ด้วยความบื้อบวกกับฉลาดผิดเรื่องของดาริอุสทำให้ไบรอันต้องเรียกประชุมด่วน เฉพาะเขา เวเบอร์ และเนอร์วาน่าเท่านั้น แผนการฝึกสอนนักรบจันทราให้สมเป็นผู้กล้าแห่งโชคชะตาคงถึงทางตันแล้วกระมัง เวเบอร์เสนอให้อธิบายแบบค่อยเป็นค่อยไป
“ถ้ามันไม่สนใจพูดไปก็เท่านั้น ดูอย่างตอนนี้สิ แทนที่จะเฝ้าหน้าประตูห้องประชุม กลับลงไปเดินเล่นกับอลิเซียและลาควีล่าโน่น ตอนแรกก็ดีอยู่ พอหลังๆชักทำตัวเสียคน” ไบรอันยกไม้ยกมือประกอบ
“ข้าบอกเขาเองว่าที่นี่ปลอดภัยพอ จึงปล่อยเขาไปกับอลิเซีย” เนอร์วาน่าตอบเสียงเย็น
“แล้วเราควรทำอย่างไรต่อเนอร์วาน่า เรื่องดาริอุส ฝึกเขาอย่างไรให้สมเป็นผู้กล้าขึ้นมาบ้าง เรื่องงานพอใช้ได้ แต่เรื่องหัวสมองค่อนข้างแย่ ข้าพูดเบาแล้วนะ” ไบรอันกอดอก เวเบอร์พยักหน้าเห็นด้วย ราวกับทั้งคู่พับเรื่องในคืนนั้นเก็บไว้ก่อน
“กาลเวลาและตัวเจ้าจะขัดเกลาเขาให้เป็นแบบที่สมควรเอง” นางผู้หยั่งรู้พูดอย่างเคร่งขรึม “เรามาพูดถึงเรื่องด่วนกันก่อนดีกว่า อีกสี่วันกองทัพปีกปิศาจจะมาถึงที่นี่ เจ้าวางแผนอย่างไรไบรอัน”
“ตอนแรกอยากให้เวเบอร์คอยซุ่มสนับสนุน แต่งานอารักขาดาริอุสสำคัญกว่า” ไบรอันประสานมือไว้ข้างหน้า “คงต้องลำบากท่านหญิงโรเซลลิน่าอีกแล้ว”
“แต่ดั้งเดิมทามิเอลคือนกไฟประจำตัวของท่านหญิงคาริสซา แม่ของท่านมาเวอร์ริค” เวเบอร์พูดบ้าง “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะรับมือนางได้ง่ายนักหรอก”
“จะให้อลิเซียไปช่วยก็ได้นะ นางเรียกสัตว์ปิศาจได้เหมือนกัน สัตว์วิเศษต้องเจอสัตว์วิเศษ กระบวนการย้อนเวลาของนางผิดกับเซรีน่า นางเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ของพวกเราแล้ว แค่อย่าให้นางโกงหรือบอกข้อมูลในอนาคตก็พอ”
ผู้กล้าแสงตะวันได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ฟังจากดาริอุสเล่า อลิเซียเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ที่เก่งมาก ได้มาอยู่แนวหลังก็ยังดี ต่อไปก็เรื่องลาควีล่า
“แล้วเราจะทำอย่างไรกับลาควีล่า รอนางเก่งขึ้นเองหรือ” ไบรอันเปรย
“ข้าก็อยากช่วย” เวเบอร์พูดอย่างอ่อนใจ “แต่เรื่องเมื่อคืนก่อนข้าถูกคาดโทษ หากจะพูดคุยกับนางฉันมิตรต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นก่อนทุกครั้ง”
“ลำบากแย่ แต่ไม่มีใครรู้วิชาเรียกสัตว์ปิศาจ นอกจากเจ้ากับอลิเซีย ข้าไม่ได้อยากให้เจ้าแพ้นะเวเบอร์ แค่ไม่ชอบปล่อยคนอื่นเก็บปัญหาไว้คนเดียว” ไบรอันรีบแก้ตัว เขากลัวผิดใจกับเวเบอร์เรื่องนางอีก
“เรมิเอลนกเพลิงของดาริอุสช่วยได้” เนอร์วาน่าเสนอทางออกให้อย่างสันติ “เจ้าไม่ต้องรีบไปรายงานจักรวรรดิหรือ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นเจ้ารู้ข่าวช้ากว่าทุกคน ว่ากองทัพปิศาจบุกเมืองแก้วผลึก”
แล้วการประชุมเล็กๆก็จบลง เพราะต้องรับข้อมูลและรายงานสถานการณ์ปัจจุบันให้จักรวรรดิทั้งสองทราบเกี่ยวกับกองทัพฝ่ายมืด ซึ่งได้รับข้อมูลจากเวเบอร์เช่นเคย การลงมือสู้กันเรื่องผู้หญิงเมื่อคืนก่อนเป็นเหมือนรอยร้าวเล็กๆสำหรับพวกเขา ตราบใดที่ไม่มีอะไรไปกระแทกซ้ำก็ไม่ขยายมากกว่าเดิม...
