ไอดินกับมุสกลับมาแล้วค่ะ มาช่วยกันหาทางออกจากฐานของอินูเวกันต่อนะคะ
ปูลู คราวนี้โพสต์สองตอน อย่าลืมเลื่อนลงไปอ่านเน่อ
ความเดิม
ภาคห้า บทที่ ๑
https://ppantip.com/topic/40438663
ภาคห้า บทที่ ๗
https://ppantip.com/topic/40536867
###
บทที่ ๘
ทางออกอยู่ที่ไหน...
พอออกจากห้องที่มุสถูกขังอยู่แล้ว เราก็วิ่งไปโดยไม่รู้จุดหมาย แม้แต่นาร์คูลของเราก็ไม่รู้ว่าเราอยู่ส่วนใดของฐาน
“นายอยู่ที่นี่ ทำไมถึงไม่รู้ล่ะ” ผมถาม เริ่มหายใจหอบเพราะวิ่งมาสักพักหนึ่งแล้ว แถมยังต้องอุ้มเจ้าปุยอิมที่กินแรงผมโดยการให้ผมอุ้มมาตลอดทาง
“ข้าไม่เคยมาที่นี่” หมอนั่นตอบแบบไม่รู้เรื่องอีกเช่นเคย เวิร์นจึงต้องช่วยขยายความ
“ฐานนี้ไม่ใช่ว่าใครจะเพ่นพ่านไปไหนก็ได้หรอกนะ อินูเวไปได้แต่เฉพาะในสถานที่ที่ตนรับผิดชอบ แล้วก็ยังมีเขตหวงห้ามที่จำกัดการเข้าออกอีก”
“ความลับเยอะเสียจริง” ผมบ่น แต่ก็ยังคงวิ่งตามพวกเขาไป ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะคุ้นทางข้างหน้าบ้าง
แต่ข้างหน้าเป็นทางตัน...
อันที่จริงมันไม่ใช่ทางตัน แต่สุดทางนั้นมีประตูขนาดใหญ่ เป็นประตูเหล็ก ทั้งสูงทั้งหนา และไม่มีที่จับหรือที่เปิดใดๆ ทั้งสิ้น
นาร์คูลก้าวไปที่หน้าประตูนั้น ยกมือทาบบานประตู พยายามใช้พลังเปิดมันเหมือนอย่างที่เปิดประตูบานอื่น แต่กลับไม่ได้ผล ไม่มีแม้แต่เสียงปลดกลอนประตู
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา พวกนาร์คูลยังตามเรามาอยู่
“พังเข้าไปเลย” เวิร์นบอก นาร์คูของเราก็ทำตาม เขาพุ่งแสงสีดำไปทางประตูนั้นอย่างที่เคยพังผนังห้องก่อนหน้านี้ แต่ประตูเหล็กดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด
เสียงฝีเท้ายิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นาร์คูลของเรายังคงพุ่งพลังไปที่ประตูนั้น เวิร์นจึงช่วยด้วยการพุ่งแสงสีแดงไปที่บานประตูเช่นกัน ส่วนผมก็วางเจ้าอิมลง แล้วบอกให้มันเปลี่ยนร่างเป็นนกไฟบาเจีย พ่นไฟใส่ประตูเพื่อช่วยอีกแรง
กระนั้นประตูก็ยังตั้งตระหง่านแข็งแรงดังเดิม
เสียงฝีเท้าที่ตามมาหยุดลงด้านหลังเรา พอหันกลับไปก็พบฝูงนาร์คูลตั้งแถวเรียงขวางทางเดินไว้แล้ว ทั้งหมดยื่นมือมาข้างหน้า เตรียมพุ่งพลังใส่เรา บาเจียอิมพลันพ่นไฟเป็นม่านเพลิงขวางพวกเขาไว้
ไฟเริ่มลุก แต่น่าแปลกที่บริเวณนั้นไม่มีระบบดับเพลิง หรือห้องนี้มีการป้องกันแน่นหนาดีแล้วจึงไม่กลัวไฟไหม้
