มุสสู้กับร่างโคลนของตัวเอง ใครจะชนะ ไปอ่านต่อกันเลยค่ะ
ความเดิม
ภาคห้า บทที่ ๑
https://ppantip.com/topic/40438663
ภาคห้า บทที่ ๑๐
https://ppantip.com/topic/40578571
###
บทที่ ๑๑
ปีกสีขาวแผ่กางไปด้านข้างแทบจรดผนังทั้งสองด้าน
โคชานคำรามในลำคอ มันหุบปีกอยู่ข้างตัวแล้วเดินวนไปด้านหนึ่ง ดูเหมือนทางเดินจะคับแคบไปสำหรับปีกคู่นั้น แต่หากมันหดตัวลงเป็นโคชานจิ๋ว ผมก็ไม่แน่ใจว่าพลังของมันจะหดลงด้วยรึเปล่า
นิสเซ่เดินเลี่ยงไปด้านข้าง สายตาจดจ้องอยู่ที่คู่ต่อสู้ ผมไม่รู้เขาเปลี่ยนร่างเป็นเสือกึ่งสิงโตได้หรือไม่ แต่เขาไม่ได้เปลี่ยน ยังคงอยู่ในร่างกึ่งคนกึ่งสัตว์นั่นเอง
พวกเขาจดจ้องกันอยู่สักครู่ โคชานก็เริ่มจู่โจมก่อน
มันปล่อยแสงสีฟ้าใส่ฝ่ายตรงข้าม นิสเซ่กระโดดหลบ พลังของโคชานจึงกระแทกพื้นและผนังหินแตกกระจาย พร้อมกันนั้น นิสเซ่ก็ปล่อยแสงใส่โคชาน ทั้งที่ร่างยังลอยอยู่ในอากาศ
โคชานพับปีกปัดพลังนั้นกระเด็นไปถูกผนังที่ด้านข้าง จากนั้นก็ปล่อยพลังติดตาม นิสเซ่ปล่อยพลังอีกสายปัดพลังของโคชานให้พ้นไป แล้วกางมือทั้งสองสร้างลูกพลังแสงสีฟ้าขึ้นตรงหน้า ก่อนจะผลักไปทางโคชานอย่างรวดเร็ว
โคชานสร้างข่ายเวทมนตร์ดูดซับลูกพลังนั้นไว้ แต่ก่อนที่โคชานจะได้จังหวะจู่โจมกลับ นิสเซ่ก็เคลื่อนตัวเข้ามาประชิด ยื่นมือข้างหนึ่งแตะปีกซ้ายที่หุบอยู่ข้างตัว แสงสีฟ้าเรืองขึ้นที่ฝ่ามือนั้นเกิดเป็นแรงอัดดันโคชานให้กระเด็นไปกระแทกผนังด้านหนึ่ง
โคชานคำรามในลำคอ ปลายปีกซ้ายห้อยระพื้น มันมองปีกตัวเองแล้วจ้องกลับไปที่นิสเซ่ จากนั้นรูปร่างของมันก็บิดเปลี่ยนเป็นเด็กหนุ่มที่มีผมสีเงินริ้วดำ ตามร่างกายมีลายสีดำพาด ปีกทั้งสองแผ่กางออก ปีกข้างที่ได้รับบาดเจ็บก็ดูเหมือนจะหายโดยฉับพลัน
ผมไม่เคยเห็นมุสต่อสู้ในร่างเอธร่า เขาใช้ร่างนี้เฉพาะเวลาข้ามมิติเท่านั้น ผมเดาเอาว่าคงเป็นเพราะการข้ามมิติต้องใช้พลังงานมาก และร่างนี้ก็สามารถดึงพลังในตัวเขาออกมาใช้ได้มากที่สุดกระมัง
หากเป็นอย่างนั้น การที่เขาใช้ร่างนี้ต่อสู้ จะหมายความว่าฝ่ายตรงข้ามมีพลังเกินกว่าที่ร่างโคชานจะรับได้หรือเปล่า
“เจ้าของปลอม” เอธร่าเอ่ย “เปลี่ยนร่างให้สมบูรณ์แล้วมาสู้กัน”
นิสเซ่ย่นคิ้ว ใบหน้ากึ่งคนกึ่งสัตว์ดูบิดเบี้ยวชอบกล
“ร่างสมบูรณ์อะไร” เขาถามกลับ “นี่คือร่างสมบูรณ์ที่สุดของข้าแล้ว”
เอธร่าหันมามองผมอย่างงุนงง เมื่อไม่ได้คำตอบก็หันไปทางพวกอินูเว “หมายความว่ายังไง”
“นิสเซ่คนนี้มีแค่สองร่าง” โอลีนตอบผ่านลำโพง “ร่างมนุษย์ กับร่างที่อยู่กึ่งกลางระหว่างสัตว์กับมนุษย์”
