กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มังกรวิเศษหลุดเข้าอุโมงค์แห่งกาลเวลาเพราะมนุษย์ผู้หนึ่งเข้าไปแตะต้องสิ่งวิเศษสำคัญ มันสามารถสลายและแยกตัวออกได้หลายร่างโดยทุกร่างมีพลังอำนาจเท่าเทียมกัน เจ้ามังกรหลบหนีผู้ทรงอำนาจทั้งสี่แยกตัวออกเป็นเจ็ดส่วนในเส้นทางแห่งกาลเวลา ชิ้นส่วนสีม่วงมีความวิวัฒน์ทางความคิดมากที่สุดต่อสู้กับพี่น้องอีกหกชิ้น ในช่วงเวลาแห่งการฆ่าฟัน ชิ้นส่วนต่าง ๆ ก็ร่วงหลุดสู่ช่วงเวลาที่แตกต่างกัน
ชิ้นส่วนสีฟ้าเป็นแค่การทดสอบใช้เวทมนตร์ของชิ้นส่วนสีม่วงเท่านั้น เหยื่อรายที่สองของมันคือชิ้นส่วนสีแดง สิ่งแอบแฝงในชิ้นส่วนสีม่วงบงการมันให้สร้างระเบิดรุนแรงจนชิ้นส่วนสีแดงแทบแหลกสลายเพราะยังไม่มีร่างแท้จริง ความร้อนและการเผาไหม้จับกุมเจ้าชิ้นส่วนสีแดงจนหล่นสู่ห้วงเวลาปกติ
อาจเพราะเสาค้ำจุนยื่นมือเข้าช่วย จุดหมายการร่วงหล่นคือภูเขาไฟคุกรุ่น แทนที่ชิ้นส่วนสีแดงจะสลายกลับรอดได้เพราะการระเบิดตามธรรมชาติ ธาตุไฟจากการปะทุช่วยชะล้างพลังส่วนเกินที่ไม่สมควรอยู่ ณ ที่นี้โดยไม่ตั้งใจ พลังจากอีกดินแดนอาจฆ่าเหล่าชิ้นส่วนของมังกรได้ง่าย ๆ แต่ของตามธรรมชาตินั้นไม่!
ชิ้นส่วนสีแดงรอดได้ด้วยโทสะแห่งผืนดินนามว่าภูเขาไฟระเบิด การปะทุครั้งนั้นมีพลังผิดแปลกของชิ้นส่วนสีม่วงร่วมด้วยจึงรุนแรงกว่าปกติ ลมหายใจสีดำของอสูรยักษ์พวยพุ่งถึงเมฆ ความร้อนจัดเผาผลาญทุกสิ่งใกล้เคียงโดยไม่ต้องรอหินหลอมเหลว ท้องทะเลสั่นสะเทือนราวมีอุกกาบาตตก ท้องฟ้าสีแดงดุจเลือดของทุกชีวิตบนเกาะนั้น!
ไกลออกไปทางตะวันออกสิ่งน่ากลัวจับใจกำลังก้าวเดินบนผืนทรายร่วมกับบริวาร พวกนั้นกำลังมองความกราดเกรี้ยวของภูเขาไฟอย่างสนอกสนใจ เจ้าชิ้นส่วนสีแดงขอบคุณแรงพิโรธแห่งธรรมชาติที่ช่วยกลบร่องรอยก่อนสร้างร่างอย่างทุลักทุเล เกล็ดสีแดงเหมือนเปลวไฟจากอิทธิพลของธาตุรอบตัว เขาผุดงอกเพื่อสร้างพื้นที่ว่างกลางแอ่งหินหลอมเหลวทั้งยังช่วยระบายพลังส่วนเกินได้ด้วย ความเจ็บปวดของมันถูกล้างด้วยสิ่งธรรมดาอย่างธาตุไฟปริมาณมาก มังกรแดงถอนหายใจว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดีและจ้องมองชื่อของตน ไอร่า!
สิ่งแรกหลังไอร่าสมบูรณ์พร้อมด้วยร่างและพลังคือค้นหาพรรคพวกกับศัตรู มันจับสัมผัสตัวไหนไม่ได้เลยแม้แต่ชิ้นส่วนสีฟ้า กลิ่นไอจาง ๆ ของชิ้นส่วนสีม่วงนามซูเปอร์เบียสร้างความฉงน มันมั่นใจว่าตนหลุดจากห้วงมิติเวลาก่อนอีกฝ่าย ต่อให้ผู้ทรยศแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่น่าสร้างร่างได้เร็วขนาดนี้ มันอยากค้นหาความจริงแต่สิ่งที่น่ากลัวถึงแก่นวิญญาณอยู่ในระยะใกล้เคียง ความจำเป็นเบื้องหน้าต้องมาก่อน...