หลังจากรายงานเรื่องกองทัพบุกเมืองแก้วผลึกจบ ไบรอัน แบล็คสโตนก็ถูกโถมทับด้วยรายงานที่ติดค้างไว้ ทั้งส่วนที่ยังเขียนไม่เสร็จ เรื่องที่ไปยังเมืองแก้วผลึกโดยไม่มีการแจ้งอย่างเป็นทางการ เรื่องการเคลื่อนไหวด้านต่างๆของทวีปใหญ่ เรื่องของดาริอุส รวมไปถึงนางผู้หยั่งรู้อีก ไม่ช้ามือคงจับอย่างอื่นไม่ได้นอกจากปากกา
นาฬิกาเวทมนตร์กลางเมืองแบ่งสีขาวและดำเป็นสองส่วนเมื่อเขาทำรายงานเรื่องที่สองเสร็จ ถึงเวลาอาหารกลางวันเขาเพิ่งทำรายงานเสร็จไปแค่สองเรื่องเท่านั้น! เขาจำต้องยึดเก้าอี้นั่งกลางแจ้งของร้านกาแฟแห่งหนึ่งในการเขียนรายงาน เนื่องจากหมอกมนตราทำให้แสงตะวันส่องเข้าห้องมาเพียงสลัว หากเขียนในห้องต้องจุดตะเกียงไม่อย่างนั้นก็มองไม่เห็นตัวหนังสือ
“อยู่นี่เองไบรอัน” ลาควีล่ากับอลิเซียเข้ามาทักด้วยความเหนื่อยอ่อนแต่ยังร่าเริง
พวกเขาอยู่ที่เมืองแก้วผลึกได้สองวันแล้ว อีกสองวันกองทัพปิศาจจะเคลื่อนพลมาถึง
“ติดใจขนมหวานร้านนี้แล้วหรือคะ ก็ข้าบอกแล้วว่าอร่อย” อลิเซียทักขึ้น
“ข้ามานั่งเพราะเขายอมให้นั่งทั้งวันต่างหาก” ไบรอันตอบ
“พอดีเลย กินเป็นอาหารกลางวันดีไหม แผ่นแป้งราดครีมน้ำตาล” ลาควีล่านั่งแหมะข้างไบรอัน นางเหมือนร่างอวตารของไซเรน่าจริงๆ คอยสร้างเสียงหัวเราะให้ทุกคนที่อยู่ใกล้ๆ เหมือนเกินไปด้วยซ้ำ
“ท่านนักรบจันทราถูกท่านเวเบอร์จับตัวไปเทศนายังไม่กลับอีกหรือคะ ท่านผู้กล้า” อลิเซียนั่งลงบ้าง บริกรที่รอท่าอยู่แล้วรีบมารับรายการอาหารทันที ไบรอันส่ายหน้าเพราะไม่รู้ว่าดาริอุสจะกลับมาเมื่อไร หลังการประชุมเล็กๆเมื่อวันก่อน ดาริอุสถูกเวเบอร์พาตัวไปอธิบายเรื่องต่างๆจนป่านนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย
“รู้ได้อย่างไรว่าข้าชอบชาแอปเปิล...เจ้ามีทั้งความทรงจำของอโฟเดลและไซเรน่านี่นะ” ไบรอันพยักหน้ากับตัวเอง เมื่อลาควีล่าสั่งเครื่องดื่มมาให้ “เริ่มจำอะไรได้หรือยัง เกี่ยวกับการต่อสู้”
“เมื่อเช้าไปฝึกดาบกับอลิเซียมา จำได้นิดหน่อย เหมือนกับจะคล่องกว่าถ้าใช้หอก” ลาควีล่าตอบ “ข้าอยากจำเรื่องก่อนเกิดได้จริงๆ ท่านช่วยเล่าให้ฟังได้ไหม เกี่ยวกับตัวข้า”
“รอเวลาดีกว่า เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” ไบรอันตอบกลางๆ เขาไม่อยากให้รอยร้าวของมิตรภาพระหว่างเขากับเวเบอร์ใหญ่โตมากขึ้น เวเบอร์ชอบอโฟเดล แล้วนางก็เกิดใหม่เป็นลาควีล่า ไม่ผิดหากเวเบอร์จะหวงนางไว้กับตัวจนเกินปกติ
“พูดถึงเวลา อีกสักครึ่งชั่วโมงท่านนักรบจันทราจะกลับมาแล้วค่ะ เดี๋ยวจะบ่นเป็นหมีกินผึ้งไปพักใหญ่ ท่านผู้กล้าว่างก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับส่วนหนึ่งของท่านลาควีล่าก็ได้ค่ะ เรื่องของท่านไซเรน่า”
“ข้าดูเหมือนคนว่างงานนักหรือ!” ไบรอันตบฝ่ามือลงบนปึกเอกสารที่ยังเขียนไม่เสร็จ พอหันไปเห็นแววตาผิดหวังของหญิงสาวก็ใจอ่อน จำต้องเล่าเรื่องเกี่ยวกับไซเรน่าให้ฟังคร่าวๆ เฉพาะด้านดีเท่านั้น
