พริษฐ์เผย ยังไม่ทราบ พปชร. ร่วมดินเนอร์ฝ่ายค้านหรือไม่ เชื่อเป็นเรื่องปกติ แนวทางทำงานต่างกัน
https://thestandard.co/parit-comments-pprp-dinner-opposition-normal-differences/
วันนี้ (16 ธันวาคม)
พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงการนัดหมายรับประทานอาหารร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยระบุว่า พรรคร่วมเองต้องประสานทำงานกันอย่างใกล้ชิด เพราะพรรคที่ไม่ได้อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรคอาจมีอุดมการณ์และนโยบายที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ จึงต้องพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการเป็นระยะ เพื่อให้การทำงานเชิงธุรการเกิดความราบรื่น
อย่างไรก็ตาม
พริษฐ์ระบุว่า ยังไม่ทราบในรายละเอียดว่าจะมีพรรคใดเข้าร่วมบ้าง แต่ก็ยึดตามพรรคที่อยู่ในวิปฝ่ายค้าน พร้อมมองว่าการที่ พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะไม่เข้าร่วมการหารือครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะ พล.อ.
ประวิตร แทบจะไม่ได้เดินทางมาประชุมสภาผู้แทนราษฎรอยู่แล้ว
ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐสามารถทำงานร่วมกันได้หรือไม่นั้น หรือจะแยกเป็นเอกเทศ
พริษฐ์ระบุว่า ระบบรัฐสภา การทำงานร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่จำเป็นต้องทำงานเหมือนกัน เพราะการตัดสินใจร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลจะต้องมีจุดยืนและนโยบายต้องสอดคล้องกันในระดับหนึ่ง เอกภาพค่อนข้างสูง แต่ฝ่ายค้านคือบรรดาพรรคการเมืองที่เหลืออยู่ที่ไม่ได้อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องปกติมากที่พรรคการเมืองที่เหลืออยู่จะมีนโยบายและแนวทางที่ไม่เหมือนกัน
สำหรับประเด็นที่จะนำมาหารือนั้น
พริษฐ์กล่าวว่า รายละเอียดขอรออย่างเป็นทางการอีกครั้งก่อน แต่ส่วนตัวคิดว่าการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่เหมือนกับการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องตกลงหารือในทุกเรื่อง และแต่ละพรรคมีจุดยืนไม่เหมือนกัน แต่ในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน คิดว่าสิ่งที่มุ่งมั่นตั้งใจ การประชุมสภาจะเปิดไปจนถึงช่วงสงกรานต์ ซึ่งมี 2 เรื่องสำคัญ คือทำหน้าที่ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และมีโควตาในการเปิดอภิปรายทั่วไปลงมติไม่ไว้วางใจ
พริษฐ์กล่าวด้วยว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านแต่ละพรรคย่อมได้รับการคาดหวังจากประชาชนที่จะตรวจสอบรัฐบาล แต่เมื่อชุดอุดมการณ์และนโยบายไม่เหมือนกัน มุมมองในการตรวจสอบอาจแตกต่างกันบ้าง พร้อมกับมองว่าในฐานะพรรคแกนนำฝ่ายค้าน ย้อนดูตั้งแต่สภาชุดที่แล้วมาจนถึงสภาชุดนี้ พรรคประชาชนย้อนไปถึงพรรคก้าวไกล มีการปรับเปลี่ยนพรรคร่วมฝ่ายค้านมาพอสมควร ส่วนตัวคิดว่าในมุมมองของพรรคประชาชน เราก็มีสมาธิเต็มที่ในการทำหน้าที่ แต่อะไรที่ต้องร่วมมือในเชิงธุรการ ในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้าน เราก็ให้ความร่วมมือกัน
พริษฐ์เข้าหารือชูศักดิ์ เห็นตรงกันแก้ประชามติ 2 ครั้ง เชื่อหาก ครม. ยื่นร่างประกบฝ่ายค้าน โอกาสสำเร็จยิ่งเพิ่ม
https://thestandard.co/thai-referendum-amendment-political-negotiation/
วันนี้ (16 ธันวาคม)
ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการหารือกับ
พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร โดยที่ประชุมมีมติว่า