ก้าวแรกหลังผ่านพ้นประตูนำทางเซธก็แทบหน้ามืดเพราะเวทมนตร์ธาตุในอากาศ พวกเขาคงอยู่แถวเกาะทางใต้เพราะมีต้นมะพร้าวกับต้นปาล์มมากมาย กลิ่นของเวทมนตร์อบอวลดั่งแฝงทุกอณูในอากาศ ท่านผู้นั้นบอกว่ามีการต่อสู้ด้วยเวทมนตร์ระดับสูงก่อนหน้านี้ไม่นานนัก พระอาทิตย์ไม่ถึงกับสูงเหนือหัวหากไม่อยู่ในช่วงสายคงบ่ายไปแล้ว
“ขอบคุณอินวิเดีย วันนี้จะต้องจัดการให้จบเรื่องไม่ว่าพวกท่านเหล่านั้นจะว่าอย่างไรก็ตาม!” ไม่เพียงท่านผู้นั้นจะพูดแค่ปาก ดาบวิเศษประจำตัวถูกหยิบฉวยจากมิติอื่นทันที รัศมีของมันทำให้ไอร้อนคลายตัวเหมือนหนีอานุภาพแห่งดาบ
‘ไอร่าอยู่ที่ฐานภูเขาไฟทางเหนือของเกาะ อวาร์ริเทียแทบตบข้าแหลกเพราะไม่ยอมช่วยผู้เฒ่า ข้าเข้าไปช่วยเองไม่ได้แต่ส่งพวกเจ้าไปแทนได้ น่าจะรู้ตั้งแต่แรก’ อินวิเดียบอกทิศทางก่อนเสริมว่ามันต้องรีบหลบพวกฝ่ายมืด
“จับแขนไว้อนาทอล ไม่ใช่เวลาสนใจเรื่องคำสั่งอีกแล้ว!” ท่านผู้นั้นยื่นแขนซ้ายให้เซธจับพร้อมกับใช้เวทมนตร์กับธาตุโดยรอบ
ผู้เป็นอมตะไม่เคยเห็นวิชาแบบนี้มาก่อน ธาตุในอากาศกำลังใช้มนตร์เคลื่อนย้ายกับพวกเขาเพื่อส่งไปยังตำแหน่งเจาะจง ปกติเวลาซาเรียจะส่งไปไหนแหล่งกำเนิดพลังเวทจะมีแห่งเดียวทว่าคราวนี้มาจากรอบด้านเหมือนถูกฝูงสุนัขนำทางผ่านสายจูง แสงสีทองราวพระอาทิตย์เที่ยงวันคลุมพวกเขาเอาไว้แล้วหายไป บัดนี้เบื้องหน้าคือไอร่าผู้ถูกไล่ต้อนจนมีแผลทั่วตัว มันหอบเหนื่อยพยายามต่อต้านด้วยกำลังทว่าไร้ผลเพราะกลุ่มรื้อฟื้นเทพปิศาจรายล้อมมันด้วยอาวุธหนักเหมือนมดฝูงใหญ่
“มาเร็วไปหน่อยรึเปล่า” เสียงของเจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกทำให้อาวุธกว่าครึ่งหนึ่งถูกหันเข้าหาผู้บุกรุกสองคน เจ้าของเสียงอยู่ห่างจากไอร่าพอเลี่ยงลูกหลง “ข้าน่าจะยอมให้ทำแบบนี้แต่แรก ไม่น่าเผลอตัวเล่นสนุกกับเจ้าเลยอิกริด”
“คืนผู้หญิงมา!” ท่านผู้นั้นคำรามโดยไม่สนเรื่องจำนวนหรืออาวุธระยะไกล นั่นทำให้เซธรอเวลาตามไปด้วย “วันนี้พวกเจ้าต้องแหลกไปข้างหนึ่ง ขี้ขลาดแค่ไหนก็ไม่น่าถึงกับจับตัวประกันอย่างนี้!”
“คนไหน!” เจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกแสดงความหงุดหงิดเช่นกัน มันชี้ให้ดูรวิกานต์ซึ่งนอนอยู่ข้างต้นไม้ไร้ใบ ข้าง ๆ กันมีคนในผ้าคลุมมอซออีกสองคนนั่งราวกับเป็นนักโทษ “เจ้าส่งสองคนนั่นมาสอดแนมในยานเหาะของพวกเราก่อน เราคิดจะเค้นความจริงจากพวกนั้นพร้อมกัน!”
