เดวิดอ่านจดหมายของอลิธีอา ซึ่งเธอตอบในเรื่องการสร้างเครื่องรางไล่ฝันร้าย เขาม้วนจดหมายเก็บไว้ในถุงตรงอก แล้วเดินออกไปจากวงกองไฟและเกวียนที่พวกโอเวอร์แมนหลับพักผ่อนอยู่
ในป่าละเมาะใกล้ ๆ เด็กหนุ่มจุ่มหินแกรนิตที่เก็บมาจากแถวนั้น แกว่งมันในบ่อน้ำให้ตรงกับเงาจันทร์ที่สะท้อนอยู่ เขาแกว่งมันจนสีของมันซีดจางและกลายเป็นผลึกสีขาวขุ่นเหมือนก้อนสารส้ม จากนั้นโรยขี้ม้าที่บดเป็นผง แล้วล้างในเงาจันทร์อีกครั้ง เขากระซิบคำศักดิ์สิทธิ์ใส่ก้อนหิน แล้วยัดมันลงในถุงหนังที่เตรียมไว้
ดาบเย็นเฉียบมาพาดที่คอ เดวิดชะงัก แม้ลมหายใจก็ไม่กล้าระบายออกมาโดยแรง
"นักล่าแม่มดมาทำพิธีของแม่มดอย่างงั้นรึ หึหึ"
"เว..เวโรนิก้า"
นางเคลื่อนตัวออกจากเงามืดของป่าเตี้ย จนแสงจันทร์สาดส่องบนผ้าคลุมสีขาวที่ดูเรืองรองอย่างประหลาด มือกระชับดาบแห่งความยุติธรรมไว้มั่น
"พ่อหนุ่มที่เอาชั้นไปฝัง" นางพูดด้วยเสียงแผ่วอย่างพึงพอใจ "หน้าตาคมคายไม่ใช่เล่น ดูจะเป็นเด็กดีซะด้วย"
"เอ่อ...เธอต้องการอะไร"
"หุบปาก" คมดาบกดมาที่ลำคอจนเลือดซิบ "ถ้าชั้นต้องการอะไรชั้นจะพูดเอง เด็กดี..." เวโรนิก้ายื่นหน้าเข้ามาดูคอขาว ๆ ของเดวิดที่แหงนหนีอย่างตระหนก "ดูท่าแกก็มีความลับสินะ ถุงหนังเมื่อกี้แกทำอะไร"
"เครื่องรางไล่ฝันร้าย"
"แกฝันร้ายหรอ โถ...หนุ่มน้อยกลัวฝันร้าย กลิ่นนมยังติดอยู่เลย" เวโรนิก้าสูดกลิ่นจากใบหูของเขา
เดวิดหน้าแดงซ่าน "นี่มันของเพื่อนข้าตะหาก"
"เพื่อนของแก อ้อ ไอ้หนุ่มนั่นสินะ" หล่อนสายตาวาววับ "ชั้นเห็นพวกแกยืนอี๋อ๋อกันตลอดการไต่สวน แต่ก็ดีล่ะ ชั้นมีงานให้แกทำ"
หล่อนบิดใบดาบให้สะท้อนแสงจันทร์เข้าตาเดวิด
"พอจะเดาได้ แต่ข้าไม่ทำตามที่เธอบอกเด็ดขาด เวโรนิก้า"
"โอ้ ใจกล้าดีนี่" หล่อนอุทานอย่างพึงใจ "แต่ความกล้ามักมีพลังเพียงชั่วแล่น หากมีเวลาให้แกคิดทบทวนสักหน่อย แม้แต่เฮราเคลสก็ยังพังทลาย แกว่าจริงมั้ย"
"หมายความว่าไง"
หล่อนแย้มยิ้มจากนั้นปล่อยขวดน้ำยาสีม่วงใสเล็ก ๆ ที่ผูกเชือกไว้จากฝ่ามือ มันแขวนอยู่กลางอากาศสะท้อนประกายแสงจันทร์เป็นประกายวาววาม
"นี่คือยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้า พวกไวส์เวอร์จิ้นมักใช้ไต่สวนนักโทษ ประวิงเวลาตายของแกออกไปนาน ๆ แต่แกจะต้องตายแน่นอนหากลิ้มชิมแม้เพียงหยด แน่นอน..ชั้นมียาแก้พิษ ซึ่งแกจะได้มันถ้าแกเป็นเด็กดี"
"เวโรนิก้า ได้โปรด.."
