จินดามณี : ๔ โดยพาฝัน

จินดามณี : ๔



คำโปรย “เมื่ออัญมณีศักดิ์สิทธิ์สูญหายไปพร้อมกับผู้ครอบครอง เทพธิดาน้อยจึงต้องแบกรับหน้าที่ออกตามหามิตรรักและของวิเศษยังโลกมนุษย์ เพื่อนำดวงแก้ววิเศษกลับคืนสู่สวรรค์อีกครั้ง ก่อนที่เทวาสุรสงครามจะสิ้นสุดลง!!!”


“ตูมมมม”
เกิดเสียงระเบิดดึงกึกก้องสะเทือนไปทั้งทิวเขากรวิก วิชุเทพบุตร เกสรมณฑา เทพอารักขา และเทพทวารบาล ซึ่งกำลังเหาะมายังทิวเขากรวิก เพื่อตามหา ทิพย์อัปสร ต่างพากันชะงักร่างหยุดอยู่กลางเวหาพร้อมกับกวาดสายตามองไปยังบริเวณรอบๆ

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเช่นนี้!!!!” เกสรมณฑา เอ่ยขึ้นเป็นคนแรก พลางมองไปรอบๆ ตัวนาง เพื่อค้นหาที่มาของเสียงดังกล่าว แต่ก็ไม่พบเห็นสิ่งใดที่ผิดปกติ

“คงเป็นเสียงระเบิดจากการประลองฤทธิ์ของผู้เรืองฤทธิ์กระมัง” หนึ่งในเทพทวารบาล พูดขึ้น การประลองฤทธิ์ของผู้เรืองเวทย์เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วในสัณบริภัณฑคีรีแห่งนี้ หาใช่เรื่องน่าแปลกประหลาดอันใดไม่

“พวกเจ้าได้ยินหรือไม่ว่าต้นเสียงดังมาจากทิศทางใด?” วิชุเทพบุตร ถามเทพอารักขา และเทพทวารบาล

“พวกข้าเองก็ไม่แน่ใจขอรับ เพราะเสียงดังกล่าว ดังกึกก้องสะท้อนไปทั่ว แต่ก็พอจะจับทิศทางได้อยู่ น่าจะดังมาจากป่าทางแถบโน้นขอรับ” เทพอารักขา องค์หนึ่งในคณะเป็นผู้ตอบพลางชี้ให้ วิชุเทพบุตร ดูป่าทึบแห่งหนึ่งของทิวเขากรวิกซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันตก

“อาจจะเป็นเสียงการประลองฤทธิ์กันของพวกอสูรก็เป็นได้ ป่าแถบนี้ก็อยู่ใกล้ๆ กับนครสุทัศน์ของพวกอสูร หากจะมีอสูรบางตนประลองอิทธิฤทธิ์ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก” เทพอารักขา องค์หนึ่ง แสดงความคิดเห็นของตน

“ก็อาจเป็นไปได้เหมือนกันอย่างที่เจ้าว่า” วิชุเทพบุตร เองก็คิดเห็นเช่นนั้น อสูรผู้มีฤทธิ์ย่อมอาจจะประลองฝีมือกันเป็นธรรมดา แต่พวกเขาทั้งหมดกำลังออกตามหาตัว ทิพย์อัปสร อยู่ หากระหว่างต้องมาพบเจอพวกอสูรเข้าย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่

“ท่านวิชุเทพบุตร ข้าเห็นว่าพวกเราไม่ควรที่จะเข้าไปใกล้ยังบริเวณป่าแห่งนั้น หากพวกเราต้องมาพบเจอกับพวกอสูรเข้าในเวลานี้ อาจจะต้องปะทะกับพวกมันโดยไม่จำเป็น ทำให้การตามหานางฟ้าทิพย์อัปสร ต้องล่าช้าลงไปอีก” เทพทวารบาลองค์หนึ่ง ออกความเห็น เพราะการตามหานางฟ้า ทิพย์อัปสร เป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า ไม่ควรจะมาเสียเวลากับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้

“พวกเจ้าทั้งหมดมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง?” วิชุเทพบุตร ลองถามความเห็นจากเทพองค์อื่นๆ ดู ว่ามีผู้ใดคิดเห็นเป็นอื่นหรือไม่

“พวกข้าเทพอารักขาก็เห็นด้วยกับ เทพทวารบาลขอรับ” เหล่าเทพอารักขา ต่างก็เห็นด้วยกับ เทพทวารบาล เช่นกัน หากเกิดประมือกับพวกอสูรขึ้นมาจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากทำให้เสียเวลาตามหานางฟ้าทิพย์อัปสรโดยใช่เหตุ

