นักรบจันทรา ตอนจบ

กระทู้สนทนา
กลิ่นทะเลจางๆปลุกอดีตผู้กล้าแสงตะวันให้ตื่นจากการหลับใหล ความเจ็บปวดจากการต่อสู้รุมเร้าอยู่ทุกข้อต่อ แล้วเขาก็ลืมตาโพลง ความทรงจำสุดท้ายคือจอมปิศาจระเบิดตัวเองไปพร้อมกับพวกเขา แล้วเขาก็สลบไปทั้งอย่างนั้น สุดท้ายแล้วใครเป็นฝ่ายชนะกัน พวกเขากำจัดจอมปิศาจได้หรือไม่

    “นอนก่อนสิ ท่านยังไม่แข็งแรงดีนะ” เสียงของเนอร์วาน่าทำให้ไบรอันผ่อนคลายแล้วพิจารณารอบตัวเป็นครั้งแรก เขาอยู่ในห้องนอนที่ไหนสักแห่ง ฟังจากเสียงคลื่นลมแล้วน่าจะอยู่ชายทะเล “ตอนนี้เราอยู่ที่เมเทอาร์ ในโรงแรมที่ข้าแอบจองไว้ตอนท่านไม่รู้”

    “แล้วจอมปิศาจ...” ไบรอันยังขยับตัวไม่ได้มากนัก เขายังไม่ค่อยเข้าใจนางผู้หยั่งรู้สักเท่าไรที่พาเขามาที่นี่ แล้วน่าจะสงเคราะห์เขาด้วยเวทมนตร์รักษาสักหน่อย

    “จะใช้คำว่าอะไรดีนะ ไปอยู่ที่ๆควรอยู่แล้ว พวกเราทำสำเร็จแล้ว” เนอร์วาน่ายิ้มให้อย่างจริงใจ “นี่คือวันที่สามหลังจากพวกท่านต่อสู้กับจอมปิศาจ ดาริอุสฟื้นตัวเมื่อวานกลับไปรับหน้าองค์จักรพรรดิแล้ว”

    “สามวัน! แล้วให้เจ้าบื้อดาริอุสไปคุยเนี่ยนะ...” ไบรอันยันตัวนั่งแต่ยังทำได้ไม่คล่องนัก แถมยังปวดหน้าอกอีกด้วย

    “ค่อยๆนั่งข้ามีอะไรจะบอกอีก” เนอร์วาน่าจับไหล่ไบรอันให้ลงนอนอีกครั้ง “เรื่องท่านกับลาควีล่า”

    ไบรอันนิ่งงัน จะว่าโชคดีหรือไม่ก็ไม่อาจรู้ได้ที่เวเบอร์ตายระหว่างการต่อสู้กับจอมปิศาจ เขาไม่มีคู่แข่งแล้ว

    “เวเบอร์จะกลับมาอีกครั้ง แล้วทำให้ใจนางหวั่นไหวจนยากจะสงบได้ เวเบอร์ชนะการประลองกับนางจึงกลายเป็นสาวกของจอมเทพแห่งอิเดน เคลื่อนไหวตามคำสั่ง หยุดนิ่งตามบัญชา แล้วก็ไม่อาจตายได้หากจอมเทพไม่อนุญาต ข้าขอถามท่าน กี่ครั้งแล้วที่ท่านเห็นความเป็นอมตะในดวงตาของเวเบอร์ เวเบอร์จะคงตัวตนไปได้อีกเป็นพันปีนับจากนี้ ผิดกับพวกเราที่ต้องตายตามอายุขัยโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้” เนอร์วาน่าทำให้ไบรอันรู้สึกก้ำกึ่งระหว่างดีใจกับกลัว กลัวเวเบอร์กลับมาทำให้ลาควีล่าเปลี่ยนใจจากเขาแล้วไปหาเวเบอร์แทน

    “ถ้าอย่างนั้นข้าจะหมั้นกับนางเสียคืนนี้ เจ้าว่าดีไหม หรือควรรอแผลข้าหายก่อน” ไบรอันกลืนน้ำลายอย่างฝืดเฝือ เวลานี้ยังเร็วไปสำหรับเขาและลาควีล่าที่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งถึงขั้นนั้น

    “แค่นั้นน่ะไม่พอหรอก ข้าอยากให้พวกท่านแต่งงานกันเสีย ให้ดวงจันทร์เป็นพยาน ก่อนลาควีล่าจะกลับไปเป็นเจ้าหญิงอีกครั้ง” เนอร์วาน่าแทบทำให้ไบรอันสำลัก พวกเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วก็จริง แต่การแต่งงานมันเป็นเรื่องใหญ่