"โอเวอร์แมน..โอเวอร์แมนที่แสนหลงตัวเองออกปากขอร้องไวส์เวอร์จิ้น หากเครทอสนายของพวกแกได้ยินเข้าคงโกรธจนหนวดกระดิก ฮ่าๆๆ หนุ่มน้อย ชั้นออกจะใจดีกับแกนะ ชั้นให้ทางเลือกกับแกตั้งสามทาง ตายซะตรงนี้ เป็นม้าใช้ หรือจะประวิงเวลาตัดสินใจไปก่อน คิดดูดี ๆ" หล่อนพลิกใบดาบตบลำคอเขา แล้วเปลี่ยนตำแหน่งไปยืนตรงหน้า ปลายดาบจี้หัวใจของเด็กหนุ่ม
เดวิดมองตาเวโรนิก้า มือซ้ายกำเครื่องรางไว้แน่น มือขวาค่อย ๆ เอื้อมไปหยิบขวดน้ำยาที่ห้อยลงจากมืออันกุมดาบอยู่ของนาง
นางเลิกคิ้วมอง เดวิดชะงัก สูดจมูกหนึ่งครั้ง แล้วค่อย ๆ เชือกรัดกระดาษที่ปิดขวดไว้ เขาไม่ปล่อยให้ความลังเลมีโอกาส กระดกขวดกินน้ำยาเข้าไปครึ่งหนึ่ง
เวโรนิก้าตบหน้าเขาดังฉาดจนขวดกระเด็นหลุดมือ แล้วถีบเดวิดให้กลิ้งไปนอนหงายกับพื้น
"ไอ้งั่งที่น่าสมเพชเอ๊ย คิดว่าชั้นจะปล่อยให้แกมีโอกาสไปเตือนคนอื่นอีกหรือไง ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง"
นางเสียบดาบใส่ดินตรงซอกรักแร้ของเดวิด ซึ่งไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัวหนี ใบหน้าของเขาขาวซีดและความง่วงงุนเข้าเกาะกุมสติ จนต้องกระพริบตาเพื่อรักษาความตื่นตัวเอาไว้
เวโรนิก้าดึงดาบออกจากดิน เอาซ่อนพันไว้ในผ้าคลุม แล้วหลบหายไปในเงาของสุมทุมพุ่มไม้
อัลลันสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางคันจากความฝันทำนายความตายของเขาที่ประสบซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดสามสี่วันมานี้ เขาสะบัดหน้าไล่ความง่วงงุนแล้วเอื้อมมือคลำที่นอนข้าง ๆ ในความมืด
"เดวิด" อัลลันเรียกชื่อเพื่อนของเจ้าของที่นอนว่างเปล่า แล้วเร่งเสียงดังขึ้นเมื่อแน่ใจว่าเจ้าของที่นอนไม่อยู่ "เดวิด!"
เขาลุกขึ้นแล้วเดินโซเซเข้าไปใกล้ ๆ กองไฟ ฮาโมเดียสและคนอื่น ๆ ที่ตื่นไวลุกขึ้น ยาคอบพยุงอัลลันซึ่งดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
"เจ้าเป็นอะไรของเจ้า"
"ข้าฝันร้าย"
ทุกคนอึ้งไป เครทอสยันตัวลุกจากที่นอนเป็นท่ากึ่งนอนกึ่งนั่ง
"มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่"
"ไม่ นั่นมันไม่สำคัญ เดวิดหายไป ใครเห็นเขาบ้าง เดวิด!" อัลลันป้องปากตะโกน
"สงบใจไว้อัลลัน ข้าแน่ใจว่าเขาน่าจะอยู่แถว ๆ นี้" ฮาโมเดียสจ่อคบเพลิงเข้ากับกองไฟ แล้วส่งให้เจ้าบ่ากว้างที่ยืนรออยู่ด้านหลัง
"ความฝันของข้าเปลี่ยนไป" อัลลันพูดพร้อมกับขบกรามแน่น "ใบหน้าของคนที่ตายมันไม่ใช่ข้า..ไม่ใช่ข้า"