“อย่างนั้นก็แสดงว่านางรักท่านใช่ไหม แล้วท่านรักนางหรือเปล่า” ลาควีล่าตั้งประเด็นขึ้นหลังจากได้ฟังวีรกรรมของไซเรน่าจบ
ไบรอันส่ายหน้า เขาตอบไม่ได้ว่าคิดอย่างไรกันแน่ นางเปรียบเสมือนเพื่อนชายนิสัยห่ามอีกคนของเขา ไม่เคยคิดเกินเลยด้วยคำสาปที่ตีตรามาเกือบทั้งชีวิต
“ความรักเกิดได้ทุกที่ค่ะท่านลาควีล่า ในเมือง ในป่า ในหมู่เพื่อนฝูง ในการต่อสู้ มันเป็นสิ่งที่วิเศษสุดของมนุษย์ ไม่จำกัดรูปแบบและมาตรฐาน จะเป็นอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น” อลิเซียเสริมให้ลาควีล่าเข้าใจมากขึ้น
แล้วดาริอุสก็โซซัดโซเซมาที่โต๊ะของพวกเขา ท่าทางเหนื่อยล้าทางใจอย่างแสนสาหัส
ดาริอุสเหลียวซ้ายแลขวาเห็นทุกคนกำลังสนใจตนเองอยู่ก็พร่ำรำพันถึงการเทศนาสั่งสอนของเวเบอร์ชนิดถึงลูกถึงคนไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต หน้าที่ทั้งหมดล้วนกองอยู่บนบ่าของเขา ทั้งหน้าที่ลูกที่ดี และผู้กล้าตามชะตากรรมที่ต้องปะทะกับจอมปิศาจ ยังไม่นับเรื่องที่ต้องเรียนรู้จากเวเบอร์และผู้กล้าแสงตะวันในหัวข้อผู้กล้าที่สมบูรณ์อีก จนสมองของเขาแทบกลายเป็นไส้กรอกร้อนๆจึงได้รับการปล่อยตัว
“นึกว่าส่งไปคุยกับเวเบอร์แล้วเครื่องจะติดเสียอีก” ไบรอันเปรย นึกสะใจเล็กๆที่เห็นท่านลูกจ้างหงอยขนาดนี้ “ถ้าจะกลับห้องตอนนี้ก็อย่าเพิ่งเลย ท่านหญิงโรเซลลิน่าเพิ่งกลับไปได้สักพัก รับรองว่าดักรอเจ้าอยู่หน้าโรงแรมแน่นอน”
ดาริอุสครางขอความเห็นใจแล้วซบหน้าลงกับโต๊ะอาหาร
“พระนางพบผลึกเวทมนตร์ที่กักพลังเวทได้ จึงนำมาที่เมืองแก้วผลึกเพื่อศึกษาผลทางเวทมนตร์ ผลึกเวทมนตร์ทั้งสองชิ้นจะต้องเอามาประกบกันบนกระบี่ดาบแสงตะวัน เพื่อทำให้มันกลายเป็นดาบจันทราโดยสมบูรณ์ สิ่งที่ต้องการคือพลังเวทจากสองผู้วิเศษ ข้ากับเนอร์วาน่าจะจัดการเอง อีกอย่างคือความมืด เพื่อให้มันบรรจุพลังได้มหาศาล ต้องรอตอนช่วยพ่อของเจ้าได้แล้ว”
“เวเบอร์อธิบายให้ข้าฟังคร่าวๆแล้ว ขอบคุณ” ดาริอุสตอบด้วยเสียงอู้อี้
“อย่างนั้นเราไปเดินตลาดกันไหมคะท่านนักรบจันทรา” อลิเซียพยายามทำให้ดาริอุสสดชื่นขึ้น แต่ไม่ได้ผลเท่าไรนัก
“ถ้าจะไปก็หอบลาควีล่าไปด้วย ตอนพบกันครั้งแรกเวเบอร์พยายามฆ่าข้าด้วยซ้ำ เขาหาว่าข้าทำให้นางรักข้า อะไรก็ไม่รู้...เอาเป็นว่าอย่าให้ข้าอยู่กับนางสองต่อสอง ไม่อย่างนั้นเวเบอร์เล่นงานข้าตายแน่”
“ท่านเวเบอร์ตอนนี้กลับไปรายงานตัวกับท่านจอมอสูรแล้วค่ะ คงแอบดูไม่ได้อีกพักใหญ่ ถึงจะดูได้เขาก็ไม่มีสิทธิ์กีดกันท่านสองคนเสียหน่อย เวเบอร์คือศัตรูของท่านไลล่านะคะไม่ใช่เจ้าชีวิต” อลิเซียพูดอย่างฉาดฉานสมเป็นคนสมัยใหม่
“ข้าไม่ได้คิดอะไรกับลาควีล่าทั้งนั้น...แล้วเจ้าเรียกนางว่าไลล่าหรือ” ไบรอันพ่นลมออกจากจมูก ไม่รู้ว่าเวเบอร์จะเอาอะไรนักหนากับผู้หญิงคนเดียว
