นางฟ้าเปื้อนเลือด ตอนที่ 21

กระทู้คำถาม
อากาศข้นขึ้นราวความตึงเครียดครอบงำทุกอย่างไว้ ความจริงที่พวกพอลไลน์ต้องการไม่ได้สว่างสดใสเมื่อพ่อของพวกเขายืนอยู่ข้างฝ่ายมืด คราวแรกเฟเรซิสคิดว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่ตอนนี้ไม่แล้ว พ่อของพวกพอลไลน์เป็นผู้ต้องสงสัยวางแผนฆ่าพ่อของโทนาช!
 
            หญิงสาวจำได้ว่าพ่อของพอลไลน์ทำงานกับองค์กรเหมือนพ่อของโทนาช คำถามแรกคือเกิดอะไรขึ้นกับสามคนนั้นทำให้เรื่องดำเนินมาไกลขนาดนี้ หากพอลไลน์กับพีเตอร์สอบถามพวกพลทหารย่อมพามาส่งถึงหน้าประตูทำให้มีเวลาไม่มากนัก โทนาชกระชับบทสนทนาในทันที
 
            “สองคนนั้นเปลี่ยนขั้วตอนทำงานในองค์กร พวกเขาทำหน้าที่คัดกรองและรวบรวมกำลังจากเผ่าพันธุ์ซึ่งไม่เป็นมิตรกับเราไปให้ฝ่ายมืด” โทนาชทำท่าไม่อยากพูดถึงพ่อตนนัก “พ่อของข้าเกริ่นว่าอยากให้ศูนย์กลางเข้าไปสอบตรวจองค์กรโดยเฉพาะสองคนนั้นแต่ก็ไม่ได้ทำจนท้ายสุด ข้าไม่มีหลักฐานหรอกว่าเป็นฝีมือพวกเขา”
 
            เฟเรซิสข้ามเรื่องส่วนตัวของอดีตหัวหน้าเพราะไม่สำคัญ
 
            “แต่ท่านก็ไปฆ่าพวกเขางั้นหรือ!” เฟเรซิสไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นเส้นตรงอย่างนี้ โทนาชส่ายหน้าอย่างขุ่นใจที่หญิงสาวกล่าวหาว่าปล่อยตัวทำตามอารมณ์
 
            “ตอนแรกก็คิดจะดำเนินการสอบสวนแต่เกิดจลาจลขึ้น เผ่าปิศาจน้ำกับพรายก่อปัญหา ข้าไปสงบเหตุกับทหารกลุ่มหนึ่ง เวทมนตร์ของข้าทำให้ทั้งหมดยอมจำนนแต่มันไปทำปฏิกิริยากับเครื่องรักษาความปลอดภัยพื้นฐานจนเกิดระเบิดลูกโซ่ เมื่อพลทหารเข้าช่วยก็สายเกินไป สะเก็ดระเบิดฝังส่วนสำคัญต่อให้ใช้เวทมนตร์รักษาก็ต้องตกเลือดตายอยู่ดี”
 
            “ทำไมเหตุผลมันอ่อนยังกับแป้งเปียก!” เฟเรซิสไม่อยากเชื่อว่าวันนี้จะต้องสบถคำหยาบโดยไม่หยุดยั้ง “ท่านโยงการตายของพ่อเข้ากับฝ่ายมืด ส่วนพ่อของพอลไลน์ก็ตายเพราะอุบัติเหตุ มันไม่มีเบื้องหลังอะไรเลย ไม่มีอะไรอยู่หลังกอไผ่ทั้งนั้น!” 
 
            “ปัญหาคือสองคนนั้นอยู่ในสถานะไม่มั่นคงสามารถย้ายข้างได้ตามใจชอบ อยากรอให้มีความเชื่อใจได้มากกว่าตอนแรก เราต่างรู้กันว่ามนุษย์เปลี่ยนใจง่ายเหมือนเราเปลี่ยนรองเท้า” โทนาชเสริมว่าตนมีส่วนในการตายของพ่อพวกพอลไลน์ไม่ว่าจะมีความแค้นหรือไม่ 
 
            “พวกเขาต้องการความจริงมากกว่าการนองเลือด!” เฟเรซิสแสดงความเข้าใจมนุษย์มากกว่าโทนาช “แบบนี้ไม่ต่างกับเราหลอกใช้เลยสักนิด!” 
 