"มันไม่ใช่วิสัยของเขาที่จะออกไปนอกวงคุ้มกันตอนกลางคืน" ยาคอบตั้งข้อสังเกต
"เราจะออกไปค้นหา อัลลัน เจ้าควรจะรออยู่ที่นี่ เจ้าคือเหยื่อของปีศาจที่ถูกป้ายสติกม่าเอาไว้ด้วยฝันร้ายนั้น เราจะไม่ยอมให้มีการสูญเสียคนหนุ่มเกิดขึ้นอีก"
ฮาโมเดียสพูดจบก็พาคนฉกรรจ์ที่แข็งแรงรวมทั้งทาสของพวกเขาออกไปจากเขตกองไฟและวงคุ้มกัน
ทราซีมาคัสถูมือไปมาใกล้กองไฟเนื่องจากความหนาว และกล่าวกับเครทอส
"ข้าคิดแล้วว่าพวกเขาต้องทำให้เกิดเรื่อง"
"มันไม่ใช่ความผิดของพวกเขา" ผู้สูงวัยตอบกลับไป "ถึงอย่างไรปีศาจก็หมายตาเครื่องสังเวยของมัน พวกเราควรจะละอายใจเสียมากกว่าที่ไม่ได้่ป้องกันไว้เป็นอย่างดี อัลลัน เจ้าฝันร้ายมานานแค่ไหน เหตุใดไม่บอกให้ใครรู้"
อัลลันจ้องกลับอย่างไม่พอใจ "ท่านยังมีความลับของท่าน ทำไมข้าจะมีบ้างไม่ได้"
เครทอสนิ่งเงียบไป ฮาโมเดียสกลับมาพอดี เจ้าบ่ากว้างทาสร่างยักษ์แบกร่างอ่อนปวกเปียกของเดวิดไว้บนบ่า มันวางเดวิดลงบนก้อนฟางอัดซึ่งใช้แทนที่นอน ทั้งแคมป์ตื่นแล้ว และตอนนี้ทุกคนก็เดินเข้ามาดูด้วยอารมณ์ต่าง ๆ กัน
เปลือกตาของเด็กหนุ่มปิดสนิท ผิวขาวซีดจนเกือบเขียว อัลลันพุ่งตรงไปยื้อคอเสื้อของเพื่อนรักขึ้นมาเขย่าและตะโกนเรียกชื่อ แต่ไม่มีอาการใด ๆ ตอบรับว่ายังรู้สึกตัว
"เราเจอนี่ตกอยู่ใกล้ ๆ ถึงจะมืดแต่มันเรืองแสงเองได้ และข้าคิดว่ามันประหลาด" ฮาโมเดียสประคองขวดบรรจุของเหลวสีม่วงไปให้กับเครทอส ซึ่งเพ่งมองพินิจ
"โอ..." ผู้ชี้ทางอุทาน "ยาพิษของพวกไวส์เวอร์จิ้น!"
ฮาโมเดียสซึ่งเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวของเครทอสถามรุกไล่ "ไวส์เวอร์จิ้นเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือ"
"ข้าไม่อยากเชื่อเช่นนั้น แต่ไม่มีทางคิดเป็นอื่น น้อยคนนั้นที่รู้จักสิ่งนี้ นี่คือยาที่ผู้เห็นจะต้องตาย หรือมิเช่นนั้นก็จะกลายเป็นไวส์เวอร์จิ้น"
"หมายความว่ายังไงเครทอส"
"มันคือน้ำยาที่ใช้กับสตรี ใช้ในการคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติ ผู้ซึ่งผ่านการทดสอบจะได้รับปัญญาจากเทพี หรือพวกเจ้าก็รู้ดีว่ามันคือการตกอยู่ใต้มหิทธิอำนาจของปีศาจ ตัวยานี้ศักดิ์สิทธิ์พอ ๆ กับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในครอบครองของพวกนาง ข้าไม่รู้ว่ามันหลุดจากวิหารแห่งไบเอโอเธียได้อย่างไร"
"ข้าไม่สนว่ามันคือน้ำยาห่าเหวอะไร แต่พวกท่านต้องช่วยเดวิดให้ได้ ได้โปรด"