ทุกครั้งที่เจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกกับท่านผู้นั้นเผชิญหน้ากันจะทำตัวเหมือนเป็นเพื่อนสนิทมากกว่าศัตรู คราวนี้ไม่ต่างจากครั้งก่อน ๆ นัก ท่านผู้นั้นเถียงกลับว่าตนไม่รู้จักและไม่มีหลักฐานใด ๆ แสดงว่ามีความเกี่ยวข้องกัน น่าแปลกที่คนอื่น ๆ พลอยหยุดฟังสองคนนี้เถียงกันด้วย
“ข้ามีบุคลากรพร้อมสำหรับทุกด้าน จะให้ขึ้นไปฆ่าล้างบางเมื่อไรก็ได้ทำไมต้องแค่สอดแนม!” ท่านผู้นั้นเถียงคอเป็นเอ็น
“อย่างนั้นคงไม่สนสินะถ้าข้าจะสังหารเสียตอนนี้เลย ทำลายแผนของเจ้าคืองานของข้าอยู่แล้ว” เจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกย่างสามขุมเข้าหานักโทษ
เซธทนไม่ไหวอีกต่อไปแม้ท่านผู้นั้นจะร้องเตือน ผู้เป็นอมตะก้าวเข้าหากับดักอย่างไม่ตั้งใจ วงไสยเวทย์สีม่วงเข้มข้นสว่างวาบเมื่อเขาเข้าไปเหยียบยืน เซธไม่สามารถขยับตัวได้ราวถูกแช่แข็งอีกรอบฉะนั้น!
วินาทีแห่งความตระหนกทำให้เซธมองหาความช่วยเหลือ นักโทษคนหนึ่งชูมือส่งสัญญาณไปหาท่านผู้นั้นว่าอย่าเอะอะหรือเคลื่อนไหวอื่นใด ผู้เป็นอมตะมองเห็นแต่ไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่พูด
“เจ้านั่นบอกว่านางเป็นเหยื่อล่อยังหลงเข้าไปหากับดักอีก” ท่านผู้นั้นทำเป็นบ่นเรื่องความไม่เอาไหนของเซธ “จะทำอะไรก็รีบทำเสียข้าจะยืนรอจนกว่าจะเสร็จ หมอนั่นเป็นอมตะแท้ไม่ใช่อย่างพวกเรา ทำอย่างไรก็ไม่ตายหรอก!”
“นั่นคือประเด็นของเรื่องละอิกริด พวกเราเป็นอมตะเทียมที่ถูกรักษาสภาพด้วยเวทมนตร์สายกาลเวลาขั้นสูง หากร่างเสียหายจนรักษาตัวไม่ทันก็สิ้นชีพหรือไม่ก็ต้องทำลายแกนกลางเวทมนตร์คงสภาพ ผิดกับเจ้าหนุ่มนี่” คำพล่ามคราวนี้ทำให้เซธรู้สึกแย่ ไม่ใช่เรื่องอมตะแท้เทียมแต่เป็นกับดักสีม่วงบนพื้น นั่นจะต้องเกี่ยวข้องด้วยแน่ ๆ “ใช้เวลาหลายร้อยปีกว่าจะรวบรวมความรู้มากพอขโมยความเป็นอมตะแท้จริง! ร่างไม่แก่ไม่ตาย ไม่ขึ้นกับเวทมนตร์ใด ๆ บาดเจ็บแค่ไหนก็ฟื้นตัวกลับเป็นอย่างเก่าได้ทุกครั้ง!”
เซธเหล่มองนักโทษของเจ้าผ้าคลุมสกปรก คนหนึ่งหยิบของเรียวยาวสีเงินออกมาเตรียมไว้ ในพริบตาถัดไปความเจ็บปวดพลันถาโถมเข้าหาผู้เป็นอมตะ บางสิ่งเสมือนเลือดถูกดูดออกจากร่างของเขาราวน้ำในโถ ความเสื่อมที่ถูกหยุดไว้นานกว่าหกร้อยปีกลับมาอย่างโหยหา เขารู้สึกได้ว่าความล้าของร่างกายไม่ได้ถูกขับออกไปอย่างที่ควร
“มันจะคุ้มกันหรือนั่น ทุกอย่างล้วนมีข้อแลกเปลี่ยน ความเป็นอมตะแท้จริงย่อมแฝงสิ่งไม่น่าพิสมัยบางอย่างไว้เสมอ” เสียงของท่านผู้นั้นนิ่งสงบราวเป็นผู้ชมเหตุการณ์จากภายนอก “ปล่อยมือจากพิณนั่นเร็วที่สุดอนาทอล ตอนนี้เจ้าเชื่อมต่อกับมันอยู่ หากหมอนั่นทำสำเร็จเจ้าตายเพราะอาวุธของตัวเองแน่!”