“ของปลอมยังไงก็เป็นของปลอมอยู่ดี” เอธร่าเอ่ยพร้อมกับแสยะยิ้ม
“อย่าประมาทไป” โอลีนเตือน “ข้าไม่รู้ว่าระหว่างเจ้ากับเขา ใครมีพลังมากกว่ากัน”
“ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกัน” นิสเซ่บอก แล้วจึงปล่อยพลังใส่เอธร่า เล็งที่ปีกซ้าย
เอธร่าใช้ปีกขวาปัดพลังนั้นทิ้ง...ผมไม่แน่ใจว่าปีกซ้ายของเขาหายดีแล้วหรือยัง มันไม่มีบาดแผล แต่ก็ดูเหมือนเขาไม่อยากใช้ปีกซ้ายด้วย
เอธร่าวาดมือไปด้านหน้า ปล่อยแสงสีฟ้าใส่นิสเซ่ ลำแสงนั้นมีขนาดใหญ่กว่าที่โคชานสร้างเสียอีก
นิสเซ่กางม่านพลังรับไว้แล้วดีดกลับไป พร้อมกันนั้นก็ปล่อยพลังของตัวเองตามไปติดๆ
เอธร่าสร้างข่ายเวทมตร์สลายพลังทั้งของตัวเองและนิสเซ่ แล้วก็ขยับปีกยกตัวเองสูงขึ้นจากพื้นเล็กน้อย (เขาบินสูงมากไม่ได้เพราะจะติดเพดาน) หลังจากนั้นเขาก็กระพือปีก สร้างลมหมุนที่มีแสงสีฟ้าวนอยู่ในนั้น ลมหมุนเคลื่อนไปทางนิสเซ่ ขณะเดียวกันก็พัดเอาเศษหินเศษฝุ่นปลิวกระจายอยู่ในนั้น
นิสเซ่ใช้พลังชลอลมหมุนได้ครู่หนึ่งก็กลิ้งตัวหลบ ลมหมุนจึงปะทะกับผนังแล้วสลายไป
เอธร่าสร้างลมหมุนลูกที่สองโดยไม่รอช้า นิสเซ่ไม่ได้พยายาใช้พลังสลายลมหมุนนั้น เขาเพียงแต่กระโดดหลบไปมา
“เจ้าไม่ใช้พลังแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าใครมีพลังมากกว่ากัน” เอธร่าท้วง แต่นิสเซ่กลับฉีกยิ้ม
“ข้าไม่เปลืองพลังเพื่อทำลายของเล่นที่เจ้าสร้างขึ้นหรอก” ขณะที่กล่าว ตัวเขาก็เคลื่อนเข้ามาใกล้เอธร่าแล้ว เขาย่อขาดีดตัว กระโดดขึ้นสูงจากพื้นจนอยู่ในระดับเดียวกันกับเอธร่า แล้วกางแขนทั้งสอง ปล่อยพลังใส่เอธร่าในระยะประชิด!
ลมหายใจของผมสะดุด ผมคิดว่าเอธร่าจะเสียทีเหมือนกับตอนอยู่ในร่างโคชาน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปฏิกิริยาของเขาว่องไวกว่าหรือเพราะรู้ว่านิสเซ่จะใช้วิธีนี้ เอธร่าสร้างม่านพลังสีฟ้าคลุมตัวเอง แล้วดีดทั้งพลังทั้งร่างนิสเซ่กระเด็นออกไป
ผมถอนหายใจยาวตอนที่เห็นว่าเอธร่าปลอดภัยแล้ว ทว่ายามสูดลมหายใจเข้าอีกครั้ง มันยังคงสะดุด...
อันที่จริงผมรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว รู้สึกตัวคันยิบๆ โดยเฉพาะตามมือตามหน้า แต่ผมไม่ได้สังเกตหรือสนใจมัน ผมมัวแต่ลุ้นการต่อสู้ตรงหน้า
ผมก้มมองมือตัวเอง เห็นว่ามือเริ่มบวมและมีผื่นแดง มันคืออาการแพ้!
จำได้ว่าท่านบาบาฉีดยาให้ตอนที่ผมอยู่ในมิติของคนกระปุ๊กลุ๊ก ท่านบาบาบอกว่าผมต้องฉีดสัปดาห์ละครั้ง แต่นี่ผ่านมากี่วันแล้วก็ไม่รู้
โชคดีที่ผมเอายาติดมาในกระเป๋าเป้ด้วย ผมมองไปรอบตัว กระเป๋าของผมไม่อยู่ มันหายไปตั้งแต่...ตั้งแต่เมื่อไหร่!