พริษฐ์หารือร่วมกับประธานสภาผู้แทนราษฎรถึงการทำประชามติเพียง 2 ครั้งก็เพียงพอ พร้อมเชิญตัวแทนรัฐบาลเข้าหารือด้วย หากทำประชามติ 2 ครั้งได้ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเสร็จภายในรัฐบาลนี้ ตนเองจึงรับปากว่าจะไปร่วมหารือ
นอกจากนี้จะหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ว่าจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกครั้งหรือไม่ หลังจากที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรเคยไม่บรรจุเข้าวาระ แต่เมื่อ
พริษฐ์ชวนให้รัฐบาลเสนอร่างประกบ จึงบอกว่าขอไปหารือก่อน
ส่วนการทำประชามติ 2 ครั้งจะขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น
ชูศักดิ์กล่าวว่า เดิมมติ ครม. จะให้ทำประชามติ 3 ครั้ง แต่เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้การทำประชามติ 3 ครั้งคงไม่ทัน จึงเกิดความคิดว่าจะทำอย่างไรให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จได้ภายในรัฐบาลชุดนี้
“เพราะฉะนั้นอย่าถามว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของความเห็น อย่างไรก็ตาม ประเด็นอยู่ที่ว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรจะบรรจุร่างหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็จะนำไปสู่การทำประชามติ 2 ครั้งได้” ชูศักดิ์กล่าว
ด้าน
พริษฐ์กล่าวว่า หลังจากเปิดประชุมสภาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา ตนเองและ สส. พรรคประชาชน เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม แก้ไขมาตรา 256 และหมวด 15/1 ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งมี 2 ด่านที่ต้องฝ่าให้ได้ หากทั้งรัฐบาลและ ครม. ให้ความร่วมมือมากเท่าใด โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็จะมีมากขึ้น
“
โดยด่านแรกคือทำอย่างไรให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรยอมบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าวาระ ซึ่งเมื่อยื่นไปอีกครั้ง โดยภายใน 15 วันหรือภายในวันที่ 27 ธันวาคม ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะต้องมีการหารือกับผู้เสนอ และวินิจฉัยว่าจะบรรจุร่างฯ ฉบับนี้หรือไม่ หากทำได้การเดินหน้าจัดทำประชามติก็จะสามารถทำได้ ผมจึงมาขอความร่วมมือจากรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือในด่านแรก”
พริษฐ์กล่าว
พริษฐ์เผยว่า ได้หารือกับ
พงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี ซึ่ง
พงศ์เทพก็จะร่วมหารือในครั้งดังกล่าวด้วย และโดยส่วนตัวมองว่านอกจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนแล้ว หากมีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยหรือร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ ครม. เข้ามาประกบก็จะทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งหากผ่านด่านแรกได้แล้วก็จะเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และเชื่อว่ารัฐบาลจะมีบทบาทสำคัญต่อ สส. ฝั่งรัฐบาล และ สว. เพื่อให้แนวทางดังกล่าวผ่านทั้ง 3 วาระ
ส่วนการหารือกับประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเกิดขึ้นเมื่อใดนั้น ต้องอยู่ที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้กำหนด แต่หากไม่มีข้อติดขัดอะไรร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะถูกบรรจุทันที แต่เนื่องจากเรื่องนี้มีข้อขัดแย้ง จึงคาดว่าจะต้องมีการหารือก่อนบรรจุวาระ
ชาวไร่มันสำปะหลัง โอดปีนี้ขาดทุนยับ ราคาดิ่งเหลือกิโล 1.30 บาท วอนรัฐช่วยเหมือนชาวนา
