มุสมาแล้ว!...จริงเหรอ!?
ความเดิม
ภาคห้า บทที่ ๑
https://ppantip.com/topic/40438663
ภาคห้า บทที่ ๘ - ๙
https://ppantip.com/topic/40561863
###
บทที่ ๑๐
นัยน์ตาสีทับทิมมองตรงมาที่เรา แต่แววตากลับเย็นชา
“มุส นายทำอะไรของนายน่ะ!” ผมร้องถาม แต่ไม่ได้รับคำตอบ
“เขาไม่ใช่มุส” เวิร์นบอกเสียงขรึม “แต่เป็นนิสเซ่ที่ยังไม่สมบูรณ์”
ผมตวัดหันไปมองเวิร์นด้วยความแปลกใจ ขณะเดียวกัน เสียงหัวเราะของโอลีนก็ดังขึ้น
“ไหนว่าซาฮาร์ไม่ได้บอกอะไรเจ้า แล้วเจ้ารู้เรื่องนิสเซ่ได้อย่างไร”
เวิร์นขบริมฝีปากล่าง สักครู่จึงเอ่ยตอบ “ข้ารู้เพราะซาฮาร์เล่าให้ข้าฟังว่าเจ้าทำอะไรไว้บ้าง ตอนที่เกิดแผ่นดินไหว”
“ข้าก็แค่ทำการทดลอง” โอลีนบอกราวกับการทดลองนั้นเป็นแค่การปลูกถั่วเขียว
“การทดลองของเจ้า ทำให้โลกเป็นแบบนี้ไง!” เวิร์นตวาดอย่างเหลืออด แล้วจึงยกแขนขึ้น พร้อมกับกางฝ่ามือ ปล่อยแสงสีแดงพุ่งไปยังลำโพงที่ติดอยู่ตรงมุมทางเดิน หน้าห้องแหล่งพลังงานนั้น ลำโพงแตกกระจาย เสียงโอลีนก็หายไป
ทันใดนั้น แสงสีฟ้าพลันพุ่งตรงมาหาเรา แสงนั้นพุ่งมาอย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครตั้งตัวได้ทัน...ยกเว้นนาร์คูล
เขาก้าวออกไปข้างหน้า ยกแขนขึ้นเพื่อปล่อยพลังต้านทาน แต่เขาลืมไปว่าตัวเองไม่มีพลังแล้ว...
แสงสีฟ้าพุ่งใส่นาร์คูลอย่างจัง ตัวเขากระเด็นไปชนกับประตูเหล็กทางด้านหลัง
“นาร์คูล!” ผมกับเวิร์นร้องขึ้นพร้อมกันพลางก้มลงประคองเขา
ได้ยินเสียงหัวเราะของโอลีนดังขึ้น พอผมหันกลับไปก็เห็นอินูเวสามคนเดินมาสมทบกับคนที่ดูเหมือนมุส อินูเวคนหนึ่งถือลำโพงมาด้วย “พวกเจ้าเหลือแค่หนึ่งคนกับหนึ่งตัวที่พอมีพลัง จะสู้กับนิสเซ่ได้หรือ” น้ำเสียงของโอลีนฟังดูเย้ยหยัน “เวิร์น...ซาฮาร์บอกเจ้าหรือเปล่าว่านิสเซ่มีพลังมากแค่ไหน” ว่าแล้วก็หัวเราะขึ้นอีก
เวิร์นเม้มปากแน่น ไม่ได้ตอบคำถามนั้น
ผมไม่รู้ว่ามุสมีพลังแค่ไหน แต่ตอนที่นาร์คูลพยายามลักพาตัวผม เขาพยายามหลีกเลี่ยง ไม่ยอมสู้กับมุสตรงๆ ส่วนเวิร์น...ก็สู้นาร์คูลไม่ได้ ผมก้มมองแขนของตัวเองซึ่งอุ้มเจ้าปุยอิมที่กำลังล่องหนอยู่...ไม่รู้มันจะไหวรึเปล่า
“นิสเซ่” โอลีนออกคำสั่ง “จับเวิร์นกับเด็กนั่นมาให้ข้า”
“นาร์คูลเล่าขอรับ” มุส...นิสเซ่...ถามเสียงเรียบ
“ทำลายทิ้งซะ!”