    “จริงสิ ไลล่าล่ะ” ไบรอันเสออกนอกเรื่อง

    “ไปซื้อของมาทำอาหารเย็น อย่าเปลี่ยนเรื่องไบรอัน ท่านต้องกุมหัวใจนางไว้ให้ได้” เนอร์วาน่าชี้ประเด็นจนน้ำลายกระเด็น “เส้นทางที่ควรเป็นไปคือท่านกับนางหมั้นกันลอยๆ แต่ถ้าแต่งงานกันตอนนี้ก็จะไม่ต้องปวดหัวทีหลัง หรือท่านจะไม่ฟังคำข้าอีก”

    ไบรอันนึกถึงตอนนั้นที่ไม่ฟังคำของนางผู้หยั่งรู้ พวกเขาเกือบตายหากไม่ได้อลิเซียช่วย

    “ข้าจะรักษาอาการบาดเจ็บให้ตอนนี้เลย อีกสักพักลาควีล่าจะขึ้นมาดูท่านก็จัดการกันเอง ไปพบข้าได้ทุกเมื่อที่เมืองแก้วผลึก...ต้องไปส่งอลิเซียด้วยสินะ” เนอร์วาน่าใช้เวทมนตร์รักษาบาดแผลทั้งภายนอกและภายในให้ไบรอันอย่างรวดเร็ว แล้วนางก็ใช้มนตร์เคลื่อนย้ายออกไปจากห้องเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู

    “ท่านฟื้นแล้วจริงๆด้วยไบรอัน!” ลาควีล่าเปิดประตูเข้ามาด้วยความดีใจ นางรวบผมเป็นหางม้าทำให้รู้สึกเหมือนเป็นไซเรน่ามากกว่า “เนอร์วาน่ากลับไปแล้วสินะ”

    “ไปแล้ว” ไบรอันมองหาถุงสัมภาระขนาดเล็กที่เขาพกติดตัวในเสื้อคลุมเสมอ แล้วก็พบมันอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง “ขอข้าหาของก่อน”

    ข้างในถุงหนังเก่าๆมีทั้งเหรียญนำโชค แหวนเก่าสีหมอง อุปกรณ์วิเศษเล็กๆน้อยๆ ไบรอันใช้เวลาครู่หนึ่งคุ้ยเอาสองสิ่งออกมา กิ่งกุหลาบแก้วกับแหวนหัวมรกตของแม่เขา อดีตผู้กล้าแสงตะวันโยนถุงไว้บนโต๊ะตามเดิมแล้วยื่นกิ่งกุหลาบแก้วที่อยู่ในสภาพกิ่งชำให้ลาควีล่า

    “ช่วยรับไว้ได้ไหม จากใจของข้า” ไบรอันพยายามรวบรวมสติไม่ให้เป็นลมหรือกระวนกระวายเกินพอดี “หากข้าคิดไม่ซื่อมันจะเปลี่ยนเป็นกุหลาบธรรมดาเอง เจ้าคงรู้จัก”

    “จะให้ข้าในฐานะไหนกัน” ลาควีล่าหน้าแดงน้อยๆ นางแก้เขินด้วยการดึงที่รัดผมออก

    “แต่งงานกัน” ไบรอันพูดตามตรง “หมายถึงเราสองคนน่ะ มาแต่งงานกันไหม”

    ลาควีล่าไม่ตอบแต่รับกิ่งกุหลาบแก้วไปด้วยความยินดี มันยังส่องประกายเป็นแก้วไม่เปลี่ยนแสดงให้เห็นความจริงใจของเขา เพื่อย้ำคำตอบไบรอันก็ยื่นแหวนแต่งงานให้อย่างไม่มีพิธีรีตอง

    “ข้าขอยกชีวิตนี้ให้ท่านไบรอัน” ลาควีล่าหยุดคิดอะไรครู่หนึ่งจึงปล่อยคำพูดออกมาได้ “เป็นการขอแต่งงานที่เป็นกันเองสุดๆเลยนะว่าไหม” ลาควีล่ายิ้มอย่างอ่อนโยน บัดนี้นางเป็นภรรยาของเขาโดยสมบูรณ์แล้ว...