https://www.matichon.co.th/region/news_4955934
จังหวัดอุทัยธานี ชาวไร่มันสำปะหลังโอด ราคาดิ่งเหลือกิโลละ 1.30 บาท ปีนี้ขาดทุนยับ อยากให้รัฐช่วยเหมือนชาวนาบ้าง
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ที่ จังหวัดอุทัยธานี เกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลังโอดหนัก หลังราคามันสำปะหลังปีนี้ตกฮวบเหลือแค่ กิโลกรัมละ 1.30 บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่ต่ำสุดในรอบ 20 ปี โดยผู้สื่อข่าว ลงพื้นที่ไปยังบ้านถ้ำสนามบินสนามบิน หมู่ที่ 8 ตำบลเขากวางทอง อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่ทำไร่มันสำปะหลังเพื่อส่งขายกันเป็นหลัก
โดย นาย
ขวัญเมือง (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี หนึ่งในเกตรกรที่ปลูกมันสำปะหลังไว้กว่า 20 ไร่ เปิดเผยว่า ในขณะนี้นั้นราคามันหัวสำปะหลังสดนั้นตกต่ำอย่างมาก โดยลานตากมันต่างๆ รับซื้อเพียงกิโลกรัมละ 1.30 บาท เท่านั้นนับว่าในรอบ 20 ปี ตั้งแต่ปลูกมันเลยก็ว่าได้ที่ราคาตกต่ำแบบนี้ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วนั้นราคาที่ลานตากรับซื้อถึงกิโลกรัมละ 2.50 บาท
พอมาปีนี้ถึงกับท้อถอยไม่อยากทำไร่มันสำปะหลังต่อด้วยซ้ำไป โดยบริเวณบ้านถ้ำสนามบินแห่งนี้นั้นมีไร่มันสำปะหลังกว่า 1,000 ไร่ ซึ่งผู้ที่ปลูกมันนั้นเริ่มบ่นตามๆกัน ซึ่งในการลงทุนทำไร่มันสำปะหลังต่อ 1 ไร่ นั้นจะใช้เงินประมาณ 7,000-8,000 บาท พอมาคำนวนเงินที่ลงทุนกับราคามันที่ขายไปนั้น ทำให้ขาดทุนอย่างแน่นอน
ซึ่งหวังจะนำเงินที่ได้มาก้อนนี้ไปใช้หนี้ ธกส.ที่กู้ยืมมาลงทุนมาทำไร่กัน แต่พอมาเจอราคาแบบนี้อาจจะต้องมีหนี้เพิ่มกันไปอีก ที่ผ่านมาก็ต้องเจอกับปัญหาเรื่องแล้งและโรคที่มาทำให้มันสำปะหลังนั้นตายบ้างแต่ก็ทนสู้เรื่อยมาแต่พอมาเจอราคาแบบนี้แทบจะแย่กันเป็นแถว ซึ่งหากราคายังตกต่ำแบบนี้ก็ต้องปรับเปลี่ยนไร่มันสำปะหลังไปปลูกอย่างอื่นที่ดีกว่าอย่างแน่นอน ซึ่งอยากให้ทางรัฐบาลมีการช่วยเหลือเยียวยาชาวไร่ เหมือนกับที่ช่วยชาวนาบ้าง นาย
ขวัญเมืองฯ กล่าว
ปิดไปเยอะแล้ว! เจ้าของบริษัทผลิตอาหารยักษ์ใหญ่ชื่อดัง ไม่เห็นด้วยรัฐบาลเตรียมปรับขึ้นค่าแรง
https://www.dailynews.co.th/news/4193249/
ซีอีโอ บริษัทอาหารทะเลส่งออกรายใหญ่ ติดอันดับ 10 ใน จ.ตรัง ยันไม่เห็นด้วยรัฐบาล "นายกฯ อิ๊งค์" เตรียมปรับขึ้นค่าแรงงาน แนะควรมีความเข้มแข็งในการบริหารบ้านเมืองมากนี้
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นาย
บุญชู ศัยศักดิ์พงษ์ ซีอีโอ บริษัทตรังผลิตภัณฑ์อาหารทะเล จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งรายใหญ่ของ จ.ตรัง ติดอันดับ 10 จาก 16 อันดับของภาคใต้ มีมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท โดยทางบริษัทฯ ส่งอาหารทะเลแปรรูปไปในหลายประเทศ เช่น ประเทศจีน ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะเป็นกุ้ง ที่รับซื้อภายในจังหวัดและต่างจังหวัด เนื่องจากขณะนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งลดลงเป็นอย่างมาก มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ที่ผ่านมา จ.ตรัง มีการเลี้ยงกุ้งประมาณ 6 แสนตันต่อปี แต่ในขณะนี้มีเพียง 2 แสน 7 หมื่นตันต่อปี และมีทีท่าว่าจะลดลงอีก
