จอมเวทไร้พลัง ตอนที่ 10

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 10 ความต้องการ


      ความจริงเรื่องจุดกำเนิดของอิกริดถูกถ่ายทอดสู่แอนนาและผู้กล้าหญิงอย่างต่อเนื่องเหมือนสายน้ำไหล เขาแกล้งลืมเล่าว่าพ่อของเขาพูดอย่างไรในตอนนั้น แม้สองคนนั้นจะรู้ก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นฝ่ายถูกมองด้วยสายตาเวทนาอยู่ดี

      “อย่างนั้นผู้กล้าพัวร์รีนก็เป็นด้านดีของเจ้าน่ะสิ ส่วนเวเบอร์ก็ด้านร้าย” ผู้กล้าลาเวนเดอร์กล่าวอย่างกระตือรือร้น

      ทว่าตอนนี้อิกริดไม่อาจได้ยินเสียงอื่นใดได้อีกแล้ว

      “ไม่ง่ายแบบนั้นหรอกลาเวนเดอร์ ข้าเล่าไปหรือยัง เขาจะต้องเลือกว่าจะเอาส่วนของใคร ผู้กล้าพัวร์รีนหรือเวเบอร์ ดีจังนะอิง ได้รู้สาเหตุที่ไม่มีพลังอำนาจสักที แต่จะเลือกอย่างไรนี่สิปัญหา คงเหมือนกับพิธีหลักกระมัง ที่เลือกว่าจะได้อยู่ตระกูลใด ประเดี๋ยวข้าจะลองหาวิธีให้นะอิง ฟังอยู่หรือเปล่าอิง”

      “ขอข้าอยู่คนเดียวสักพัก อยากคิดอะไรสักหน่อย เจ้ามีงานเยอะอยู่แล้วแอนนา ไม่ต้องกังวลเรื่องข้าหรอก คนอย่างข้าไม่มีวันฆ่าตัวตาย”

      “พูดอะไรน่ะอิง! ตายอะไรกัน อยู่กับข้าตรงนี้ดีกว่า พวกเรายังไม่ได้ทานอาหารกลางวันเลยนี่นา เดี๋ยวไปทานด้วยกัน”

      “เมื่อกี้น่าจะได้ยินจากคนส่งสารแล้วนี่นาว่าเจ้าถูกเรียกตัวไป เป็นผู้ช่วยของตัวแทน เหมือนกับทุกครั้ง ไม่ต้องห่วงข้า อย่างไรข้าก็ตัวคนเดียวอยู่แล้ว!”

      สิ้นเสียงอิกริดก็ปึงปังออกไปจากห้อง ไม่ใส่ใจเสียงเรียกของผู้หญิงทั้งสองคน เขาตรงไปห้องนอน ล้มตัวลงบนเตียงทั้งที่ใส่รองเท้าอยู่ ความรู้สึกปวดมวนในท้องไม่ยอมหายไปเสียที เขารู้สึกถึงมันตั้งแต่เห็นภาพนิมิตทั้งหลายนั่นแล้ว

      “ข้าก็เคยรู้สึกแบบเดียวกัน ตอนที่รู้ชะตากรรมของพ่อข้า”

      อิกริดหันไปมองเจ้าของเสียงทุ้มเหมือนผ้ากำมะหยี่ ผู้กล้าพัวร์รีนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งด้วยแววตาห่วงใย เขาจะเอ่ยปากไล่อยู่แล้วแต่นึกได้ว่าทั้งเขาและผู้กล้าเป็นหนึ่งเดียวกัน

