราชทำไมต้องใช้ตำรวจจีนมาลาดตระเวน
“เรื่องที่มีลักษณะสร้างสรรค์เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเช่นนี้ ทำไมต้องบิดเบือนและลากให้ไปโยงกับเรื่องของศักดิ์ศรีของประเทศเช่นนั้น ขออย่าได้เล่นเกมวาทะกรรมทางการเมืองกันจนเกินกว่าเหตุเช่นนี้เลย เรามามุ่งสมาธิให้กับการทำงานรับใช้ประเทศชาติและประชาชนกันดีกว่าไหม” นายชัยระบุ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า
จริงๆ ถ้าร่วมมือการข่าวน่าจะได้อยู่ และน่าจะทำอยู่แล้ว แต่แบบนี้เราไปเซ็นสนธิสัญญา “เป๋าหลิง” คล้ายๆ สนธิสัญญาเบาว์ริ่งไปแล้วหรือไม่
คำถามคือ
1. ตร.จีนมาลาดตระเวนเฉยๆ มีอำนาจจับกุมไหม
– ใช้กฎหมายใดบังคับจับกุม
– ผู้ต้องสงสัยขึ้นศาลไทยอย่างเดียว หรือก่อน หรือส่งตัวกลับจีนเลย
ผมยืนยันในฐานะ กมธ.ท่องเที่ยวเราก็อยากให้ นทท.มั่นใจมาเที่ยวไทยอย่างสนุกสนานประทับใจครับ
https://twitter.com/taopiphop/status/1723907765763264705