Over Man! บทที่ 7 ข้อพิสูจน์เรื่องปีศาจ

กระทู้สนทนา



...หากว่ามีวันหรือคืนหนึ่ง  
ปีศาจได้ย่องตามเจ้าในยามที่โดดเดี่ยวและโดดเดี่ยวอย่างถึงที่สุด  จากนั้นกล่าวกับเจ้าว่า
"ชีวิตนี้ซึ่งเจ้าใช้อยู่และเคยใช้มาแล้ว  เจ้าจะต้องใช้ชีวิตแบบเดียวกันนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด"
เจ้าจะไม่ทุ่มตัวลงกับพื้นขบฟันด้วยคั่งแค้นและสาปแช่งปีศาจซึ่งกล่าวเช่นนี้กระนั้นหรือ?  
หรือว่าหลังจากประสบการณ์อันน่าประหวั่นพรั่นพรึงนี้เจ้าจะตอบแก่มันว่า
"ท่านคือพระเจ้า  และข้าพเจ้าไม่เคยได้ยินถ้อยคำใดศักดิ์สิทธิ์เท่านี้มาก่อน"

ฟรีดริช นีทเชต์






โนมอสยืนอยู่ที่ระเบียงของวิหารหนึ่งในจำนวนที่มีมากมายในไบเอโอเธียชั้นใน  ระเบียงด้านนั้นหันหน้าไปทางทะเลสีแดงสดจากสาหร่ายที่แพร่กระจายในฤดูนี้พอดี

เดวิดอราเบลและหญิงพรหมจรรย์ทั้งหลายเดินมาจนตัวแห้ง  เขาคันจมูกยุบยิบเพราะกลิ่นเค็มผ่าวของไอทะเลที่อบอวลอยู่

"พี่หญิงโนมอส"  อราเบลย่อตัวคารวะ  โนมอสหันกายกลับมา  นัยน์ตาหรี่ปรือและร่างกายโงนเงนเหมือนตกอยู่ใต้ฤทธิ์ยาบางอย่าง  นางสูดลมหายใจยาวพลางจับราวระเบียงวิหารไว้เพื่อทรงตัว  จากนั้นจึงสังเกตเห็นเดวิด

"เทพีเมตตาเจ้ายิ่ง  ไม่เคยมีบุรุษใดที่สามารถร่วมคณะเราได้มาก่อน  หากเจตจำนงของเทพีย่อมเป็นเด็ดขาด"

อราเบลและหญิงพรหมจรรย์ทั้งหลายย่อตัวเคารพแล้วถอยออกไปจากบริเวณนั้นอย่างเงียบ ๆ  เอพิสเทเม่เหลียวหลังมองเดวิดด้วยสายตากังวล

"ท่านไวส์เวอร์จิ้น  ข้า..ข้าคิดว่า  ข้าไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นดีนัก  ข้าจะขอบคุณท่านมากหากปล่อยข้าไปจากที่นี่  ข้ารู้ว่าเป็นการอุกอาจที่ร้องขอความกรุณาจากท่านไวส์เวอร์จิ้น  แต่ข้าไม่เห็นผู้ใดที่พอจะเป็นที่พึ่งแล้ว"

"เจตจำนงของเทพีย่อมเป็นเด็ดขาด  เจ้าดื่มน้ำยาศักดิ์สิทธิ์และผ่านการทดสอบ  เจ้าได้ครอบครองปัญญาอันสูงส่งของเทพีแล้ว  เหตุใดจึงยังใฝ่หาลัทธินอกรีตอีก"

"ปัญญาสูงส่ง  ท่านหมายความว่าอะไร  คนพวกนั้นบอกแก่ข้าเช่นเดียวกับที่ท่านบอก  แต่ข้าไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น  ปล่อยข้าไปเถิด  ข้าสัญญาว่าข้าจะทำทุกอย่างที่ท่านต้องการ"