    ช่วงเวลาแห่งการเป็นสามีภรรยาหมดลงเร็วอย่างน่าใจหาย สามวันหลังจากนั้นดาริอุสก็กลับมาพร้อมกองทหาร เพื่อรับตัวเจ้าหญิงลาควีล่ากลับเมืองหลวงของจักรวรรดิ ด้วยฐานะที่ต่างกันทำให้ต้องปิดเรื่องการแต่งงานของพวกเขาเป็นความลับ จนไบรอันนึกเสียดายว่าน่าจะถามเรื่องนี้กับเนอร์วาน่าให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร

    เพราะการเล่นละครตบตาของไบรอันเพื่อหลอกจอมปิศาจทำให้เขาไม่ได้รับอนุญาตให้มีตำแหน่งดีไปกว่าครูสอนดนตรีหลวงที่ขอไปตอนแรก กระนั้นเขากับลาควีล่าก็ยังหาโอกาสพลอดรักกันได้เสมอในเวลาที่เหมาะสม แม้พ่อกับแม่บุญธรรมของนางจะไม่ยอมรับก็ตาม ในช่วงแรกเขาต้องทำหน้าที่คนรับใช้ให้ดาริอุสก่อนเข้าไปสอนในปีถัดไปจึงได้รู้ซึ้งเรื่องการเมืองมากกว่าที่เคย

    “ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดข้าต้องเป็นมหาอุปราชด้วย” ดาริอุสบ่นในวันหนึ่งที่อากาศเย็นยะเยือก อดีตนักรบจันทราอยู่ในชุดผ้าไหมสีเหลืองโก้หรูเป็นชุดประจำพระองค์ “ข้าไม่เก่งเรื่องการเมืองเลยสักนิด”

    “ก็เพราะเจ้าสัมผัสกับประชาชนมากกว่าขุนนางทั่วไปน่ะสิ” ไบรอันโยนสายสะพายประจำตำแหน่งให้อย่างง่ายๆ

    “เฮ้! ข้าเป็นเจ้าชายนะ ทำดีๆหน่อยสิ” ดาริอุสบ่นอุบ “วันนี้จะมีแขกมาที่เมืองหลวงของจักรวรรดิ ไม่อย่างนั้นข้าไม่ใส่ชุดพวกนี้เด็ดขาด”

    ไบรอันขอโทษเบาๆ เขาสังหรณ์ใจแปลกๆกับเรื่องแขกคนสำคัญที่พูดถึง

    แขกคนนั้นคือเวเบอร์นั่นเอง เขามาเป็นทูตสันถวไมตรีจากดาวที่ชื่อว่าอิเดน จริงอย่างที่เนอร์วาน่าบอก เวเบอร์ไม่สามารถตายได้หากไม่ได้รับคำสั่ง ลาควีล่าดูแปลกใจและยิ้มอย่างเลื่อนลอยเมื่อรู้ว่าเวเบอร์ยังมีชีวิตอยู่ โชคดีที่คราวนี้ไบรอันเชื่อเนอร์วาน่า ลาควีล่าจึงไม่ละสายตาไปจากเขาผู้เป็นสามี

    “เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไบรอัน ข้าไม่อยากให้มิตรภาพของเราพังไปมากกว่านี้เพราะผู้หญิงคนเดียว” เวเบอร์พูดกับเขาอย่างนี้ในคืนที่มีการต้อนรับท่านทูต...


    ผ่านไปสองเดือนไบรอันก็ยังไม่ชินกับความสงบสุข เจ้าดาริอุสก็ด้วยแม้พวกเขาจะไปล่าสัตว์ด้วยกันบ่อยครั้งกว่าคนอื่น ราวกับพวกเขาต้องการเรื่องตื่นเต้นมาทำให้หัวใจเต้นแรงอีกครั้ง ลาควีล่าได้งานส่งสาสน์ของทูตโดยใช้วิชาเรียกสัตว์ปิศาจ ทำให้เวลาว่างมานั่งด้วยกันสองต่อสองลดลง หากความรักของพวกเขายังเบ่งบานเป็นกุหลาบแก้วที่แผ่กิ่งใบ

    กระทั่งไฟแห่งความเดือดเนื้อร้อนใจลุกไหม้ในหัวของดาริอุส เมื่อท่านหญิงโรเซลลิน่ายื่นคำขอหมั้นกับเขาเพื่อตอบแทนความช่วยเหลือตอนเปลี่ยนจอมอสูรเป็นมนุษย์

    “เขาขอหมั้นกันเจ้าชายมาเวอร์ริค ไม่ใช่ข้า...” เรื่องนี้ล่องลอยในหัวของดาริอุสอยู่พักใหญ่จนไบรอันต้องเตือนสติอยู่เสมอว่าตัวเขาคือเจ้าชายมาเวอร์ริค บางครั้งก็ดาบ บางครั้งก็ช้อน จนเป็นที่ขบขันของผู้คนในมหาราชวัง

    “ข้าไม่ยอมแต่งงานเด็ดขาด!” ดาริอุสประกาศลั่นห้องนอนขณะเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังอาบน้ำ

    “แค่หมั้นเอง มันไม่แย่ขนาดนั้นหรอกน่า” ไบรอันปลอบ

    “ท่านก็ควรรู้เอาไว้ด้วยไบรอัน หากไม่มีงานให้ไลล่าทำ นางก็จะถูกจับแต่งงานทางการเมืองเหมือนกันล่ะ” อดีตนักรบจันทราตอบอย่างเผ็ดร้อน