“แล้วพวกท่านไม่คิดกันบ้างหรือว่า เสียงระเบิดเมื่อครู่ อาจจะเกิดจากการที่ ทิพย์อัปสร กำลังต่อสู้อยู่กับพวกอสูรอยู่ก็ได้” เกสรมณฑา ทักท้วงขึ้น หากพวกนางไม่เข้าไปดูจะรู้หรือว่าอะไรเป็น ฝ่ายเทพอารักขาและเทพทวารบาล ต่างหันมามองหน้ากันและมีท่าทีลังเลา เพราะสิ่งที่นางฟ้าเกสรมณฑากล่าวออกมาก็มีสิทธิ์เป็นไปได้เช่นกัน

“ที่นางฟ้าเกสรมณฑา กล่าวมาก็มีความเป็นไปได้ เช่นนี้แล้วท่านวิชุเทพบุตร เราจะทำอย่างไรกันดีขอรับ?” เทพอารักขากล่าว และขอความเห็นจาก วิชุเทพบุตร เพราะเหล่าเทพทั้งหลาย ต่างทราบดีว่า นางฟ้าทิพย์อัปสร มีจินดามณี เป็นอาวุธคู่กาย ย่อมมีอิทธิฤทธิ์ที่สามารถต่อกรกับพวกอสูรได้ หากสิ่งที่นางฟ้าเกสรมณฑาคิดเป็นความจริงขึ้นมา ก็เท่ากับว่าพวกเขาทั้งหมดพลาดโอกาสช่วยเหลือ ทิพย์อัปสร นั้นเอง

ทางฝ่าย วิชุเทพบุตร เองก็ตัดสินใจลำบากเช่นกัน ในสถานการณ์ความเป็นความตายเช่นนี้ หากเลือกเดินทางผิด การตามติดตามช่วยเหลือ ทิพย์อัปสร จะเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกไม่รู้อีกกี่เท่าตัว

“ข้าตัดสินใจแล้ว” หลังจากนิ่งคิดตรึกตรองอยู่ชั่วครู่ วิชุเทพบุตร ก็ตัดสินใจได้

“พวกเจ้าและเทพทวารบาลอีกสององค์มากับข้าและเกสรมณฑา พวกเราจะไปยังที่ป่าแห่งนั้น” วิชุเทพบุตร ตัดสินใจออกคำสั่ง ก่อนจะหันหน้ามามองเทพอารักขาและเทพทวารบาลที่เหลือ

“ส่วนพวกเจ้าที่เหลือจงเร่งไปตรวจดูยังบริเวณป่าอีกด้านหนึ่งและบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ หากพบ ทิพย์อัปสร น้องสาวข้า ให้พวกเจ้ารีบเข้าไปช่วยเหลือนาง และรีบส่งคนกลับมารายงานให้ข้ารู้โดยเร็ว ข้าจะรีบตามไปช่วยสมทบกับพวกเจ้าในทันที”

“ขอรับ” เทพอารักขาและเทพทวารบาลต่างรับคำสั่ง

“รีบไปกันได้แล้วอย่างชักช้า” พูดจบ วิชุเทพบุตร จึงเหาะนำทุกคนไปยังป่าทางด้านทิศตะวันตกของทิวเขากรวิก ส่วนเทพอารักขาและเทพทวารบาลที่เหลือแฝงตัวกระจายกันออกค้นหานางฟ้าทิพย์อัปสรตามคำสั่งของวิชุเทพบุตร

-----------------------------------------------------------


“ตูมมมม”

เสียงตาข่ายอสูรระเบิดขึ้นดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหว จินดามณี อาวุธคู่กายของ ทิพย์อัปสร ที่เปลี่ยนเป็นจักรทำลายตาข่ายอสูรจนแหลกหมดสิ้น ก่อนพุ่งทะยานเข้าหา นนทิอสูร พร้อมทั้งเปล่งประกายรัศมีสีรุ้งเจิดจ้าแผ่เปลวเพลิงอันร้อนแรง เหมือนต้องการเผาศัตรูที่อยู่ตรงหน้าให้ย่อยยับภายในพริบตา

“มือโลหิต”

นนทิอสูร ก้างฝ่ามือประหลาดสีแดงทั้งสองข้างเข้าหาดวงแก้ววิเศษต้านทานประกายแสงที่ร้อนแรงได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่ที่แย่กว่าก็คือ ทิพย์อัปสร แม้จะอยู่ห่างจากมือประหลาดคู่นั้น แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังสัมผัสถึงความน่าสะอิดสะเอียนอันแสนเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมาจากฝ่ามือคู่นั้นได้

“ฮะฮ่าๆๆ เป็นอย่างไรบ้าง นางฟ้าทิพย์อัปสร มือโลหิตคู่นี้ของข้าซึ่งได้รับประทานมาจากท้าวเวปจิตติ ร้ายกาจพอที่จะสยบเจ้าได้หรือไม่” นนทิอสูร ที่ดูเป็นฝ่ายได้เปรียบเริ่มส่งเสียงขมขู่