ผมสะดุ้งยามได้ยินคำนั้น เจ้าอิมกระโดดจากอ้อมแขนผมในขณะที่ผมลุกพรวดขึ้น กางแขนขวางหน้านาร์คูลไว้โดยไม่ทันได้คิด
“อย่า!” ผมร้อง แต่แสงสีฟ้าพุ่งมาทางผมแล้ว!
พร้อมกับแสงที่พุ่งมา เปลวไฟแดงฉานพุ่งสวนกลับไปจากด้านข้างของผม พอหันกลับไปผมก็เห็นบาเจียอิมเปลี่ยนเป็นไฮซานแล้ว มันกระโจนเข้าใส่นิสเซ่อย่างรวดเร็วจนเห็นเป็นเงาสีดำ มันตะปบอีกฝ่ายล้มลงกับพื้นแล้วใช้อุ้งเท้าหน้ากดไว้
สีหน้านิสเซ่ยังคงเรียบเฉย เห็นแสงสีฟ้าสว่างวาบออกจากตัวเขา ผลักไฮซานอิมกระเด็นออกมา ตามด้วยแสงสีฟ้าที่พุ่งปราดใส่ม้าสีดำ
ไฮซานกระโดดหลบไปทางผนังด้านข้าง แล้วดีดเท้าจากผนังพุ่งกลับมาที่นิสเซ่ มันเคลื่อนไหวเร็วมากจนผมไม่รู้ว่ามันทำอะไรยามกระโดดผ่านนิสเซ่ แต่ที่ลำตัวของเขาปรากฏรอยข่วนขึ้นสี่รอย
นิสเซ่ก้มมองรอยข่วนที่มีเลือดไหลซึม เขาขบกรามกรอด ใบหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ ทันใดนั้น ร่างของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ผิวทั่วร่างปรากฏริ้วลายสีดำ ผมเปลี่ยนเป็นสีเงินมีริ้วดำ เล็บมืองอกยาวขึ้น เขาแสยะแยกเขี้ยวที่เหมือนเขี้ยวสัตว์ดูน่ากลัว
แต่ไม่คล้ายโคชาน...แล้วก็ไม่คล้ายเอธร่า...
ร่างของเขาเหมือนอยู่กึ่งกลางระหว่างโคชานกับเอธร่า ครึ่งคนครึ่งสัตว์ แม้แต่นัยน์ตาสีทับทิมที่เบิกกว้างยังดูคล้ายสัตว์บ้าคลั่ง!
เขากางเล็บพุ่งใส่ไฮซาน เจ้าม้าสีดำกระโดดข้ามศีรษะเขาไปเพื่อหลบเลี่ยง นิสเซ่พลันหันหลังกลับ ปล่อยแสงสีฟ้าใส่มันในขณะที่เท้าของมันกำลังแตะพื้น ไฮซานจึงไม่มีทางหลบได้ทัน
แสงสีแดงพลันปรากฏขึ้น เวิร์นปล่อยพลังปะทะพลังของนิสเซ่ หันเหแสงสีฟ้านั้นไปเล็กน้อย เฉียดขนข้างตัวไฮซานไปแถบหนึ่ง
แต่อินูเวสองคนที่อยู่ในบริเวณนั้นไม่ยอมให้เวิร์นกับไฮซานอิมรุมนิสเซ่ พวกเขาปล่อยพลังใส่เวิร์น ทำให้เวิร์นต้องใช้พลังป้องกันตนเอง แสงสีแดงสองสายผลักดันแสงสีแดงหนึ่งสาย
เวิร์นไม่สามารถทานพลังของอินูเวสองคนได้ สุดท้ายก็ถูกพลังสองสายกระแทกกลับ ร่างลอยไปทางด้านหลังไถลกับพื้น จากนั้นอินูเวทั้งสองคนก็ก้าวเข้ามาหิ้วปีกเขาคนละข้าง แล้วขังไว้ในลูกโป่งแสงสีแดง ร่างของเขาอ่อนปวกเปียก ดูเหมือนจะไม่ได้สติแล้ว