ไม่ทันสิ้นเสียงความคลื่นเหียนของเซธก็จบลง แสงสีม่วงหายไป ชายหนุ่มทรุดลงกับพื้นโดยเท้าแขนกับอาวุธคู่กาย เขายังสัมผัสมันได้ เจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกคงทำไม่สำเร็จ พอจะโล่งใจพิณโลหะก็ถูกฉวยไปด้วยมือของท่านผู้นั้นทันที!
“คนธรรมดาจับต้องได้แต่ถ้าใช้งานก็จะถูกดูดพลังชีวิต!” ท่านผู้นั้นพูดหากหันไปมองมองศัตรูอย่างไม่เชื่อสายตา “ไม่อยากเชื่อว่าจะทำได้ มันชิงความเป็นอมตะของเจ้าได้ ถึงจะชั่วคราวแต่มันทำได้...”
เซธกระพริบตาถี่อย่างว้าวุ่น เขาไม่ได้เป็นอมตะอีกแล้วหรือ ในเวลาเดียวกันเจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกทดลองด้วยการตัดมือข้างซ้ายออก ซึ่งข้างที่หายไปงอกกลับมาเหมือนตอนเซธบาดเจ็บไม่มีผิด!
“หากจะมีสิ่งไม่ดีตามมาค่อยหาทางแก้ทีหลัง ตอนนี้ข้าเป็นอมตะโดยแท้จริงแล้ว แถมเป็นสิ่งที่ได้รับจากเสาค้ำจุนอีกต่างหาก!” เจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกโอ้อวด
ราวท่วงทำนองจากเครื่องดนตรีชั้นสูง เสียงขลุ่ยผิวดังแทรกเหตุการณ์ร้ายแรงเหมือนนกรอจับเหยื่อ แม้จะไม่ได้เป็นอมตะแต่เซธยังสัมผัสเวทมนตร์ต่าง ๆ ได้ ธาตุน้ำแข็งน้อยนิดในอากาศก่อตัวเหนือหัวพวกเขาอย่างมีแบบแผนอยู่ชั่วอึดใจ
มังกรน้ำแข็งร่างเรียวบางไร้แขนขาดุจส่วนเกินของทุกสิ่งและบางใสไม่ต่างกับวิหคของเซธก่อร่างกลางความสับสน มันบินวนเป็นวงกลมสองรอบก่อนดำดิ่งเข้าหาเจ้าผ้าคลุมสกปรกอย่างไม่ลังเลจนกลายเป็นหมอกน้ำแข็งสีเงิน! กลิ่นดอกไม้ป่าผิดแปลกจากของซาเรียตลบไปทั่วเหมือนผ้าม่านแห่งลมแผ่ขยายไปไม่สิ้นสุด เมื่อไอน้ำแข็งคลี่คลายทุกสายตาก็เห็นว่าร่างในผ้าคลุมสกปรกถูกฝังในน้ำแข็งหนาหมดอิสรภาพ!
ในเวลาเดียวกันนั้นเองนักโทษสองคนลุกยืนถอดผ้าคลุมอย่างผู้รอโอกาสแสดงตัว ทั้งคู่เป็นหญิงสาวผมสีเหลืองซีดเหมือนกัน คนหนึ่งโตกว่าปล่อยผมยาวสยาย อีกคนเด็กกว่ามัดผมมวยไว้ด้านหลัง คนที่เป่าขลุ่ยสีเงินคือคนแรกและนางใช้เวทมนตร์บางอย่างทันที ฝ่ายพวกของเจ้าผ้าคลุมสกปรกหันอาวุธเข้าหานางในเวลาเดียวกัน!