“เป็นชื่อเล่นค่ะ เหมือนที่ท่านเนอร์วาน่าเรียกข้าว่าลิเซีย ทำให้เรียกสะดวกขึ้นไม่ต้องเรียกชื่อเต็ม พวกท่านก็เรียกนางด้วยชื่อนี้สิคะ จะได้สนิทกันเร็วๆ”
ดาริอุสตอบรับเสียงอ่อยเหมือนคนหมดแรง ไบรอันคิดว่าคงเรียกชื่อเต็ม ไม่อย่างนั้นคงได้ตัดความสัมพันธ์กับเวเบอร์จริงๆแน่
“ไม่ได้หรอกอลิเซีย” ดาริอุสครวญครางราววิญญาณใกล้หลุดจากร่าง “ข้าต้องอยู่คุ้มครองผู้กล้าตามหน้าที่ผู้ติดตามที่ดี”
“ก็ท่านเนอร์วาน่าบอกแล้วว่าที่นี่ปลอดภัย แถมอยู่กับท่านไลล่าอีกด้วย ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ” อลิเซียดึงดาริอุสให้ลุกขึ้น แต่เจ้าตัวยังคงนอนฟุบนิ่งกับโต๊ะ “ท่านผู้กล้าให้ท่านเป็นผู้ติดตามเพื่อปกป้องท่านต่างหาก จริงไหมคะท่านผู้กล้าแสงตะวัน แถมยังมีท่านไลล่าอยู่ด้วยอีก ข้าเอาหัวเป็นประกันได้เลยว่าไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น”
“จริงดาริอุส ข้าวางแผนให้เจ้าเป็นผู้ติดตามเพื่อปกป้องเจ้าจากบริวารของจอมปิศาจ ที่ให้อยู่ใกล้เพื่อข้าจะได้เฝ้าถนัดตาเท่านั้น หากเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยจริงๆเหมือนเมืองหลวงของจักรวรรดิข้าก็อุ่นใจ จะไปเที่ยวเล่นต่อก็ตามใจ หรืออยากพบกับท่านหญิงโรเซลลิน่าก็กลับโรงแรมได้เลย เดิมข้าก็ไม่ได้อยากมีผู้ติดตามอยู่แล้วด้วย” ไบรอันตอบตามความจริง แล้วดูปฏิกิริยาของท่านลูกจ้างผู้เป็นนักรบจันทราว่าจะทำอย่างไร
“ข้าไปหาที่ฝึกกระบี่ดีกว่า เมื่อวันก่อนก็เที่ยวในเมืองจนพอใจแล้วด้วย” นักรบจันทราฟื้นคืนชีพแทบทันทีที่ไบรอันปล่อยเขาเป็นอิสระ “ไปด้วยกันไหมไลล่า”
“ไม่ต้องหรอก” ไบรอันตอบปัด “อีกไม่นานมันจะถูกเปลี่ยนเป็นดาบจันทราแล้ว เจ้าฝึกวิชาดาบมาก็ใช้มันเหมือนดาบเถอะ แม้มันจะคมและบางเบา ไม่หนักเหมือนดาบก็ตาม จุดประสงค์การใช้งานมันต่างกันแต่ได้ผลไม่ต่างกันนักหรอก”
“อย่างนั้นไปเดินเล่นกันต่อดีกว่าค่ะ เดี๋ยวข้าจะพาไปดูห้องทำผลึกน้ำที่ใช้กันทั่วไปในห้องน้ำ ว่าเขาอัดน้ำเข้าไปในผลึกได้อย่างไร”
แล้วนักรบจันทรากับนักท่องเวลาก็พากันไปเที่ยวชมเมืองต่อราวกับสุนัขเพิ่งถูกปล่อยออกจากกรงขังยามเช้า ทิ้งผู้กล้าแสงตะวันกับผู้คืนชีพจากความตายให้มองตากันปริบๆ จะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก ไบรอันไม่คิดว่าดาริอุสจะไปเที่ยวเล่นจริงๆหลังผ่านการอบรมจากเวเบอร์มาแล้ว แทนที่จะแสดงละครทำทีเป็นองค์รักษ์ของเขาอย่างที่ประกาศไปทั่ว
“แล้วเจ้าไม่ไปกับเขาหรือ” ไบรอันถามลาควีล่าเชิงประชด นางสั่นหัวแล้วบอกว่าจะนั่งดูเขาเขียนรายงาน
“สิ่งที่ข้าต้องการทำตอนนี้คืออยู่ใกล้ท่าน มองท่านเพื่อเติมเต็มความกระหายในใจข้า” ลาควีล่าตอบตามตรงเช่นทุกครั้ง
“แล้วนั่นเป็นความต้องการของใครกัน ไซเรน่า อโฟเดล หรือตัวเจ้า”
หญิงสาวไม่ตอบ ผู้กล้าแสงตะวันจึงก้มหน้าเขียนรายงานต่ออย่างเคร่งเครียด...