ทางด้านไฮซานซึ่งรอดพ้นจากพลังของนิสเซ่ได้อย่างหวุดหวิดก็กลับมาตั้งหลักได้ มันเปลี่ยร่างเป็นบาเจีย แล้วพ่นไฟใส่นิสเซ่ แสงสีฟ้าเรืองปรากฏขึ้นรอบตัวอีกฝ่าย กลายเป็นเขตเวทมนตร์ป้องกันนิสเซ่ไว้ ไฟของบาเจียพอสัมผัสเขตเวทมนตร์นั้นก็พลันสลายหายไป
บาเจียพยายามพ่นไฟใส่นิสเซ่อีก แต่คราวนี้อีกฝ่ายไม่กางเขตเวทมนตร์แล้ว เขากางแขนทั้งสองออก แสงสีฟ้าปรากฏเป็นวงกลมเบื้องหน้าเขา มันรับไฟของบาเจียไว้ จากนั้นก็แผ่ออก ขยายเป็นม่านวงกลมคลุมร่างนกไฟแล้วบีบเล็กเข้า
บาเจียที่ถูกขังอยู่ในม่านพลังสีฟ้ามีท่าทางดิ้นรนอึดอัด ม่านพลังนั้นบีบเล็กจนคล้ายหายไปในร่างนกไฟ พร้อมกันนั้นร่างบาเจียก็ร่วงหล่นสู่พื้น นิ่งไป...
“เจ้าอิม!” ผมคลานเข้าไปประคองนกสีแดงไว้บนตัก น้ำตาไหลพราก
นิสเซ่ก้าวผ่านหน้าผมไป เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้านาร์คูลแล้วกางมือออก แสงสีฟ้าจางเรืองขึ้นที่กลางฝ่ามือของเขา
“อย่า!” ผมร้องทั้งที่รู้ว่าช่วยอะไรไม่ได้
ทันใดนั้น แสงสีฟ้าพลันปรากฏขึ้นรอบตัวนาร์คูล ดูดกลืนแสงสีฟ้าจางที่นิสเซ่ปล่อยใส่เขา
“ตัวประหลาดนั่นเป็นใครมิทราบ” เสียงคุ้นหูกวนประสาทดังขึ้นจากบริเวณทางเดิน ใครคนหนึ่งเดินผ่านพวกอินูเวที่หิ้วปีกเวิร์นไว้ มาหยุดยืนอยู่ข้างตัวผม
“มุสหรือ...นายคือ...มุสจริงๆ ใช่รึเปล่า”
“ไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใครล่ะโว้ย” ว่าไม่ว่าเปล่า มือตบหลังศีรษะผมฉาดหนึ่งด้วย
มุสชัดๆ
“ท่านโอลีน ต้นแบบนิสเซ่โผล่มาแล้วขอรับ” อินูเวคนหนึ่งรายงานกับลำโพง
“ข้าก็สงสัยอยู่ว่ามันจะมุดหัวหลบได้นานสักแค่ไหน” โอลีนบอก เขาส่งเสียงหัวเราะนิดหนึ่งก่อนจะออกคำสั่ง “ให้นิสเซ่สู้กับมัน ดูว่าใครจะชนะ”
มุสย่นคิ้ว สายตาจ้องไปยังนิสเซ่ ผมคิดว่าเขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่เข้าใจว่านิสเซ่...และตัวเองเป็นใคร เขารู้แค่ว่าเวลานี้เขาต้องสู้กับคนตรงหน้า...ซึ่งมีหน้าตาคล้ายเขา
มุสยิ้มแสยะ “น่าสนุก หากคิดว่าจะทำอะไรข้าได้ก็ลองดู” ว่าแล้วร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นเสือกึ่งสิงโต
###
พันมิติ ภาคห้า (The Parallel Dimensions 5) บทที่ ๑๐
ความเดิม