      “ฟังข้าก่อน แล้วจากนั้นเจ้าจะนอนซึมต่อไปก็ตามใจ ทั้งข้าและเวเบอร์ในตอนนี้ดำรงอยู่เพื่อเป็นพลังให้เจ้า พวกเราทั้งสามคนเป็นหนึ่งเดียวกัน เจตจำนงของเราคือทำตามความต้องการของเจ้าเพียงผู้เดียว เมื่อเจ้าอยากได้พลังข้าก็พร้อมมอบพลังให้เจ้าใช้ ในสายตาของข้า เจ้าเป็นเด็กเข้มแข็ง มุ่งหน้าทำเฉพาะสิ่งที่สนใจ แต่เวเบอร์มองคนละมุมกับข้า เจ้าไม่รู้ถึงความพิเศษของตนเลยสักนิด กระทำการบ้าบิ่นไม่คิดหน้าคิดหลัง ทำอะไรตามอำเภอใจ เขาว่าเหมือนถูกเลี้ยงมาไม่ดี”

      “ก็จริงไหมล่ะ!” อิกริดคำรามเบาๆ น้ำตาเริ่มเอ่อขึ้นอีกครั้ง “ข้าเกิดขึ้นมาได้ด้วยความรักของแม่ ไม่ใช่พ่อ! ไม่ผิดสักนิดถ้าเขาจะเกลียดข้า! ข้าทำให้คนที่เขารักตายไปทั้งคน! เขาคงอยากเห็นหน้าข้าหรอกนะ”

      ผู้กล้าพัวร์รีนไม่ตอบรับโทสะของอิกริด ยังตั้งหน้าพูดต่อไป

      “ในเมื่อข้ากับหมอนั่นเห็นไม่ตรงกันจึงเกิดข้อขัดแย้ง ผลคือพวกข้าวางเดิมพันกับเจ้า” อดีตผู้กล้าเว้นเสียงเรียกความสนใจ มีไม่กี่ครั้งที่อิกริดได้ยินคนอื่นพูดถึงตัวเขาจึงหยุดฟัง พลางเช็ดน้ำตากับปลอกหมอนเก่าๆ

      “ตอนที่พวกเราตัดสินใจ เวเบอร์จึงเริ่มทดลองมอบพลังให้เจ้าผ่านดาบปีกวิหคเพื่อดูว่าเจ้าจะทำอย่าง กับพลังที่ได้รับ ใช้อย่างพร่ำเพรื่อ ศึกษามัน หรือใช้ปกป้องคนอื่น และระหว่างนั้นยิ่งเจ้าเรียกหาหมอนั่นเพื่อขอความช่วยเหลือ วิญญาณส่วนของตัวเจ้าเองจะถูกแทนที่ สุดท้ายเจ้าจะกลายเป็นเวเบอร์คนที่สอง...ก็ไม่เลวร้ายอะไรหรอก สติของเจ้าจะหายไปแล้วหมอนั่นจะครองร่างของเจ้าโดยสมบูรณ์

      “ในทางตรงข้าม หากเจ้ามีใช้ความรอบคอบสักนิด ใช้พลังเท่าที่จำเป็น ไม่เชื่อใจเวเบอร์ทั้งที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางดีก็จะรอดจากการถูกยึดร่าง ทำให้ข้ายอมรับแล้วข้าก็จะทำให้เจ้าใช้พลังที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าโดย สมบูรณ์”

      “แต่ข้าพลาด เวเบอร์สร้างร่างใหม่ได้จากตัวข้า แล้วจะให้ข้าทำอะไรอีก ข้าไม่แข็งแกร่งพอที่จะแบกรับมันได้อีกต่อไปแล้ว!”

      “ที่ข้าจะทำตอนนี้ไม่ใช่อ้อนวอนให้เจ้าไปสู้กับหมอนั่น แม้ด้านเวทมนตร์ข้าจะเหนือกว่าแต่เจ้าก็น่าจะรู้ เวเบอร์ใช้วิชาเรียกสัตว์ปิศาจได้แถมใช้ดาบปีกวิหคได้อีก เมื่อเอาไปชั่งน้ำหนักก็พบว่าใกล้เคียงข้ามาก ยากจะบอกว่าใครเหนือกว่า...ตอนนี้เจ้าต้องการอะไร นี่ละที่ข้าอยากพูด”

