ในที่สุดวันที่ดาริอุสรอคอยในหลายแง่มุมก็มาถึง เป็นครั้งแรกที่ฝ่ายจักรวรรดิทั้งสองจะได้เจรจากับจอมอสูร เป็นครั้งแรกที่จะได้พบจอมอสูรแบบในนิยาย และเป็นครั้งแรกที่เขาจะได้พบพ่อผู้ให้กำเนิดเขาขึ้นมาด้วย
ห้องประชุมของปราสาทเก่าแก่ที่ถูกทิ้งร้างกลายเป็นสถานที่เจรจาได้อย่างพอเหมาะ ก่อนหน้านี้เวเบอร์ได้จัดการติดตั้งเชือกทวีอาคม ผลึกกาลเวลา และหินที่ปล่อยพลังเวทเอาไว้ตรงจุดที่จอมอสูรจะนั่ง คนทั้งห้าผู้ส่งพลังเวทไปยังผลึกกาลเวลาก็มาพร้อมกัน ดาริอุสกับลาควีล่าจะใช้นกเพลิงและจิ้งจอกเพลิงส่งพลังเวท ไบรอันได้รับการฟื้นฟูพลังเวทโดยพี่ชายของเวเบอร์ เนอร์วาน่าผู้กลับสู่สภาพเดิมหลังการต่อสู้เพื่อครึ่งหนึ่งของนาง และพระนางโรเซลลิน่าที่สมัครใจช่วยโดยไม่บอกเหตุผล
ห้องรูปไข่ถูกแบ่งเป็นสองส่วน ด้านหนึ่งเป็นฝ่ายจักรวรรดินำโดยองค์คริสโทเฟอร์ซึ่งรู้แล้วว่าพวกเขาจะทำอะไร อีกด้านเป็นของฝ่ายปิศาจและเงามืดต่างๆ รอการปรากฏตัวของจอมอสูรดัชเชลอยู่
“พ่อกับแม่เจ้าหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว แท้จริงแล้วจอมอสูรคือการรวมตัวของดัชเชล เฮลเบิร์ต กับท่านหญิงคาริสซาแห่งเพียรซ์”
นี่คือสิ่งที่เวเบอร์กับไบรอันพยายามอย่างยิ่งยวดให้เขาเข้าใจ แม้จะไม่ค่อยรู้เรื่องเวทมนตร์ ดาริอุสก็พอเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้ หากพวกเขาปลดปล่อยจอมอสูรได้ ทั้งพ่อและแม่ของเขาจะกลับมาทั้งคู่
ในที่สุดจอมอสูรก็ปรากฏตัว เป็นชายร่างสูงใหญ่ไว้หนวดเคราเล็กน้อยทว่าสง่าสมฐานะที่เป็นถึงจอมอสูร ดวงตาสีน้ำตาลเหมือนดาริอุสเปี่ยมไปด้วยบารมีและพลังอำนาจ ไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดเวเบอร์จึงจงรักภักดีถึงขั้นถวายหัวให้
“นั่นลูกจริงๆหรือมาเวอร์ริค เจ้าเหมือนพ่อในวัยหนุ่มเหลือเกิน” น้ำตาที่ไม่คาดคิดได้หลั่งรินออกมาจากดวงตาของจอมอสูรผู้ทระนง
ดาริอุสก็ดีใจเช่นกัน แต่เรื่องงานรวมเป็นหนึ่งกับเรื่องส่วนตัวแบบนี้ก็อดน้ำตาไหลไม่ได้ที่ได้พบกับพ่อจริงๆแม้จะต้องเตรียมการพร้อมปลดปล่อยอีกฝ่ายหนึ่งอย่างที่พลาดไม่ได้แม้แต่นิด
“ขอบคุณที่ยอมให้มีการประชุมครั้งนี้ ท่านจอมอสูรดัชเชล” องค์คริสโทเฟอร์เกริ่น “ผู้กล้าแสงตะวันบอกข้าถึงการรวมร่างระหว่างท่านดัชเชลและท่านป้าคาริสซาแล้ว คงข้ามเรื่องน่าเบื่อไปได้”
“ยโสสมเป็นจักรพรรดิของเพียรซ์จริงๆ” แล้วจอมอสูรก็นั่งลงบนเก้าอี้อีกด้านของห้องประชุม ใจกลางดาวห้าแฉกที่ถูกทำสัญลักษณ์ด้วยเชือกทวีอาคมและผลึกเวทมนตร์ โดยมีผลึกกาลเวลาอยู่ใต้เท้าอีกทีหนึ่ง “ยอมเข้ามาที่นี่แบบนี้แสดงว่ามีแผน ข้าจึงวานเวเบอร์จัดเตรียมสถานที่ให้พร้อมสำหรับการประชุม เพื่อไม่ให้พวกท่านเล่นเล่ห์กลอะไรได้อีก”
ก็เวเบอร์นั่นแหละที่เป็นตัววางแผนครั้งนี้ ดาริอุสถอนหายใจเบาๆ ได้เวลาลงมือแล้ว