ภาคห้า บทที่ ๑ https://ppantip.com/topic/40438663
ภาคห้า บทที่ ๘ - ๙ https://ppantip.com/topic/40561863
###
บทที่ ๑๐
นัยน์ตาสีทับทิมมองตรงมาที่เรา แต่แววตากลับเย็นชา
“มุส นายทำอะไรของนายน่ะ!” ผมร้องถาม แต่ไม่ได้รับคำตอบ
“เขาไม่ใช่มุส” เวิร์นบอกเสียงขรึม “แต่เป็นนิสเซ่ที่ยังไม่สมบูรณ์”
ผมตวัดหันไปมองเวิร์นด้วยความแปลกใจ ขณะเดียวกัน เสียงหัวเราะของโอลีนก็ดังขึ้น
“ไหนว่าซาฮาร์ไม่ได้บอกอะไรเจ้า แล้วเจ้ารู้เรื่องนิสเซ่ได้อย่างไร”
เวิร์นขบริมฝีปากล่าง สักครู่จึงเอ่ยตอบ “ข้ารู้เพราะซาฮาร์เล่าให้ข้าฟังว่าเจ้าทำอะไรไว้บ้าง ตอนที่เกิดแผ่นดินไหว”
“ข้าก็แค่ทำการทดลอง” โอลีนบอกราวกับการทดลองนั้นเป็นแค่การปลูกถั่วเขียว
“การทดลองของเจ้า ทำให้โลกเป็นแบบนี้ไง!” เวิร์นตวาดอย่างเหลืออด แล้วจึงยกแขนขึ้น พร้อมกับกางฝ่ามือ ปล่อยแสงสีแดงพุ่งไปยังลำโพงที่ติดอยู่ตรงมุมทางเดิน หน้าห้องแหล่งพลังงานนั้น ลำโพงแตกกระจาย เสียงโอลีนก็หายไป
ทันใดนั้น แสงสีฟ้าพลันพุ่งตรงมาหาเรา แสงนั้นพุ่งมาอย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครตั้งตัวได้ทัน...ยกเว้นนาร์คูล
เขาก้าวออกไปข้างหน้า ยกแขนขึ้นเพื่อปล่อยพลังต้านทาน แต่เขาลืมไปว่าตัวเองไม่มีพลังแล้ว...
แสงสีฟ้าพุ่งใส่นาร์คูลอย่างจัง ตัวเขากระเด็นไปชนกับประตูเหล็กทางด้านหลัง
“นาร์คูล!” ผมกับเวิร์นร้องขึ้นพร้อมกันพลางก้มลงประคองเขา
ได้ยินเสียงหัวเราะของโอลีนดังขึ้น พอผมหันกลับไปก็เห็นอินูเวสามคนเดินมาสมทบกับคนที่ดูเหมือนมุส อินูเวคนหนึ่งถือลำโพงมาด้วย “พวกเจ้าเหลือแค่หนึ่งคนกับหนึ่งตัวที่พอมีพลัง จะสู้กับนิสเซ่ได้หรือ” น้ำเสียงของโอลีนฟังดูเย้ยหยัน “เวิร์น...ซาฮาร์บอกเจ้าหรือเปล่าว่านิสเซ่มีพลังมากแค่ไหน” ว่าแล้วก็หัวเราะขึ้นอีก
เวิร์นเม้มปากแน่น ไม่ได้ตอบคำถามนั้น
ผมไม่รู้ว่ามุสมีพลังแค่ไหน แต่ตอนที่นาร์คูลพยายามลักพาตัวผม เขาพยายามหลีกเลี่ยง ไม่ยอมสู้กับมุสตรงๆ ส่วนเวิร์น...ก็สู้นาร์คูลไม่ได้ ผมก้มมองแขนของตัวเองซึ่งอุ้มเจ้าปุยอิมที่กำลังล่องหนอยู่...ไม่รู้มันจะไหวรึเปล่า
“นิสเซ่” โอลีนออกคำสั่ง “จับเวิร์นกับเด็กนั่นมาให้ข้า”
“นาร์คูลเล่าขอรับ” มุส...นิสเซ่...ถามเสียงเรียบ
“ทำลายทิ้งซะ!”