ในขณะที่กุ้งของเกษตรกรที่จับมาจำหน่ายก็มีตัวเล็กลง เพราะว่าเกษตรกรต้องรีบจับมาขาย เพื่อป้องกันการขาดทุน ส่วนที่ส่งออกอีกชนิดก็จะเป็นเนื้อปลาแซลมอน ซึ่งเนื้อปลาแซลมอนต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ มีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง ซึ่งการส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งนั้น ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีไปจนถึงปีหน้า ก็ถือว่ายังทรงตัวอยู่ได้ ปัจจัยหลักๆ นั้นมาจากปัญหาทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ทำให้กำลังซื้อลดลงไปบ้าง
ส่วนของการปรับค่าแรง 400 บาท หรือมีบางกระแสต่อไปจะปรับค่าแรงถึง 700 บาทนั้น ในปัจจุบันนี้มองว่ายังไม่สมควรที่จะมีการปรับขึ้นค่าแรง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังไม่ดี การบริหารงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม ประชาชนก็ขาดกำลังซื้อ เงินในกระเป๋าของประชาชนแทบจะไม่เหลือ เพียงแค่กระแสการปรับค่าแรงก็ส่งผลให้ราคาสินค้าบางชนิดมีการปรับขึ้นไปรอกันแล้ว อีกทั้งการปรับค่าแรงยังส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ ซึ่งก็มีหลายโรงงานแล้วที่ประกาศปิดโรงงาน ทำให้พนักงานตกงานจำนวนมาก อีกทั้งประชาชนผู้บริโภคเองก็ได้รับผลกระทบหากมีการปรับค่าแรง สินค้าก็ต้องแพงขึ้นไปอีก ส่วนตัวมองว่านายกรัฐมนตรีควรมีความเข้มแข็งในการบริหารบ้านเมืองมากนี้
เพราะว่าที่ผ่านมาประชาชนนั้นในระดับรากหญ้าหรือระดับกลาง มีรายได้ลดลงอย่างมาก เมื่อประชาชนไม่มีรายได้เพิ่มขึ้น การจับจ่ายซื้อสินค้าก็ลดลงตามไปด้วย ดังนั้นนายกรัฐมนตรีต้องเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยเร็ว และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการแก้ปัญหา ก่อนที่ประชาชนจะมีความลำบากไปมากกว่านี้ และขาดความเชื่อมั่นในการบริหารงานรัฐบาล ที่ไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการได้.
JJNY : 5in1 พริษฐ์เชื่อเป็นเรื่องปกติ│พริษฐ์หารือชูศักดิ์│ชาวไร่มันโอด│ไม่เห็นด้วยขึ้นค่าแรง│ยูเครนแฉทหารเกาหลีเหนือตาย
https://thestandard.co/parit-comments-pprp-dinner-opposition-normal-differences/
วันนี้ (16 ธันวาคม) พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงการนัดหมายรับประทานอาหารร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยระบุว่า พรรคร่วมเองต้องประสานทำงานกันอย่างใกล้ชิด เพราะพรรคที่ไม่ได้อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรคอาจมีอุดมการณ์และนโยบายที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ จึงต้องพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการเป็นระยะ เพื่อให้การทำงานเชิงธุรการเกิดความราบรื่น
อย่างไรก็ตาม พริษฐ์ระบุว่า ยังไม่ทราบในรายละเอียดว่าจะมีพรรคใดเข้าร่วมบ้าง แต่ก็ยึดตามพรรคที่อยู่ในวิปฝ่ายค้าน พร้อมมองว่าการที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะไม่เข้าร่วมการหารือครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะ พล.อ. ประวิตร แทบจะไม่ได้เดินทางมาประชุมสภาผู้แทนราษฎรอยู่แล้ว
ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐสามารถทำงานร่วมกันได้หรือไม่นั้น หรือจะแยกเป็นเอกเทศ พริษฐ์ระบุว่า ระบบรัฐสภา การทำงานร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่จำเป็นต้องทำงานเหมือนกัน เพราะการตัดสินใจร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลจะต้องมีจุดยืนและนโยบายต้องสอดคล้องกันในระดับหนึ่ง เอกภาพค่อนข้างสูง แต่ฝ่ายค้านคือบรรดาพรรคการเมืองที่เหลืออยู่ที่ไม่ได้อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องปกติมากที่พรรคการเมืองที่เหลืออยู่จะมีนโยบายและแนวทางที่ไม่เหมือนกัน