“ข้าต้องขอโทษท่านพ่อด้วย” ดาริอุสก้าวออกมาข้างหน้าเป็นสัญญาณตามแผนที่วางไว้
ราวกับสายลมเหนือ คนทั้งห้าพุ่งไปยืนล้อมรอบจอมอสูรไว้ตามสัญลักษณ์ดาวห้าแฉก ร่างของจอมอสูรถูกตรึงไว้ด้วยเวทมนตร์อันกล้าแกร่งของเวเบอร์ผู้ยอมสละชีพเพื่อเจ้านาย ลาควีล่าและดาริอุสเรียกสัตว์อสูรออกมาเพื่อส่งพลังเวท เบื้องหน้าไบรอัน เนอร์วาน่า และท่านหญิงโรเซลลิน่าเกิดลูกพลังเวทออกมาเพื่อถ่ายทอดไปสู่เชือกทวีอาคม ทั้งดาเรียและซีซาร์ก็ทำแบบเดียวกัน
ในวินาทีนั้นจอมอสูรร้องตะโกนอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์ คิดว่าตนเองต้องตายแน่แล้ว
เมื่อทุกสิ่งสอดประสานกันอย่างลงตัว แหล่งพลังเวททั้งห้าจุดและผลึกหินที่ปล่อยพลังเวทถูกกระตุ้นมันก็ส่งคำสั่งไปยังเชือกทวีอาคมและผลึกกาลเวลาทันที ร่างของจอมอสูรบิดเร่าจนพร่าเลือนราวกับกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ฉะนั้น
“ตอนนี้ล่ะลาควีล่า เล็งที่ตำแหน่งหัวใจของทั้งสองคน แค่ถากๆก็พอนะ!” ผู้กล้าแสงตะวันร้องบอก เมื่อมีความมืดกลุ่มหนึ่งลอยออกมาเป็นหมอกสีดำเหนือร่างที่กำลังแยกออกเป็นสอง
ไม่ทันสิ้นเสียงกระบวนการย้อนเวลาก็หยุดลง ตำแหน่งที่จอมอสูรดัชเชลเคยนั่งมีคนสองคนยืนงุนงงอยู่ ดัชเชล เฮลเบิร์ต และคาริสซา มาเฮราสในวัยหนุ่มสาวที่กำลังจะถูกความมืดกลืนกินนั่นเอง!
ในเมื่อกลุ่มก้อนความมืดเหนือหัวทั้งคู่เห็นว่าถูกขับไล่จึงจะกลับเข้าร่างดัชเชลอีกครั้ง ลาควีล่าไวกว่า ใช้กระบี่สลายเวทมนตร์สร้างรอยแผลให้ดัชเชลและคาริสซาที่ตำแหน่งหัวใจ ทำให้เวทมนตร์ดำมืดไม่อาจเข้าสิงสู่ร่างทั้งสองได้
กลุ่มก้อนความมืดคิดสลายตัวหนีแต่ช้าไป ผลึกอาคมอีกสองชิ้นพุ่งเข้าประกบสองด้านโดยฝีมือของไบรอันและเนอร์วาน่า ผลึกนั้นดูดซับความมืดไว้เหมือนฟองน้ำ
“เร็วเข้าดาริอุส เสียบกระบี่ดาบแสงตะวันเข้ามาเลย!” ไบรอันร้องตะโกนสุดเสียง
ดาริอุสก็ว่องไว ใช้กระบี่ดาบคู่มือแทงเข้าไปในใจกลางผลึกยาวที่บัดนี้กลายเป็นสีดำของความมืด!
แล้วทั้งห้องก็มืดลงราวตะวันดับ ดาริอุสรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของกระบี่ดาบแสงตะวันได้ทันที ด้ามกระบี่ที่เป็นโลหะกลับมีสัมผัสของแก้วผลึกแทนที่ ใบดาบของกระบี่หลอมรวมกับผลึกทั้งสองชิ้นราวกับกำลังขึ้นรูปใบดาบที่ทรงอำนาจ พลังแห่งไฟที่เขาสัมผัสผ่านด้ามกระบี่ก็หายไปแล้วทดแทนด้วยความว่างเปล่าอเนกอนันต์
ไม่ทันให้ดาริอุสอุทานด้วยความตื่นเต้น ความมืดที่รายล้อมห้องก็ถูกดูดเข้าไปในดาบแก้วผลึกในมือของเขา บัดนี้กระบี่ดาบแสงตะวันได้กลายเป็นดาบจันทราที่เป็นแก้วผลึกขุ่นทั้งส่วนใบดาบและมือจับ! ชื่อชวนสับสนได้เปลี่ยนไป จากกระบี่ดาบแสงตะวันเป็นดาบจันทรา เขาได้รับแต่งตั้งเป็นนักรบจันทราแล้ว!