ผมสะดุ้งยามได้ยินคำนั้น เจ้าอิมกระโดดจากอ้อมแขนผมในขณะที่ผมลุกพรวดขึ้น กางแขนขวางหน้านาร์คูลไว้โดยไม่ทันได้คิด
“อย่า!” ผมร้อง แต่แสงสีฟ้าพุ่งมาทางผมแล้ว!
พร้อมกับแสงที่พุ่งมา เปลวไฟแดงฉานพุ่งสวนกลับไปจากด้านข้างของผม พอหันกลับไปผมก็เห็นบาเจียอิมเปลี่ยนเป็นไฮซานแล้ว มันกระโจนเข้าใส่นิสเซ่อย่างรวดเร็วจนเห็นเป็นเงาสีดำ มันตะปบอีกฝ่ายล้มลงกับพื้นแล้วใช้อุ้งเท้าหน้ากดไว้
สีหน้านิสเซ่ยังคงเรียบเฉย เห็นแสงสีฟ้าสว่างวาบออกจากตัวเขา ผลักไฮซานอิมกระเด็นออกมา ตามด้วยแสงสีฟ้าที่พุ่งปราดใส่ม้าสีดำ
ไฮซานกระโดดหลบไปทางผนังด้านข้าง แล้วดีดเท้าจากผนังพุ่งกลับมาที่นิสเซ่ มันเคลื่อนไหวเร็วมากจนผมไม่รู้ว่ามันทำอะไรยามกระโดดผ่านนิสเซ่ แต่ที่ลำตัวของเขาปรากฏรอยข่วนขึ้นสี่รอย
นิสเซ่ก้มมองรอยข่วนที่มีเลือดไหลซึม เขาขบกรามกรอด ใบหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ ทันใดนั้น ร่างของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ผิวทั่วร่างปรากฏริ้วลายสีดำ ผมเปลี่ยนเป็นสีเงินมีริ้วดำ เล็บมืองอกยาวขึ้น เขาแสยะแยกเขี้ยวที่เหมือนเขี้ยวสัตว์ดูน่ากลัว
แต่ไม่คล้ายโคชาน...แล้วก็ไม่คล้ายเอธร่า...
ร่างของเขาเหมือนอยู่กึ่งกลางระหว่างโคชานกับเอธร่า ครึ่งคนครึ่งสัตว์ แม้แต่นัยน์ตาสีทับทิมที่เบิกกว้างยังดูคล้ายสัตว์บ้าคลั่ง!
เขากางเล็บพุ่งใส่ไฮซาน เจ้าม้าสีดำกระโดดข้ามศีรษะเขาไปเพื่อหลบเลี่ยง นิสเซ่พลันหันหลังกลับ ปล่อยแสงสีฟ้าใส่มันในขณะที่เท้าของมันกำลังแตะพื้น ไฮซานจึงไม่มีทางหลบได้ทัน
แสงสีแดงพลันปรากฏขึ้น เวิร์นปล่อยพลังปะทะพลังของนิสเซ่ หันเหแสงสีฟ้านั้นไปเล็กน้อย เฉียดขนข้างตัวไฮซานไปแถบหนึ่ง
แต่อินูเวสองคนที่อยู่ในบริเวณนั้นไม่ยอมให้เวิร์นกับไฮซานอิมรุมนิสเซ่ พวกเขาปล่อยพลังใส่เวิร์น ทำให้เวิร์นต้องใช้พลังป้องกันตนเอง แสงสีแดงสองสายผลักดันแสงสีแดงหนึ่งสาย
เวิร์นไม่สามารถทานพลังของอินูเวสองคนได้ สุดท้ายก็ถูกพลังสองสายกระแทกกลับ ร่างลอยไปทางด้านหลังไถลกับพื้น จากนั้นอินูเวทั้งสองคนก็ก้าวเข้ามาหิ้วปีกเขาคนละข้าง แล้วขังไว้ในลูกโป่งแสงสีแดง ร่างของเขาอ่อนปวกเปียก ดูเหมือนจะไม่ได้สติแล้ว