            โทนาชคิดหนักเสมอเมื่อมีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง หลายครั้งแผนของศูนย์กลางเดินหน้าได้ด้วยมือของมนุษย์ แต่บางครั้งก็พังทลายไม่เหลือซาก เผ่าพันธุ์มีสติปัญญาเกือบทั้งหมดล้วนคาดเดาแนวโน้มการกระทำได้ยกเว้นพวกนี้ 
 
            “พวกเขาอาจเศร้า อาจลังเลสงสัย อาจโกรธแค้น แต่หน้าที่ของเราคือช่วยทุกคนรวมถึงมนุษย์! ต่อให้พวกเขาถูกเป่าหูจนเข้าใจผิดเราก็ต้องช่วยเหลือให้กลับมา นี่คือเจตจำนงของศูนย์กลาง...แย่แล้ว ผู้บัญชาการลืมการเชื่อใจคนอื่น บางทีข้าอาจยังหลับบนเปลเสริมเฮงซวยนั่น แค่ลืมตาที่เราคุยมาก็หายวับได้ทันที"
 
            “ไม่ต้องตีโพยตีพายขนาดนั้นหรอก ข้าบอกเจ้าหนุ่มนั่นแล้วว่าเป็นอุบัติเหตุมากกว่าเจตนาฆ่าถึงยังมีความข้องใจอยู่ ความจริงเรื่องพ่อของเขาเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องการพยานยืนยันไม่อย่างนั้นจะเป็นการกล่าวหา”
 
            เวลาหมดเร็วเกินคาด พลทหารนายหนึ่งเคาะประตูห้องบอกว่าพอลไลน์กับพีเตอร์มารอพบในห้องรับรอง...
 
 
            พอลไลน์กับพีเตอร์แทบอดทนรอไม่ไหว เฟเรซิสคาดว่าเขาคงใช้มนตร์เคลื่อนย้ายมาทันทีที่ได้รับการเตือน หญิงสาวขอให้ทหารนายอื่นออกไปรอข้างนอกส่วนโทนาชหยุดเรื่องให้นักโทษเป็นพยานรู้เห็นเอาไว้จนท้ายที่สุด
 
            “ขอโทษที่ทำให้รอนาน หมอนี่บอกว่าพร้อมแล้ว” เฟเรซิสนั่งหัวโต๊ะเป็นผู้คุมการสนทนา
 
            “ไม่เป็นไร เขาบอกแล้วว่าเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ แต่มีความสำคัญ คงไม่ดุเดือดนักหรอก” พอลไลน์แก้เก้อว่าไม่ควรให้เป็นทางการมากนัก
 
            ข้อมูลเบื้องหลังถูกบอกเล่าโดยอดีตผู้บัญชาการแห่งศูนย์กลาง พ่อของทั้งคู่รับคำเชิญเข้าฝ่ายมืดด้วยเหตุผลบางอย่าง งานที่ได้รับคือเปิดช่องทางส่งพวกหลงผิดไปรวมกับฝ่ายเทพปิศาจ ด้วยตำแหน่งในองค์กรซึ่งมีการพบปะสิ่งมีชีวิตหลากหลายเพื่อการทดลองด้านพฤติกรรมทำให้หน้าที่ดังกล่าวราบรื่น แม้ไม่ได้ทำร้ายคนอื่นโดยตรงแต่มีส่วนสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เฟเรซิสหันไปมองโทนาชว่าเหตุใดจึงพูดราวกับจงใจสังหารเพื่อแก้แค้นให้พ่อของตน
 