ผมพยายามสูดหายใจ นึกทบทวนกลับไป ตอนที่ผมกับโคชานหนีออกมาจากคุก ผมยังฉวยกระเป๋าติดมือมาด้วย แต่ตอนที่ถูกพวกนาร์คูลจับไว้ ตอนที่พบเวิร์นถูกล่ามอยู่ในห้องขังอีกห้อง กระเป๋าของผมก็หายไปแล้ว
ลมหายใจของผมเริ่มกระชั้นถี่ มองดูบาเจียอิมที่ยังสลบเหมือดอยู่บนตักผม ยกมือที่คับบวมลูบมันเบาๆ แล้วมองไปที่การต่อสู้ระหว่างเอธร่ากับนิสเซ่ สายตาของผมเริ่มพร่าเลือนและหนักอึ้ง รู้สึกเพลียจนบังคับตัวเองไม่อยู่
“ไอดิน!” เสียงเอธร่าตะโกนขึ้น อึดใจต่อมาเขาก็มาอยู่ข้างตัวผม มือข้างขวาแตะบ่าผมไว้ แล้วแสงสีฟ้าเรืองก็ปรากฏเคลือบร่างผม
ผมหายใจได้คล่องขึ้น ถึงจะยังไม่เต็มปอดและยังรู้สึกเพลียอยู่บ้าง แต่พอประคองตัวได้แล้ว
“หากเจ้ามัวแต่ใช้พลังช่วยมัน แล้วจะสู้กับข้าได้อย่างไร” นิสเซ่เอ่ยถามขณะดันตัวลุกขึ้น หลังจากที่ถูกพลังของเอธร่าดีดกระเด็นไป
“หุบปาก!” เอธร่าตะคอกกลับ “รีบๆ สู้ให้จบๆ ไปซะที” ว่าแล้วก็เขาก็หันมาทางผม “ไม่สิ ข้าไม่จำเป็นต้องสู้แล้ว” เขาบอก “ข้าจะพาเจ้ากลับ”
“ไม่ได้” ผมบอก “หากเราหนีไปตอนนี้พวกเขาจะทำยังไงกับเวิร์นและนาร์คูล...”
“แต่เจ้าจะตาย!”
“ฉันยัง...ระวัง!”
นิสเซ่ฉวยโอกาสตอนที่เอธร่าหันมาพูดกับผม เคลื่อนเข้ามาใกล้เอธร่า แล้วคว้าปีกของเขาไว้...ปีกข้างซ้าย
เอธร่ารีบสะบัดปีกแต่ยังคงไม่ทันการณ์ แสงสีฟ้าเรืองจากมือของนิสเซ่ก่อให้เกิดแรงระเบิด อัดปีกข้างนั้นจนพับไปอีก
เอธร่าแค่นเสียงคำราม นัยน์ตาสีทับทิมวาวขึ้น แสงสีฟ้าเรืองขึ้นรอบตัวเขา แล้วแผ่กระจายออกไป พลังของเขาทำให้พื้นหินสั่นสะเทือน เศษหินเศษฝุ่นรอบตัวลอยขึ้น
“ท่านโอลีนขอรับ ผะ...แผ่นดินไหวขอรับ” อินูเวที่ถือลำโพงรายงานสถานการณ์
เสียงหัวเราะของโอลีนตอบกลับมา “ใช่แล้ว แบบนี้ละ พลังของต้นแบบนิสเซ่ มันต้องเป็นแบบนี้”
หัวใจผมตกวูบ แผ่นดินไหว...แบบครั้งที่ทำให้ภูเขาไฟระเบิดและชั้นบรรยากาศของมิตินี้เต็มไปด้วยเถ้าถ่านน่ะหรือ
ผมรีบฉวยมือข้างที่แตะตัวผมไว้ แล้วเขย่าเบาๆ เพื่อหันเหความสนใจของหมอนั่น
ซึ่งก็ได้ผล แสงสีฟ้าที่กระจายอยู่วูบหายไป เศษหินร่วงหล่นลงบนพื้น
“ท่านโอลีนขอรับ ต้นแบบนิสเซ่ควบคุมพลังได้แล้วขอรับ”
“ให้นิสเซ่จัดการมัน!”
นิสเซ่เร่งเคลื่อนตัวเข้ามาอีก เขาจะใช้วิธีเดิม จู่โจมที่จุดเดิม...
แต่เอธร่าไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว เขาสลับใช้มือซ้ายแตะตัวผม แล้วหันพลิกตัวพลางสบัดปีกขวา แสงสีฟ้าวูบขึ้นเป็นแนวขวาง พุ่งใส่นิสเซ่
ฝ่ายนั้นเบี่ยงตัวหลบ พร้อมกับปล่อยพลังใส่เอธร่าตรงๆ
เอธร่ายกมือขวาขึ้นปล่อยพลังต้าน ในขณะที่อีกมือแตะผมไว้ เขาแบ่งพลังที่ควรเอาไปสู้กับนิสเซ่มาช่วยผม...