ทางด้านไฮซานซึ่งรอดพ้นจากพลังของนิสเซ่ได้อย่างหวุดหวิดก็กลับมาตั้งหลักได้ มันเปลี่ยร่างเป็นบาเจีย แล้วพ่นไฟใส่นิสเซ่ แสงสีฟ้าเรืองปรากฏขึ้นรอบตัวอีกฝ่าย กลายเป็นเขตเวทมนตร์ป้องกันนิสเซ่ไว้ ไฟของบาเจียพอสัมผัสเขตเวทมนตร์นั้นก็พลันสลายหายไป
บาเจียพยายามพ่นไฟใส่นิสเซ่อีก แต่คราวนี้อีกฝ่ายไม่กางเขตเวทมนตร์แล้ว เขากางแขนทั้งสองออก แสงสีฟ้าปรากฏเป็นวงกลมเบื้องหน้าเขา มันรับไฟของบาเจียไว้ จากนั้นก็แผ่ออก ขยายเป็นม่านวงกลมคลุมร่างนกไฟแล้วบีบเล็กเข้า
บาเจียที่ถูกขังอยู่ในม่านพลังสีฟ้ามีท่าทางดิ้นรนอึดอัด ม่านพลังนั้นบีบเล็กจนคล้ายหายไปในร่างนกไฟ พร้อมกันนั้นร่างบาเจียก็ร่วงหล่นสู่พื้น นิ่งไป...
“เจ้าอิม!” ผมคลานเข้าไปประคองนกสีแดงไว้บนตัก น้ำตาไหลพราก
นิสเซ่ก้าวผ่านหน้าผมไป เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้านาร์คูลแล้วกางมือออก แสงสีฟ้าจางเรืองขึ้นที่กลางฝ่ามือของเขา
“อย่า!” ผมร้องทั้งที่รู้ว่าช่วยอะไรไม่ได้
ทันใดนั้น แสงสีฟ้าพลันปรากฏขึ้นรอบตัวนาร์คูล ดูดกลืนแสงสีฟ้าจางที่นิสเซ่ปล่อยใส่เขา
“ตัวประหลาดนั่นเป็นใครมิทราบ” เสียงคุ้นหูกวนประสาทดังขึ้นจากบริเวณทางเดิน ใครคนหนึ่งเดินผ่านพวกอินูเวที่หิ้วปีกเวิร์นไว้ มาหยุดยืนอยู่ข้างตัวผม
“มุสหรือ...นายคือ...มุสจริงๆ ใช่รึเปล่า”
“ไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใครล่ะโว้ย” ว่าไม่ว่าเปล่า มือตบหลังศีรษะผมฉาดหนึ่งด้วย
มุสชัดๆ
“ท่านโอลีน ต้นแบบนิสเซ่โผล่มาแล้วขอรับ” อินูเวคนหนึ่งรายงานกับลำโพง
“ข้าก็สงสัยอยู่ว่ามันจะมุดหัวหลบได้นานสักแค่ไหน” โอลีนบอก เขาส่งเสียงหัวเราะนิดหนึ่งก่อนจะออกคำสั่ง “ให้นิสเซ่สู้กับมัน ดูว่าใครจะชนะ”
มุสย่นคิ้ว สายตาจ้องไปยังนิสเซ่ ผมคิดว่าเขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่เข้าใจว่านิสเซ่...และตัวเองเป็นใคร เขารู้แค่ว่าเวลานี้เขาต้องสู้กับคนตรงหน้า...ซึ่งมีหน้าตาคล้ายเขา
มุสยิ้มแสยะ “น่าสนุก หากคิดว่าจะทำอะไรข้าได้ก็ลองดู” ว่าแล้วร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นเสือกึ่งสิงโต
###