นิยายแฟนตาซีเรื่อง Conflict Before The Beginning มันเกิดก่อนเริ่ม [ตอนที่ 15 ผู้แหกคอกตอบโต้]

สารบัญ นิยายแฟนตาซีเรื่อง Conflict Before The Beginning มันเกิดก่อนเริ่ม 
https://ppantip.com/topic/39358562

               “อะไรก็หยุดข้าไม่ได้อีกแล้ว ย๊ากกก...!!!” [ความมืดมิด] จึงได้แหกปากเต็มเสียง จนสามารถสลัดหลุดออกจากผนึกได้ในที่สุด เนื่องจากสังเวยแม้กระทั่งวิญญาณแห่งตนเอง ทำให้ร้อยละ 30 บนร่างสลายหายไปดื้อ ๆ ดั่งท่อเหล็กขึ้นสนิมถูกตีให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ 
               “พลังนี่! เจ้าทรงอำนาจขนาดนี้ได้ยังไงกัน?” [อำนาจเร้นลับ] เลยต้องเอ่ยปากอย่างตื่นตระหนก ครั้นถูกตัดจบการประสานร่างด้วยความป่าเถื่อน เหล่าโซ่ตรวนถึงกับมิอาจคงโครงสร้างเดิมต่อไป เหล่าชิ้นส่วนยังกระจัดกระจายเข้าใส่เขาด้วย
               “ไปให้ห่างจากข้านะ” [ความมืดมิด] ได้ตะคอกกลับอย่างดุร้าย โดยยื่นฝ่ามือขวามาด้านหลัง เพื่ออัดคลื่นพลังใส่สุดตัวอีกระลอก [อำนาจเร้นลับ] จึงโดนยันไปไกล ๆ ด้วยประการฉะนี้เอง จากนั้นเขาก็กระชากสามง่ามออกจากหน้าอก ทั้งยังดูดกลืนด้วยลำแขนของตน 
               “...”x??? สำหรับตากล้องทั้งหลาย ณ เบื้องล่างที่สั่นสะท้านไปคราหนึ่งราวถูกไฟฟ้าแรงดันสูงดูด เนื่องจากมอนิเตอร์ซึ่งเชื่อมโยงกันถูกทำลาย พอตั้งสติได้ จึงแยกย้ายพากันไปหลบมุม เพื่อไม่ให้โดนลูกหลงนั่นเอง
               “ทุกท่าน จงรีบหยุดมือเดี๋ยวนี้ ความมืดมิด! เขาหลุดออกมาได้แล้ว” ณ เบื้องล่าง [ความรู้แจ้ง] ก็รับทราบเรื่องราวก่อนล่วงหน้า เขาเลยเร่งแจ้งเตือนให้พวกพ้องระวังตัวด้วย 
               ในขณะที่กำลังยกคอเสื้อของเหยื่ออ้วน ๆ ผู้ขัดขืนรายหนึ่ง จนขาซึ่งลอยจากพื้นกวัดแกว่งไม่หยุด โดยเงื้อมหมัดกว้าง ๆ เพราะเตรียมตะบันหน้าบวม ๆ ของอีกฝ่ายเพิ่ม ทว่าก็ต้องรีบโยนทิ้งไปก่อน จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นกะชี้มือเล็งเป้า สำหรับการยิงลำแสงเวทมนต์สกัดกั้นศัตรู
               “ชิ! ทนมือทนตีนดีเหลือเกินนะ” [ความรัก] ถึงกับต้องสบถอย่างเสียอารมณ์ 
               เมื่อการจับดูดจ๊วบ ๆ ด้วยริมฝีปากอันหนาเตอะถูกขัดขวาง เขาจึงรีบอมศีรษะของเหยื่อด้วยความเสน่หา เพื่อใช้เป็นครั้งสั่งลา ก่อนจะเขวี้ยงทิ้งลงพื้น เพราะต้องชูแขนล่ำบึกขึ้นฟ้าพร้อม ๆ กับคลื่นมนตราสีชมพู ด้วยวัตถุประสงค์เดียวกันไปด้วย