“ช่วยพูดแทนทีเนอร์วาน่า ข้าหมดแรงแล้ว” ไบรอันทรุดตัวนั่งอย่างเหนื่อยล้า ยกหน้าที่อธิบายให้นางผู้หยั่งรู้แทน
“เขาคือนักรบจันทราที่ข้าพูดถึง” เนอร์วาน่าทำลายความเงียบรอบด้าน “บัดนี้จอมอสูรดัชเชลสูญสิ้นแล้วฝ่าบาท ตามที่ข้าบาทบอกไว้ เราสามารถเปลี่ยนจอมอสูรให้กลับเป็นคนปกติเหมือนเดิมได้”
เนอร์วาน่ากล่าวอย่างเป็นทางการ ทางฝ่ายมนุษย์นั่งนิ่ง ทางฝ่ายปิศาจแตกตื่นกลัวการถูกกำจัดบ้างก็แปลกใจที่เจ้านายกลายเป็นมนุษย์ไปเสียแล้ว
“ทั้งคู่คือพ่อกับแม่ของข้าหรือเนอร์วาน่า ตอนนี้พวกเขาดูอายุไม่ต่างกับเราเลยนะ” ดาริอุสละสายตาจากดาบใหม่ไปยังอดีตจอมอสูรที่ยังสับสนอยู่
“ก็เพราะผลึกกาลเวลาอย่างไรละ ข้าคิดว่าไบรอันเคยอธิบายให้ฟังแล้วนี่นา” เนอร์วาน่าตอบ ดาริอุสได้ฟังก็โผเข้าไปกอดดัชเชลกับคาริสซาเหมือนเด็กๆ
“ท่านพ่อ! ท่านแม่! การพบพวกท่านเป็นหนึ่งในสิบอย่างที่ข้าอยากทำก่อนตายเลยนะ” ดาริอุสร้องและกอดพ่อและแม่ของตนแน่นราวกับกลัวการจากลาอีกครั้ง
“ท่านทำได้จริงๆผู้กล้าแสงตะวัน ลบล้างจอมอสูรดัชเชลด้วยการเปลี่ยนให้กลับเป็นมนุษย์อีกครั้ง ยอดจริงๆ” องค์คริสโทเฟอร์ลุกขึ้นยิ้มให้ไบรอันอย่างชื่นชม “ทีนี้ก็จบเรื่องวุ่นวายนี่ได้สักที มนุษย์ก็อยู่ส่วนมนุษย์ ปิศาจก็อยู่ส่วนปิศาจ จริงไหมท่านป้าคาริสซา”
ท่านหญิงคาริสซาพยักหน้าแม้ยังไม่เข้าใจอะไรดีนัก รู้เพียงแค่ตัวเองถูกทำให้กลับเป็นมนุษย์อีกครั้งเท่านั้น
“ยังไม่จบดีหรอกฝ่าบาท เรายังมีตัวละครเหลืออยู่อีก” เนอร์วาน่าพูดอย่างสุขุม เหล่าปิศาจฝ่ายมืดในห้องต่างนึกว่าตนเองจะถูกสังหารคิดหนีแต่ไม่สามารถออกจากห้องได้ “เรายังมีเวลาเหลืออีกเท่าไรนะ ห้า สี่ สาม...”
ทันทีที่นางนับถึงหนึ่งก็เกิดเสียงและแรงสั่นสะเทือนราวจะพังโลกนี้ให้พินาศ ผนังและเพดานแตกออกให้เห็นกรอบโปร่งแสงที่ล้อมห้องนี้ไว้เป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ด้วยฝีมือของเนอร์วาน่าเพียงผู้เดียว...
ผู้กล้าแสงตะวันหวั่นเกรงต่อแรงสั่นสะเทือน หากยังรู้สึกปลอดภัยภายใต้การคุ้มครองของนางผู้หยั่งรู้ ปราสาททั้งหลังค่อยๆถล่มลงจนมองเห็นท้องฟ้าและสิ่งที่เข้าโจมตีได้ มันเป็นสัตว์ร้ายสองตัว ตัวหนึ่งมีรูปร่างคล้ายมังกรแต่มีหัวงอกออกมาตามข้อต่อทั่วตัว อีกตัวมีรูปร่างคล้ายหมาป่าขนาดยักษ์ที่ทรงตัวด้วยสองขาหลัง ความสูงของทั้งสองตัวพอๆกับปราสาทที่พวกมันกำลังช่วยกันถล่มอยู่อย่างเมามัน!