สำหรับประเด็นที่จะนำมาหารือนั้น พริษฐ์กล่าวว่า รายละเอียดขอรออย่างเป็นทางการอีกครั้งก่อน แต่ส่วนตัวคิดว่าการทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่เหมือนกับการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องตกลงหารือในทุกเรื่อง และแต่ละพรรคมีจุดยืนไม่เหมือนกัน แต่ในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน คิดว่าสิ่งที่มุ่งมั่นตั้งใจ การประชุมสภาจะเปิดไปจนถึงช่วงสงกรานต์ ซึ่งมี 2 เรื่องสำคัญ คือทำหน้าที่ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และมีโควตาในการเปิดอภิปรายทั่วไปลงมติไม่ไว้วางใจ
พริษฐ์กล่าวด้วยว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านแต่ละพรรคย่อมได้รับการคาดหวังจากประชาชนที่จะตรวจสอบรัฐบาล แต่เมื่อชุดอุดมการณ์และนโยบายไม่เหมือนกัน มุมมองในการตรวจสอบอาจแตกต่างกันบ้าง พร้อมกับมองว่าในฐานะพรรคแกนนำฝ่ายค้าน ย้อนดูตั้งแต่สภาชุดที่แล้วมาจนถึงสภาชุดนี้ พรรคประชาชนย้อนไปถึงพรรคก้าวไกล มีการปรับเปลี่ยนพรรคร่วมฝ่ายค้านมาพอสมควร ส่วนตัวคิดว่าในมุมมองของพรรคประชาชน เราก็มีสมาธิเต็มที่ในการทำหน้าที่ แต่อะไรที่ต้องร่วมมือในเชิงธุรการ ในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้าน เราก็ให้ความร่วมมือกัน
พริษฐ์เข้าหารือชูศักดิ์ เห็นตรงกันแก้ประชามติ 2 ครั้ง เชื่อหาก ครม. ยื่นร่างประกบฝ่ายค้าน โอกาสสำเร็จยิ่งเพิ่ม
https://thestandard.co/thai-referendum-amendment-political-negotiation/
วันนี้ (16 ธันวาคม) ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการหารือกับ พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร โดยที่ประชุมมีมติว่าพริษฐ์หารือร่วมกับประธานสภาผู้แทนราษฎรถึงการทำประชามติเพียง 2 ครั้งก็เพียงพอ พร้อมเชิญตัวแทนรัฐบาลเข้าหารือด้วย หากทำประชามติ 2 ครั้งได้ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเสร็จภายในรัฐบาลนี้ ตนเองจึงรับปากว่าจะไปร่วมหารือ
นอกจากนี้จะหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ว่าจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกครั้งหรือไม่ หลังจากที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรเคยไม่บรรจุเข้าวาระ แต่เมื่อพริษฐ์ชวนให้รัฐบาลเสนอร่างประกบ จึงบอกว่าขอไปหารือก่อน
ส่วนการทำประชามติ 2 ครั้งจะขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ชูศักดิ์กล่าวว่า เดิมมติ ครม. จะให้ทำประชามติ 3 ครั้ง แต่เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้การทำประชามติ 3 ครั้งคงไม่ทัน จึงเกิดความคิดว่าจะทำอย่างไรให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จได้ภายในรัฐบาลชุดนี้
“เพราะฉะนั้นอย่าถามว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของความเห็น อย่างไรก็ตาม ประเด็นอยู่ที่ว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรจะบรรจุร่างหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็จะนำไปสู่การทำประชามติ 2 ครั้งได้” ชูศักดิ์กล่าว
ด้านพริษฐ์กล่าวว่า หลังจากเปิดประชุมสภาเมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา ตนเองและ สส. พรรคประชาชน เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม แก้ไขมาตรา 256 และหมวด 15/1 ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งมี 2 ด่านที่ต้องฝ่าให้ได้ หากทั้งรัฐบาลและ ครม. ให้ความร่วมมือมากเท่าใด โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็จะมีมากขึ้น