            “ท่านรับสมอ้างว่าสังหารพวกเขาหรือ ฆ่าคนร้ายยังไงก็คือการฆ่า ท่านคงเข้าใจดี” พอลไลน์ใช้มือซ้ายจับบ่าพีเตอร์ให้นั่งรอเงียบ ๆ “เมืองเกียนมีเรื่องเล่าว่าเกิดขึ้นได้เพราะเสาค้ำจุนทั้งสอง ทำแบบนี้ถือว่าทรยศต่อบ้านเกิด ปกติแล้วทางศูนย์กลางทำอย่างไรกับคนทรยศ”
            เฟเรซิสยอมรับว่าตนไม่ฉลาดนักแต่บางอย่างในการพูดคุยมันมีส่วนเสี้ยวของการลองใจอีกฝ่าย โทนาชรู้ว่าพอลไลน์เป็นคนคุยง่าย ส่วนพอลไลน์ก็เห็นโทนาชเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ นางไม่ยอมให้พวกเขาพาการสนทนาไปสู่สิ่งที่ตนเอื้อมไม่ถึงเด็ดขาด!
 
            “จับขัง สอบสวน หากทำให้กลับมาเต็มตัวไม่ได้ก็ต้องจับตามอง” หญิงสาวแทรกกลางอย่างไร้เยื่อใย การสนทนาอันเต็มไปด้วยการลองเชิงจำใจต้องหยุดให้ความพยายามอันไร้แก่นสาร
 
            “พอดีกว่าท่านผู้บัญชาการ ข้าไม่อยากเห็นนางกลายเป็นตัวตลก” พอลไลน์ยอมแพ้ในที่สุด จากสีหน้าเคร่งเครียดกลับมาเป็นปกติ “ที่เรามาถึงทวีปเทพเพราะมีเวทมนตร์ตกค้างในศพมากจนน่าสงสัย ถ้ามีเหตุผลอธิบายมากพอก็พร้อมหยุดไว้แค่นี้ มนุษย์ไม่ฆ่าคนอื่นเพราะทำเสียงดังจนหินถล่มใส่คนในครอบครัวหรอก”
 
            “ยังอยากได้หลักฐานอยู่ดี สองคนนั้นได้รับการนับถือไม่น่าหันเหไปเข้ากับเทพปิศาจได้”  พีเตอร์ไม่ยอมหยุดง่าย ๆ จนพอลไลน์เข้ามาปรามด้วยตัวเอง
 
            “มีสัญญาณมาหลายเดือนก่อนหน้านั้นแล้ว เขาสองคนหมกมุ่นกับเรื่องที่ไม่ควรก้าวล่วงอย่างเทพปิศาจกับเสาค้ำจุน ต่อมาก็ตัดขาดครอบครัวและเมืองโดยไม่ติดต่อหัวหน้าตระกูลกับผู้เฒ่าเหมือนเคย เราเชื่อว่าพวกเขาแค่งานยุ่งไม่คิดว่าจะเปลี่ยนไปขนาดนี้” 
 
            พีเตอร์ปากไวเสมอแต่เป็นผู้มีการศึกษาจึงหยุดเพื่อคิดตามเพื่อนทีละขั้น พอจะอ้าปากพอลไลน์ก็จัดแจงพูดแทนจนหมด
 
            “เห็นว่าเขาจับฝ่ายนั้นบางคนได้ เดี๋ยวเราไปคุยกับพวกนี้ต่อถ้าต้องการ” พอลไลน์ชี้ให้เห็นว่าโทนาชเตรียมพยานไว้แล้ว จากนั้นก็หันมาคุยอีกทางต่อ “แล้วท่านคาดหวังว่าพวกเราจะตอบอย่างไร สานต่อการแก้แค้นหรือไง”
 