“พวกคุณมีสองทางเลือกคือหนีไม่ก็ยอมถูกจับกุม!” หญิงถือขลุ่ยตะโกนบอกอย่างไม่เกรงกลัว “ไม่อย่างนั้นก็แค่ยิง ทำตามใจชอบเลย”
คำส่งท้ายของนางเรียกกระสุนได้ชะงัดนัก เสียงอาวุธประเภทต่าง ๆ หลุดจากแหล่งทำให้เซธคิดว่าแย่แล้ว จนตระหนักได้ว่าทุกอย่างถูกสกัดกั้นรอบตัวพวกเขาราวมีกำแพงล่องหนประดับประดาด้วยกระสุน ระเบิด เวทมนตร์ และสิ่งอื่น ๆ ที่ถูกโยนเข้ามาหมายเอาชีวิต
(มีต่อ)
สัญญาอมตะ ตอนที่ 23
ชิ้นส่วนสีฟ้าเป็นแค่การทดสอบใช้เวทมนตร์ของชิ้นส่วนสีม่วงเท่านั้น เหยื่อรายที่สองของมันคือชิ้นส่วนสีแดง สิ่งแอบแฝงในชิ้นส่วนสีม่วงบงการมันให้สร้างระเบิดรุนแรงจนชิ้นส่วนสีแดงแทบแหลกสลายเพราะยังไม่มีร่างแท้จริง ความร้อนและการเผาไหม้จับกุมเจ้าชิ้นส่วนสีแดงจนหล่นสู่ห้วงเวลาปกติ
อาจเพราะเสาค้ำจุนยื่นมือเข้าช่วย จุดหมายการร่วงหล่นคือภูเขาไฟคุกรุ่น แทนที่ชิ้นส่วนสีแดงจะสลายกลับรอดได้เพราะการระเบิดตามธรรมชาติ ธาตุไฟจากการปะทุช่วยชะล้างพลังส่วนเกินที่ไม่สมควรอยู่ ณ ที่นี้โดยไม่ตั้งใจ พลังจากอีกดินแดนอาจฆ่าเหล่าชิ้นส่วนของมังกรได้ง่าย ๆ แต่ของตามธรรมชาตินั้นไม่!
ชิ้นส่วนสีแดงรอดได้ด้วยโทสะแห่งผืนดินนามว่าภูเขาไฟระเบิด การปะทุครั้งนั้นมีพลังผิดแปลกของชิ้นส่วนสีม่วงร่วมด้วยจึงรุนแรงกว่าปกติ ลมหายใจสีดำของอสูรยักษ์พวยพุ่งถึงเมฆ ความร้อนจัดเผาผลาญทุกสิ่งใกล้เคียงโดยไม่ต้องรอหินหลอมเหลว ท้องทะเลสั่นสะเทือนราวมีอุกกาบาตตก ท้องฟ้าสีแดงดุจเลือดของทุกชีวิตบนเกาะนั้น!
ไกลออกไปทางตะวันออกสิ่งน่ากลัวจับใจกำลังก้าวเดินบนผืนทรายร่วมกับบริวาร พวกนั้นกำลังมองความกราดเกรี้ยวของภูเขาไฟอย่างสนอกสนใจ เจ้าชิ้นส่วนสีแดงขอบคุณแรงพิโรธแห่งธรรมชาติที่ช่วยกลบร่องรอยก่อนสร้างร่างอย่างทุลักทุเล เกล็ดสีแดงเหมือนเปลวไฟจากอิทธิพลของธาตุรอบตัว เขาผุดงอกเพื่อสร้างพื้นที่ว่างกลางแอ่งหินหลอมเหลวทั้งยังช่วยระบายพลังส่วนเกินได้ด้วย ความเจ็บปวดของมันถูกล้างด้วยสิ่งธรรมดาอย่างธาตุไฟปริมาณมาก มังกรแดงถอนหายใจว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดีและจ้องมองชื่อของตน ไอร่า!
สิ่งแรกหลังไอร่าสมบูรณ์พร้อมด้วยร่างและพลังคือค้นหาพรรคพวกกับศัตรู มันจับสัมผัสตัวไหนไม่ได้เลยแม้แต่ชิ้นส่วนสีฟ้า กลิ่นไอจาง ๆ ของชิ้นส่วนสีม่วงนามซูเปอร์เบียสร้างความฉงน มันมั่นใจว่าตนหลุดจากห้วงมิติเวลาก่อนอีกฝ่าย ต่อให้ผู้ทรยศแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่น่าสร้างร่างได้เร็วขนาดนี้ มันอยากค้นหาความจริงแต่สิ่งที่น่ากลัวถึงแก่นวิญญาณอยู่ในระยะใกล้เคียง ความจำเป็นเบื้องหน้าต้องมาก่อน...