(มีต่อ)
นักรบจันทรา ตอนที่ 17
“ถ้ามันไม่สนใจพูดไปก็เท่านั้น ดูอย่างตอนนี้สิ แทนที่จะเฝ้าหน้าประตูห้องประชุม กลับลงไปเดินเล่นกับอลิเซียและลาควีล่าโน่น ตอนแรกก็ดีอยู่ พอหลังๆชักทำตัวเสียคน” ไบรอันยกไม้ยกมือประกอบ
“ข้าบอกเขาเองว่าที่นี่ปลอดภัยพอ จึงปล่อยเขาไปกับอลิเซีย” เนอร์วาน่าตอบเสียงเย็น
“แล้วเราควรทำอย่างไรต่อเนอร์วาน่า เรื่องดาริอุส ฝึกเขาอย่างไรให้สมเป็นผู้กล้าขึ้นมาบ้าง เรื่องงานพอใช้ได้ แต่เรื่องหัวสมองค่อนข้างแย่ ข้าพูดเบาแล้วนะ” ไบรอันกอดอก เวเบอร์พยักหน้าเห็นด้วย ราวกับทั้งคู่พับเรื่องในคืนนั้นเก็บไว้ก่อน
“กาลเวลาและตัวเจ้าจะขัดเกลาเขาให้เป็นแบบที่สมควรเอง” นางผู้หยั่งรู้พูดอย่างเคร่งขรึม “เรามาพูดถึงเรื่องด่วนกันก่อนดีกว่า อีกสี่วันกองทัพปีกปิศาจจะมาถึงที่นี่ เจ้าวางแผนอย่างไรไบรอัน”
“ตอนแรกอยากให้เวเบอร์คอยซุ่มสนับสนุน แต่งานอารักขาดาริอุสสำคัญกว่า” ไบรอันประสานมือไว้ข้างหน้า “คงต้องลำบากท่านหญิงโรเซลลิน่าอีกแล้ว”
“แต่ดั้งเดิมทามิเอลคือนกไฟประจำตัวของท่านหญิงคาริสซา แม่ของท่านมาเวอร์ริค” เวเบอร์พูดบ้าง “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะรับมือนางได้ง่ายนักหรอก”
“จะให้อลิเซียไปช่วยก็ได้นะ นางเรียกสัตว์ปิศาจได้เหมือนกัน สัตว์วิเศษต้องเจอสัตว์วิเศษ กระบวนการย้อนเวลาของนางผิดกับเซรีน่า นางเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ของพวกเราแล้ว แค่อย่าให้นางโกงหรือบอกข้อมูลในอนาคตก็พอ”
ผู้กล้าแสงตะวันได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ฟังจากดาริอุสเล่า อลิเซียเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ที่เก่งมาก ได้มาอยู่แนวหลังก็ยังดี ต่อไปก็เรื่องลาควีล่า
“แล้วเราจะทำอย่างไรกับลาควีล่า รอนางเก่งขึ้นเองหรือ” ไบรอันเปรย
“ข้าก็อยากช่วย” เวเบอร์พูดอย่างอ่อนใจ “แต่เรื่องเมื่อคืนก่อนข้าถูกคาดโทษ หากจะพูดคุยกับนางฉันมิตรต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นก่อนทุกครั้ง”
“ลำบากแย่ แต่ไม่มีใครรู้วิชาเรียกสัตว์ปิศาจ นอกจากเจ้ากับอลิเซีย ข้าไม่ได้อยากให้เจ้าแพ้นะเวเบอร์ แค่ไม่ชอบปล่อยคนอื่นเก็บปัญหาไว้คนเดียว” ไบรอันรีบแก้ตัว เขากลัวผิดใจกับเวเบอร์เรื่องนางอีก
“เรมิเอลนกเพลิงของดาริอุสช่วยได้” เนอร์วาน่าเสนอทางออกให้อย่างสันติ “เจ้าไม่ต้องรีบไปรายงานจักรวรรดิหรือ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นเจ้ารู้ข่าวช้ากว่าทุกคน ว่ากองทัพปิศาจบุกเมืองแก้วผลึก”
แล้วการประชุมเล็กๆก็จบลง เพราะต้องรับข้อมูลและรายงานสถานการณ์ปัจจุบันให้จักรวรรดิทั้งสองทราบเกี่ยวกับกองทัพฝ่ายมืด ซึ่งได้รับข้อมูลจากเวเบอร์เช่นเคย การลงมือสู้กันเรื่องผู้หญิงเมื่อคืนก่อนเป็นเหมือนรอยร้าวเล็กๆสำหรับพวกเขา ตราบใดที่ไม่มีอะไรไปกระแทกซ้ำก็ไม่ขยายมากกว่าเดิม...