“โดยด่านแรกคือทำอย่างไรให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรยอมบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าวาระ ซึ่งเมื่อยื่นไปอีกครั้ง โดยภายใน 15 วันหรือภายในวันที่ 27 ธันวาคม ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะต้องมีการหารือกับผู้เสนอ และวินิจฉัยว่าจะบรรจุร่างฯ ฉบับนี้หรือไม่ หากทำได้การเดินหน้าจัดทำประชามติก็จะสามารถทำได้ ผมจึงมาขอความร่วมมือจากรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือในด่านแรก” พริษฐ์กล่าว
พริษฐ์เผยว่า ได้หารือกับ พงศ์เทพ เทพกาญจนา ที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี ซึ่งพงศ์เทพก็จะร่วมหารือในครั้งดังกล่าวด้วย และโดยส่วนตัวมองว่านอกจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนแล้ว หากมีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยหรือร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ ครม. เข้ามาประกบก็จะทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งหากผ่านด่านแรกได้แล้วก็จะเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และเชื่อว่ารัฐบาลจะมีบทบาทสำคัญต่อ สส. ฝั่งรัฐบาล และ สว. เพื่อให้แนวทางดังกล่าวผ่านทั้ง 3 วาระ
ส่วนการหารือกับประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเกิดขึ้นเมื่อใดนั้น ต้องอยู่ที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้กำหนด แต่หากไม่มีข้อติดขัดอะไรร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะถูกบรรจุทันที แต่เนื่องจากเรื่องนี้มีข้อขัดแย้ง จึงคาดว่าจะต้องมีการหารือก่อนบรรจุวาระ
ชาวไร่มันสำปะหลัง โอดปีนี้ขาดทุนยับ ราคาดิ่งเหลือกิโล 1.30 บาท วอนรัฐช่วยเหมือนชาวนา
https://www.matichon.co.th/region/news_4955934
จังหวัดอุทัยธานี ชาวไร่มันสำปะหลังโอด ราคาดิ่งเหลือกิโลละ 1.30 บาท ปีนี้ขาดทุนยับ อยากให้รัฐช่วยเหมือนชาวนาบ้าง
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ที่ จังหวัดอุทัยธานี เกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลังโอดหนัก หลังราคามันสำปะหลังปีนี้ตกฮวบเหลือแค่ กิโลกรัมละ 1.30 บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่ต่ำสุดในรอบ 20 ปี โดยผู้สื่อข่าว ลงพื้นที่ไปยังบ้านถ้ำสนามบินสนามบิน หมู่ที่ 8 ตำบลเขากวางทอง อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่ทำไร่มันสำปะหลังเพื่อส่งขายกันเป็นหลัก
โดย นายขวัญเมือง (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี หนึ่งในเกตรกรที่ปลูกมันสำปะหลังไว้กว่า 20 ไร่ เปิดเผยว่า ในขณะนี้นั้นราคามันหัวสำปะหลังสดนั้นตกต่ำอย่างมาก โดยลานตากมันต่างๆ รับซื้อเพียงกิโลกรัมละ 1.30 บาท เท่านั้นนับว่าในรอบ 20 ปี ตั้งแต่ปลูกมันเลยก็ว่าได้ที่ราคาตกต่ำแบบนี้ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วนั้นราคาที่ลานตากรับซื้อถึงกิโลกรัมละ 2.50 บาท
พอมาปีนี้ถึงกับท้อถอยไม่อยากทำไร่มันสำปะหลังต่อด้วยซ้ำไป โดยบริเวณบ้านถ้ำสนามบินแห่งนี้นั้นมีไร่มันสำปะหลังกว่า 1,000 ไร่ ซึ่งผู้ที่ปลูกมันนั้นเริ่มบ่นตามๆกัน ซึ่งในการลงทุนทำไร่มันสำปะหลังต่อ 1 ไร่ นั้นจะใช้เงินประมาณ 7,000-8,000 บาท พอมาคำนวนเงินที่ลงทุนกับราคามันที่ขายไปนั้น ทำให้ขาดทุนอย่างแน่นอน
