นิยายแฟนตาซีเรื่อง Conflict Before The Beginning มันเกิดก่อนเริ่ม [ตอนที่ 17 ความมืดมิด Vs แสงสว่าง]

สารบัญ นิยายแฟนตาซีเรื่อง Conflict Before The Beginning มันเกิดก่อนเริ่ม 
https://ppantip.com/topic/39358562

              “ความมืดมิดเอ๋ย! ผลลัพธ์ของการกระทำในครานี้น่ะ เจ้าจะมาโทษข้าไม่ได้ทั้งนั้น” เอาล่ะ กลับมาดูอีเว้นท์หลักต่อกันเถิด [แสงสว่าง] ได้กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเฉื่อยชา 
              ปีกแห่งแสงยาว ๆ ทั้งสิบสองจึงสยายออกสุด ๆ ซึ่งเพิ่งจะปรากฏขึ้นและไปฟาดทำลายพื้น ก่อนที่จะชี้ปลายสู่ฟากฟ้า เหล่าขนนกสีขาวเลยโปรยปรายลงมาตามขั้นตอน นิ้วชี้ข้างซ้ายเลยยื่นออกให้ตรงใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามด้วยความเหี้ยมหาญ
              ส่วนเหล่าพลพรรค ณ รอบข้าง ก็ทำท่าทีเหมือนเริ่มจะหมดความอดทนแล้วเช่นกัน โดยจ้องเขม็งมาที่คู่อริหมายจะดื่มเลือดและกินเนื้อเชียวล่ะ ทั้งเปล่งอำนาจข่มขู่ด้วยรังสีกดดัน ตามวิถีแห่งตนเองอย่างไฟนรก น้ำแข็งเย็น ประกายอสนีบาต กะอื่น ๆ อีกมากมาย 
              “ดาหน้าเข้ามาอีกสิ จะได้รับรู้ถึงความแตกต่างว่าระดับของพวกเรา ว่าจะห่างชั้นไปถึงขนาดไหนแล้ว? ฮา ๆ ๆ ” ทว่า [ความมืดมิด] ก็ยังมินึกเสียใจเลยสักนิด เขากลับกล่าวยั่วยุคู่ต่อสู้แทนการขอขมา 
              “ย๊ากกก...!!!” ดังนั้นหมัดเหล็กเลยพุ่งสวนเข้าใส่เป้าหมายอย่างเร่าร้อนจริง ๆ คลื่นพลังงานสีทมิฬได้วนรอบแขน ปานพายุหมุน ทั้งยังวาดแหวกมิติไปด้วย หลังจากเหนี่ยวให้สุดวงแขน เพื่ออัดใส่ใบหน้าของศัตรูซึ่งกำลังมาเล่นงานเขาอยู่แล้ว 
              “ไม่มีหัวคิดเอาซะเลย ตามคุณสมบัติของธาตุแล้ว เจ้าจะมาอยู่เหนือข้าได้อย่างไรกัน?” ส่วนอีกฝ่ายนั้น เพื่อจะเตรียมตัวหักหาญแต่เนิบ ๆ เลยชิงออกตัวก่อน 
              กำปั้นของ [แสงสว่าง] ได้ห่อหุ้มด้วยประกายออร่า หลังจากเอาหมัดทั้งคู่มาชนกันอย่างสุดเรี่ยวแรง จนพลังเวทย์ประทุขึ้นโดยพลัน พอได้ที่ดีแล้ว เขาจึงย่อตัวลงนิดหน่อย จากนั้นก็เร่งพุ่งเข้ามาประชิดกายของอีกฝ่าย ประหนึ่งอะตอมเคลื่อนผ่าน 
              ทุกปีกก็ยังโบกกระพืออย่างสุดกำลัง เพื่อสร้างแรงผลักดันควบคู่ ขาทั้งสองจึงก้าวสับตามมิหยุด โดยเร่งซิกแซ็กไปตามพื้น สมาธิชั้นสูงจึงได้ผนึกตัวขึ้น ครั้นกำลังจะปล่อยกระบวนท่าอันสมบูรณ์พร้อม เพื่อกำนัลแด่ [ความมืดมิด] จริง ๆ แล้ว
              “รับการโจมตีของข้าไปซะ” ทั้ง ๆ ที่การเคลื่อนไหวเป็นเช่นนั้น [แสงสว่าง] กลับแจกลูกเตะให้แทนซะได้ ก็ท่าร่างพริ้วไหวเหลือเกิน ในขณะนั้นคู่ต่อสู้เพิ่งจะเริ่มชกออกไปเองนะ ขาขวาที่เครือบออร่าสีขาวเลยเร่งผ่าอากาศ โดยพุ่งเข้าใส่ช่วงเอวของอีกฝ่ายอย่างเร่งร้อน 