“ปล่อยเขาซะ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะแพ้” นิสเซ่บอก
เอธร่าขบกราม เขาพยายามใช้สมาธิแยกพลังจึงไม่อาจตอบในทันที ครู่ใหญ่ต่อมาเขาจึงตะโกนตอบ “ไม่!”
นิสเซ่แสยะริมฝีปาก ใบหน้ากึ่งสัตว์ของเขาจึงดูบิดเบี้ยวพิลึก เขาค่อยๆ ขยับเท้า ดูเหมือนเท้าของเขาจะหนักสักร้อยกิโล แต่เขาก็เลื่อนมันมาได้ก้าวหนึ่ง แล้วเลื่อนเท้าอีกข้างตามมา เขาค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ จนถึงระยะที่มือของเขาห่างกันไม่ถึงคืบ นิสเซ่ก็ดันทั้งพลังของตัวเองและของเอธร่าไปด้านข้าง จากนั้นก็กระโจนคว้าคอเอธร่า
แรงโถมกระแทกทำให้ตัวเขาและเอธร่าปลิวไปทางด้านหลัง มือของเอธร่าจึงหลุดจากตัวผม แสงสีฟ้าที่เคลือบร่างผมพลันหายไป
“อ้าก!” เสียงเอธร่าดังขึ้นเมื่อนิสเซ่กัดคอเขาเสียจมเขี้ยว
ผมตระหนกจนลุกพรวดขึ้น มือยังอุ้มบาเจียอิมอยู่ แต่แล้วผมก็ทรุดตัวนั่งลงอีก เพราะเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก
ตอนนั้นเอง แสงสีแดงก็พลันปรากฏครอบร่างผมกับเจ้าอิมไว้ แล้วตัวผมก็ลอยขึ้น พอหันกลับไปก็เห็นอินูเวหนึ่งในสองคนที่สู้กับเวิร์นก่อนหน้านี้ เขาใช้เวทมนตร์ขังผมไว้ แต่เวทมนตร์นั้นไม่ได้ช่วยให้อาการของผมดีขึ้นเลย ผมยังคงหายใจไม่ออกอยู่นั่นเอง
อินูเวคนนั้นยิ้มที่มุมปากเหมือนล้อเลียน จากนั้นก็ยกชูสิ่งที่อยู่ในมือขึ้น...มันคือกระเป๋าเป้ของผม
“บอกต้นแบบนิสเซ่ให้ยอมแพ้เสียโดยดี”
แต่...เอธร่ายังสู้กับนิสเซ่อยู่... ผมสะบัดหันกลับไปทางเพื่อนผม เขาใช้พลังผลักนิสเซ่ออกจากตัวได้แล้ว กำลังลุกขึ้นยืน เลือดแดงไหลจากลำคอ ชุ่มชโลมชุดสีขาวที่เขาสวมอยู่
“สรุปว่าเจ้าต้องการให้ข้าสู้รู้แพ้รู้ชนะกับเจ้าของปลอมนี่ หรือต้องการให้ข้าแพ้กันแน่” เขาถามขณะยกมือกุมลำคอตัวเอง แสงสีฟ้าเรืองที่บริเวณนั้น ผมไม่แน่ใจว่าเขากำลังรักษาแผลหรือแค่ห้ามเลือดกันแน่
อินูเวผู้นั้นเลิกคิ้วด้วยความงุนงง แล้วหันไปทางอินูเวที่ถือลำโพง
“ข้าต้องการให้เจ้า...ส่งข้าข้ามมิติ” โอลีนเอ่ย
ทุกคนเงียบไป อันที่จริงเวิร์นเคยบอกผมเป็นนัยๆ แล้ว เขาว่าโอลีนต้องการตัวซาฮาร์กลับไปเพื่อทำการทดลองข้ามมิติให้เสร็จสิ้น แต่ซาฮาร์ตายเสียก่อน โอลีนก็เลย...ต้องการตัวเอธร่าอย่างนั้นหรือ
“ว่าอย่างไร เจ้าจะส่งข้าข้ามมิติ หรือปล่อยให้ไอดินตาย” โอลีนเอาผมไปข่มขู่
“ก็ได้” เอธร่าบอก “จะข้ามไปมิติไหน”
“ไม่ใช่ข้ามไปไหน ข้าต้องการ...ข้ามกลับมาต่างหาก”
เพื่อนผมย่นคิ้ว “เจ้าอยู่ที่ไหน”
“ข้า...อยู่ในมิติของเพื่อนเจ้า...มิติของไอดิน...”