"สหายวัยเยาว์ของข้า ข้ารักเขาเหมือนบุตรในอุทรคนหนึ่ง แต่หากว่าเขาดื่มยานี้เข้าไป เขาจะมีทางเลือกแค่สองทางเท่านั้น เส้นทางหนึ่งจะบรรจบยังโลกแห่งความตาย และอีกเส้นทางหนึ่งคือกลายเป็นส่วนหนึ่งในแผนการอันยิ่งใหญ่ของปีศาจชั่วร้าย ซึ่งไม่ว่าเส้นทางใดก็บีบหัวใจข้าจนแทบแหลกสลาย"
"เขายังมีโอกาสรอดอย่างงั้นหรือ" ฮาโมเดียสถามแทรก
"ข้าเกรงว่าจะไม่ เดวิดไม่มีคุณสมบัติสำคัญสำหรับการเป็นไวส์เวอร์จิ้น เขามิใช่สตรี คนที่ป้อนยานี้ให้แก่เขาไม่ว่าจะเป็นหนึ่งในไวส์เวอร์จิ้นหรือไม่ คงตั้งใจให้เขาตกตายเป็นแน่ ทั้งสัญญาณชีพของเขาก็สิ้นสุดแล้ว"
แอนโธนี่ซบหน้าลงกับฝ่ามือ อัลลันถลันเข้าไปจับข้อมือเย็นเฉียบของเพื่อนรักอีกครา มันนิ่งสนิทและแข็งกระด้างดุจหินอ่อน เขานั่งอึ้งอยู่ข้าง ๆ ร่างของเดวิด
"เราจะเดินทางไปโดยไม่มีเขา ไม่ว่าในกรณีไหน แม้ว่าเขาจะฟื้นขึ้นมา แต่อย่าลืมว่าเขาไม่ใช่พวกของเราแล้ว"
"ไม่ ท่านทำแบบนั้นไม่ได้นะ" อัลลันลุกขึ้นยืน แต่แล้วก็หัวเราะ "ฮ่าๆๆ ช่างบังเอิญเสียจริง ๆ ข้ามีสติ๊กม่าของปีศาจร้าย เพื่อนรักของข้าก็ต้องพิษของไวส์เวอร์จิ้น ข้าอยากจะพูดอย่างงี้มาตั้งนานแล้ว และข้าจะประกาศต่อพวกท่าน ข้าเหม็นขี้หน้าพวกท่าน โอเวอร์แมนทุกคน ไอ้พวกเพี้ยนสติแตก ปีศาจมันมีซะที่ไหน ข้าไม่เชื่อ ต่อให้มีข้าจะไปจูบตูดมัน จูบตีนมัน สาบานว่าจะเป็นทาสที่ซื่อสัตย์ของมัน"
"อัลลัน เจ้าบ้าไปแล้ว" ยาคอบกล่าวแก่เพื่อนร่วมรุ่นของตนที่กำลังพยายามประคองร่างซึ่งเริ่มแข็งทื่อของเดวิดไว้บนบ่าของตน
"พวกเจ้าต่างหากที่บ้า เชื่อคำโกหกพกลมของตาแก่ ที่ไม่เคยพิสูจน์ได้เลยว่ามีปีศาจอยู่จริง"
"แต่โลกนี้มันวิปริตบิดเบี้ยวนะ นั่นคือหลักฐานการมีอยู่ของปีศาจ"
"มันก็บิดเบี้ยวไปทุกโลกนั่นแหละ ข้าจะไป"
อัลลันพาร่างของเดวิดจากไป โดยปราศจากการขัดขวางของผู้ใด
บนยอดผาไม่ไกลจากแคมป์พักผ่อนของโอเวอร์แมน อราเบลยืนมองภาพที่เกิดขึ้นด้วยสายตาวาววับ เงาวูบปรากฎข้างหลังนางเป็นพวกองครักษ์หญิงภายใต้บัญชาของไวส์เวอร์จิ้น
"เราพบร่องรอยของท่านเวโรนิก้ารอบ ๆ แค้มป์ของพวกเขา แต่ว่าไม่สามารถแกะรอยนางต่อได้"
"อ้า...นั่นแหละ ผ้าคลุมแห่งความดีงาม ทวยเทพจะปกปักษ์นางให้พ้นจากสายตาของศัตรูทั้งปวง" อราเบลพูดอย่างชื่นชม "คอยดูต่อไป เราจะต้องจับนางให้ได้ตอนที่นางกำลังจะลงมือ นางอาฆาตตาแก่เครทอสมากที่สุด"
"รับทราบค่ะ" เงาทั้งหลายหายวับไปจากบริเวณหินเรียบยอดผาโดยทันที