               “นี่คือการเลือกของตัวข้า อย่างพวกเจ้าน่ะ ไม่มีสิทธิ์จะมาละเมิดได้ จงรับรู้เอาไว้ซะ” ครั้นมิมีอะไรมารั้งดึงอีกแล้ว [ความมืดมิด] เลยกำลังทะยานร่างลงไปปานลมสลาตัน จุดหมายปลายทางคือกลางวงแห่งการสำเร็จโทษ ณ เบื้องล่างนั่นเอง
               (มิว่าอำนาจใด ๆ ที่สุดแข็งแกร่งถึงขนาดไหน แต่จะบังอาจมาบงการข้าไม่ได้ทั้งนั้น) นี่คือคำประกาศก้องในหัวใจของกบฏ 
               “ของพรรณแค่นี้ไม่ครณามือหรอกน่า คิดรึว่าจะหยุดยั้งข้าคนนี้ได้น่ะ? ฮา ๆ ๆ” ทั้ง ๆ ที่ [ความมืดมิด] กำลังฝ่าลำแสงจู่โจมนานาชนิด ซึ่งอีกฝ่ายก็พยายามจะสอยให้ร่วงหล่นกันทั้งแถบ เขาเลยต้องเร่งเหาะเหินลงมาตามวิถีร่อนเวียนวนอย่างชำนาญ
               เมื่อหลบการโจมตีระยะไกลได้เกือบหมด บางช๊อตก็แค่เฉี่ยว ๆ ไปเท่านั้นเอง หากแต่ไม่อาจเลี่ยงการประชิดพ้นทั้งหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะมีฝูงนกสีฟ้าแห่ง [ความสุข] โบยบินเข้ามาก่อกวนซะก่อน ลักษณะคล้าย ๆ กับนางแอ่น เพียงแต่ดุดันกว่ามาก ครั้นอีกฝ่ายหนึ่งแยกร่าง ณ พื้นด้านล่าง แล้วรีบมาประชันฝีมือด้วย
               “ชิ! บ้าจริง ๆ” โดยเลือกจะปิดหูปิดตาเป้าหมายเป็นหลัก พร้อมกับกัดจิกรัว ๆ ตามผิวหนังสีดำ ๆ และระดมยิงกระสุนแสงเป็นนัด ๆ อย่างไม่เลิกรา 
               “นี่เจ้ารับประทานขี้ไคลของข้าเป็นอาหารหรือยังไงกัน? เกะกะจริงเชียว” [ความมืดมิด] จึงต้องโบกมือโบกไม้ เพื่อปกปิดใบหน้า หมุดหนามภายในร่างเลยได้โอกาสสำแดงเดชอีกหนแล้ว 
               “แกว๊ก!!! ๆ ๆ ๆ ...ๆ” แต่มันกลับส่งผลตรงกันข้ามซะได้ เนื่องจากพอวิหคถูกเสียบทะลุ ก็แค่แบ่งตัวเป็นสองเท่านั้นเอง
               “โฮ!x4” โกเลมธาตุธรรมชาติอีกสี่ตนยังได้ปรากฏขึ้นด้วย ตามหลักแฟนตาซี ดิน น้ำ ลมและไฟ
               ลักษณะเด่น ๆ มีแค่ซีกบนเท่านั้น ช่วงล่างเป็นจินนี่ พวกมันสวมชุดเกราะอัศวินและไวกิ้งคละ ๆ กัน สองแขนอันใหญ่โตเหนือธรรมดาจัดท่วงท่าเป็นนักอเมริกันฟุตบอล ขนาดตัวตัน ๆ ประมาณ 1.5 เมตรที่ออกแบบให้ถึกอึดทน แต่เน้นความว่องไวเป็นหลัก โดยถือกำเนิดจากวงเวทย์ขั้นสูงของ [ธรรมชาติ] ซึ่งเข้ามาสกัดกั้นเอาไว้จากจตุรทิศ ณ เบื้องหน้า
               ครั้น [ความมืดมิด] ถูกบดบังทัศนวิสัยเลยต้องเจอของหนักแล้ว ทั้งร่างจึงถูกบดบี้เป็นกระสอบทราย เมื่อถูกพยุหะแทคเกิลเข้าไปจัง ๆ ก่อนจะถูกกอดรัดอย่างเต็มรัก ทำให้ต้องเกาะกลุ่มตามกันต่ออีกทอด กำปั้นที่ต่อยแถมมาในระหว่างทางสร้างความสะบักสะบอมได้มากพอดู