###
พันมิติ ภาคห้า (The Parallel Dimensions 5) บทที่ ๑๑
ความเดิม
ภาคห้า บทที่ ๑ https://ppantip.com/topic/40438663
ภาคห้า บทที่ ๑๐ https://ppantip.com/topic/40578571
###
บทที่ ๑๑
ปีกสีขาวแผ่กางไปด้านข้างแทบจรดผนังทั้งสองด้าน
โคชานคำรามในลำคอ มันหุบปีกอยู่ข้างตัวแล้วเดินวนไปด้านหนึ่ง ดูเหมือนทางเดินจะคับแคบไปสำหรับปีกคู่นั้น แต่หากมันหดตัวลงเป็นโคชานจิ๋ว ผมก็ไม่แน่ใจว่าพลังของมันจะหดลงด้วยรึเปล่า
นิสเซ่เดินเลี่ยงไปด้านข้าง สายตาจดจ้องอยู่ที่คู่ต่อสู้ ผมไม่รู้เขาเปลี่ยนร่างเป็นเสือกึ่งสิงโตได้หรือไม่ แต่เขาไม่ได้เปลี่ยน ยังคงอยู่ในร่างกึ่งคนกึ่งสัตว์นั่นเอง
พวกเขาจดจ้องกันอยู่สักครู่ โคชานก็เริ่มจู่โจมก่อน
มันปล่อยแสงสีฟ้าใส่ฝ่ายตรงข้าม นิสเซ่กระโดดหลบ พลังของโคชานจึงกระแทกพื้นและผนังหินแตกกระจาย พร้อมกันนั้น นิสเซ่ก็ปล่อยแสงใส่โคชาน ทั้งที่ร่างยังลอยอยู่ในอากาศ
โคชานพับปีกปัดพลังนั้นกระเด็นไปถูกผนังที่ด้านข้าง จากนั้นก็ปล่อยพลังติดตาม นิสเซ่ปล่อยพลังอีกสายปัดพลังของโคชานให้พ้นไป แล้วกางมือทั้งสองสร้างลูกพลังแสงสีฟ้าขึ้นตรงหน้า ก่อนจะผลักไปทางโคชานอย่างรวดเร็ว
โคชานสร้างข่ายเวทมนตร์ดูดซับลูกพลังนั้นไว้ แต่ก่อนที่โคชานจะได้จังหวะจู่โจมกลับ นิสเซ่ก็เคลื่อนตัวเข้ามาประชิด ยื่นมือข้างหนึ่งแตะปีกซ้ายที่หุบอยู่ข้างตัว แสงสีฟ้าเรืองขึ้นที่ฝ่ามือนั้นเกิดเป็นแรงอัดดันโคชานให้กระเด็นไปกระแทกผนังด้านหนึ่ง
โคชานคำรามในลำคอ ปลายปีกซ้ายห้อยระพื้น มันมองปีกตัวเองแล้วจ้องกลับไปที่นิสเซ่ จากนั้นรูปร่างของมันก็บิดเปลี่ยนเป็นเด็กหนุ่มที่มีผมสีเงินริ้วดำ ตามร่างกายมีลายสีดำพาด ปีกทั้งสองแผ่กางออก ปีกข้างที่ได้รับบาดเจ็บก็ดูเหมือนจะหายโดยฉับพลัน
ผมไม่เคยเห็นมุสต่อสู้ในร่างเอธร่า เขาใช้ร่างนี้เฉพาะเวลาข้ามมิติเท่านั้น ผมเดาเอาว่าคงเป็นเพราะการข้ามมิติต้องใช้พลังงานมาก และร่างนี้ก็สามารถดึงพลังในตัวเขาออกมาใช้ได้มากที่สุดกระมัง
หากเป็นอย่างนั้น การที่เขาใช้ร่างนี้ต่อสู้ จะหมายความว่าฝ่ายตรงข้ามมีพลังเกินกว่าที่ร่างโคชานจะรับได้หรือเปล่า
“เจ้าของปลอม” เอธร่าเอ่ย “เปลี่ยนร่างให้สมบูรณ์แล้วมาสู้กัน”
นิสเซ่ย่นคิ้ว ใบหน้ากึ่งคนกึ่งสัตว์ดูบิดเบี้ยวชอบกล
“ร่างสมบูรณ์อะไร” เขาถามกลับ “นี่คือร่างสมบูรณ์ที่สุดของข้าแล้ว”
เอธร่าหันมามองผมอย่างงุนงง เมื่อไม่ได้คำตอบก็หันไปทางพวกอินูเว “หมายความว่ายังไง”
“นิสเซ่คนนี้มีแค่สองร่าง” โอลีนตอบผ่านลำโพง “ร่างมนุษย์ กับร่างที่อยู่กึ่งกลางระหว่างสัตว์กับมนุษย์”