...หรือในห้องนี้มีสิ่งที่เปียกน้ำไม่ได้เหมือนกัน
ฝูงนาร์คูลเดินผ่านม่านเพลิงมาไม่ได้ พวกเขายังคงเป็นเลือดเนื้อ บาดเจ็บจากแผลพุพองได้เหมือนกัน
แต่พวกเขาก็พุ่งพลังผ่านม่านเพลิงมาแทน พวกเราก็ถลันหลบไปคนละทิศละทาง แสงสีดำบางสายจึงปะทะประตูเหล็ก หลายแห่งที่ถูกแสงสีดำพุ่งใส่ดูเรียบสนิทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ตำแหน่งที่ถูกปะทะด้วยพลังหลายสายรวมกัน ดูเหมือนจะบุบไปหน่อยหนึ่ง
“ทุกคนมารวมกันตรงกลาง” เวิร์นตะโกนบอก เขาเห็นรอยบุบที่ประตูเช่นกัน และรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
เราทุกคนมายืนรวมกันที่หน้าประตู ครั้นแล้วเวิร์นก็หันไปผงกศีรษะกับนาร์คูลของเรา แล้วสองคนนั้นก็ปล่อยแสงสีดำและสีแดงผ่านม่านเพลิงไปยังฝูงนาร์คูล เหมือนเป็นการร้องท้า พวกนาร์คูลก็ตอบกลับด้วยพลังเช่นกัน พวกเขารวมแสงสีดำเป็นสายเดียวแล้วพุ่งตรงมาทางเรา!
“หลบ!” เวิร์นร้องบอก พร้อมกับหิ้วคอผมกลิ้งหลบไปทางหนึ่ง นาร์คูลหมุนตัวหลบไปอีกทางหนึ่ง ส่วนเจ้าอิมบินสูงขึ้นไปแทบจรดเพดาน แสงสีดำจึงพุ่งปะทะประตูเหล็กโดยตรง เกิดเป็นช่องโหว่ราวกับถูกหลอมด้วยความร้อนสูง
“ไป!” เวิร์นบอกพร้อมดันตัวผมให้ลุกขึ้น แล้วผลักไปทางช่องโหว่ในประตูนั้น
###
พันมิติ ภาคห้า (The Parallel Dimensions 5) บทที่ ๘ - ๙
ปูลู คราวนี้โพสต์สองตอน อย่าลืมเลื่อนลงไปอ่านเน่อ
ความเดิม
ภาคห้า บทที่ ๑ https://ppantip.com/topic/40438663
ภาคห้า บทที่ ๗ https://ppantip.com/topic/40536867
###
บทที่ ๘
ทางออกอยู่ที่ไหน...
พอออกจากห้องที่มุสถูกขังอยู่แล้ว เราก็วิ่งไปโดยไม่รู้จุดหมาย แม้แต่นาร์คูลของเราก็ไม่รู้ว่าเราอยู่ส่วนใดของฐาน
“นายอยู่ที่นี่ ทำไมถึงไม่รู้ล่ะ” ผมถาม เริ่มหายใจหอบเพราะวิ่งมาสักพักหนึ่งแล้ว แถมยังต้องอุ้มเจ้าปุยอิมที่กินแรงผมโดยการให้ผมอุ้มมาตลอดทาง
“ข้าไม่เคยมาที่นี่” หมอนั่นตอบแบบไม่รู้เรื่องอีกเช่นเคย เวิร์นจึงต้องช่วยขยายความ
“ฐานนี้ไม่ใช่ว่าใครจะเพ่นพ่านไปไหนก็ได้หรอกนะ อินูเวไปได้แต่เฉพาะในสถานที่ที่ตนรับผิดชอบ แล้วก็ยังมีเขตหวงห้ามที่จำกัดการเข้าออกอีก”
“ความลับเยอะเสียจริง” ผมบ่น แต่ก็ยังคงวิ่งตามพวกเขาไป ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะคุ้นทางข้างหน้าบ้าง
แต่ข้างหน้าเป็นทางตัน...