               “ย๊ากกก...!!! เจ้าพวกเวรตะไลนี่” [ความมืดมิด] ก็มิยินยอมเสียเปรียบแต่ฝ่ายเดียวแน่ เขาจึงประทุพลังเวทย์สุดกำลัง เพื่อกระแทกฝ่าสิ่งกีดขวางออกไปตรง ๆ ขณะที่พังทลายอย่างอหังการยิ่งนัก โดยยืดหน้าอกและกางแขนทั้งสองข้างสุด ๆ ด้วยท่วงท่าฮีโร่ค่ายมาร์เวล
               “แกว๊ก! ๆ ๆ ๆ ... ๆ” ลำแสงแห่งความมืดเลยสาดกระจายไปทุกทาง ส่งผลให้หมู่ปักษาสีฟ้ารอบ ๆ ต้องเตลิดหนี แต่มิพ้นภัย เมื่ออาบรังสีทมิฬเข้าเต็ม ๆ ทำให้สีขนมืดมน กะแห้งเหี่ยวลง จนเหลือแค่ก้านและลอยละลิ่วต่ออย่างหมดท่าจริง ๆ
               “ความมืดมิด จงจำหนี้ครั้งนี้เอาไว้เลยนะ” ทำให้ [ความสุข] ต้องแข็งใจประสานร่างใหม่ แต่ไม่ครบถ้วนทั้งหมด ก่อนจะตกลงสู่พื้นในที่สุด 
               “โฮ!x4” สำหรับเหล่าวัสดุโต ๆ สี่ธาตุซึ่งกำลังหล่อหลอมให้เป็นคุกเฉพาะกิจ พวกมันต้องสูญสลายไปดื้อ ๆ ดั่งเถ้าธุลีต้องสายลมโชยและโดนกลืนกินให้หมดสิ้น สภาพของ [ความมืดมิด] จึงเริ่มฟื้นคืนมาบ้างแล้ว 
               มนตรามืดอันแผ่พุ่งออกมาก่อนหน้านี้ เลยได้แปรสภาพเป็นใบกังหันขอบคม ๆ ถึงหกอัน เล็ก ๆ ใหญ่ ๆ กะหมุนคว้างด้วยความเร็วสูง เสียงตีลมจึงกระหน่ำไม่หยุด โดยโฉบฉวัดเฉวียนรอบ ๆ เพื่อเบนเบี่ยงการโจมตีไปทิศทางอื่น ขณะที่ [ความมืดมิด] กำลังมุ่งตามเส้นทางเดิมต่อ 
               หลังจากขว้างปาพลังของตนต่างดาวกระจายเสร็จ พวกมันเคลื่อนที่แบบจับทิศตามไม่ถูก ทั้งเหนี่ยวนำพลังเวทย์รอบข้างไปด้วย เลยขยายอำนาจตลอดเวลา ทำให้อีกฝ่ายต้องเดือดร้อนกันทั่วหน้า บ้างโดนร่างกายตำแหน่งสำคัญ ๆ หรือระเบิดเป็นวงกว้าง 
               “มาให้ข้าเช็ดเท้าซะ/อั่ก! ๆ ๆ ๆ จะ เจ้า!” [ความมืดมิด] จึงอาศัยความเร็วเดิมมาถีบขาคู่ใส่จิตสำนึกตนหนึ่ง ณ แนวแลนดิ้ง โดยโดนยอดอกของอีกฝ่ายเต็ม ๆ เชียวล่ะ พร้อมกับใช้ผู้เคราะห์ร้ายรองรับน้ำหนักอีกต่างหาก ประมาณ ขึ้นขี่สเก็ตบอร์ดน่ะ กะกระเด้งกระดอนตั้งหลายครา 
               “จงไปเล่นกับเพื่อน ๆ ซะเถิด ความสนุกเอ้ย!/อ๊ากกก...!!!” เสียงตะโกนได้แทรกขึ้นต่อ ขณะที่ปลายเท้าของ [ความมืดมิด] ได้ตวัดถูกก้านคอของคู่กรณีเต็มเหนี่ยว ทำให้อีกฝ่ายต้องลอยไปไกล ๆ ในวิถีโค้ง เพื่อให้โดนมิตรสหายอีกองค์ซึ่งบังเอิญอยู่ตรงนั้นพอดี
               “หึ ๆ เดี๋ยวนี้กล้ามิเชื่อฟังข้ารึ? ได้! คงต้องสั่งสอนกันใหม่อีกรอบแล้ว” ผู้คลุ้มคลั่งเลยลงมืออาละวาด ท่ามกลางฝูงคู่ต่อสู้กับเหล่าเหยื่อด้วยความห้าวหาญ 