แม้ปราสาททั้งหลังจะทนแรงทำลายไม่ไหวแต่มันไม่อาจทำอันตรายเกราะคุ้มกันของเนอร์วาน่าเข้ามาได้ ทั้งมนุษย์และปิศาจข้างในจึงไม่ได้รับอันตรายนอกจากใจหายใจคว่ำเท่านั้น
“ท่านหญิงโรเซลลิน่า ข้าบาทอยากให้ฝ่าบาทช่วยพากล่องอาณาเขตของข้าบาทลงพื้นเบาๆด้วย ไม่เช่นนั้นตัวฝ่าบาทจะพลอยได้รับอันตรายจากแรงกระแทกไปด้วย”
ท่านหญิงโรเซลลิน่ารับคำแล้วดีดนิ้ว กล่องโปร่งแสงที่ใกล้ร่วงเพราะพื้นรองรับเหลือไม่ถึงครึ่งก็กลับมาทรงตัวได้อีกครั้งและค่อยๆลดระดับลงไปตั้งบนพื้นดิน มันยิ่งทำให้สัตว์ร้ายทั้งสองตัวดูใหญ่ขึ้นอีกหลายเท่า
“เจ้าบอกว่ามีแผนจัดการเรื่องนี้อยู่แล้วเนอร์วาน่า ข้าอยาก...ข้าอีกแล้วหรือ!” ผู้กล้าแสงตะวันสำลัก นางผู้หยั่งรู้คิดให้เขากับดาริอุสช่วยกันสู้กับเจ้ายักษ์สองตัวนั่นแน่ๆ
“คนที่จะจัดการน่ะ คนแรกคือดาริอุสเขาจะลองใช้ดาบจันทรา ส่วนอีกคนน่ะมาโน่นแล้ว”
ไม่ทันขาดคำ ตัวที่มีรูปร่างคล้ายมังกรก็ถูกฟันขาดเป็นสองส่วนด้วยลำแสงสีเงินสว่างบาดตา แสงนั้นไม่ดับลงทันทีแต่ค่อยๆกลืนกินร่างสีคล้ำของมันจนหมดจด ผู้ช่วยเหลือคือชายในผ้าคลุม ไบรอันมองไม่ชัดเจนเพราะแสงสีเงินทำให้ร่างนั้นอยู่ในเงามืด
“รู้ไว้ซะลาควีล่า เขาน่ะออมมือให้เจ้าชนิดสิ้นเนื้อประดาตัวเลยละ” เนอร์วาน่าทำให้ตาขวาของไบรอันกระตุกเป็นลางร้าย “เขาได้รับร่างใหม่เพราะร่างเก่าเสียหายมากเกินไป ทำให้เกิดความเข้าใจผิดบ้างเล็กน้อย” ผู้หยั่งรู้ยักไหล่
“หมายความว่าอย่างไร” ลาควีล่าถามอย่างไม่ปิดบังรอยยิ้ม
“ดาริอุส ประเดี๋ยวเจ้ามายืนตรงนั้น เขาจะปล่อยพลังเข้ามาให้เอาดาบรับ มันจะกลืนเข้าไปเก็บไว้ภายใน พอได้จังหวะก็ซัดใส่เจ้าตัวนั้นเลย แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ” เนอร์วาน่ายกนิ้วโป้งไปทางสุนัขป่าใหญ่ยักษ์ที่พยายามทำลายกล่องที่นางสร้างขึ้น “ก็เจ้ากล่าวยอมแพ้เองนี่ลาควีล่า ผลก็เลยออกมาแบบนั้น เจ้าแพ้ เขาชนะ เข้าใจตรงกันนะ”
“จะให้ใช้สิ่งนี้หรือ แล้วพลังจะทะลุกล่องของเจ้าเข้ามาได้อย่างไรละ” ดาริอุสผู้ไม่เคยเข้าใจสถานการณ์ที่ฉุกเฉินกว่ามองดาบในมืออย่างประเมินค่า สำหรับไบรอันแล้วเรื่องที่เขาคนนั้นยังมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องใหญ่กว่าเจ้าตัวที่กำลังเห่าหอนอยู่ข้างนอกนั่นอีก
“พลังของเขาจะทำลายกำแพงผนึกของข้าเข้ามาเอง เจ้าจะมีเวลาอยู่สักสามวินาทีในการเตรียมตัว...” เนอร์วาน่าตบบ่าดาริอุสเพิ่มกำลังใจ ไบรอันไม่กลัวสัตว์ยักษ์นั่นแต่กลัวการกลับมาของเขาคนนั้นมากกว่า เรียกว่ากลัวคงผิดไปนิด ลึกๆแล้วเขาดีใจที่เขาคนนั้นยังไม่ตาย เพื่อนของเขายังมีชีวิตอยู่ “มาแล้ว!”
ผู้ช่วยเหลือยกมือข้างหนึ่งขึ้นเหนือหัว กลุ่มก้อนพลังสีแสดแดงก่อตัวเป็นรูปงูขนาดใหญ่ ก่อนจะพุ่งเข้าชนกล่องผนึกของเนอร์วาน่า กล่องอาณาเขตที่ป้องกันพวกเขาจากสัตว์ยักษ์ทั้งสองตัวถูกทำลายด้วยฝีมือของคนๆเดียว เมื่อทำลายกำแพงได้แล้วงูสีแสดก็ถูกดาบของดาริอุสดูดเข้าไปทันที ซึ่งหากดาบรับพลังนั่นไม่ทันพวกเขาคงตายกันหมดแน่ ดาบจันทราของดาริอุสเปล่งแสงสีแดงสด ทวีความร้อนยิ่งกว่ากระบี่ดาบเล่มเดิม