      “ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ข้าคงอยากได้พลัง แต่ตอนนี้ข้าอยากพัก ให้ข้าหลับอยู่ในความฝันอะไรสักอย่าง...มองไม่เห็นเหตุผลที่ข้าจะตื่นต่อไป แล้ว”

      “อย่างนั้นเรามาสลับที่กันดีไหม ให้ข้าใช้ร่างของเจ้าแทน ส่วนเจ้าก็จะอยู่ในความฝันได้นานตามต้องการ อยากตื่นเมื่อไรก็ได้ ไม่ต้องห่วงข้าไม่ใช้ร่างเจ้าทำอะไรแผลงๆหรอก”

      “ได้สิ ข้าเบื่อเต็มทีแล้ว ตัวตนของข้ามันเพิ่งเริ่มก่อร่างได้ตั้งแต่ท่านกับเวเบอร์ปรากฏตัวนี่เอง แต่ตอนนี้ข้าเหนื่อยเหลือเกิน ให้ข้าหลับเถิด ให้ความจริงมันลับหายไปเหมือนแสงตะวันยามพลบค่ำล่ะดี”

      ดวงตาเปียกชื้นของอิกริดปิดลงอย่างแผ่วเบา เสียงร่ายคาถาของอดีตผู้กล้าจะเป็นเสียงสุดท้ายจากโลกแห่งความเป็นจริงที่ เขาได้ยิน...


      ความมืดรอบข้างเริ่มเปลี่ยนสีสันและลวดลาย แทนที่ท้องฟ้าสดใสจะมีเมฆ มันกลับคลาคล่ำไปด้วยปิศาจประเภทต่างๆหลากสีสันหลายรูปแบบ ตั้งแต่เทาดำเหมือนหินชนวนไปถึงเหลืองสดเหมือนดอกทานตะวันกลางแดด บ้างมีหนวดเต็มตัวบ้างมีแขนขามากมายดูสับสนอลหม่าน บนพื้นดินก็เป็นดุจเดียวกัน เหล่าปิศาจรวมตัวกันมากมายมหาศาลดั่งงอกจากหมู่ไม้ใบหญ้า

      เหล่าปิศาจนับพันมุ่งหน้าไปจุดเดียว ทุ่งหญ้าใหญ่เชื่อมระหว่างหุบเขาสองหุบ ซึ่งมีเงาร่างคนสองคนยืนรออยู่แล้ว หนึ่งในนั้นคือผู้ที่อิกริดจำไม่ไม่มีวันลืม ว่าที่จอมปิศาจเวเบอร์นั่นเอง! บางทีอดีตผู้กล้าคงฉายอดีตให้เขาดูกระมัง

      เขาไม่รู้ว่าอดีตผู้กล้าจะให้ดูฝันแบบไหน อย่างน้อยเขาก็สามารถหลบหนีความจริงได้อย่างสมบูรณ์ อิกริดผู้อยู่ในสภาพเดียวกับสายลมเคลื่อนตัวไปหาบุรุษทั้งสองที่ยืนรอรับกอง ทัพปิศาจอยู่

      อีกคนหนึ่งคือผู้ชายที่เขาเคยเห็นในความฝัน ร่างผอมสูงพร้อมผมหางม้าสีเหลือง แววตาสีมรกตเปี่ยมพลังเข้ากับผ้าคลุมไหล่สีเขียวใบไม้ ทั้งคู่มาทำอะไรอยู่กลางฝูงมฤตยูนี้กัน

      “ทางโน้นเตรียมพวกนี้มาปิดปากเจ้าเต็มที่เลยนะไบรอัน เรียกว่าหนีไปที่ไหนที่นั่นก็พินาศ” เงาของเวเบอร์หัวเราะเบาๆส่ายหัวเล็กน้อย