หลังจากรายงานเรื่องกองทัพบุกเมืองแก้วผลึกจบ ไบรอัน แบล็คสโตนก็ถูกโถมทับด้วยรายงานที่ติดค้างไว้ ทั้งส่วนที่ยังเขียนไม่เสร็จ เรื่องที่ไปยังเมืองแก้วผลึกโดยไม่มีการแจ้งอย่างเป็นทางการ เรื่องการเคลื่อนไหวด้านต่างๆของทวีปใหญ่ เรื่องของดาริอุส รวมไปถึงนางผู้หยั่งรู้อีก ไม่ช้ามือคงจับอย่างอื่นไม่ได้นอกจากปากกา
นาฬิกาเวทมนตร์กลางเมืองแบ่งสีขาวและดำเป็นสองส่วนเมื่อเขาทำรายงานเรื่องที่สองเสร็จ ถึงเวลาอาหารกลางวันเขาเพิ่งทำรายงานเสร็จไปแค่สองเรื่องเท่านั้น! เขาจำต้องยึดเก้าอี้นั่งกลางแจ้งของร้านกาแฟแห่งหนึ่งในการเขียนรายงาน เนื่องจากหมอกมนตราทำให้แสงตะวันส่องเข้าห้องมาเพียงสลัว หากเขียนในห้องต้องจุดตะเกียงไม่อย่างนั้นก็มองไม่เห็นตัวหนังสือ
“อยู่นี่เองไบรอัน” ลาควีล่ากับอลิเซียเข้ามาทักด้วยความเหนื่อยอ่อนแต่ยังร่าเริง
พวกเขาอยู่ที่เมืองแก้วผลึกได้สองวันแล้ว อีกสองวันกองทัพปิศาจจะเคลื่อนพลมาถึง
“ติดใจขนมหวานร้านนี้แล้วหรือคะ ก็ข้าบอกแล้วว่าอร่อย” อลิเซียทักขึ้น
“ข้ามานั่งเพราะเขายอมให้นั่งทั้งวันต่างหาก” ไบรอันตอบ
“พอดีเลย กินเป็นอาหารกลางวันดีไหม แผ่นแป้งราดครีมน้ำตาล” ลาควีล่านั่งแหมะข้างไบรอัน นางเหมือนร่างอวตารของไซเรน่าจริงๆ คอยสร้างเสียงหัวเราะให้ทุกคนที่อยู่ใกล้ๆ เหมือนเกินไปด้วยซ้ำ
“ท่านนักรบจันทราถูกท่านเวเบอร์จับตัวไปเทศนายังไม่กลับอีกหรือคะ ท่านผู้กล้า” อลิเซียนั่งลงบ้าง บริกรที่รอท่าอยู่แล้วรีบมารับรายการอาหารทันที ไบรอันส่ายหน้าเพราะไม่รู้ว่าดาริอุสจะกลับมาเมื่อไร หลังการประชุมเล็กๆเมื่อวันก่อน ดาริอุสถูกเวเบอร์พาตัวไปอธิบายเรื่องต่างๆจนป่านนี้ก็ยังไม่กลับมาเลย
“รู้ได้อย่างไรว่าข้าชอบชาแอปเปิล...เจ้ามีทั้งความทรงจำของอโฟเดลและไซเรน่านี่นะ” ไบรอันพยักหน้ากับตัวเอง เมื่อลาควีล่าสั่งเครื่องดื่มมาให้ “เริ่มจำอะไรได้หรือยัง เกี่ยวกับการต่อสู้”
“เมื่อเช้าไปฝึกดาบกับอลิเซียมา จำได้นิดหน่อย เหมือนกับจะคล่องกว่าถ้าใช้หอก” ลาควีล่าตอบ “ข้าอยากจำเรื่องก่อนเกิดได้จริงๆ ท่านช่วยเล่าให้ฟังได้ไหม เกี่ยวกับตัวข้า”
“รอเวลาดีกว่า เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” ไบรอันตอบกลางๆ เขาไม่อยากให้รอยร้าวของมิตรภาพระหว่างเขากับเวเบอร์ใหญ่โตมากขึ้น เวเบอร์ชอบอโฟเดล แล้วนางก็เกิดใหม่เป็นลาควีล่า ไม่ผิดหากเวเบอร์จะหวงนางไว้กับตัวจนเกินปกติ
“พูดถึงเวลา อีกสักครึ่งชั่วโมงท่านนักรบจันทราจะกลับมาแล้วค่ะ เดี๋ยวจะบ่นเป็นหมีกินผึ้งไปพักใหญ่ ท่านผู้กล้าว่างก็เล่าเรื่องเกี่ยวกับส่วนหนึ่งของท่านลาควีล่าก็ได้ค่ะ เรื่องของท่านไซเรน่า”
“ข้าดูเหมือนคนว่างงานนักหรือ!” ไบรอันตบฝ่ามือลงบนปึกเอกสารที่ยังเขียนไม่เสร็จ พอหันไปเห็นแววตาผิดหวังของหญิงสาวก็ใจอ่อน จำต้องเล่าเรื่องเกี่ยวกับไซเรน่าให้ฟังคร่าวๆ เฉพาะด้านดีเท่านั้น