ซึ่งหวังจะนำเงินที่ได้มาก้อนนี้ไปใช้หนี้ ธกส.ที่กู้ยืมมาลงทุนมาทำไร่กัน แต่พอมาเจอราคาแบบนี้อาจจะต้องมีหนี้เพิ่มกันไปอีก ที่ผ่านมาก็ต้องเจอกับปัญหาเรื่องแล้งและโรคที่มาทำให้มันสำปะหลังนั้นตายบ้างแต่ก็ทนสู้เรื่อยมาแต่พอมาเจอราคาแบบนี้แทบจะแย่กันเป็นแถว ซึ่งหากราคายังตกต่ำแบบนี้ก็ต้องปรับเปลี่ยนไร่มันสำปะหลังไปปลูกอย่างอื่นที่ดีกว่าอย่างแน่นอน ซึ่งอยากให้ทางรัฐบาลมีการช่วยเหลือเยียวยาชาวไร่ เหมือนกับที่ช่วยชาวนาบ้าง นายขวัญเมืองฯ กล่าว
ปิดไปเยอะแล้ว! เจ้าของบริษัทผลิตอาหารยักษ์ใหญ่ชื่อดัง ไม่เห็นด้วยรัฐบาลเตรียมปรับขึ้นค่าแรง
https://www.dailynews.co.th/news/4193249/
ซีอีโอ บริษัทอาหารทะเลส่งออกรายใหญ่ ติดอันดับ 10 ใน จ.ตรัง ยันไม่เห็นด้วยรัฐบาล "นายกฯ อิ๊งค์" เตรียมปรับขึ้นค่าแรงงาน แนะควรมีความเข้มแข็งในการบริหารบ้านเมืองมากนี้
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายบุญชู ศัยศักดิ์พงษ์ ซีอีโอ บริษัทตรังผลิตภัณฑ์อาหารทะเล จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งรายใหญ่ของ จ.ตรัง ติดอันดับ 10 จาก 16 อันดับของภาคใต้ มีมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท โดยทางบริษัทฯ ส่งอาหารทะเลแปรรูปไปในหลายประเทศ เช่น ประเทศจีน ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะเป็นกุ้ง ที่รับซื้อภายในจังหวัดและต่างจังหวัด เนื่องจากขณะนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งลดลงเป็นอย่างมาก มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ที่ผ่านมา จ.ตรัง มีการเลี้ยงกุ้งประมาณ 6 แสนตันต่อปี แต่ในขณะนี้มีเพียง 2 แสน 7 หมื่นตันต่อปี และมีทีท่าว่าจะลดลงอีก
ในขณะที่กุ้งของเกษตรกรที่จับมาจำหน่ายก็มีตัวเล็กลง เพราะว่าเกษตรกรต้องรีบจับมาขาย เพื่อป้องกันการขาดทุน ส่วนที่ส่งออกอีกชนิดก็จะเป็นเนื้อปลาแซลมอน ซึ่งเนื้อปลาแซลมอนต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ มีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง ซึ่งการส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งนั้น ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีไปจนถึงปีหน้า ก็ถือว่ายังทรงตัวอยู่ได้ ปัจจัยหลักๆ นั้นมาจากปัญหาทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ทำให้กำลังซื้อลดลงไปบ้าง
ส่วนของการปรับค่าแรง 400 บาท หรือมีบางกระแสต่อไปจะปรับค่าแรงถึง 700 บาทนั้น ในปัจจุบันนี้มองว่ายังไม่สมควรที่จะมีการปรับขึ้นค่าแรง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังไม่ดี การบริหารงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม ประชาชนก็ขาดกำลังซื้อ เงินในกระเป๋าของประชาชนแทบจะไม่เหลือ เพียงแค่กระแสการปรับค่าแรงก็ส่งผลให้ราคาสินค้าบางชนิดมีการปรับขึ้นไปรอกันแล้ว อีกทั้งการปรับค่าแรงยังส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ ซึ่งก็มีหลายโรงงานแล้วที่ประกาศปิดโรงงาน ทำให้พนักงานตกงานจำนวนมาก อีกทั้งประชาชนผู้บริโภคเองก็ได้รับผลกระทบหากมีการปรับค่าแรง สินค้าก็ต้องแพงขึ้นไปอีก ส่วนตัวมองว่านายกรัฐมนตรีควรมีความเข้มแข็งในการบริหารบ้านเมืองมากนี้
เพราะว่าที่ผ่านมาประชาชนนั้นในระดับรากหญ้าหรือระดับกลาง มีรายได้ลดลงอย่างมาก เมื่อประชาชนไม่มีรายได้เพิ่มขึ้น การจับจ่ายซื้อสินค้าก็ลดลงตามไปด้วย ดังนั้นนายกรัฐมนตรีต้องเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยเร็ว และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการแก้ปัญหา ก่อนที่ประชาชนจะมีความลำบากไปมากกว่านี้ และขาดความเชื่อมั่นในการบริหารงานรัฐบาล ที่ไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการได้.