              “ฮึ่ม! กระจอกไปแล้ว” ส่วน [ความมืดมิด] ได้ใช้แขนซ้ายซึ่งอัดพลังเวทย์พร้อมมาตั้งการ์ดอย่างแข็งขัน แม้ร่างกายต้องโค้งตามบ้าง สำหรับอีกข้างยังคงสามารถรักษาสภาวะแห่งหมัดเอาไว้โดยมิผิดเพี้ยน
              พอการโจมตีของ [ความมืดมิด] จวนจะปะทะโดนเป้า [แสงสว่าง] จึงรีบสลายขาขวาให้กลายเป็นแสงอณูเล็ก ๆ จำนวนมาก เพื่อคงรูปใหม่ลงมาแตะพื้นดั่งเดิม ในการโยกร่างท่อนบนหลบหลีกก่อน เขาเลยปล่อยให้กำปั้นอันทรงพลังเฉียดศีรษะไปอย่างหวุดหวิด พลังทำลายนี้เลยไปถึงแนวคนดูด้วยตามลำดับ แต่ก็มิมีใครเป็นอะไรหรอก เพราะมันกลับถูกม่านบาเรียเฉพาะกิจป้องกันเอาไว้ได้
              “ชิ!” ซึ่งเศียรครึ่งซีกของ [แสงสว่าง] ที่เพ่งจะเฉียดฉิวไปนั้น สามารถมโนว่าปรากฏช่องโหว่แหว่ง ๆ ขึ้นได้เลย พร้อมกับบังคับให้เหล่าปีกฝั่งซ้ายเร่งมาพัวพันลำแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วย ยั้วเยี้ยดั่งอสรพิษทั้งฝูง
              “เจ้าขี้ขลาดเอ้ย! กล้า ๆ ลองรับไปหน่อยได้ไหม?” [ความมืดมิด] เลยต้องกล่าวขึ้นเชิงดูถูก เมื่อการโจมตีของเขาเฉี่ยวเป้าหมายไป
              “ฮึ่ม! ของเด็ดยังมิได้ที่เลย รอไปก่อนเถอะ” [แสงสว่าง] จึงเบี่ยงตัวไปทางขวามือต่อ ณ ระยะก้าวครึ่ง โดยเอียงองศาแวบ ๆ ราวกับวาร์ปและแย็บสั้น ๆ 3 หมัดเฉียง ๆ ตรงหน้าท้องของอีกฝ่าย เพื่อหมายจะทำลายความสมดุลภาพพร้อมปูทางสร้างจังหวะโจมตีครั้งใหม่ 
              “นี่ล่ะ! มันคือจานหลักของข้า” พริบตานั้นทั่วร่างก็เจิดจ้าดั่งหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ พร้อมกับเหวี่ยงกำปั้นอีกข้างเสยใส่ใบหน้าของ [ความมืดมิด] อย่างมุ่งมั่น เช่น โชรินเคนในสตรีทไฟเตอร์ จนก่อเป็นเสาพลังงานต้นใหญ่ สำหรับการเคาเตอร์สวนกลับอันยอดเยี่ยม 
              หลังจาก [ความมืดมิด] สลายการยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคในร่างทมิฬ จนคล้ายหมอกควันบางส่วน ณ ช่วงลำตัว หมัดก่อกวนเลยทะลุผ่านไปเฉย ๆ เลยทั้งสามแนวทาง ทว่าอัปเปอร์คัตจาก [แสงสว่าง] กำลังจะถึงปลายคางของเขาอยู่แล้ว 
              “หึ ๆ งั้นขอข้าเปลี่ยนข้างหน่อยเถอะ” แต่พอเขากล่าวจบด้วยความเจ้าเล่ห์ ปรากฏการณ์นี้ก็ได้เกิดขึ้นตามที่พูด
              เนื่องจากร่างซีกซ้ายของ [ความมืดมิด] รวมไปถึงส่วนศีรษะทั้งหมดด้วยนะ ไล่ลงมาตั้งแต่ลำคอถึงท้องน้อยและอะไรที่ต่ำกว่า ส่วนพวกนี้ได้สลายตัวเป็นก้อนของเหลวสีดำ ณ ชั่วพริบตาเดียว จากนั้นจึงเร่งพุ่งทะลุกายาด้านขวาไปอีกฟากหนึ่งเฉยเลย ย้ายด้านน่ะ ด้วยความเร็วที่สูงโคตร ๆ 