“หลบไปเร็ว!” ดาริอุสรีบก้าวเข้าหาสัตว์ยักษ์ที่กำลังงงงวย
ทันทีที่ดาริอุสตวัดดาบ ลำแสงรูปจันทร์เสี้ยวพลันแผ่พุ่งทะยานออกไปปานลมพายุความร้อนสูงเฉือนร่างหมาป่าเป็นสองส่วน มันกลายเป็นความมืดแล้วสลายตัวไปทันที ดาริอุสถอนหายใจที่ปล่อยพลังออกมาจากดาบได้ทันเวลา
“มันดูดซับพลังได้ทุกประเภทแล้วปล่อยออกมาในรูปแบบของแสง อาวุธเทพชิ้นใหม่ล่าสุดเลยนะ” เนอร์วาน่าอธิบาย “หนีไปได้แล้วเหล่าปิศาจแห่งความมืดทั้งหลาย นายของเจ้าเป็นอิสระจากพันธนาการของจอมปิศาจแล้ว เขากลับเป็นมนุษย์แล้ว”
(มีต่อ)
นักรบจันทรา ตอนที่ 27
ห้องประชุมของปราสาทเก่าแก่ที่ถูกทิ้งร้างกลายเป็นสถานที่เจรจาได้อย่างพอเหมาะ ก่อนหน้านี้เวเบอร์ได้จัดการติดตั้งเชือกทวีอาคม ผลึกกาลเวลา และหินที่ปล่อยพลังเวทเอาไว้ตรงจุดที่จอมอสูรจะนั่ง คนทั้งห้าผู้ส่งพลังเวทไปยังผลึกกาลเวลาก็มาพร้อมกัน ดาริอุสกับลาควีล่าจะใช้นกเพลิงและจิ้งจอกเพลิงส่งพลังเวท ไบรอันได้รับการฟื้นฟูพลังเวทโดยพี่ชายของเวเบอร์ เนอร์วาน่าผู้กลับสู่สภาพเดิมหลังการต่อสู้เพื่อครึ่งหนึ่งของนาง และพระนางโรเซลลิน่าที่สมัครใจช่วยโดยไม่บอกเหตุผล
ห้องรูปไข่ถูกแบ่งเป็นสองส่วน ด้านหนึ่งเป็นฝ่ายจักรวรรดินำโดยองค์คริสโทเฟอร์ซึ่งรู้แล้วว่าพวกเขาจะทำอะไร อีกด้านเป็นของฝ่ายปิศาจและเงามืดต่างๆ รอการปรากฏตัวของจอมอสูรดัชเชลอยู่
“พ่อกับแม่เจ้าหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว แท้จริงแล้วจอมอสูรคือการรวมตัวของดัชเชล เฮลเบิร์ต กับท่านหญิงคาริสซาแห่งเพียรซ์”
นี่คือสิ่งที่เวเบอร์กับไบรอันพยายามอย่างยิ่งยวดให้เขาเข้าใจ แม้จะไม่ค่อยรู้เรื่องเวทมนตร์ ดาริอุสก็พอเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้ หากพวกเขาปลดปล่อยจอมอสูรได้ ทั้งพ่อและแม่ของเขาจะกลับมาทั้งคู่
ในที่สุดจอมอสูรก็ปรากฏตัว เป็นชายร่างสูงใหญ่ไว้หนวดเคราเล็กน้อยทว่าสง่าสมฐานะที่เป็นถึงจอมอสูร ดวงตาสีน้ำตาลเหมือนดาริอุสเปี่ยมไปด้วยบารมีและพลังอำนาจ ไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดเวเบอร์จึงจงรักภักดีถึงขั้นถวายหัวให้
“นั่นลูกจริงๆหรือมาเวอร์ริค เจ้าเหมือนพ่อในวัยหนุ่มเหลือเกิน” น้ำตาที่ไม่คาดคิดได้หลั่งรินออกมาจากดวงตาของจอมอสูรผู้ทระนง
ดาริอุสก็ดีใจเช่นกัน แต่เรื่องงานรวมเป็นหนึ่งกับเรื่องส่วนตัวแบบนี้ก็อดน้ำตาไหลไม่ได้ที่ได้พบกับพ่อจริงๆแม้จะต้องเตรียมการพร้อมปลดปล่อยอีกฝ่ายหนึ่งอย่างที่พลาดไม่ได้แม้แต่นิด
“ขอบคุณที่ยอมให้มีการประชุมครั้งนี้ ท่านจอมอสูรดัชเชล” องค์คริสโทเฟอร์เกริ่น “ผู้กล้าแสงตะวันบอกข้าถึงการรวมร่างระหว่างท่านดัชเชลและท่านป้าคาริสซาแล้ว คงข้ามเรื่องน่าเบื่อไปได้”
“ยโสสมเป็นจักรพรรดิของเพียรซ์จริงๆ” แล้วจอมอสูรก็นั่งลงบนเก้าอี้อีกด้านของห้องประชุม ใจกลางดาวห้าแฉกที่ถูกทำสัญลักษณ์ด้วยเชือกทวีอาคมและผลึกเวทมนตร์ โดยมีผลึกกาลเวลาอยู่ใต้เท้าอีกทีหนึ่ง “ยอมเข้ามาที่นี่แบบนี้แสดงว่ามีแผน ข้าจึงวานเวเบอร์จัดเตรียมสถานที่ให้พร้อมสำหรับการประชุม เพื่อไม่ให้พวกท่านเล่นเล่ห์กลอะไรได้อีก”