“อย่างนั้นก็แสดงว่านางรักท่านใช่ไหม แล้วท่านรักนางหรือเปล่า” ลาควีล่าตั้งประเด็นขึ้นหลังจากได้ฟังวีรกรรมของไซเรน่าจบ
ไบรอันส่ายหน้า เขาตอบไม่ได้ว่าคิดอย่างไรกันแน่ นางเปรียบเสมือนเพื่อนชายนิสัยห่ามอีกคนของเขา ไม่เคยคิดเกินเลยด้วยคำสาปที่ตีตรามาเกือบทั้งชีวิต
“ความรักเกิดได้ทุกที่ค่ะท่านลาควีล่า ในเมือง ในป่า ในหมู่เพื่อนฝูง ในการต่อสู้ มันเป็นสิ่งที่วิเศษสุดของมนุษย์ ไม่จำกัดรูปแบบและมาตรฐาน จะเป็นอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น” อลิเซียเสริมให้ลาควีล่าเข้าใจมากขึ้น
แล้วดาริอุสก็โซซัดโซเซมาที่โต๊ะของพวกเขา ท่าทางเหนื่อยล้าทางใจอย่างแสนสาหัส
ดาริอุสเหลียวซ้ายแลขวาเห็นทุกคนกำลังสนใจตนเองอยู่ก็พร่ำรำพันถึงการเทศนาสั่งสอนของเวเบอร์ชนิดถึงลูกถึงคนไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต หน้าที่ทั้งหมดล้วนกองอยู่บนบ่าของเขา ทั้งหน้าที่ลูกที่ดี และผู้กล้าตามชะตากรรมที่ต้องปะทะกับจอมปิศาจ ยังไม่นับเรื่องที่ต้องเรียนรู้จากเวเบอร์และผู้กล้าแสงตะวันในหัวข้อผู้กล้าที่สมบูรณ์อีก จนสมองของเขาแทบกลายเป็นไส้กรอกร้อนๆจึงได้รับการปล่อยตัว
“นึกว่าส่งไปคุยกับเวเบอร์แล้วเครื่องจะติดเสียอีก” ไบรอันเปรย นึกสะใจเล็กๆที่เห็นท่านลูกจ้างหงอยขนาดนี้ “ถ้าจะกลับห้องตอนนี้ก็อย่าเพิ่งเลย ท่านหญิงโรเซลลิน่าเพิ่งกลับไปได้สักพัก รับรองว่าดักรอเจ้าอยู่หน้าโรงแรมแน่นอน”
ดาริอุสครางขอความเห็นใจแล้วซบหน้าลงกับโต๊ะอาหาร
“พระนางพบผลึกเวทมนตร์ที่กักพลังเวทได้ จึงนำมาที่เมืองแก้วผลึกเพื่อศึกษาผลทางเวทมนตร์ ผลึกเวทมนตร์ทั้งสองชิ้นจะต้องเอามาประกบกันบนกระบี่ดาบแสงตะวัน เพื่อทำให้มันกลายเป็นดาบจันทราโดยสมบูรณ์ สิ่งที่ต้องการคือพลังเวทจากสองผู้วิเศษ ข้ากับเนอร์วาน่าจะจัดการเอง อีกอย่างคือความมืด เพื่อให้มันบรรจุพลังได้มหาศาล ต้องรอตอนช่วยพ่อของเจ้าได้แล้ว”
“เวเบอร์อธิบายให้ข้าฟังคร่าวๆแล้ว ขอบคุณ” ดาริอุสตอบด้วยเสียงอู้อี้
“อย่างนั้นเราไปเดินตลาดกันไหมคะท่านนักรบจันทรา” อลิเซียพยายามทำให้ดาริอุสสดชื่นขึ้น แต่ไม่ได้ผลเท่าไรนัก
“ถ้าจะไปก็หอบลาควีล่าไปด้วย ตอนพบกันครั้งแรกเวเบอร์พยายามฆ่าข้าด้วยซ้ำ เขาหาว่าข้าทำให้นางรักข้า อะไรก็ไม่รู้...เอาเป็นว่าอย่าให้ข้าอยู่กับนางสองต่อสอง ไม่อย่างนั้นเวเบอร์เล่นงานข้าตายแน่”
“ท่านเวเบอร์ตอนนี้กลับไปรายงานตัวกับท่านจอมอสูรแล้วค่ะ คงแอบดูไม่ได้อีกพักใหญ่ ถึงจะดูได้เขาก็ไม่มีสิทธิ์กีดกันท่านสองคนเสียหน่อย เวเบอร์คือศัตรูของท่านไลล่านะคะไม่ใช่เจ้าชีวิต” อลิเซียพูดอย่างฉาดฉานสมเป็นคนสมัยใหม่
“ข้าไม่ได้คิดอะไรกับลาควีล่าทั้งนั้น...แล้วเจ้าเรียกนางว่าไลล่าหรือ” ไบรอันพ่นลมออกจากจมูก ไม่รู้ว่าเวเบอร์จะเอาอะไรนักหนากับผู้หญิงคนเดียว
