นิยายกลายเป็นนิทาน>Throne of Tempest

กระทู้สนทนา
“พลังของผลึกหินเวเนเกี้ยนยังคงศักดิ์สิทธ์ มิได้ด้อยประสิทธิภาพลงเลยแม้แต่น้อย” พ่อมดรำพึงด้วยความพึงพอใจ
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ใครทำเลรีอา ข้าไม่ยกโทษให้หรอกไม่ว่าใครหน้าไหน”  ฟาลนัวสะอื้นคร่ำครวญ 
“คนที่ทำให้เลรีอาเป็นเช่นนี้คือพ่อของเจ้ายังไงล่ะ” พ่อมดชี้ไปที่ดาริคซึ่งหน้าตื่นแย้งขึ้นว่า “พ่อข้าจะมาเกี่ยวอะไรด้วย ในเมื่อท่านจากโลกนี้ไปตั้งนานแล้ว ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวผู้นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ และผ่านมานานเท่าใดแล้ว แต่ดูจากใบหน้าร่างกายยังคงสวยสดถึงเพียงนี้ ไม่มีความเสื่อมโทรมปรากฏให้เห็นเลยสักนิด แสดงว่าคงเพิ่งเกิดเรื่องขึ้นไม่นานนักเป็นแน่”

“ใครบอกว่าพ่อของเจ้าจากโลกนี้ไปนานแล้ว” พ่อมดถามเลิกคิ้วสูง

“แม่ของข้า ก่อนที่นางจะเสียชีวิต”
“คิดว่าสิ่งที่นางพูดเป็นความจริงเช่นนั้นหรือ” พ่อมดยิ้มหยัน
“เช่นนั้นแปลว่าพ่อของข้ายังมีชีวิตอยู่หรอกหรือนี่ จริงหรือนี่ แล้วพ่อของข้าเขาเป็นใคร อยู่แห่งหนใดกัน” ดาริคถามดวงตาเป็นประกายปีติ
พ่อมดยิ้มหัวเราะในลำคอพร้อมกับตอบว่า “รู้หรือไม่ว่าพ่อของเจ้าเคยพยายามจะฆ่าเจ้ามาแล้ว และข้าก็ได้ช่วยชีวิตของเจ้าเอาไว้” 

แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อพ่อมด แล้วจังหวะที่พ่อมดเผลอ ก็ตะโกนดังลั่นขึ้นว่า “เอาผลึกหินคืนมา” 
ดาบในมือของเขาแทงทะลุร่างพ่อมด แต่กลับกลายเป็นเพียงอากาศธาตุ คล้ายกลุ่มควันม้วนกลับมารวมร่างกันใหม่ในสภาพเดิมไม่มีแม่แต่รอยขีดข่วน
“เปล่าประโยชน์ยังไงเจ้าก็ไม่มีวันแย่งผลึกหินไปจากข้าได้หรอก เอาเป็นว่าข้าสัญญาจะคืนให้เจ้า แต่เจ้าต้องทำตามที่ข้าบอกจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย”

“ท่านพ่อมดเหตุใดร่างกายของท่านจึงกลายสภาพเป็นเช่นกลุ่มควันที่ไม่อาจถูกฟันด้วยดาบเช่นนี้” พ่อมดเบนสายตาไปที่ฟาลนัวผู้ถามซึ่งยืนไม่ห่างจากร่างของเจ้าหญิงซึ่งอยู่ในสภาวะนิทราหลับ

“ข้าอาจเคยเป็นพ่อมดที่เก่งกาจที่สุดในทวีป แต่ร่างกายของข้าได้แตกสลายไปแล้ว พลังทั้งหมดของข้ากลับคืนสู่ธรรมชาติกลายเป็นผลึกหินที่ปรากฏส่องแสงอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้ ส่วนวิญญาณของข้ายังคงสถิตวนเวียนอยู่ไม่ห่างจากเลรีอา บัดนี้ข้ากลับมาปรากฏให้พวกเจ้าเห็นดุจเงาในกระจกที่จับต้องมิได้”

ในตอนนั้นหัวใจที่เปราะบางหลังจากการสูญเสียอันยิ่งใหญ่ไม่อาจควบคุมพลังเวทย์อันมหาศาลไว้ได้ เบื้องหลังเหตุผลการมีหัวใจที่เย็นชาและวางอำนาจชั่วร้ายของพ่อมดในอดีตที่ผ่านมา ก็เพื่อรักษาอำนาจมนตร์มืดชั้นสูงมิให้เสื่อมถอย เมื่อหัวใจอ่อนแอขีดสุด พลังอันมหาศาลไร้การควบคุม ร่างกายของเขาก็แตกออกเป็นเสี่ยง ส่วนจิตวิญญาณยังวนเวียน จนกระทั่งเมื่อได้ผลึกหินเวเนเกี้ยนกลับคืนมา จิตของพ่อมดก็เนรมิตรกายขึ้นมาให้ปรากฏสามารถสื่อสารพูดคุยได้