               แต่เมื่อมนตราแห่งพฤกษาได้สาดเข้าหน้าอย่างฉับพลัน ต้นไม้ใหญ่น่ะ โดยใบสีเขียวมาก่อนเลย จากชีเปลือยผอม ๆ ผมขาวที่ทั้งตัวมีแค่ผ้าขี้ริ้วผืนน้อย [ความมืดมิด] ก็ต้องรีบเคลื่อนตัวไปทางซ้ายก่อน จากนั้นจึงอ้าปากกัดรากไม้ระแหงยาวและสูดทั้งหมดเข้าปากแทน ก่อนที่จะจากลา
               “ขอบคุณที่เลี้ยง” ราวกับเป็นเส้นราเมน จนหมดทั้งต้นเลยล่ะ 
               “นี่คือค่าอาหารมื้อนี้” พอถึงระยะโจมตีแล้ว เขาจึงจัดการใช้ฝ่าเท้าเตะหน้าแข้ง ทำให้ตาเฒ่าต้องตัวโหยงทีเดียว 
               เมื่อแมกไม้ผุดขึ้นมาจากลำแขนเหวี่ยงไม่โดนเป้าหมาย เพราะ [ความมืดมิด] ย่อตัวต่ำ ๆ ได้ทัน ทั้งยังดีดขึ้นมาและเฮดบัตต์ไปเต็ม ๆ เพื่อพ่นอาหารเหลือ ๆ ในปากใส่หน้าตาของอีกฝ่ายด้วย แล้วก็รีบเคลื่อนเข้าทางขวามือ เพื่อใช้กำปั้นสองจังหวะ ซ้ายตุ๊ยท้องน้อย กะขวาเสยปลายคางต่อ 
               “รสชาติห่วยแตกมาก มิน่าถึงได้หมดตัว ฮา ๆ ไปฝึกฝนมาใหม่เถอะ ย๊ากกก...!!!” ก่อนที่เขาจะใช้พละกำลังยกอีกฝ่ายขึ้นมาอยู่เหนือศีรษะ เพื่อทุ่มทิ้งให้พ้นหน้า
               “จงรับความโศกเศร้าไปซะเถิด” แต่ในจังหวะนั้นเอง บาเรียถูกสร้างขึ้นมาป้องกันตนเองแทบไม่ทัน เมื่อมีคลื่นพลังน้ำแข็งลูกใหญ่ ๆ เครือบประจุไฟฟ้าด้วยนะ มันเร่งพุ่งใส่เขาจากด้านหลังทางซ้ายมือ 
               ผู้ปลดปล่อยคือ [ความตาย] นั่นเอง ครั้นเห็นว่าเหมาะจากระยะกลาง ๆ ลักษณะของเขาคล้ายลิชอาวุโสในตระกูลอันเดดที่สวมมงกุฎพระราชาแหลม ๆ กับผ้าคลุมโทรม ๆ คทาคริสตัลสีครามที่ยื่นออกมายังแผ่ออร่าฟุ้งมิหยุด เปลวไฟเขียว ๆ ในเบ้าตาก็ดูชั่วร้ายยิ่งนัก
               “นี่คือรอยน้ำตาจากข้า” เสียงแหลม ๆ ของอีกฝ่ายปรากฏขึ้น เนื่องจากม่านพลังดูดกลืนได้มิสมบูรณ์แบบนัก จนแฉลบขึ้นทางหัวไหล่และเสยไปทางมือขวาแทน ทำให้ [ความมืดมิด] ต้องโดนดีดมาด้านหน้าอีกช่วงหนึ่ง โดยมีแท่งคริสตัลใส ๆ เกาะติดมาด้วย ราวกับเป็นช่อดอกไม้แถม
               “ไปให้พ้นหน้าของข้าเลยนะ เจ้าพวกชอบลอบกัดเอ้ย!” แต่เมื่อตั้งหลักได้ เขาจึงต้องตะโกนขึ้น พร้อมกับยื่นแขนทั้งสองข้างออกด้วยความโกรธเกรี้ยวเป็นที่สุด 
               สสารมืดในร่างเขมือบสภาพความเสียหายหมดสิ้นแล้ว การระเบิดพลังจากทั่วร่างเลยต้องตามมา เพื่อสร้างคลื่นกระแทกแนวระนาบ ณ รอบ ๆ ตัว คล้ายกับวงแหวนแห่งดาวเสาร์ โดยแผ่พุ่งไประยะหนึ่ง ประมาณ ผลักให้ปลิวทันที พอได้สัมผัสโดน 