ก้าวแรกหลังผ่านพ้นประตูนำทางเซธก็แทบหน้ามืดเพราะเวทมนตร์ธาตุในอากาศ พวกเขาคงอยู่แถวเกาะทางใต้เพราะมีต้นมะพร้าวกับต้นปาล์มมากมาย กลิ่นของเวทมนตร์อบอวลดั่งแฝงทุกอณูในอากาศ ท่านผู้นั้นบอกว่ามีการต่อสู้ด้วยเวทมนตร์ระดับสูงก่อนหน้านี้ไม่นานนัก พระอาทิตย์ไม่ถึงกับสูงเหนือหัวหากไม่อยู่ในช่วงสายคงบ่ายไปแล้ว
“ขอบคุณอินวิเดีย วันนี้จะต้องจัดการให้จบเรื่องไม่ว่าพวกท่านเหล่านั้นจะว่าอย่างไรก็ตาม!” ไม่เพียงท่านผู้นั้นจะพูดแค่ปาก ดาบวิเศษประจำตัวถูกหยิบฉวยจากมิติอื่นทันที รัศมีของมันทำให้ไอร้อนคลายตัวเหมือนหนีอานุภาพแห่งดาบ
‘ไอร่าอยู่ที่ฐานภูเขาไฟทางเหนือของเกาะ อวาร์ริเทียแทบตบข้าแหลกเพราะไม่ยอมช่วยผู้เฒ่า ข้าเข้าไปช่วยเองไม่ได้แต่ส่งพวกเจ้าไปแทนได้ น่าจะรู้ตั้งแต่แรก’ อินวิเดียบอกทิศทางก่อนเสริมว่ามันต้องรีบหลบพวกฝ่ายมืด
“จับแขนไว้อนาทอล ไม่ใช่เวลาสนใจเรื่องคำสั่งอีกแล้ว!” ท่านผู้นั้นยื่นแขนซ้ายให้เซธจับพร้อมกับใช้เวทมนตร์กับธาตุโดยรอบ
ผู้เป็นอมตะไม่เคยเห็นวิชาแบบนี้มาก่อน ธาตุในอากาศกำลังใช้มนตร์เคลื่อนย้ายกับพวกเขาเพื่อส่งไปยังตำแหน่งเจาะจง ปกติเวลาซาเรียจะส่งไปไหนแหล่งกำเนิดพลังเวทจะมีแห่งเดียวทว่าคราวนี้มาจากรอบด้านเหมือนถูกฝูงสุนัขนำทางผ่านสายจูง แสงสีทองราวพระอาทิตย์เที่ยงวันคลุมพวกเขาเอาไว้แล้วหายไป บัดนี้เบื้องหน้าคือไอร่าผู้ถูกไล่ต้อนจนมีแผลทั่วตัว มันหอบเหนื่อยพยายามต่อต้านด้วยกำลังทว่าไร้ผลเพราะกลุ่มรื้อฟื้นเทพปิศาจรายล้อมมันด้วยอาวุธหนักเหมือนมดฝูงใหญ่
“มาเร็วไปหน่อยรึเปล่า” เสียงของเจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกทำให้อาวุธกว่าครึ่งหนึ่งถูกหันเข้าหาผู้บุกรุกสองคน เจ้าของเสียงอยู่ห่างจากไอร่าพอเลี่ยงลูกหลง “ข้าน่าจะยอมให้ทำแบบนี้แต่แรก ไม่น่าเผลอตัวเล่นสนุกกับเจ้าเลยอิกริด”
“คืนผู้หญิงมา!” ท่านผู้นั้นคำรามโดยไม่สนเรื่องจำนวนหรืออาวุธระยะไกล นั่นทำให้เซธรอเวลาตามไปด้วย “วันนี้พวกเจ้าต้องแหลกไปข้างหนึ่ง ขี้ขลาดแค่ไหนก็ไม่น่าถึงกับจับตัวประกันอย่างนี้!”
“คนไหน!” เจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกแสดงความหงุดหงิดเช่นกัน มันชี้ให้ดูรวิกานต์ซึ่งนอนอยู่ข้างต้นไม้ไร้ใบ ข้าง ๆ กันมีคนในผ้าคลุมมอซออีกสองคนนั่งราวกับเป็นนักโทษ “เจ้าส่งสองคนนั่นมาสอดแนมในยานเหาะของพวกเราก่อน เราคิดจะเค้นความจริงจากพวกนั้นพร้อมกัน!”