“ของปลอมยังไงก็เป็นของปลอมอยู่ดี” เอธร่าเอ่ยพร้อมกับแสยะยิ้ม
“อย่าประมาทไป” โอลีนเตือน “ข้าไม่รู้ว่าระหว่างเจ้ากับเขา ใครมีพลังมากกว่ากัน”
“ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกัน” นิสเซ่บอก แล้วจึงปล่อยพลังใส่เอธร่า เล็งที่ปีกซ้าย
เอธร่าใช้ปีกขวาปัดพลังนั้นทิ้ง...ผมไม่แน่ใจว่าปีกซ้ายของเขาหายดีแล้วหรือยัง มันไม่มีบาดแผล แต่ก็ดูเหมือนเขาไม่อยากใช้ปีกซ้ายด้วย
เอธร่าวาดมือไปด้านหน้า ปล่อยแสงสีฟ้าใส่นิสเซ่ ลำแสงนั้นมีขนาดใหญ่กว่าที่โคชานสร้างเสียอีก
นิสเซ่กางม่านพลังรับไว้แล้วดีดกลับไป พร้อมกันนั้นก็ปล่อยพลังของตัวเองตามไปติดๆ
เอธร่าสร้างข่ายเวทมตร์สลายพลังทั้งของตัวเองและนิสเซ่ แล้วก็ขยับปีกยกตัวเองสูงขึ้นจากพื้นเล็กน้อย (เขาบินสูงมากไม่ได้เพราะจะติดเพดาน) หลังจากนั้นเขาก็กระพือปีก สร้างลมหมุนที่มีแสงสีฟ้าวนอยู่ในนั้น ลมหมุนเคลื่อนไปทางนิสเซ่ ขณะเดียวกันก็พัดเอาเศษหินเศษฝุ่นปลิวกระจายอยู่ในนั้น
นิสเซ่ใช้พลังชลอลมหมุนได้ครู่หนึ่งก็กลิ้งตัวหลบ ลมหมุนจึงปะทะกับผนังแล้วสลายไป
เอธร่าสร้างลมหมุนลูกที่สองโดยไม่รอช้า นิสเซ่ไม่ได้พยายาใช้พลังสลายลมหมุนนั้น เขาเพียงแต่กระโดดหลบไปมา
“เจ้าไม่ใช้พลังแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าใครมีพลังมากกว่ากัน” เอธร่าท้วง แต่นิสเซ่กลับฉีกยิ้ม
“ข้าไม่เปลืองพลังเพื่อทำลายของเล่นที่เจ้าสร้างขึ้นหรอก” ขณะที่กล่าว ตัวเขาก็เคลื่อนเข้ามาใกล้เอธร่าแล้ว เขาย่อขาดีดตัว กระโดดขึ้นสูงจากพื้นจนอยู่ในระดับเดียวกันกับเอธร่า แล้วกางแขนทั้งสอง ปล่อยพลังใส่เอธร่าในระยะประชิด!
ลมหายใจของผมสะดุด ผมคิดว่าเอธร่าจะเสียทีเหมือนกับตอนอยู่ในร่างโคชาน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปฏิกิริยาของเขาว่องไวกว่าหรือเพราะรู้ว่านิสเซ่จะใช้วิธีนี้ เอธร่าสร้างม่านพลังสีฟ้าคลุมตัวเอง แล้วดีดทั้งพลังทั้งร่างนิสเซ่กระเด็นออกไป
ผมถอนหายใจยาวตอนที่เห็นว่าเอธร่าปลอดภัยแล้ว ทว่ายามสูดลมหายใจเข้าอีกครั้ง มันยังคงสะดุด...
อันที่จริงผมรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว รู้สึกตัวคันยิบๆ โดยเฉพาะตามมือตามหน้า แต่ผมไม่ได้สังเกตหรือสนใจมัน ผมมัวแต่ลุ้นการต่อสู้ตรงหน้า
ผมก้มมองมือตัวเอง เห็นว่ามือเริ่มบวมและมีผื่นแดง มันคืออาการแพ้!
จำได้ว่าท่านบาบาฉีดยาให้ตอนที่ผมอยู่ในมิติของคนกระปุ๊กลุ๊ก ท่านบาบาบอกว่าผมต้องฉีดสัปดาห์ละครั้ง แต่นี่ผ่านมากี่วันแล้วก็ไม่รู้
โชคดีที่ผมเอายาติดมาในกระเป๋าเป้ด้วย ผมมองไปรอบตัว กระเป๋าของผมไม่อยู่ มันหายไปตั้งแต่...ตั้งแต่เมื่อไหร่!