"อะไรคือที่สุดของศักยภาพของมนุษย์  ที่สุดของศักยภาพมนุษย์คือความรู้  อะไรคือความรู้  ความรู้คือความเชื่อที่จริงและมีสิ่งเกื้อหนุนความเชื่อนั้น  อะไรคือที่สุดของความรู้  ที่สุดของความรู้คือความรู้เกี่ยวกับความรู้  ความรู้เกี่ยวกับความรู้จึงเป็นที่สุดของศักยภาพมนุษย์  และนั่นคือปัญญาสูงส่งที่เทพีมอบให้แก่เจ้า"

"ได้โปรด  ท่านไวส์เวอร์จิ้น  ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูดเลยสักคำเดียว  ข้าไม่ได้ต้องการมาหาศักยภาพอะไรนั่น  ข้าเพียงแต่ต้องการกลับไปหามิตรสหายที่ข้าอุ่นใจ"

"ดังนั้นเจ้าอ้างมิตรภาพ  เป็นคำโป้ปดที่แย่ที่สุดเท่าที่เราเคยได้ยินมา  โอเวอร์แมนเอ๋ย  เราจะเรียกเจ้าเช่นนั้นเพราะหัวใจของเจ้ายังเป็นของพวกเขา  จงบอกมาเถิดว่าอะไรที่ถูกถามกันในหมู่ของเจ้า"

เดวิดนิ่งอยู่  โนมอสจึงสำทับ  "อะไรกัน  เราเปิดโอกาสให้เจ้าได้โน้มน้าวเราว่าเจ้ามีศรัทธาที่ถูกต้อง  หรือว่าโอเวอร์แมนทั้งหลายก็เป็นดังเจ้า  เพราะชอบเที่ยวเล่นและติดเพื่อนจึงรวมกลุ่มกันเหมือนสัตว์คะนองที่ท่องไปในทุ่ง"

"ได้โปรดเถิดท่านไวส์เวอร์จิ้น  ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูดสักนิดเดียว  คนอย่างข้าไม่มีประโยชน์หรอก"

"ข้าถามว่าอะไรที่ถูกถามในหมู่ของเจ้า  อะไรที่เป็นคำถามสำคัญที่เจ้ามุ่งแสวงหาคำตอบ  ความสงสัยใดที่ต้อนเจ้าไปในราวไพร  ดุ่มเดินในหมู่บ้านรกร้างที่เต็มไปด้วยวิบัติภัยและภูตร้าย"

"ท่านหญิง  ถ้าท่านจะรู้ให้ได้ล่ะก็  คำถามที่เราพูดกันคือโลกนี้เป็นจริงดังที่ผัสสะเราบอกหรือ  เราเห็นการหลอกลวงของผัสสะในกรณีเล็กน้อย  และเราก็สงสัยว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เรารู้  มันถูกบิดเบือนหรือไม่"

"ว่าต่อไป"

"ท่านหญิงพูดถึงความรู้ของความรู้  ซึ่งนั่นเป็นความรู้แปลกใหม่ที่พวกข้าไม่เคยพูดถึง  เราพูดกันถึงความรู้ที่ต้องมองด้วยตาเนื้อ  และความรู้ที่ต้องมองด้วยตาแห่งปัญญา"

"มันแตกต่างไฉน"

"ตาเนื้อเป็นเพียงคำเปรียบเปรย  หมายถึงผัสสะทั้งห้าที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโลกภายนอก  ข้ารู้ว่าดวงอาทิตย์มีสีเขียว  แดง  น้ำเงิน  และเหลืองเหลือบมุก  และทิศที่ดวงอาทิตย์ขึ้นไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน  ดังนี้ย่อมเป็นความรู้แต่ผัสสะ   แต่ความรู้ที่ได้จากตาภายในก็เช่นมุมภายในของสามเหลี่ยมรวมกันได้เจ็ดร้อยสามสิบสามองศา  ซึ่งย่อมพิสูจน์สืบสวนได้จากการครุ่นคิดโดยไม่ต้องพึ่งข้อมูลการชั่งตวงวัดในโลกแห่งผัสสะ"