ทุกครั้งที่เจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกกับท่านผู้นั้นเผชิญหน้ากันจะทำตัวเหมือนเป็นเพื่อนสนิทมากกว่าศัตรู คราวนี้ไม่ต่างจากครั้งก่อน ๆ นัก ท่านผู้นั้นเถียงกลับว่าตนไม่รู้จักและไม่มีหลักฐานใด ๆ แสดงว่ามีความเกี่ยวข้องกัน น่าแปลกที่คนอื่น ๆ พลอยหยุดฟังสองคนนี้เถียงกันด้วย
“ข้ามีบุคลากรพร้อมสำหรับทุกด้าน จะให้ขึ้นไปฆ่าล้างบางเมื่อไรก็ได้ทำไมต้องแค่สอดแนม!” ท่านผู้นั้นเถียงคอเป็นเอ็น
“อย่างนั้นคงไม่สนสินะถ้าข้าจะสังหารเสียตอนนี้เลย ทำลายแผนของเจ้าคืองานของข้าอยู่แล้ว” เจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกย่างสามขุมเข้าหานักโทษ
เซธทนไม่ไหวอีกต่อไปแม้ท่านผู้นั้นจะร้องเตือน ผู้เป็นอมตะก้าวเข้าหากับดักอย่างไม่ตั้งใจ วงไสยเวทย์สีม่วงเข้มข้นสว่างวาบเมื่อเขาเข้าไปเหยียบยืน เซธไม่สามารถขยับตัวได้ราวถูกแช่แข็งอีกรอบฉะนั้น!
วินาทีแห่งความตระหนกทำให้เซธมองหาความช่วยเหลือ นักโทษคนหนึ่งชูมือส่งสัญญาณไปหาท่านผู้นั้นว่าอย่าเอะอะหรือเคลื่อนไหวอื่นใด ผู้เป็นอมตะมองเห็นแต่ไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่พูด
“เจ้านั่นบอกว่านางเป็นเหยื่อล่อยังหลงเข้าไปหากับดักอีก” ท่านผู้นั้นทำเป็นบ่นเรื่องความไม่เอาไหนของเซธ “จะทำอะไรก็รีบทำเสียข้าจะยืนรอจนกว่าจะเสร็จ หมอนั่นเป็นอมตะแท้ไม่ใช่อย่างพวกเรา ทำอย่างไรก็ไม่ตายหรอก!”
“นั่นคือประเด็นของเรื่องละอิกริด พวกเราเป็นอมตะเทียมที่ถูกรักษาสภาพด้วยเวทมนตร์สายกาลเวลาขั้นสูง หากร่างเสียหายจนรักษาตัวไม่ทันก็สิ้นชีพหรือไม่ก็ต้องทำลายแกนกลางเวทมนตร์คงสภาพ ผิดกับเจ้าหนุ่มนี่” คำพล่ามคราวนี้ทำให้เซธรู้สึกแย่ ไม่ใช่เรื่องอมตะแท้เทียมแต่เป็นกับดักสีม่วงบนพื้น นั่นจะต้องเกี่ยวข้องด้วยแน่ ๆ “ใช้เวลาหลายร้อยปีกว่าจะรวบรวมความรู้มากพอขโมยความเป็นอมตะแท้จริง! ร่างไม่แก่ไม่ตาย ไม่ขึ้นกับเวทมนตร์ใด ๆ บาดเจ็บแค่ไหนก็ฟื้นตัวกลับเป็นอย่างเก่าได้ทุกครั้ง!”
เซธเหล่มองนักโทษของเจ้าผ้าคลุมสกปรก คนหนึ่งหยิบของเรียวยาวสีเงินออกมาเตรียมไว้ ในพริบตาถัดไปความเจ็บปวดพลันถาโถมเข้าหาผู้เป็นอมตะ บางสิ่งเสมือนเลือดถูกดูดออกจากร่างของเขาราวน้ำในโถ ความเสื่อมที่ถูกหยุดไว้นานกว่าหกร้อยปีกลับมาอย่างโหยหา เขารู้สึกได้ว่าความล้าของร่างกายไม่ได้ถูกขับออกไปอย่างที่ควร
“มันจะคุ้มกันหรือนั่น ทุกอย่างล้วนมีข้อแลกเปลี่ยน ความเป็นอมตะแท้จริงย่อมแฝงสิ่งไม่น่าพิสมัยบางอย่างไว้เสมอ” เสียงของท่านผู้นั้นนิ่งสงบราวเป็นผู้ชมเหตุการณ์จากภายนอก “ปล่อยมือจากพิณนั่นเร็วที่สุดอนาทอล ตอนนี้เจ้าเชื่อมต่อกับมันอยู่ หากหมอนั่นทำสำเร็จเจ้าตายเพราะอาวุธของตัวเองแน่!”