ผมพยายามสูดหายใจ นึกทบทวนกลับไป ตอนที่ผมกับโคชานหนีออกมาจากคุก ผมยังฉวยกระเป๋าติดมือมาด้วย แต่ตอนที่ถูกพวกนาร์คูลจับไว้ ตอนที่พบเวิร์นถูกล่ามอยู่ในห้องขังอีกห้อง กระเป๋าของผมก็หายไปแล้ว
ลมหายใจของผมเริ่มกระชั้นถี่ มองดูบาเจียอิมที่ยังสลบเหมือดอยู่บนตักผม ยกมือที่คับบวมลูบมันเบาๆ แล้วมองไปที่การต่อสู้ระหว่างเอธร่ากับนิสเซ่ สายตาของผมเริ่มพร่าเลือนและหนักอึ้ง รู้สึกเพลียจนบังคับตัวเองไม่อยู่
“ไอดิน!” เสียงเอธร่าตะโกนขึ้น อึดใจต่อมาเขาก็มาอยู่ข้างตัวผม มือข้างขวาแตะบ่าผมไว้ แล้วแสงสีฟ้าเรืองก็ปรากฏเคลือบร่างผม
ผมหายใจได้คล่องขึ้น ถึงจะยังไม่เต็มปอดและยังรู้สึกเพลียอยู่บ้าง แต่พอประคองตัวได้แล้ว
“หากเจ้ามัวแต่ใช้พลังช่วยมัน แล้วจะสู้กับข้าได้อย่างไร” นิสเซ่เอ่ยถามขณะดันตัวลุกขึ้น หลังจากที่ถูกพลังของเอธร่าดีดกระเด็นไป
“หุบปาก!” เอธร่าตะคอกกลับ “รีบๆ สู้ให้จบๆ ไปซะที” ว่าแล้วก็เขาก็หันมาทางผม “ไม่สิ ข้าไม่จำเป็นต้องสู้แล้ว” เขาบอก “ข้าจะพาเจ้ากลับ”
“ไม่ได้” ผมบอก “หากเราหนีไปตอนนี้พวกเขาจะทำยังไงกับเวิร์นและนาร์คูล...”
“แต่เจ้าจะตาย!”
“ฉันยัง...ระวัง!”
นิสเซ่ฉวยโอกาสตอนที่เอธร่าหันมาพูดกับผม เคลื่อนเข้ามาใกล้เอธร่า แล้วคว้าปีกของเขาไว้...ปีกข้างซ้าย
เอธร่ารีบสะบัดปีกแต่ยังคงไม่ทันการณ์ แสงสีฟ้าเรืองจากมือของนิสเซ่ก่อให้เกิดแรงระเบิด อัดปีกข้างนั้นจนพับไปอีก
เอธร่าแค่นเสียงคำราม นัยน์ตาสีทับทิมวาวขึ้น แสงสีฟ้าเรืองขึ้นรอบตัวเขา แล้วแผ่กระจายออกไป พลังของเขาทำให้พื้นหินสั่นสะเทือน เศษหินเศษฝุ่นรอบตัวลอยขึ้น
“ท่านโอลีนขอรับ ผะ...แผ่นดินไหวขอรับ” อินูเวที่ถือลำโพงรายงานสถานการณ์
เสียงหัวเราะของโอลีนตอบกลับมา “ใช่แล้ว แบบนี้ละ พลังของต้นแบบนิสเซ่ มันต้องเป็นแบบนี้”
หัวใจผมตกวูบ แผ่นดินไหว...แบบครั้งที่ทำให้ภูเขาไฟระเบิดและชั้นบรรยากาศของมิตินี้เต็มไปด้วยเถ้าถ่านน่ะหรือ
ผมรีบฉวยมือข้างที่แตะตัวผมไว้ แล้วเขย่าเบาๆ เพื่อหันเหความสนใจของหมอนั่น
ซึ่งก็ได้ผล แสงสีฟ้าที่กระจายอยู่วูบหายไป เศษหินร่วงหล่นลงบนพื้น
“ท่านโอลีนขอรับ ต้นแบบนิสเซ่ควบคุมพลังได้แล้วขอรับ”
“ให้นิสเซ่จัดการมัน!”
นิสเซ่เร่งเคลื่อนตัวเข้ามาอีก เขาจะใช้วิธีเดิม จู่โจมที่จุดเดิม...
แต่เอธร่าไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว เขาสลับใช้มือซ้ายแตะตัวผม แล้วหันพลิกตัวพลางสบัดปีกขวา แสงสีฟ้าวูบขึ้นเป็นแนวขวาง พุ่งใส่นิสเซ่
ฝ่ายนั้นเบี่ยงตัวหลบ พร้อมกับปล่อยพลังใส่เอธร่าตรงๆ
เอธร่ายกมือขวาขึ้นปล่อยพลังต้าน ในขณะที่อีกมือแตะผมไว้ เขาแบ่งพลังที่ควรเอาไปสู้กับนิสเซ่มาช่วยผม...