            “ปกติศูนย์กลางเจอแต่พวกก่อเรื่องก็เลยอยากทดสอบดู ส่วนนี้เสาค้ำจุนสูงสุดอาจถูกก็ได้” โทนาชสร้างคำถามให้ทุกคนในวงสนทนา “ไม่ได้อยากให้ยืดเยื้อแบบนี้หรอกแค่ไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ จากนี้พวกท่านจะหยุดหรือร่วมกับเราต่อก็ได้ หน้าที่ปกป้องชีวิตเป็นของเผ่าเทพ แต่เราไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือเช่นกัน”
 
            สองหนุ่มหันไปคุยกันด้วยเสียงกระซิบจนได้ข้อตกลงว่าจะอยู่ช่วยจนกว่าจะจบเรื่องทั้งหมด 
 
            “ในเมื่อลงเรือเดียวกันมาขนาดนี้ก็ต้องไปต่อละ เลสลีย์คงไม่บ่นเหมือนกัน แต่ขออะไรสักอย่าง” พอลไลน์หันสบตาเฟเรซิสเหมือนบอกว่าจงใจละเรื่องส่วนตัวเอาไว้ “ช่วยทำลายหมอกมนตราที่ล้อมรอบเมืองเกียนได้ไหม มันปกป้องเมืองจากผู้คิดร้ายทำให้พวกความรู้โน่นนี่พลอยถูกสกัดกั้นไปด้วย ความคิดพลิกแพลงของพวกขี้โกงบางครั้งก็น่าศึกษา ถ้ามีสิ่งไม่ดีเข้ามาเราจะทำลายเอง!”
 
            คำขอของพอลไลน์ทำให้โทนาชนิ่งอย่างคาดไม่ถึง อดีตผู้บัญชาการแห่งศูนย์กลางตอบไม่ได้ทันทีเพราะต้องไปถามผู้สร้างโดยตรง แต่มีแนวโน้มว่ามันจะถูกลบเมื่อถึงเวลา พีเตอร์รีบถามเรื่องพูดคุยนักโทษทันที 
 
            “ไปกันเถอะ จะต้องเตรียมตัวก่อนถูกพวกตาแก่สาดคำถามใส่ตอนกลับไปศูนย์กลาง ขอคุยกับวิเรียนก่อนน่าจะดี” เฟเรซิสขอไม่ร่วมสอบสวนนักโทษกับพอลไลน์อีกครั้ง และนางควรพักให้ปอดกลับเข้าที่ด้วย...
 
            วิเรียนแผ่รังสีแห่งความไม่พอใจเมื่อผ่านประตูหน้าเพราะทุกอย่างผิดแผนไปหมดนับตั้งแต่อดีตผู้บัญชาการ ผู้รักษาการตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุด รวมไปถึงพลทหารที่ไม่สามารถคุมสถานการณ์ได้ เฟเรซิสรับหน้าเสื่อกล่อมนางให้ใจเย็นลง
 
            “ไปว่าพวกนั้นไม่ได้หรอก ขนาดข้ายังทำได้แค่สร้างรอยร้าวนิดเดียวบนกำแพงนั่น” เฟเรซิสยอมให้ตัวเองกินอาหารกลางวันเร็วกว่าปกติ การใช้เวทมนตร์กับกล้ามเนื้อกินพลังงานมากกว่าปกติหลายเท่าทำให้ต้องรีบหาของใส่ท้อง วิเรียนมองอย่างหมดหวังเรื่องระเบียบวินัยจากเก้าอี้อีกฟากของห้องน้ำชา
 
            “ถ้าเขาใจเย็นคงวางแผนให้ทหารจับกุมก่อนเผย ค่าเสียหายคงต้องตัดจากเงินเดือนติดค้างของหมอนั่นเพราะไม่คิดก่อนทำ” วิเรียนตั้งเป้าตัดเงินเดือนคงค้างของโทนาชให้เหลือศูนย์ “เรื่องเจ้าไม่ไปรักษามันจะต้องแดงอยู่แล้ว ข้าพอแถให้ได้ว่าเกิดเรื่องก่อนรถม้าออกจากท่าทำให้ต้องไปทำตามหน้าที่เป็นอันดับแรก จะได้ไม่มีการกดดันแทรกแซงก่อนข้าขึ้นรับตำแหน่ง ถ้าวันนั้นมาถึงให้พวกสูงวัยรวมตัวกันก็หยุดไม่ได้หรอก” 
 