“มือโลหิต!!!”
ทิพย์อัสปร เคยได้ยินแต่เรื่องเล่าขาน เพิ่งจะได้พบเจอ “มือโลหิต” ของจริงเป็นครั้งแรก ว่ากันว่า มือโลหิต นั้นเป็นของวิเศษที่ท้าวเวปจิตติทรงใช้อิทธิฤทธิ์ชุบขึ้นมา เดิมทีมันเป็นมือทั้งสองข้างของ อสูรผู้มีฤทธิ์ตนหนึ่ง ที่สิ้นชีพลงระหว่างการศึกของเทวาสุรสงคราม หากอสูรผู้ใดต้องการมือโลหิตจะต้องสละมือทั้งสองข้างของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนกับมือโลหิตคู่นี้ คิดไม่ถึงว่า นนทิอสูร จะใจกล้าถึงเพียงนี้

“เพื่อจับตัวข้าเจ้าถึงสละมือทั้งสองข้างของเจ้าเชียวเหรอ?”

“หากข้าสามารถจับตัวเจ้าได้ต่อให้เสียสละมากกว่านี้ข้าก็ยอม ถึงข้าจะรู้ว่ามือโลหิตของข้าสู้ดวงแก้ววิเศษจินดามณีของเจ้าไม่ได้ แต่ถ้าหากข้าจะใช้มันเพื่อสะกดเจ้าและจินดามณีเอาไว้ชั่วคราวแค่นี้มันก็มากเกินพอแล้ว วันนี้เจ้าอย่าหวังว่าจะรอดเงื้อมมือข้าไปได้เลย ทิพย์อัปสร”

นนทิอสูร พูดไม่เกินความจริงเลยแม้แต่น้อย มือโลหิตคู่นี้แม้สู้จินดามณีไม่ได้ แต่หากจะคิดกักขังนางกับจินดามณีเอาไว้นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยากเย็นนัก

“จินดามณีกลับมาหาข้าเดี๋ยวนี้” ทิพย์อัปสร ไม่ช้ารีบเรียกดวงแก้ววิเศษกลับคืนมา

“คิดหรือว่าข้าจะยอม ฝันไปเถอะ เจ้าจะต้องตกเป็นเชลยของข้า พร้อมทั้งดวงแก้ววิเศษดวงนั้น” นนทิอสูรหายอมไม่ เร่งพลังจากมือโลหิตจนเกิดเกราะแสงสีแดงเข้ากลืนกินทั้งจินดามณีและทิพย์อัปสรอย่างรวดเร็ว

“แย่แล้ว!!!” นางฟ้าโฉมสะคราญ ส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ ในยามนี้ผิดท่าเป็นอย่างยิ่ง ไม่แคล้วว่านางจะตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกอสูรเป็นแน่ ดวงแก้ววิเศษ เหมือนมีญาณทิพย์ หยั่งรู้ว่าผู้เป็นเจ้าของกำลังตกอยู่ในอันตราย เปล่งรัศมีทอประกายแสงสีรุ้ง เข้าสกัดกั้นการกลืนกินของเกราะแสงสีแดง แต่ ทิพย์อัปสร ก็รู้ดีว่า เป็นเพียงการเยื้อเวลาไม่ให้นางถูกจับเท่านั้น หากพลังแสงของจินดามณีถูกเกราะแสงสีแดงกลืนกินจนหมดสิ้น เมื่อไหร่ ย่อมหมายความว่านางพลาดท่าเสียทีให้กับพวกอสูรเสียแล้ว

“ปล่อยน้องข้าเดี๋ยวนี้‼‼” ในยามคับขัน วิชุเทพบุตร เกสรมณฑา เทพอารักขา และเทพทวารบาล ที่ออกติดตามหา ทิพย์อัปสร ต่างพากันมาถึงบริเวณนั้นได้ทันเวลาพอดี ต่างพากันรีบเข้าช่วยเหลือทิพย์อัปสรไม่ให้ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำศัตรู

“ท่านพี่วิชุเทพบุตร” ทิพย์อัปสร ร้องเรียกพี่ชายด้วยความดีใจ นางไม่รู้หรอกว่าเหตุใด วิชุเทพบุตรและเหล่าเทพองค์อื่นๆ มายังที่แห่งนี้ได้ แต่เพียงแค่นี้ก็สามารถทำให้นางรอดพ้นจากอันตรายได้แล้ว

“เจ้าอสูรชั่ว ปล่อยเทพธิดาทิพย์อัปสรเดี๋ยวนี้” เหล่าเทพอารักขา และเทพทวารบาล ต่างพากันโผทะยานเข้าล้อม นนทิอสูร โดยมีวิชุเทพบุตร และเกสรมณฑา ตามมาติดๆ