ไม่ทันสิ้นเสียงความคลื่นเหียนของเซธก็จบลง แสงสีม่วงหายไป ชายหนุ่มทรุดลงกับพื้นโดยเท้าแขนกับอาวุธคู่กาย เขายังสัมผัสมันได้ เจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกคงทำไม่สำเร็จ พอจะโล่งใจพิณโลหะก็ถูกฉวยไปด้วยมือของท่านผู้นั้นทันที!
“คนธรรมดาจับต้องได้แต่ถ้าใช้งานก็จะถูกดูดพลังชีวิต!” ท่านผู้นั้นพูดหากหันไปมองมองศัตรูอย่างไม่เชื่อสายตา “ไม่อยากเชื่อว่าจะทำได้ มันชิงความเป็นอมตะของเจ้าได้ ถึงจะชั่วคราวแต่มันทำได้...”
เซธกระพริบตาถี่อย่างว้าวุ่น เขาไม่ได้เป็นอมตะอีกแล้วหรือ ในเวลาเดียวกันเจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกทดลองด้วยการตัดมือข้างซ้ายออก ซึ่งข้างที่หายไปงอกกลับมาเหมือนตอนเซธบาดเจ็บไม่มีผิด!
“หากจะมีสิ่งไม่ดีตามมาค่อยหาทางแก้ทีหลัง ตอนนี้ข้าเป็นอมตะโดยแท้จริงแล้ว แถมเป็นสิ่งที่ได้รับจากเสาค้ำจุนอีกต่างหาก!” เจ้าปิศาจในผ้าคลุมสกปรกโอ้อวด
ราวท่วงทำนองจากเครื่องดนตรีชั้นสูง เสียงขลุ่ยผิวดังแทรกเหตุการณ์ร้ายแรงเหมือนนกรอจับเหยื่อ แม้จะไม่ได้เป็นอมตะแต่เซธยังสัมผัสเวทมนตร์ต่าง ๆ ได้ ธาตุน้ำแข็งน้อยนิดในอากาศก่อตัวเหนือหัวพวกเขาอย่างมีแบบแผนอยู่ชั่วอึดใจ
มังกรน้ำแข็งร่างเรียวบางไร้แขนขาดุจส่วนเกินของทุกสิ่งและบางใสไม่ต่างกับวิหคของเซธก่อร่างกลางความสับสน มันบินวนเป็นวงกลมสองรอบก่อนดำดิ่งเข้าหาเจ้าผ้าคลุมสกปรกอย่างไม่ลังเลจนกลายเป็นหมอกน้ำแข็งสีเงิน! กลิ่นดอกไม้ป่าผิดแปลกจากของซาเรียตลบไปทั่วเหมือนผ้าม่านแห่งลมแผ่ขยายไปไม่สิ้นสุด เมื่อไอน้ำแข็งคลี่คลายทุกสายตาก็เห็นว่าร่างในผ้าคลุมสกปรกถูกฝังในน้ำแข็งหนาหมดอิสรภาพ!
ในเวลาเดียวกันนั้นเองนักโทษสองคนลุกยืนถอดผ้าคลุมอย่างผู้รอโอกาสแสดงตัว ทั้งคู่เป็นหญิงสาวผมสีเหลืองซีดเหมือนกัน คนหนึ่งโตกว่าปล่อยผมยาวสยาย อีกคนเด็กกว่ามัดผมมวยไว้ด้านหลัง คนที่เป่าขลุ่ยสีเงินคือคนแรกและนางใช้เวทมนตร์บางอย่างทันที ฝ่ายพวกของเจ้าผ้าคลุมสกปรกหันอาวุธเข้าหานางในเวลาเดียวกัน!
“พวกคุณมีสองทางเลือกคือหนีไม่ก็ยอมถูกจับกุม!” หญิงถือขลุ่ยตะโกนบอกอย่างไม่เกรงกลัว “ไม่อย่างนั้นก็แค่ยิง ทำตามใจชอบเลย”
คำส่งท้ายของนางเรียกกระสุนได้ชะงัดนัก เสียงอาวุธประเภทต่าง ๆ หลุดจากแหล่งทำให้เซธคิดว่าแย่แล้ว จนตระหนักได้ว่าทุกอย่างถูกสกัดกั้นรอบตัวพวกเขาราวมีกำแพงล่องหนประดับประดาด้วยกระสุน ระเบิด เวทมนตร์ และสิ่งอื่น ๆ ที่ถูกโยนเข้ามาหมายเอาชีวิต
(มีต่อ)