อันที่จริงมันไม่ใช่ทางตัน แต่สุดทางนั้นมีประตูขนาดใหญ่ เป็นประตูเหล็ก ทั้งสูงทั้งหนา และไม่มีที่จับหรือที่เปิดใดๆ ทั้งสิ้น
นาร์คูลก้าวไปที่หน้าประตูนั้น ยกมือทาบบานประตู พยายามใช้พลังเปิดมันเหมือนอย่างที่เปิดประตูบานอื่น แต่กลับไม่ได้ผล ไม่มีแม้แต่เสียงปลดกลอนประตู
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา พวกนาร์คูลยังตามเรามาอยู่
“พังเข้าไปเลย” เวิร์นบอก นาร์คูของเราก็ทำตาม เขาพุ่งแสงสีดำไปทางประตูนั้นอย่างที่เคยพังผนังห้องก่อนหน้านี้ แต่ประตูเหล็กดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด
เสียงฝีเท้ายิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นาร์คูลของเรายังคงพุ่งพลังไปที่ประตูนั้น เวิร์นจึงช่วยด้วยการพุ่งแสงสีแดงไปที่บานประตูเช่นกัน ส่วนผมก็วางเจ้าอิมลง แล้วบอกให้มันเปลี่ยนร่างเป็นนกไฟบาเจีย พ่นไฟใส่ประตูเพื่อช่วยอีกแรง
กระนั้นประตูก็ยังตั้งตระหง่านแข็งแรงดังเดิม
เสียงฝีเท้าที่ตามมาหยุดลงด้านหลังเรา พอหันกลับไปก็พบฝูงนาร์คูลตั้งแถวเรียงขวางทางเดินไว้แล้ว ทั้งหมดยื่นมือมาข้างหน้า เตรียมพุ่งพลังใส่เรา บาเจียอิมพลันพ่นไฟเป็นม่านเพลิงขวางพวกเขาไว้
ไฟเริ่มลุก แต่น่าแปลกที่บริเวณนั้นไม่มีระบบดับเพลิง หรือห้องนี้มีการป้องกันแน่นหนาดีแล้วจึงไม่กลัวไฟไหม้
...หรือในห้องนี้มีสิ่งที่เปียกน้ำไม่ได้เหมือนกัน
ฝูงนาร์คูลเดินผ่านม่านเพลิงมาไม่ได้ พวกเขายังคงเป็นเลือดเนื้อ บาดเจ็บจากแผลพุพองได้เหมือนกัน
แต่พวกเขาก็พุ่งพลังผ่านม่านเพลิงมาแทน พวกเราก็ถลันหลบไปคนละทิศละทาง แสงสีดำบางสายจึงปะทะประตูเหล็ก หลายแห่งที่ถูกแสงสีดำพุ่งใส่ดูเรียบสนิทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ตำแหน่งที่ถูกปะทะด้วยพลังหลายสายรวมกัน ดูเหมือนจะบุบไปหน่อยหนึ่ง
“ทุกคนมารวมกันตรงกลาง” เวิร์นตะโกนบอก เขาเห็นรอยบุบที่ประตูเช่นกัน และรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
เราทุกคนมายืนรวมกันที่หน้าประตู ครั้นแล้วเวิร์นก็หันไปผงกศีรษะกับนาร์คูลของเรา แล้วสองคนนั้นก็ปล่อยแสงสีดำและสีแดงผ่านม่านเพลิงไปยังฝูงนาร์คูล เหมือนเป็นการร้องท้า พวกนาร์คูลก็ตอบกลับด้วยพลังเช่นกัน พวกเขารวมแสงสีดำเป็นสายเดียวแล้วพุ่งตรงมาทางเรา!
“หลบ!” เวิร์นร้องบอก พร้อมกับหิ้วคอผมกลิ้งหลบไปทางหนึ่ง นาร์คูลหมุนตัวหลบไปอีกทางหนึ่ง ส่วนเจ้าอิมบินสูงขึ้นไปแทบจรดเพดาน แสงสีดำจึงพุ่งปะทะประตูเหล็กโดยตรง เกิดเป็นช่องโหว่ราวกับถูกหลอมด้วยความร้อนสูง
“ไป!” เวิร์นบอกพร้อมดันตัวผมให้ลุกขึ้น แล้วผลักไปทางช่องโหว่ในประตูนั้น
###