              หมัดขวาก็ยังคงสามารถรักษาท่วงท่าการโจมตีเอาไว้ได้ ซึ่งมันได้กลายเป็นข้างซ้ายแทนไปซะแล้ว พอสมประสงค์ การก่อเกิดร่างใหม่จึงเริ่มปฏิติการณ์ทันที โดยให้ถัดไปอยู่หนึ่งช่วงไหล่อย่างฉับไวจริง ๆ และยังมีความปราณีตมาก ๆ ด้วย
              “เจ้าถนัดนักนี่ ฮา ๆ คงรู้นะว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรกันแน่?” ทำให้ [ความมืดมิด] ต้องกล่าวแบบได้ที 
              ศีรษะไม่ได้สถิตอยู่ที่เดิมอีกแล้ว กระบวนท่าพิฆาตจาก [แสงสว่าง] เลยพลาดเป้าตามครรลอง แถมผู้พูดยังใช้มือขวามายิงพลังเวทย์ลอดแขนซ้าย ด้วยท่วงท่าคาวบอยควักปืนไว เพื่อใส่สีข้างของอีกฝ่ายเต็ม ๆ ประหนึ่งโดนช็อคกันยิงใกล้ ๆ ถึงสามนัดซ้อน ในตอนที่พุ่งสวนกันพอดี
              “อั่ก! ก็แค่หลบได้เท่านั้นเอง อย่าได้ใจอะไรให้มันมากนักนะ” จนฝ่ายโจมตีเก้อต้องพาร่างกายที่บอบช้ำขึ้นไปเหนือฟ้าก่อนตามวิถีเดิม โดยเขาทำท่าดีไปเท่านั้นแหละ เพราะโดนทะลวงม่านพลังอย่างเห็นผล ถึงกับต้องสลัดปีกซีกซ้ายทิ้งอย่างมิใยดี
              แค่ไม่ถึงสองวินาทีเลยนะ ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ก็ห่างเกิน 20 เมตรได้ [ความมืดมิด] จึงถือโอกาสนี้รีบฉีกกระชากเหล่าปีกแห่งแสงที่กำลังตรึงแขนของเขาออกสุดเรี่ยวแรง โดยว่าจะใช้ลากร่างของ [แสงสว่าง] ลงมาซะเลย แต่อีกฝ่ายกลับรู้ทันก่อนแล้ว เขาเลยพยายามกลืนกินเอง ทว่าคุณสมบัติขัดกัน ทำให้มิได้ลิ้มลอง 
              “อยู่ด้วยกันต่อก่อน จะรีบไปไหนซะล่ะ? ฮา ๆ ๆ” คราวนี้เลยต้องทดแทนคืนอย่างสาสม ด้วยการชูมือซ้ายขึ้นมาสุดแขน แล้วจิกลงในความว่างเปล่าให้มีรอยแตกลึก ๆ เพื่อแผ่พุ่งพลังมืดปนเปกับที่เบื้องบน จากนั้น [ความมืดมิด] จึงออกแรงกระชากด้วยความเกรี้ยวกราด 
              “เจ้าเทพป่าเถื่อนเอ้ย! หัดอ่านบรรยากาศซะบ้างเถอะ” [แสงสว่าง] จึงโดนฉุดดึงลงมาอย่างช่วยไม่ได้จริง ๆ 
              เปรียบได้กับวิหคถูกกระตุกขาเวลาบินขึ้นกันทีเดียว ลักษณะท่าร่างของเขาในขณะนี้น่ะ เมื่อลอยกระเท่เร่อยู่กลางนภา เขาจึงต้องรีบกระพือปีกอย่างร้อนรน เพื่อจัดทิศทางและท่วงท่าให้มั่นคง พอแก้ลำเสร็จสิ้นแล้ว การเร่งพุ่งต่อด้วยความโมโหโกธาเลยปรากฏขึ้นมาแทน 
              “ย๊ากกก...!!!” โดยประสานปีกพลังงานทั้งสิบสองไว้ในหมัดขวา รวมกับทิ้งดิ่งลงมา ดั่งเกลียวสว่านยักษ์ซึ่งจะบดขยี้ทุกสิ่งที่กล้าขวางหน้า 
              “การคิดเองเออเองนี่แหละ ที่ทำให้เจ้าต้องจบสิ้น” [แสงสว่าง] ได้ประกาศก้องด้วยน้ำเสียงอันทรงอำนาจ ประกายแยงตาแผ่รัศมีออกมาด้วย สีหน้าก็หมายมั่นจะแก้มืออย่างกับเด็กเล็ก ๆ ซึ่งเล่นเกมส์พ่ายแพ้
              (จงถือโอกาสนี้ แล้วรีบหนีไปซะ เจ้าโง่เอ้ย!) ข้อความทางจิตสั้น ๆ เยี่ยงนี้ก็พลันปรากฏขึ้นมาดื้อ ๆ