Over Man! ตอนที่ 6 เดวิด
เดวิดอ่านจดหมายของอลิธีอา ซึ่งเธอตอบในเรื่องการสร้างเครื่องรางไล่ฝันร้าย เขาม้วนจดหมายเก็บไว้ในถุงตรงอก แล้วเดินออกไปจากวงกองไฟและเกวียนที่พวกโอเวอร์แมนหลับพักผ่อนอยู่
ในป่าละเมาะใกล้ ๆ เด็กหนุ่มจุ่มหินแกรนิตที่เก็บมาจากแถวนั้น แกว่งมันในบ่อน้ำให้ตรงกับเงาจันทร์ที่สะท้อนอยู่ เขาแกว่งมันจนสีของมันซีดจางและกลายเป็นผลึกสีขาวขุ่นเหมือนก้อนสารส้ม จากนั้นโรยขี้ม้าที่บดเป็นผง แล้วล้างในเงาจันทร์อีกครั้ง เขากระซิบคำศักดิ์สิทธิ์ใส่ก้อนหิน แล้วยัดมันลงในถุงหนังที่เตรียมไว้
ดาบเย็นเฉียบมาพาดที่คอ เดวิดชะงัก แม้ลมหายใจก็ไม่กล้าระบายออกมาโดยแรง
"นักล่าแม่มดมาทำพิธีของแม่มดอย่างงั้นรึ หึหึ"
"เว..เวโรนิก้า"
นางเคลื่อนตัวออกจากเงามืดของป่าเตี้ย จนแสงจันทร์สาดส่องบนผ้าคลุมสีขาวที่ดูเรืองรองอย่างประหลาด มือกระชับดาบแห่งความยุติธรรมไว้มั่น
"พ่อหนุ่มที่เอาชั้นไปฝัง" นางพูดด้วยเสียงแผ่วอย่างพึงพอใจ "หน้าตาคมคายไม่ใช่เล่น ดูจะเป็นเด็กดีซะด้วย"
"เอ่อ...เธอต้องการอะไร"
"หุบปาก" คมดาบกดมาที่ลำคอจนเลือดซิบ "ถ้าชั้นต้องการอะไรชั้นจะพูดเอง เด็กดี..." เวโรนิก้ายื่นหน้าเข้ามาดูคอขาว ๆ ของเดวิดที่แหงนหนีอย่างตระหนก "ดูท่าแกก็มีความลับสินะ ถุงหนังเมื่อกี้แกทำอะไร"
"เครื่องรางไล่ฝันร้าย"
"แกฝันร้ายหรอ โถ...หนุ่มน้อยกลัวฝันร้าย กลิ่นนมยังติดอยู่เลย" เวโรนิก้าสูดกลิ่นจากใบหูของเขา
เดวิดหน้าแดงซ่าน "นี่มันของเพื่อนข้าตะหาก"
"เพื่อนของแก อ้อ ไอ้หนุ่มนั่นสินะ" หล่อนสายตาวาววับ "ชั้นเห็นพวกแกยืนอี๋อ๋อกันตลอดการไต่สวน แต่ก็ดีล่ะ ชั้นมีงานให้แกทำ"
หล่อนบิดใบดาบให้สะท้อนแสงจันทร์เข้าตาเดวิด
"พอจะเดาได้ แต่ข้าไม่ทำตามที่เธอบอกเด็ดขาด เวโรนิก้า"
"โอ้ ใจกล้าดีนี่" หล่อนอุทานอย่างพึงใจ "แต่ความกล้ามักมีพลังเพียงชั่วแล่น หากมีเวลาให้แกคิดทบทวนสักหน่อย แม้แต่เฮราเคลสก็ยังพังทลาย แกว่าจริงมั้ย"
"หมายความว่าไง"
หล่อนแย้มยิ้มจากนั้นปล่อยขวดน้ำยาสีม่วงใสเล็ก ๆ ที่ผูกเชือกไว้จากฝ่ามือ มันแขวนอยู่กลางอากาศสะท้อนประกายแสงจันทร์เป็นประกายวาววาม
"นี่คือยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้า พวกไวส์เวอร์จิ้นมักใช้ไต่สวนนักโทษ ประวิงเวลาตายของแกออกไปนาน ๆ แต่แกจะต้องตายแน่นอนหากลิ้มชิมแม้เพียงหยด แน่นอน..ชั้นมียาแก้พิษ ซึ่งแกจะได้มันถ้าแกเป็นเด็กดี"
"เวโรนิก้า ได้โปรด.."