"เจ้าพูดได้คล่องแคล่ว  แต่ดูเหมือนนกแก้วนกขุนทองที่ท่องจำเขามามากกว่า"

เดวิดหน้าแดงและมีอาการไม่พอใจ  "ท่านถามและข้าตอบ  มีสิ่งใดที่ท่านหญิงต้องการให้ข้าสนองอีก"

"โอเวอร์แมนเอ๋ย  คำถามของเราต้องการหาข้อพิสูจน์การมีอยู่ของปีศาจที่เจ้าอ้าง  สิ่งที่เจ้าพูดมามันเป็นเรื่องผิวเผินถึงการแยกแยะความรู้ตามสามัญสำนึกที่ชาวป่าชาวดอยก็พูดได้  ปีศาจจะโผล่มาจากที่ใดได้เล่า  หรือจากลิ้นและจงอยปากนกแก้วของเจ้า"

"ปีศาจย่อมมีอยู่จากข้อพิสูจน์สองข้อ  ข้อแรกคือเราพบว่าประสาทสัมผัสให้ข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงและแตกต่างกันไปในแต่ละสภาวการณ์  อะไรที่เปลี่ยนแปลงย่อมไม่มีส่วนในความจริง  เพราะความจริงคือสิ่งที่แน่นอนตายตัว  ไม่เปลี่ยนแปลงและเป็นนิรันดร์  โลกที่เปลี่ยนแปลงเอาแน่เอานอนไม่ได้ย่อมเป็นคำโกหกของปีศาจ"

"เจ้าทำให้เรานึกถึงคำกล่าวโบราณ"  โนมอสกล่าว  "ความเปลี่ยนแปลงคือความไม่เปลี่ยนแปลง  หากแก่นแท้ของโลกคือความเปลี่ยนแปลง  ความรู้เกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงจึงเป็นความรู้ที่ไม่เปลี่ยนแปลง  หากว่าความเปลี่ยนแปลงเป็นกฎสากลของธรรมชาติ  และสภาวะนี้ยั่งยืนนิรันดร  เจ้าจะอ้างได้อย่างไรว่าความเปลี่ยนแปลงไม่คงทนของสิ่งต่าง ๆ ในโลกคือการหลอกลวงของปีศาจ"

"และข้อสอง"  เดวิดชูนิ้วที่สองขึ้นมาโดยไม่สนใจคำโต้แย้งของโนมอส  "ความรู้สองประเภทที่ข้ากล่าวถึงก่อนหน้าขัดแย้งกัน  พวกเราได้พบสภาวะคอสมอส  การมีกฎเกณฑ์สอดคล้องกลมเกลียวในความรู้ที่มองเห็นได้จากตาภายใน  ท่านสามารถทำนายผลลัพท์ของการคำนวณตรีโกณมิติได้เสมอ  และผลลัพท์นั้นมีเพียงหนึ่งเดียวและเป็นที่แน่นอนไม่มีทางเปลี่ยนแปลง  ขณะที่โลกภายนอกอยู่ในสภาวะเคออส  มันยุ่งเหยิงไม่มีระบบระเบียบ  ท่านทำนายไม่ได้หรอกว่าวันพรุ่งดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศใด  อาหารใดที่ยังคงกินได้อาจจะกลายเป็นสารก่อโรคระบาดในวันมะรืน"