“เป็นชื่อเล่นค่ะ เหมือนที่ท่านเนอร์วาน่าเรียกข้าว่าลิเซีย ทำให้เรียกสะดวกขึ้นไม่ต้องเรียกชื่อเต็ม พวกท่านก็เรียกนางด้วยชื่อนี้สิคะ จะได้สนิทกันเร็วๆ”
ดาริอุสตอบรับเสียงอ่อยเหมือนคนหมดแรง ไบรอันคิดว่าคงเรียกชื่อเต็ม ไม่อย่างนั้นคงได้ตัดความสัมพันธ์กับเวเบอร์จริงๆแน่
“ไม่ได้หรอกอลิเซีย” ดาริอุสครวญครางราววิญญาณใกล้หลุดจากร่าง “ข้าต้องอยู่คุ้มครองผู้กล้าตามหน้าที่ผู้ติดตามที่ดี”
“ก็ท่านเนอร์วาน่าบอกแล้วว่าที่นี่ปลอดภัย แถมอยู่กับท่านไลล่าอีกด้วย ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ” อลิเซียดึงดาริอุสให้ลุกขึ้น แต่เจ้าตัวยังคงนอนฟุบนิ่งกับโต๊ะ “ท่านผู้กล้าให้ท่านเป็นผู้ติดตามเพื่อปกป้องท่านต่างหาก จริงไหมคะท่านผู้กล้าแสงตะวัน แถมยังมีท่านไลล่าอยู่ด้วยอีก ข้าเอาหัวเป็นประกันได้เลยว่าไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น”
“จริงดาริอุส ข้าวางแผนให้เจ้าเป็นผู้ติดตามเพื่อปกป้องเจ้าจากบริวารของจอมปิศาจ ที่ให้อยู่ใกล้เพื่อข้าจะได้เฝ้าถนัดตาเท่านั้น หากเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยจริงๆเหมือนเมืองหลวงของจักรวรรดิข้าก็อุ่นใจ จะไปเที่ยวเล่นต่อก็ตามใจ หรืออยากพบกับท่านหญิงโรเซลลิน่าก็กลับโรงแรมได้เลย เดิมข้าก็ไม่ได้อยากมีผู้ติดตามอยู่แล้วด้วย” ไบรอันตอบตามความจริง แล้วดูปฏิกิริยาของท่านลูกจ้างผู้เป็นนักรบจันทราว่าจะทำอย่างไร
“ข้าไปหาที่ฝึกกระบี่ดีกว่า เมื่อวันก่อนก็เที่ยวในเมืองจนพอใจแล้วด้วย” นักรบจันทราฟื้นคืนชีพแทบทันทีที่ไบรอันปล่อยเขาเป็นอิสระ “ไปด้วยกันไหมไลล่า”
“ไม่ต้องหรอก” ไบรอันตอบปัด “อีกไม่นานมันจะถูกเปลี่ยนเป็นดาบจันทราแล้ว เจ้าฝึกวิชาดาบมาก็ใช้มันเหมือนดาบเถอะ แม้มันจะคมและบางเบา ไม่หนักเหมือนดาบก็ตาม จุดประสงค์การใช้งานมันต่างกันแต่ได้ผลไม่ต่างกันนักหรอก”
“อย่างนั้นไปเดินเล่นกันต่อดีกว่าค่ะ เดี๋ยวข้าจะพาไปดูห้องทำผลึกน้ำที่ใช้กันทั่วไปในห้องน้ำ ว่าเขาอัดน้ำเข้าไปในผลึกได้อย่างไร”
แล้วนักรบจันทรากับนักท่องเวลาก็พากันไปเที่ยวชมเมืองต่อราวกับสุนัขเพิ่งถูกปล่อยออกจากกรงขังยามเช้า ทิ้งผู้กล้าแสงตะวันกับผู้คืนชีพจากความตายให้มองตากันปริบๆ จะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก ไบรอันไม่คิดว่าดาริอุสจะไปเที่ยวเล่นจริงๆหลังผ่านการอบรมจากเวเบอร์มาแล้ว แทนที่จะแสดงละครทำทีเป็นองค์รักษ์ของเขาอย่างที่ประกาศไปทั่ว
“แล้วเจ้าไม่ไปกับเขาหรือ” ไบรอันถามลาควีล่าเชิงประชด นางสั่นหัวแล้วบอกว่าจะนั่งดูเขาเขียนรายงาน
“สิ่งที่ข้าต้องการทำตอนนี้คืออยู่ใกล้ท่าน มองท่านเพื่อเติมเต็มความกระหายในใจข้า” ลาควีล่าตอบตามตรงเช่นทุกครั้ง
“แล้วนั่นเป็นความต้องการของใครกัน ไซเรน่า อโฟเดล หรือตัวเจ้า”
หญิงสาวไม่ตอบ ผู้กล้าแสงตะวันจึงก้มหน้าเขียนรายงานต่ออย่างเคร่งเครียด...
(มีต่อ)