"โอเวอร์แมน..โอเวอร์แมนที่แสนหลงตัวเองออกปากขอร้องไวส์เวอร์จิ้น หากเครทอสนายของพวกแกได้ยินเข้าคงโกรธจนหนวดกระดิก ฮ่าๆๆ หนุ่มน้อย ชั้นออกจะใจดีกับแกนะ ชั้นให้ทางเลือกกับแกตั้งสามทาง ตายซะตรงนี้ เป็นม้าใช้ หรือจะประวิงเวลาตัดสินใจไปก่อน คิดดูดี ๆ" หล่อนพลิกใบดาบตบลำคอเขา แล้วเปลี่ยนตำแหน่งไปยืนตรงหน้า ปลายดาบจี้หัวใจของเด็กหนุ่ม
เดวิดมองตาเวโรนิก้า มือซ้ายกำเครื่องรางไว้แน่น มือขวาค่อย ๆ เอื้อมไปหยิบขวดน้ำยาที่ห้อยลงจากมืออันกุมดาบอยู่ของนาง
นางเลิกคิ้วมอง เดวิดชะงัก สูดจมูกหนึ่งครั้ง แล้วค่อย ๆ เชือกรัดกระดาษที่ปิดขวดไว้ เขาไม่ปล่อยให้ความลังเลมีโอกาส กระดกขวดกินน้ำยาเข้าไปครึ่งหนึ่ง
เวโรนิก้าตบหน้าเขาดังฉาดจนขวดกระเด็นหลุดมือ แล้วถีบเดวิดให้กลิ้งไปนอนหงายกับพื้น
"ไอ้งั่งที่น่าสมเพชเอ๊ย คิดว่าชั้นจะปล่อยให้แกมีโอกาสไปเตือนคนอื่นอีกหรือไง ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง"
นางเสียบดาบใส่ดินตรงซอกรักแร้ของเดวิด ซึ่งไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัวหนี ใบหน้าของเขาขาวซีดและความง่วงงุนเข้าเกาะกุมสติ จนต้องกระพริบตาเพื่อรักษาความตื่นตัวเอาไว้
เวโรนิก้าดึงดาบออกจากดิน เอาซ่อนพันไว้ในผ้าคลุม แล้วหลบหายไปในเงาของสุมทุมพุ่มไม้
อัลลันสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางคันจากความฝันทำนายความตายของเขาที่ประสบซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดสามสี่วันมานี้ เขาสะบัดหน้าไล่ความง่วงงุนแล้วเอื้อมมือคลำที่นอนข้าง ๆ ในความมืด
"เดวิด" อัลลันเรียกชื่อเพื่อนของเจ้าของที่นอนว่างเปล่า แล้วเร่งเสียงดังขึ้นเมื่อแน่ใจว่าเจ้าของที่นอนไม่อยู่ "เดวิด!"
เขาลุกขึ้นแล้วเดินโซเซเข้าไปใกล้ ๆ กองไฟ ฮาโมเดียสและคนอื่น ๆ ที่ตื่นไวลุกขึ้น ยาคอบพยุงอัลลันซึ่งดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
"เจ้าเป็นอะไรของเจ้า"
"ข้าฝันร้าย"
ทุกคนอึ้งไป เครทอสยันตัวลุกจากที่นอนเป็นท่ากึ่งนอนกึ่งนั่ง
"มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่"
"ไม่ นั่นมันไม่สำคัญ เดวิดหายไป ใครเห็นเขาบ้าง เดวิด!" อัลลันป้องปากตะโกน
"สงบใจไว้อัลลัน ข้าแน่ใจว่าเขาน่าจะอยู่แถว ๆ นี้" ฮาโมเดียสจ่อคบเพลิงเข้ากับกองไฟ แล้วส่งให้เจ้าบ่ากว้างที่ยืนรออยู่ด้านหลัง
"ความฝันของข้าเปลี่ยนไป" อัลลันพูดพร้อมกับขบกรามแน่น "ใบหน้าของคนที่ตายมันไม่ใช่ข้า..ไม่ใช่ข้า"