ก็เวเบอร์นั่นแหละที่เป็นตัววางแผนครั้งนี้ ดาริอุสถอนหายใจเบาๆ ได้เวลาลงมือแล้ว
“ข้าต้องขอโทษท่านพ่อด้วย” ดาริอุสก้าวออกมาข้างหน้าเป็นสัญญาณตามแผนที่วางไว้
ราวกับสายลมเหนือ คนทั้งห้าพุ่งไปยืนล้อมรอบจอมอสูรไว้ตามสัญลักษณ์ดาวห้าแฉก ร่างของจอมอสูรถูกตรึงไว้ด้วยเวทมนตร์อันกล้าแกร่งของเวเบอร์ผู้ยอมสละชีพเพื่อเจ้านาย ลาควีล่าและดาริอุสเรียกสัตว์อสูรออกมาเพื่อส่งพลังเวท เบื้องหน้าไบรอัน เนอร์วาน่า และท่านหญิงโรเซลลิน่าเกิดลูกพลังเวทออกมาเพื่อถ่ายทอดไปสู่เชือกทวีอาคม ทั้งดาเรียและซีซาร์ก็ทำแบบเดียวกัน
ในวินาทีนั้นจอมอสูรร้องตะโกนอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์ คิดว่าตนเองต้องตายแน่แล้ว
เมื่อทุกสิ่งสอดประสานกันอย่างลงตัว แหล่งพลังเวททั้งห้าจุดและผลึกหินที่ปล่อยพลังเวทถูกกระตุ้นมันก็ส่งคำสั่งไปยังเชือกทวีอาคมและผลึกกาลเวลาทันที ร่างของจอมอสูรบิดเร่าจนพร่าเลือนราวกับกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ฉะนั้น
“ตอนนี้ล่ะลาควีล่า เล็งที่ตำแหน่งหัวใจของทั้งสองคน แค่ถากๆก็พอนะ!” ผู้กล้าแสงตะวันร้องบอก เมื่อมีความมืดกลุ่มหนึ่งลอยออกมาเป็นหมอกสีดำเหนือร่างที่กำลังแยกออกเป็นสอง
ไม่ทันสิ้นเสียงกระบวนการย้อนเวลาก็หยุดลง ตำแหน่งที่จอมอสูรดัชเชลเคยนั่งมีคนสองคนยืนงุนงงอยู่ ดัชเชล เฮลเบิร์ต และคาริสซา มาเฮราสในวัยหนุ่มสาวที่กำลังจะถูกความมืดกลืนกินนั่นเอง!
ในเมื่อกลุ่มก้อนความมืดเหนือหัวทั้งคู่เห็นว่าถูกขับไล่จึงจะกลับเข้าร่างดัชเชลอีกครั้ง ลาควีล่าไวกว่า ใช้กระบี่สลายเวทมนตร์สร้างรอยแผลให้ดัชเชลและคาริสซาที่ตำแหน่งหัวใจ ทำให้เวทมนตร์ดำมืดไม่อาจเข้าสิงสู่ร่างทั้งสองได้
กลุ่มก้อนความมืดคิดสลายตัวหนีแต่ช้าไป ผลึกอาคมอีกสองชิ้นพุ่งเข้าประกบสองด้านโดยฝีมือของไบรอันและเนอร์วาน่า ผลึกนั้นดูดซับความมืดไว้เหมือนฟองน้ำ
“เร็วเข้าดาริอุส เสียบกระบี่ดาบแสงตะวันเข้ามาเลย!” ไบรอันร้องตะโกนสุดเสียง
ดาริอุสก็ว่องไว ใช้กระบี่ดาบคู่มือแทงเข้าไปในใจกลางผลึกยาวที่บัดนี้กลายเป็นสีดำของความมืด!
แล้วทั้งห้องก็มืดลงราวตะวันดับ ดาริอุสรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของกระบี่ดาบแสงตะวันได้ทันที ด้ามกระบี่ที่เป็นโลหะกลับมีสัมผัสของแก้วผลึกแทนที่ ใบดาบของกระบี่หลอมรวมกับผลึกทั้งสองชิ้นราวกับกำลังขึ้นรูปใบดาบที่ทรงอำนาจ พลังแห่งไฟที่เขาสัมผัสผ่านด้ามกระบี่ก็หายไปแล้วทดแทนด้วยความว่างเปล่าอเนกอนันต์
ไม่ทันให้ดาริอุสอุทานด้วยความตื่นเต้น ความมืดที่รายล้อมห้องก็ถูกดูดเข้าไปในดาบแก้วผลึกในมือของเขา บัดนี้กระบี่ดาบแสงตะวันได้กลายเป็นดาบจันทราที่เป็นแก้วผลึกขุ่นทั้งส่วนใบดาบและมือจับ! ชื่อชวนสับสนได้เปลี่ยนไป จากกระบี่ดาบแสงตะวันเป็นดาบจันทรา เขาได้รับแต่งตั้งเป็นนักรบจันทราแล้ว!