               “แบล็คบ็อกรึ? อั่ก!” โดยในนี้มีลูกโดด ๆ ซึ่งพุ่งโค้งตรงไปที่ [ความตาย] โดยเฉพาะ เพื่อให้ถูกเน้น ๆ กล่องสีดำขนาด 1 ลูกบาศก์เมตร กระดูกแต่ละซี่เลยต้องหลุดออกจากโครง จนกระจายเกลื่อนพื้น 
               คทาถูกยกขึ้นตั้งรับแล้วนะ แต่ม่านวิญญาณซึ่งถูกเปล่งออกมากลับต้านไม่อยู่ ก่อนจะถูกขอบเหลี่ยม ๆ เข้าปะทะ ซึ่ง [ความตาย] สามารถประกอบร่างได้ใหม่อีกครั้ง ณ กาลต่อมา สำหรับคู่ต่อสู้รายอื่น ๆ ในรัศมีเลยถูกกระแทกให้ห่างไประยะหนึ่ง โดยมิทำร้ายผู้อ่อนแอกันเลยสักคน นี่มันแสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ของ [ความมืดมิด] เป็นอย่างมาก
               “อา! ข้าจะทำยังไงดีเนี่ย? ฮือ!?” ชายผู้นอนซมอยู่มิไกลได้ครวญครางอย่างอ่อนล้า แต่แล้วจู่ ๆ พละกำลังก็กลับคืนมาเฉย ๆ
               เหล่าผู้ประสบเหตุอื่น ๆ ในบริเวณนี้ก็กำลังหมอบคลานเป็นก้อนกลม ๆ อยู่กับพื้นและท่วงท่าคล้าย ๆ กัน ครั้นพอรัศมีพลังของ [ความมืดมิด] พ้นผ่านไปแล้ว พวกเขาที่เพิ่งฟื้นฟูเลยรีบตะเกียกตะกาย เพื่อออกห่างการต่อสู้สุดชีวิต ถึงจะละล้าละลังบ้างก็ตาม
               “หยุดการกระทำชั่ว ๆ ลงเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นพวกเจ้าจะโดนข้าเล่นงานหนักแน่ นี่แค่สำหรับการตักเตือนเท่านั้นนะ ถ้ายังไม่ยอมถอยล่ะก็ ข้าจะ ...” พอประกาศศักดา โดยมือชี้หน้ากราดไปทั่ว ทั้งปากยังขยับและหันมองศัตรูรอบ ๆ อย่างมิกระพริบตา แต่ในต่อมา [ความมืดมิด] กลับต้องถูกหยุดยั้งลงอย่างกะทันหันจริง ๆ
               “เจ้าบ้านี่ เลิกคลุ้มคลั่งสักทีได้ไหม?” เมื่อมีแว่วสำเนียงลอยเข้ามาถึงหู ณ ชั่วอึดใจเดียว
               ก่อนจะใบหน้าหันแบบยับเยินที่สุด เพราะโดนเข้าไปอย่างจัง ด้วยหมัดครอสขวาเต็มวงสวิง ละอองคล้ายหมู่ดาวเลยปรากฏเป็นเอฟเฟค ถ้าก้านคอของเขาไม่สามารถยืดยาวและหงิก ๆ งอ ๆ ได้นะ ศีรษะคงบิดและกระเด็นหลุดออกมาแล้ว
               การตอบโต้ครั้งนี้อยู่ ณ สภาวะล่องหนก่อน ผู้ถูกกระทำจึงมองไม่เห็นหมัดสั่ง พอตะบันหน้าเสร็จเลยเปิดเผยโฉม ส่วนคนปล่อยทีเด็ดก็ยืนมิห่างไกลนะหรอก ชายชราเครายาว ๆ ตรงหน้านั่นเอง ผู้ใจดีและกล้ามใหญ่ในชุดคลุมสีขาว หลักฐานคือเขาค้างคาอยู่ในท่วงท่าเดิม กำปั้นยังเปรอะเปื้อนสสารมืดกันอย่างชัดเจน  
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่