"มันไม่ใช่วิสัยของเขาที่จะออกไปนอกวงคุ้มกันตอนกลางคืน" ยาคอบตั้งข้อสังเกต
"เราจะออกไปค้นหา อัลลัน เจ้าควรจะรออยู่ที่นี่ เจ้าคือเหยื่อของปีศาจที่ถูกป้ายสติกม่าเอาไว้ด้วยฝันร้ายนั้น เราจะไม่ยอมให้มีการสูญเสียคนหนุ่มเกิดขึ้นอีก"
ฮาโมเดียสพูดจบก็พาคนฉกรรจ์ที่แข็งแรงรวมทั้งทาสของพวกเขาออกไปจากเขตกองไฟและวงคุ้มกัน
ทราซีมาคัสถูมือไปมาใกล้กองไฟเนื่องจากความหนาว และกล่าวกับเครทอส
"ข้าคิดแล้วว่าพวกเขาต้องทำให้เกิดเรื่อง"
"มันไม่ใช่ความผิดของพวกเขา" ผู้สูงวัยตอบกลับไป "ถึงอย่างไรปีศาจก็หมายตาเครื่องสังเวยของมัน พวกเราควรจะละอายใจเสียมากกว่าที่ไม่ได้่ป้องกันไว้เป็นอย่างดี อัลลัน เจ้าฝันร้ายมานานแค่ไหน เหตุใดไม่บอกให้ใครรู้"
อัลลันจ้องกลับอย่างไม่พอใจ "ท่านยังมีความลับของท่าน ทำไมข้าจะมีบ้างไม่ได้"
เครทอสนิ่งเงียบไป ฮาโมเดียสกลับมาพอดี เจ้าบ่ากว้างทาสร่างยักษ์แบกร่างอ่อนปวกเปียกของเดวิดไว้บนบ่า มันวางเดวิดลงบนก้อนฟางอัดซึ่งใช้แทนที่นอน ทั้งแคมป์ตื่นแล้ว และตอนนี้ทุกคนก็เดินเข้ามาดูด้วยอารมณ์ต่าง ๆ กัน
เปลือกตาของเด็กหนุ่มปิดสนิท ผิวขาวซีดจนเกือบเขียว อัลลันพุ่งตรงไปยื้อคอเสื้อของเพื่อนรักขึ้นมาเขย่าและตะโกนเรียกชื่อ แต่ไม่มีอาการใด ๆ ตอบรับว่ายังรู้สึกตัว
"เราเจอนี่ตกอยู่ใกล้ ๆ ถึงจะมืดแต่มันเรืองแสงเองได้ และข้าคิดว่ามันประหลาด" ฮาโมเดียสประคองขวดบรรจุของเหลวสีม่วงไปให้กับเครทอส ซึ่งเพ่งมองพินิจ
"โอ..." ผู้ชี้ทางอุทาน "ยาพิษของพวกไวส์เวอร์จิ้น!"
ฮาโมเดียสซึ่งเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวของเครทอสถามรุกไล่ "ไวส์เวอร์จิ้นเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือ"
"ข้าไม่อยากเชื่อเช่นนั้น แต่ไม่มีทางคิดเป็นอื่น น้อยคนนั้นที่รู้จักสิ่งนี้ นี่คือยาที่ผู้เห็นจะต้องตาย หรือมิเช่นนั้นก็จะกลายเป็นไวส์เวอร์จิ้น"
"หมายความว่ายังไงเครทอส"
"มันคือน้ำยาที่ใช้กับสตรี ใช้ในการคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติ ผู้ซึ่งผ่านการทดสอบจะได้รับปัญญาจากเทพี หรือพวกเจ้าก็รู้ดีว่ามันคือการตกอยู่ใต้มหิทธิอำนาจของปีศาจ ตัวยานี้ศักดิ์สิทธิ์พอ ๆ กับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในครอบครองของพวกนาง ข้าไม่รู้ว่ามันหลุดจากวิหารแห่งไบเอโอเธียได้อย่างไร"
"ข้าไม่สนว่ามันคือน้ำยาห่าเหวอะไร แต่พวกท่านต้องช่วยเดวิดให้ได้ ได้โปรด"