            ว่าที่ผู้บัญชาการสูงสุดบอกว่าไม่ได้อะไรจากการสอบสวนมากตามที่เฟเรซิสรู้อยู่แล้วว่าถูกล้างสมองโดยสมบูรณ์ เรื่องคุยเล่นอย่างให้ศูนย์กลางทำโฆษณาชวนเชื่อถูกปัดตกก่อนหญิงสาวเก็บจานชามเตรียมส่งคืนร้าน
 
            “ตราบใดที่ยังไม่ออกจากตำแหน่งก็ต้องทำตามระเบียบ จะให้นายกองประจำเมืองนี้ทำรายงานส่งให้ เจ้าจะต้องทำรายงานจากมุมมองของตัวเองจากนั้นให้เย็บทั้งสองชุดเก็บไว้เป็นหลักฐาน ได้ยินว่าแยกประเภทเอกสารได้ชุ่ยมากเลยนี่”
 
            เฟเรซิสไม่ชอบงานเอกสารเท่าไรนัก นางสายตาสั้นและใจร้อนจนเรียงเอกสารโน่นนี่ผสมปนเปยุ่งเหยิง โชคดีอยู่บ้างที่หญิงสาวไม่ได้ทำหน้าที่จัดเก็บคลังข้อมูลโดยตรง พอพูดถึงระเบียบคำถามเกี่ยวกับอดีตผู้บัญชาการก็ผุดขึ้นมา
 
            “วิเรียน น่าเสียดายนะถ้าปล่อยโทนาชไปอย่างนี้ เขามีค่าควรให้กลับเข้าตำแหน่งเดิมไม่ก็เป็นที่ปรึกษา เขาอาจทำผิดแต่ใครบ้างไม่เคยพลาด โครงการโอกาสที่สองช่วยดึงให้อยู่กับศูนย์กลางได้ไหม” 
 
            “เขาบอกว่ารับไม่ได้” วิเรียนแทบไม่ใช้เวลาคิด “มั่นใจว่าเขาไม่ได้หยิ่งจนไม่รับโอกาสจากเรา คนมากมายในโครงการนี้ถูกเขาจับตัวแต่ไม่ได้มีความแค้นต่อกันชัดเจนจนกลัวพบหน้า คงมีเหตุผลเหมือนทุกครั้งแค่พูดไม่ได้” 
 
            เฟเรซิสคิดว่าจะเอาจานไปคืนร้านด้วยตัวเองจะได้ซื้อของทานเล่นเพิ่ม ทว่าสิ่งคาใจยังมีอยู่อีก โทนาชกับวิเรียนอาจวางแผนดึงนางให้ช่วยงานต่อจนไม่ได้ไปอยู่ที่เกียนตามความต้องการส่วนตัว ว่าที่ผู้บัญชาการสูงสุดยืนยันกระต่ายขาเดียวว่าไม่มีความคิดบังคับให้อยู่ต่อ ที่เคยพูดเป็นการเสนอไม่ใช่กดดัน
 
            “ปัญหาคือโทนาชกำลังทำอะไร เอาไว้กังวลตอนหางโผล่ยังไม่สาย” วิเรียนเอ่ยปากขอออกไปเดินด้วยเมื่อพูดจบ เฟเรซิสไม่ค่อยอยากไปด้วยกันสองคนแต่มีเพื่อนคุยย่อมดีกว่าไม่มี  
 
            เมื่อจะออกจากอาคารของศูนย์รักษาความสงบทหารนายหนึ่งก็นำข้อความจากพอลไลน์ อีกหนึ่งชั่วโมงหญิงสาวทั้งสองจะต้องเข้าประชุมกับอีกสามคนที่เหลือว่าด้วยขั้นต่อไป...
 
 (มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่