              “ดีมาก! แลกกันตรง ๆ เถอะ ข้าอยากจะรู้ผลกับเจ้ามาตั้งนานแล้ว” แต่ [ความมืดมิด] กลับมิคิดจะสนใจ เพราะนี่เป็นโลกของเขาเองด้วย 
              เมื่อรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสภาพแวดล้อม จนมองมิเห็นในสิ่งที่ควร พลังทำลายล้างจึงทวีอานุภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ กำปั้นซ้ายซึ่งมีมวลอากาศปริมาณมหาศาลปกคลุมอยู่ได้ถูกจุดประทุขึ้นมาแล้ว หมัดเสยตรงจึงต้องลั่นเข้าใส่ปานยิงทิ้ง โดยประสานสายพลังของตนเองเข้าไปด้วยเต็มอัตรา 
ดังนั้นกำปั้นของทั้งสองจึงประชันกันอย่างคู่คี่จัง ๆ บนกะล่าง สิ่งที่ตามมาคือการเสียดสีกันด้วยความอหังการ ประกายไฟเลยบังเกิดขึ้น เหมือนเชื่อมโลหะวน ๆ สวนขึ้นลงเป็นสองแนวทาง เมื่อหมัดหมุนคว้างไปคนละด้าน เพื่อเข้าหาแต่ละฝ่าย 
              “อั่ก!x2/เฮ ๆ ๆ ๆ ... ๆ” สำเนียงเหล่านี้จึงเกิดขึ้นมาในทันใด
              หนึ่งนั้นเต็มหน้า อีกฝั่งก็ครึ่งซีก ระหว่างการพันตูแห่งทวิลำแสงที่มีสีตัดกันตามธรรมชาติ เสียงโห่ร้องก็ตะโกนจากทั่วทุกสารทิศ เมื่อผู้แพ้ได้กระแทกลงสู่พื้นก่อนอย่างหมดท่า แผ่นหลังจึงกระเด็นกระดอนต่อเนื่อง จนมานอนแอ้งแม้งอยู่กับที่ ท่ามกลางการเฝ้าดูของฝูงชนซึ่งจับจ้องแบบมิกระพริบตา 
              ด้วยความห่วงศักดิ์ศรีเลยพยายามรักษามาดเอาไว้ ครั้นโดนกระแทกขึ้นด้านบนอย่างสูง จึงต้องหล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วง ผู้มีชัยที่ยังมิฟื้นตัวดีเลยไม่ยินยอมให้แผ่นหลังสัมผัสกับพื้นก่อน เพื่อให้เห็นกันชัด ๆ ไปเลยว่าฝ่ายไหนเหนือกว่ากันแน่ 
              โดยใช้ศีรษะลงก่อนส่วนอื่น ณ ท่วงท่าโหม่งโลก ซึ่งพอกระแทกโดนพื้น [ความมืดมิด] เลยแปรสภาพเป็นของไหลสีดำ ๆ โดยยังคงเศียรและลำคอเอาไว้ให้หดตัวลงอย่างฉับพลัน เพื่อสร้างแรงสปริง พร้อมทั้งทะลวงร่างขึ้นมา ราวกับตลบปลอกถุงยาง
              “ยิ้ม! ฮา ๆ ข้าชนะเจ้าแล้ว แสงสว่างเอ้ย!” เมื่อสามารถยืนหยัดได้ใหม่อีกครั้งแล้ว 
              [ความมืดมิด] ได้บ้วนละอองดวงดาวทิ้งด้วยความห้าวหาญ ซึ่งอีกฝ่ายยัดเยียดให้มา พร้อมกับเศษฟันสีไข่มุกอีกสองซี่อันสลายหายไปเอง นิ้งโป้งจึงถูกยื่นมากดจมูกข้างหนึ่ง เพื่อขับของเหลวขาว ๆ ที่ขัดการหายใจออก หลังจากเดินพลังเวทย์ เพื่อเริ่มฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ
              ท่ากระบวนยุทธ์ก็ต้องเตรียมให้พร้อมสรรพ โดยมิเผยช่องว่างให้โดนจู่โจมทีเผลอ พอขาหายสั่นเป็นปกติแล้ว เขาจึงพร้อมลุยต่อให้หายอยาก แววตาแดงก่ำเข้ม ๆ ได้จ้องเขม็งไม่วางตา เพื่อรอดูท่าทีของอีกฝ่าย ซึ่งคงได้ใจของใครหลาย ๆ คนไปอย่างแน่นอน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่