"สหายวัยเยาว์ของข้า ข้ารักเขาเหมือนบุตรในอุทรคนหนึ่ง แต่หากว่าเขาดื่มยานี้เข้าไป เขาจะมีทางเลือกแค่สองทางเท่านั้น เส้นทางหนึ่งจะบรรจบยังโลกแห่งความตาย และอีกเส้นทางหนึ่งคือกลายเป็นส่วนหนึ่งในแผนการอันยิ่งใหญ่ของปีศาจชั่วร้าย ซึ่งไม่ว่าเส้นทางใดก็บีบหัวใจข้าจนแทบแหลกสลาย"
"เขายังมีโอกาสรอดอย่างงั้นหรือ" ฮาโมเดียสถามแทรก
"ข้าเกรงว่าจะไม่ เดวิดไม่มีคุณสมบัติสำคัญสำหรับการเป็นไวส์เวอร์จิ้น เขามิใช่สตรี คนที่ป้อนยานี้ให้แก่เขาไม่ว่าจะเป็นหนึ่งในไวส์เวอร์จิ้นหรือไม่ คงตั้งใจให้เขาตกตายเป็นแน่ ทั้งสัญญาณชีพของเขาก็สิ้นสุดแล้ว"
แอนโธนี่ซบหน้าลงกับฝ่ามือ อัลลันถลันเข้าไปจับข้อมือเย็นเฉียบของเพื่อนรักอีกครา มันนิ่งสนิทและแข็งกระด้างดุจหินอ่อน เขานั่งอึ้งอยู่ข้าง ๆ ร่างของเดวิด
"เราจะเดินทางไปโดยไม่มีเขา ไม่ว่าในกรณีไหน แม้ว่าเขาจะฟื้นขึ้นมา แต่อย่าลืมว่าเขาไม่ใช่พวกของเราแล้ว"
"ไม่ ท่านทำแบบนั้นไม่ได้นะ" อัลลันลุกขึ้นยืน แต่แล้วก็หัวเราะ "ฮ่าๆๆ ช่างบังเอิญเสียจริง ๆ ข้ามีสติ๊กม่าของปีศาจร้าย เพื่อนรักของข้าก็ต้องพิษของไวส์เวอร์จิ้น ข้าอยากจะพูดอย่างงี้มาตั้งนานแล้ว และข้าจะประกาศต่อพวกท่าน ข้าเหม็นขี้หน้าพวกท่าน โอเวอร์แมนทุกคน ไอ้พวกเพี้ยนสติแตก ปีศาจมันมีซะที่ไหน ข้าไม่เชื่อ ต่อให้มีข้าจะไปจูบตูดมัน จูบตีนมัน สาบานว่าจะเป็นทาสที่ซื่อสัตย์ของมัน"
"อัลลัน เจ้าบ้าไปแล้ว" ยาคอบกล่าวแก่เพื่อนร่วมรุ่นของตนที่กำลังพยายามประคองร่างซึ่งเริ่มแข็งทื่อของเดวิดไว้บนบ่าของตน
"พวกเจ้าต่างหากที่บ้า เชื่อคำโกหกพกลมของตาแก่ ที่ไม่เคยพิสูจน์ได้เลยว่ามีปีศาจอยู่จริง"
"แต่โลกนี้มันวิปริตบิดเบี้ยวนะ นั่นคือหลักฐานการมีอยู่ของปีศาจ"
"มันก็บิดเบี้ยวไปทุกโลกนั่นแหละ ข้าจะไป"
อัลลันพาร่างของเดวิดจากไป โดยปราศจากการขัดขวางของผู้ใด
บนยอดผาไม่ไกลจากแคมป์พักผ่อนของโอเวอร์แมน อราเบลยืนมองภาพที่เกิดขึ้นด้วยสายตาวาววับ เงาวูบปรากฎข้างหลังนางเป็นพวกองครักษ์หญิงภายใต้บัญชาของไวส์เวอร์จิ้น
"เราพบร่องรอยของท่านเวโรนิก้ารอบ ๆ แค้มป์ของพวกเขา แต่ว่าไม่สามารถแกะรอยนางต่อได้"
"อ้า...นั่นแหละ ผ้าคลุมแห่งความดีงาม ทวยเทพจะปกปักษ์นางให้พ้นจากสายตาของศัตรูทั้งปวง" อราเบลพูดอย่างชื่นชม "คอยดูต่อไป เราจะต้องจับนางให้ได้ตอนที่นางกำลังจะลงมือ นางอาฆาตตาแก่เครทอสมากที่สุด"
"รับทราบค่ะ" เงาทั้งหลายหายวับไปจากบริเวณหินเรียบยอดผาโดยทันที