“ช่วยพูดแทนทีเนอร์วาน่า ข้าหมดแรงแล้ว” ไบรอันทรุดตัวนั่งอย่างเหนื่อยล้า ยกหน้าที่อธิบายให้นางผู้หยั่งรู้แทน
“เขาคือนักรบจันทราที่ข้าพูดถึง” เนอร์วาน่าทำลายความเงียบรอบด้าน “บัดนี้จอมอสูรดัชเชลสูญสิ้นแล้วฝ่าบาท ตามที่ข้าบาทบอกไว้ เราสามารถเปลี่ยนจอมอสูรให้กลับเป็นคนปกติเหมือนเดิมได้”
เนอร์วาน่ากล่าวอย่างเป็นทางการ ทางฝ่ายมนุษย์นั่งนิ่ง ทางฝ่ายปิศาจแตกตื่นกลัวการถูกกำจัดบ้างก็แปลกใจที่เจ้านายกลายเป็นมนุษย์ไปเสียแล้ว
“ทั้งคู่คือพ่อกับแม่ของข้าหรือเนอร์วาน่า ตอนนี้พวกเขาดูอายุไม่ต่างกับเราเลยนะ” ดาริอุสละสายตาจากดาบใหม่ไปยังอดีตจอมอสูรที่ยังสับสนอยู่
“ก็เพราะผลึกกาลเวลาอย่างไรละ ข้าคิดว่าไบรอันเคยอธิบายให้ฟังแล้วนี่นา” เนอร์วาน่าตอบ ดาริอุสได้ฟังก็โผเข้าไปกอดดัชเชลกับคาริสซาเหมือนเด็กๆ
“ท่านพ่อ! ท่านแม่! การพบพวกท่านเป็นหนึ่งในสิบอย่างที่ข้าอยากทำก่อนตายเลยนะ” ดาริอุสร้องและกอดพ่อและแม่ของตนแน่นราวกับกลัวการจากลาอีกครั้ง
“ท่านทำได้จริงๆผู้กล้าแสงตะวัน ลบล้างจอมอสูรดัชเชลด้วยการเปลี่ยนให้กลับเป็นมนุษย์อีกครั้ง ยอดจริงๆ” องค์คริสโทเฟอร์ลุกขึ้นยิ้มให้ไบรอันอย่างชื่นชม “ทีนี้ก็จบเรื่องวุ่นวายนี่ได้สักที มนุษย์ก็อยู่ส่วนมนุษย์ ปิศาจก็อยู่ส่วนปิศาจ จริงไหมท่านป้าคาริสซา”
ท่านหญิงคาริสซาพยักหน้าแม้ยังไม่เข้าใจอะไรดีนัก รู้เพียงแค่ตัวเองถูกทำให้กลับเป็นมนุษย์อีกครั้งเท่านั้น
“ยังไม่จบดีหรอกฝ่าบาท เรายังมีตัวละครเหลืออยู่อีก” เนอร์วาน่าพูดอย่างสุขุม เหล่าปิศาจฝ่ายมืดในห้องต่างนึกว่าตนเองจะถูกสังหารคิดหนีแต่ไม่สามารถออกจากห้องได้ “เรายังมีเวลาเหลืออีกเท่าไรนะ ห้า สี่ สาม...”
ทันทีที่นางนับถึงหนึ่งก็เกิดเสียงและแรงสั่นสะเทือนราวจะพังโลกนี้ให้พินาศ ผนังและเพดานแตกออกให้เห็นกรอบโปร่งแสงที่ล้อมห้องนี้ไว้เป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ด้วยฝีมือของเนอร์วาน่าเพียงผู้เดียว...
ผู้กล้าแสงตะวันหวั่นเกรงต่อแรงสั่นสะเทือน หากยังรู้สึกปลอดภัยภายใต้การคุ้มครองของนางผู้หยั่งรู้ ปราสาททั้งหลังค่อยๆถล่มลงจนมองเห็นท้องฟ้าและสิ่งที่เข้าโจมตีได้ มันเป็นสัตว์ร้ายสองตัว ตัวหนึ่งมีรูปร่างคล้ายมังกรแต่มีหัวงอกออกมาตามข้อต่อทั่วตัว อีกตัวมีรูปร่างคล้ายหมาป่าขนาดยักษ์ที่ทรงตัวด้วยสองขาหลัง ความสูงของทั้งสองตัวพอๆกับปราสาทที่พวกมันกำลังช่วยกันถล่มอยู่อย่างเมามัน!