    “หรือเราจะหนีไปเที่ยวดี สักเดือนสองเดือน” ไบรอันบิดขี้เกียจ เขาอยากเดินทางไปโน่นมานี่เหมือนสมัยเป็นนักเรียนอยู่ มันทำให้เขาคิดถึงความหลัง แต่บัดนี้ลาควีล่าทำให้เขาไปไหนไม่ได้ จึงเข้าใจหัวอกของดาริอุสดี

    “เจ้าก็พูดได้สิ” ดาริอุสสบถ “พื้นที่จักรวรรดิกว้างก็จริงแต่องค์คริสโทเฟอร์มีหน่วยค้นหาฝีมือเยี่ยมอยู่ทุกเมือง ข้าต้องถูกตามเจอแน่”

    “หน่วยค้นหาขึ้นตรงกับแม่ทัพคนสนิทขององค์จักรพรรดิ นางเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ คงไม่ยอมรับสินบนปิดปากหรอก”

    “อย่างนั้นก็ปฏิวัติมันให้สิ้นเรื่อง ก่อกบฏให้ตายไปข้างหนึ่งเลย ข้ายอมตายดีกว่ายอมแต่งงานกับนาง!” ดาริอุสคงหมดความอดทนกับเรื่องแต่งงานแล้ว

    “ก็ดีเหมือนกันนะดาริอุส เรามาก่อกบฏกัน” ไบรอันยิ้มอย่างชั่วร้าย...


    หนึ่งเดือนผ่านไปทั่วทั้งมหาราชวังก็วุ่นวายกับการหายตัวไปของเจ้าชายมาเวอร์ริคกับคนรับใช้ส่วนพระองค์ แม้จะส่งหน่วยค้นหาออกไปก็ไม่สามารถตามหาได้ว่าพวกเขาไปที่ใด ทิ้งไว้แค่ข้อความสั้นๆให้ดูต่างหน้า ว่าขอทวงคืนอิสระสักระยะ แล้วจะกลับมาเอง โดยเจ้าชายมาเวอร์ริค มาเฮราส

    “หน่วยค้นหาไม่พบเขาในเขตจักรวรรดิเราเลยฝ่าบาท” แม่ทัพหญิงรายงานต่อองค์คริสโทเฟอร์ ว่าจนใจเรื่องค้นหาตัวเจ้าชายมาเวอร์ริคอีกครั้ง และเขาอาจท่องเที่ยวไปในเขตของซีเนียเป็นแน่

    “ถ้าไม่ยอมให้ไป ฝ่าบาทบอกว่าจะก่อกบฏโค่นล้มองค์คริสโทเฟอร์” ไบรอันบอกแม่ทัพหญิงในคืนหนึ่งเมื่อเดือนก่อน “ท่านก็เลือกเอาว่าจะไปทางใด ท่านหญิงคาริสซาสามารถทำหน้าที่มหาอุปราชแทนได้ทุกเมื่อ แต่กบฏที่ก่อโดยอดีตนักรบจันทรานี่สิไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ข้าก็อาจจำใจต้องช่วยฝ่าบาทของข้าด้วย แค่ส่งความเคลื่อนไหวของหน่วยค้นหาให้ข้าเท่านั้น รับรองว่าพวกเราจะไปกันเงียบๆไม่กระโตกกระตาก”

    หลังจากบทสนทนานั้นทั้งเจ้าชายมาเวอร์ริคและคนรับใช้ไบรอันก็หายตัวไปจากมหาราชวังอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครตามพบ ไม่มีใครได้ข่าวแม้แต่ท่านหญิงลาควีล่าผู้อยากตามไปด้วยแต่สายเกินไป


    ณ โรงเรียนสอนดาบดรากานที่เลื่องชื่อในด้านความเลวทรามและชั่วร้าย อดีตนักรบจันทรากับอดีตผู้กล้าแสงตะวันกระทืบประตูโรงเรียนเพื่อเรียกคนที่อยู่ข้างในออกมา

    “ข้ามายึดโรงฝึกคืน มีใครสนใจอยากประลองกับข้าบ้าง!” ดาริอุสคำรามก้อง ไบรอันผู้ติดตามก็รู้สึกสนุกไปด้วยกับการเดินทางครั้งนี้ เมื่อยึดโรงเรียนของพ่อบุญธรรมเขาคืนได้แล้วดาริอุสก็จะเดินทางต่อไปอีก ในเรมิสต์ยังมีสิ่งต่างๆอีกมากมายที่เขายังไม่เคยเห็น...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่