อันที่จริงก่อนที่ร่างของพ่อมดจะสลายไปพ่อมดได้สำนึกผิดต่อเจ้าชายฟาลนัว และได้แบ่งพลังของตนเองให้ฟาลนัว ที่เทพธิดาแห่งสายน้ำได้โอบอุ้มร่างของเขาเอาไว้ใต้ธารน้ำ เพื่อรักษาร่างของเขาไม่ให้เสื่อมสลายไป ส่วนวิญญานของเขาถูกดึงเข้ามากักไว้ในผลึกหิน ผลึกหินที่พ่อมดได้คืนกลับมานั้น จึงสามารถชุบชีวิตของเขาขึ้นมาใหม่ด้วยการปลดปล่อยวิญญานของเขาให้กลับคืนสู่ร่างที่แท้จริงตามเดิม

“เจ้าจงเดินทางไปให้ถึงหอคอยเทพเจ้า ข้าจะรออยู่ที่นั้น ก่อนกลุ่มดาวหัวใจสิงค์จะเคลื่อนสู่ทิศตะวันตกในอีก45วัน หากเจ้าทำสำเร็จข้าจะคืนให้ แต่ถ้าไม่ ก็อย่าหวังว่าจะได้คืน” 
พ่อมดกล่าวกับเด็กหนุ่มแล้วก็หายตัวไป

ฝ่ายเจ้าชายธีโอและกลุ่มของแอนเดรียสก็ออกสะกดรอยตามติดเจ้าหญิงเอมิริสใกล้เข้ามาทุกฝีเก้าย่าง

ในป่าอันเต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดกลาง สัตว์ป่าขนาดเล็กออกหากินส่งเสียงเล็กๆให้แว่วยินมาจากพงรก
“ข้ารู้สึกเหมือนว่ามีสายตาจ้องมองเราอยู่” เจ้าหญิงเอมิริสกระซิบบอกแม่เฒ่า กวาดตามองอย่างไม่วางใจไปรอบๆ แล้วร่างสีดำหลายๆร่างก็กระโจนลงมาจากต้นไม้พร้อมๆกัน พวกมันหน้าตาคล้ายคลึงกันไปหมด ใบหน้าและหูยาวแหลม ร่างกายที่ผอมแกรนและสูงเพียงระดับเอวคนปรกติ ทำให้พวกมันเคลื่อนไหวตัวรวดเร็วและซ่อนกายได้แนบเนียน มันพุ่งตัวเข้ามาหาคนทั้งคู่ในทันที

อย่างไม่คาดฝันร่างปราดเปรียวสองร่างก็พุ่งตัวสกัดหน้าเอาไว้
เจ้าชายธีโอปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับแอนเดรียส ทั้งสองยืนในท่าพร้อมสู้อยู่เคียงข้างกัน ต่างมีดาบคมกล้าอยู่ในมือคนละเล่ม ก่อนที่พวกมันจะเข้าถึงตัวพวกมันกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง ราวกับโดนพายุสองลูกถล่มใส่พร้อมๆกัน ทำให้พวกมันหวาดกลัวจนลนลาน แตกกระเจิงสลายตัวหลบหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต
บรุยเน่ย์เฉียงตัวลงจากอานม้า ตรงเข้ามาหาเจ้าหญิงเอมิริส ที่ทรุดอยู่กับพื้นบริเวณต้นไม้ใหญ่ เข้าไปช่วยพยุงตรวจสอบไม่พบบาดแผล เจ้าชายวางดาบที่เต็มไปด้วยคราบเลือดลงกับพื้น เดินตรงเข้ามาที่ร่างของเจ้าหญิง ทั้งสองยืนหันหน้าเข้าหากัน จ้องเข้าไปในดวงตาสั่นระริกของกันและกัน เจ้าหญิงโผเข้าสู่อ้อมกอดของบุรุษที่เรียกว่าพี่ชาย แม้ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน แต่ความรู้สึกยังคงไม่ผันแปร

เจ้าชายหนุ่มโอบร่างน้องสาวกระชับในอ้อมแขน กระซิบบอกกับเจ้าหญิงว่า“เอมิริส… รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้าเพียงใด เทพเจ้าทรงโปรด ในที่สุดก็หาตัวพบ โล่งอกไปทีที่เห็นว่าเจ้าปลอดภัย ข้าปฏิญานต่อฟ้าดินว่าจะไม่กลับไปเหยียบกลามีธีสอีกเลยหากไม่พบตัวเจ้า”

“ข้ารอท่านทุกลมหายใจเข้าออก ข้าคิดถึงท่านพี่เหลือเกินกลัวว่าจะไม่ได้พบหน้าอีก”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่