แม้ปราสาททั้งหลังจะทนแรงทำลายไม่ไหวแต่มันไม่อาจทำอันตรายเกราะคุ้มกันของเนอร์วาน่าเข้ามาได้ ทั้งมนุษย์และปิศาจข้างในจึงไม่ได้รับอันตรายนอกจากใจหายใจคว่ำเท่านั้น
“ท่านหญิงโรเซลลิน่า ข้าบาทอยากให้ฝ่าบาทช่วยพากล่องอาณาเขตของข้าบาทลงพื้นเบาๆด้วย ไม่เช่นนั้นตัวฝ่าบาทจะพลอยได้รับอันตรายจากแรงกระแทกไปด้วย”
ท่านหญิงโรเซลลิน่ารับคำแล้วดีดนิ้ว กล่องโปร่งแสงที่ใกล้ร่วงเพราะพื้นรองรับเหลือไม่ถึงครึ่งก็กลับมาทรงตัวได้อีกครั้งและค่อยๆลดระดับลงไปตั้งบนพื้นดิน มันยิ่งทำให้สัตว์ร้ายทั้งสองตัวดูใหญ่ขึ้นอีกหลายเท่า
“เจ้าบอกว่ามีแผนจัดการเรื่องนี้อยู่แล้วเนอร์วาน่า ข้าอยาก...ข้าอีกแล้วหรือ!” ผู้กล้าแสงตะวันสำลัก นางผู้หยั่งรู้คิดให้เขากับดาริอุสช่วยกันสู้กับเจ้ายักษ์สองตัวนั่นแน่ๆ
“คนที่จะจัดการน่ะ คนแรกคือดาริอุสเขาจะลองใช้ดาบจันทรา ส่วนอีกคนน่ะมาโน่นแล้ว”
ไม่ทันขาดคำ ตัวที่มีรูปร่างคล้ายมังกรก็ถูกฟันขาดเป็นสองส่วนด้วยลำแสงสีเงินสว่างบาดตา แสงนั้นไม่ดับลงทันทีแต่ค่อยๆกลืนกินร่างสีคล้ำของมันจนหมดจด ผู้ช่วยเหลือคือชายในผ้าคลุม ไบรอันมองไม่ชัดเจนเพราะแสงสีเงินทำให้ร่างนั้นอยู่ในเงามืด
“รู้ไว้ซะลาควีล่า เขาน่ะออมมือให้เจ้าชนิดสิ้นเนื้อประดาตัวเลยละ” เนอร์วาน่าทำให้ตาขวาของไบรอันกระตุกเป็นลางร้าย “เขาได้รับร่างใหม่เพราะร่างเก่าเสียหายมากเกินไป ทำให้เกิดความเข้าใจผิดบ้างเล็กน้อย” ผู้หยั่งรู้ยักไหล่
“หมายความว่าอย่างไร” ลาควีล่าถามอย่างไม่ปิดบังรอยยิ้ม
“ดาริอุส ประเดี๋ยวเจ้ามายืนตรงนั้น เขาจะปล่อยพลังเข้ามาให้เอาดาบรับ มันจะกลืนเข้าไปเก็บไว้ภายใน พอได้จังหวะก็ซัดใส่เจ้าตัวนั้นเลย แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ” เนอร์วาน่ายกนิ้วโป้งไปทางสุนัขป่าใหญ่ยักษ์ที่พยายามทำลายกล่องที่นางสร้างขึ้น “ก็เจ้ากล่าวยอมแพ้เองนี่ลาควีล่า ผลก็เลยออกมาแบบนั้น เจ้าแพ้ เขาชนะ เข้าใจตรงกันนะ”
“จะให้ใช้สิ่งนี้หรือ แล้วพลังจะทะลุกล่องของเจ้าเข้ามาได้อย่างไรละ” ดาริอุสผู้ไม่เคยเข้าใจสถานการณ์ที่ฉุกเฉินกว่ามองดาบในมืออย่างประเมินค่า สำหรับไบรอันแล้วเรื่องที่เขาคนนั้นยังมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องใหญ่กว่าเจ้าตัวที่กำลังเห่าหอนอยู่ข้างนอกนั่นอีก
“พลังของเขาจะทำลายกำแพงผนึกของข้าเข้ามาเอง เจ้าจะมีเวลาอยู่สักสามวินาทีในการเตรียมตัว...” เนอร์วาน่าตบบ่าดาริอุสเพิ่มกำลังใจ ไบรอันไม่กลัวสัตว์ยักษ์นั่นแต่กลัวการกลับมาของเขาคนนั้นมากกว่า เรียกว่ากลัวคงผิดไปนิด ลึกๆแล้วเขาดีใจที่เขาคนนั้นยังไม่ตาย เพื่อนของเขายังมีชีวิตอยู่ “มาแล้ว!”
ผู้ช่วยเหลือยกมือข้างหนึ่งขึ้นเหนือหัว กลุ่มก้อนพลังสีแสดแดงก่อตัวเป็นรูปงูขนาดใหญ่ ก่อนจะพุ่งเข้าชนกล่องผนึกของเนอร์วาน่า กล่องอาณาเขตที่ป้องกันพวกเขาจากสัตว์ยักษ์ทั้งสองตัวถูกทำลายด้วยฝีมือของคนๆเดียว เมื่อทำลายกำแพงได้แล้วงูสีแสดก็ถูกดาบของดาริอุสดูดเข้าไปทันที ซึ่งหากดาบรับพลังนั่นไม่ทันพวกเขาคงตายกันหมดแน่ ดาบจันทราของดาริอุสเปล่งแสงสีแดงสด ทวีความร้อนยิ่งกว่ากระบี่ดาบเล่มเดิม
“หลบไปเร็ว!” ดาริอุสรีบก้าวเข้าหาสัตว์ยักษ์ที่กำลังงงงวย
ทันทีที่ดาริอุสตวัดดาบ ลำแสงรูปจันทร์เสี้ยวพลันแผ่พุ่งทะยานออกไปปานลมพายุความร้อนสูงเฉือนร่างหมาป่าเป็นสองส่วน มันกลายเป็นความมืดแล้วสลายตัวไปทันที ดาริอุสถอนหายใจที่ปล่อยพลังออกมาจากดาบได้ทันเวลา
“มันดูดซับพลังได้ทุกประเภทแล้วปล่อยออกมาในรูปแบบของแสง อาวุธเทพชิ้นใหม่ล่าสุดเลยนะ” เนอร์วาน่าอธิบาย “หนีไปได้แล้วเหล่าปิศาจแห่งความมืดทั้งหลาย นายของเจ้าเป็นอิสระจากพันธนาการของจอมปิศาจแล้ว เขากลับเป็นมนุษย์แล้ว”
(มีต่อ)