“บัดซบ” นนทิอสูร ไม่คาดว่าจะมีผู้ใดตามมาช่วย ทิพย์อัปสรได้ ถึงกับสบถออกมา แต่ก็ไม่ลดละความพยายามที่จะจับตัว ทิพย์อัปสร เอาไว้ ฝืนจำใจยกมือโลหิตอีกข้างเข้าขวางทางเหล่าเทพบุตรนางฟ้า คลื่นพลังจากมือโลหิตแผ่พุ่งออกมาสกัดพร้อมทั้งกระแทกร่างเข้ายังร่างของวิชุเทพบุตร เกสรมณฑา เทพอารักขา และเทพทวารบาล เพื่อมิให้เข้ามาถึงตัวของนนทิอสูร แม้คลื่นพลังจากมือโลหิตจะมีพลังเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียวก็ตาม แต่ก็สามารถหยุดยั้งไม่ให้เหล่าเทพบุตร และนางฟ้า เข้ามาช่วยเหลือ ทิพย์อัปสรได้ แม้จะสกัดกั้นไม่ให้ศัตรูเข้ามาแต่กลับกลายเป็นการเปิดโอกาสให้ ทิพย์อัปสร สามารถโต้กลับ นนทิอสูร เช่นกัน

“จินดามณี จัดการเจ้าอสูรชั่วนี้ซะ” ทิพย์อัปสร มองเห็นช่องโหว่ของเกราะพลังมือโลหิต บังคับอาวุธคู่กายพุ่งเข้าปะทะจุดที่บอบบางที่สุด พลันปรากฏสายฟ้าแล่นออกจากดวงแก้ววิเศษผสานเข้ากับประกายแสงแห่งเพลิงอันร้อนแรงที่มีอยู่ก่อนบุกทะลวงเข้า นนทิอสูร

สถานการณ์คับขันเมื่อครู่พลิกกลับจากที่ทิพย์อัปสรตกรองกลับกลายมาเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ ส่วน นนทิอสูร ต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับแทน ขณะที่ท้องฟ้าเบื้องบนกลับยิ่งแปรปรวนและวิปริตมากขึ้นมีเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า และลมพายุที่เริ่มพัดกระหน่ำอย่างรุนแนง

“เปรี้ยงๆๆๆ”

เสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับว่าเขากรวิกกำลังจะถล่มทะลายลงมา วิชุเทพบุตร เป็นห่วงน้องสาวเป็นกำลังกลัวว่าหากยังขืนชักช้าอยู่อีกต่อไปอาจจะช่วยน้องสาวไว้ไม่ได้ จึงตัดสินใจที่จะใช้หอกวิเศษ ช่วยเหลือทิพย์อัปสรให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของอสูรร้าย

“ทิพย์อัปสร พี่มาช่วยเจ้าแล้ว” วิชุเทพบุตร ตะโกนบอกออกไปก่อนที่จะพุ่งหอกวิเศษเข้าปะทะกับเกราะพลังจากมือโลหิต

“เพล๊งงงง”
เสียงดังคล้ายกับแก้วแตกจนแสบแก้วหู เกราะพลังจากมือโลหิตถูกอาวุธของวิชุเทพบุตรพุ่งปะทะจนแตกหักกระจาย ทิพย์อัปสร รอดพ้นจากเกราะพลังของมือโลหิตออกมาได้ และแทบจะวินาทีเดียวกันกับที่เกราะพลังมือโลหิตแตกออก พลังจากดวงแก้ววิเศษจินดามณีก็พุ่งทะลุออกมาจู่โจม นนทิอสูรเข้าพอดี

“สารเลว” นนทิอสูร แค้นใจยิ่งนักเหยื่อที่เขาหมายมั่นปั้นมือมาตลอดเวลากลับหลุดมือไปอย่างไม่น่าเชื่อ แถมตัวเองยังอาจเอาชีวิตไม่รอดหากยังขืนรับพลังจากหอกวิเศษ และดวงแก้ววิเศษเข้าไปตรงๆ นนทิอสูร จึงรีบกระโดดหลบออกจากทิศทางของพลังที่พุ่งเข้ามา ร่างอสูรร้ายรอดพ้นจากพลังของหอกวิเศษ และดวงแก้ววิเศษไปได้อย่างเฉียดฉิว แต่โชคร้ายที่พลังของจินดามณีกลับกระทบถูกเข้ากับสายฟ้าที่ผ่าลงมาเข้าพอดิบพอดี

“เปรี้ยงงงงง”

“ครืนนนนนนนนนนน”

ท้องฟ้าที่แปรปรวนอยู่ก่อนหน้าเกิดบรรยากาศที่บิดเบี้ยวอย่างรุนแรง พลันเกิดหลุมดำขนาดใหญ่ที่มีแรงดึงดูดมหาศาลปรากฏขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่