“ปล่อยเขาซะ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะแพ้” นิสเซ่บอก
เอธร่าขบกราม เขาพยายามใช้สมาธิแยกพลังจึงไม่อาจตอบในทันที ครู่ใหญ่ต่อมาเขาจึงตะโกนตอบ “ไม่!”
นิสเซ่แสยะริมฝีปาก ใบหน้ากึ่งสัตว์ของเขาจึงดูบิดเบี้ยวพิลึก เขาค่อยๆ ขยับเท้า ดูเหมือนเท้าของเขาจะหนักสักร้อยกิโล แต่เขาก็เลื่อนมันมาได้ก้าวหนึ่ง แล้วเลื่อนเท้าอีกข้างตามมา เขาค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ จนถึงระยะที่มือของเขาห่างกันไม่ถึงคืบ นิสเซ่ก็ดันทั้งพลังของตัวเองและของเอธร่าไปด้านข้าง จากนั้นก็กระโจนคว้าคอเอธร่า
แรงโถมกระแทกทำให้ตัวเขาและเอธร่าปลิวไปทางด้านหลัง มือของเอธร่าจึงหลุดจากตัวผม แสงสีฟ้าที่เคลือบร่างผมพลันหายไป
“อ้าก!” เสียงเอธร่าดังขึ้นเมื่อนิสเซ่กัดคอเขาเสียจมเขี้ยว
ผมตระหนกจนลุกพรวดขึ้น มือยังอุ้มบาเจียอิมอยู่ แต่แล้วผมก็ทรุดตัวนั่งลงอีก เพราะเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก
ตอนนั้นเอง แสงสีแดงก็พลันปรากฏครอบร่างผมกับเจ้าอิมไว้ แล้วตัวผมก็ลอยขึ้น พอหันกลับไปก็เห็นอินูเวหนึ่งในสองคนที่สู้กับเวิร์นก่อนหน้านี้ เขาใช้เวทมนตร์ขังผมไว้ แต่เวทมนตร์นั้นไม่ได้ช่วยให้อาการของผมดีขึ้นเลย ผมยังคงหายใจไม่ออกอยู่นั่นเอง
อินูเวคนนั้นยิ้มที่มุมปากเหมือนล้อเลียน จากนั้นก็ยกชูสิ่งที่อยู่ในมือขึ้น...มันคือกระเป๋าเป้ของผม
“บอกต้นแบบนิสเซ่ให้ยอมแพ้เสียโดยดี”
แต่...เอธร่ายังสู้กับนิสเซ่อยู่... ผมสะบัดหันกลับไปทางเพื่อนผม เขาใช้พลังผลักนิสเซ่ออกจากตัวได้แล้ว กำลังลุกขึ้นยืน เลือดแดงไหลจากลำคอ ชุ่มชโลมชุดสีขาวที่เขาสวมอยู่
“สรุปว่าเจ้าต้องการให้ข้าสู้รู้แพ้รู้ชนะกับเจ้าของปลอมนี่ หรือต้องการให้ข้าแพ้กันแน่” เขาถามขณะยกมือกุมลำคอตัวเอง แสงสีฟ้าเรืองที่บริเวณนั้น ผมไม่แน่ใจว่าเขากำลังรักษาแผลหรือแค่ห้ามเลือดกันแน่
อินูเวผู้นั้นเลิกคิ้วด้วยความงุนงง แล้วหันไปทางอินูเวที่ถือลำโพง
“ข้าต้องการให้เจ้า...ส่งข้าข้ามมิติ” โอลีนเอ่ย
ทุกคนเงียบไป อันที่จริงเวิร์นเคยบอกผมเป็นนัยๆ แล้ว เขาว่าโอลีนต้องการตัวซาฮาร์กลับไปเพื่อทำการทดลองข้ามมิติให้เสร็จสิ้น แต่ซาฮาร์ตายเสียก่อน โอลีนก็เลย...ต้องการตัวเอธร่าอย่างนั้นหรือ
“ว่าอย่างไร เจ้าจะส่งข้าข้ามมิติ หรือปล่อยให้ไอดินตาย” โอลีนเอาผมไปข่มขู่
“ก็ได้” เอธร่าบอก “จะข้ามไปมิติไหน”
“ไม่ใช่ข้ามไปไหน ข้าต้องการ...ข้ามกลับมาต่างหาก”
เพื่อนผมย่นคิ้ว “เจ้าอยู่ที่ไหน”
“ข้า...อยู่ในมิติของเพื่อนเจ้า...มิติของไอดิน...”
###