      “แค่นี้ไม่ครณามือเราสองคนหรอก เราต้องจัดการมันก่อนเข้าเขตเมือง ข้าจัดการบนพื้นส่วนเจ้าก็บนฟ้า ตกลงไหม”

      “ใครดีใครได้สิ” ทั้งคู่ดูสนิทสนมกันดีในสายตาของอิกริด ไม่น่าเชื่อว่าในอนาคตทั้งสองจะเป็นอริกันจริงๆ

      แล้วเงาทั้งสองก็เริ่มลงมือต้อนรับฝูงปิศาจด้วยลูกไฟขนาดใหญ่เจิด จ้า แค่ครั้งเดียวก็เผาผลาญศัตรูไปได้หลายสิบตัว จากนั้นการต่อสู้แบบสองต่อหมู่ก็เริ่มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

      การต่อสู้ตรงหน้าไม่ใช่การต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดอิกริดจึงไม่จำ เป็นต้องเอาใจช่วย สิ่งที่เขาทำก็แค่ดู ฆ่าเวลาเพื่อให้ลืมความจริงที่เจ็บปวด พายุสายฟ้าสว่างวาบจากฟ้าสู่แผ่นดินแทบกลบแสงตะวันลง

      อยากเป็นอย่างนั้นบ้าง แค่ชั่วแวบเดียวก็พอใจแล้ว

      แล้วอิกริดก็ตกอยู่ในภวังค์ ในขณะเดียวกันก็มองดูการปราบปรามปิศาจร้ายไปด้วย ภูเขารอบด้านเกิดปะทุขึ้นปล่อยเถ้าสีเทาขึ้นฟ้า สารธารสีแดงสดไหลจากปากปล่องราวงูเลื้อย เส้นสายสีแดงทำให้ปิศาจกระจุกตัวหนีทำให้ง่ายต่อการถูกฆ่าฟัน น่าแปลกที่ทั้งสองแทบไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงเลยสักครั้ง ยังคงกระทำการประหัตประหารราวเป็นของสนุก

      เวเบอร์เก่งขนาดนั้นเลยหรือ

      เขาเห็นเวเบอร์ยกมือขึ้นเหนือหัว แสงสีเงินพุ่งขึ้นท้องฟ้าฉีกกระชากกลุ่มควันและก้อนเมฆ ก่อนเกิดเป็นระเบิดขนาดใหญ่ทำลายล้างพวกที่อยู่บนท้องฟ้า ไม่แค่นั้น เมื่อออกคำสั่งอีกครั้ง มังกรร้ายก็ปรากฏตัวด้วยวิชาเรียกสัตว์ปิศาจ มันเหินขึ้นไปสู้ศึกบนท้องฟ้าด้วยความภักดี เขาคิดถูกแล้วที่ไม่หันหน้าเข้าสู้ ต่อให้อีกร้อยปีอิกริดก็ไปยืนเทียบด้วยไม่ได้หรอก

      การสังหารหมู่จบลงเร็วอย่างน่าตกใจเมื่อดูจากปริมาณของผู้ถูก สังหาร พื้นที่รอบบริเวณถูกอาบไปด้วยเลือดสีเข้มของเหล่าปิศาจ ผู้รอดชีวิตสองคนยืนหอบซี่โครงบานอยู่ใจกลาง เสื้อผ้าขาดวิ่นเต็มไปด้วยรอยแผลและเลือด ทั้งคู่ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นยกนิ้วโป้งให้อีกฝ่ายด้วยความชื่นชม

      หากเขามีพลังแบบนั้นบ้างคงวิเศษไม่ใช่น้อย พลังที่ไม่แพ้ใคร

      อิกริดไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแต่ความมืดเริ่มโรยตัวเร็วผิด ปกติ หุบเขาค่อยๆละลายเปลี่ยนสภาพเป็นป่าทึบ เขาล่องลอยตามแสงไฟวับแวมไปด้วยความอยากรู้ เขาจะได้เห็นภาพอะไรอีก

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่