โนมอสฟังดังนั้นแล้วกล่าวว่า  "เราเคยชมละครที่เขาเล่นกันในเมืองเรื่องหนึ่ง  เล่าถึงชายที่ถูกขังในโลกประดิษฐ์  วันหนึ่งฝนตกใส่เฉพาะหัวเขา  และเมื่อเขาเดินไปยังทิศทางใด  เมฆฝนนั้นก็ไล่ตามไปในทุกที่  เขาบอกแก่ผู้ชมว่าเขาสงสัยว่ากำลังถูกขังไว้ในโลกที่หลอกลวง  เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันแปลกประหลาดและวิปริตผิดเพี้ยน  เมื่อจบการแสดงเราจึงเรียกเขามาถามว่า  เขารู้ได้อย่างไรว่าอะไรผิดปกติ  และอะไรไม่ผิดปกติ  เขาตอบเราไม่ได้เพราะเขาเป็นเพียงนักแสดง  บทละครได้ถูกส่งต่อ ๆ กันมา  และที่มาของมันคือคำสอนของโอเวอร์แมน  ข้าจึงยินดีที่มีโอกาสได้สนทนากับโอเวอร์แมนคนหนึ่ง  ซึ่งพรุ่งนี้อาจจะกลายเป็นน้องชายของเรา  ดังที่เจ้าบอกว่าโลกนี้มันไม่แน่นอน"

เดวิดคิดในใจว่าไวส์เวอร์จิ้นผู้นี้ที่จริงแล้วไม่ได้แตกต่างจากโอเวอร์แมนทั้งปวงเลย  เขารู้สึกหวั่นไหวที่นางมีความสงสัยต่อเรื่องต่าง ๆ อย่างจริงใจ  จึงตั้งใจว่าจะป้องกันคำสอนและความเชื่อของตนให้หนักแน่นยิ่งขึ้นเผื่อว่าจะสามารถเป็นคำตอบให้แก่นางได้  นึกถึงตรงนี้เดวิดก็ตบหน้าตัวเองในใจและถามต่อตนว่า  เจ้าเป็นใครกันเดวิด  เจ้าคิดว่าจะสั่งสอนไวส์เวอร์จิ้นสูงสุดแห่งไบเอโอเธียเชียวหรือ  ความไม่เจียมตัวของเจ้า  หากท่านเครทอสรู้เข้าคงไม่แคล้วเอาตะพดฟาดเข้าสักที  

"เขาบอกได้ว่าอะไรผิดปกติ  เพราะมันไม่ตรงตามแบบแผนของธรรมชาติ  สิ่งที่ไม่ผิดปกติคือสิ่งที่เป็นไปตามแบบแผนของธรรมชาติ"

"แบบแผนของธรรมชาติคือสิ่งที่เจ้าใช้จำแนกสภาวะเคออสกับคอสมอสอย่างงั้นหรือ"

"ใช่แล้วท่านหญิง"

"แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าอะไรคือแบบแผนของธรรมชาติ"

"มันผุดขึ้นมาในหัวเหมือนตาน้ำเร้นลับที่ผุดขึ้นมากลางทะเลทรายแห้งผาก  เหมือนกับที่ทารกรู้ว่าต้องร้องไห้เมื่อเจ็บปวด  และแย้มยิ้มเมื่อกำลังสบาย  เหมือนกับที่ท่านรู้ว่าท่านต้องขยับอวัยวะในคออย่างไร  เสียงของท่านจึงออกมาดังที่ท่านหมายให้ออก"

"เราไม่เถียงว่ามีแบบแผนบางอย่างปรากฎขึ้นในกิริยาอาการของมนุษย์  แต่ว่าการที่มีแบบแผนที่แน่นอนปรากฎในการเคลื่อนไหวของมนุษย์ไม่สามารถสรุปได้ว่าธรรมชาติในภาพใหญ่จะต้องเป็นเช่นนั้น  ให้เรากลับไปที่บทละครเรื่องดังกล่าว  ชายผู้นั้นตลอดชีวิตของเขาอยู่ในโลกประดิษฐ์ซึ่งอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น  เหตุใดเขาจึงสงสัยในสิ่งที่เขาประสบอยู่ตั้งแต่เกิดจนเติบโต  เรารู้สึกว่ามันไม่มีเหตุผลที่จะต้องสงสัย  ความสงสัยดังกล่าวเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อละครถูกมองผ่านสายตาของผู้ชม  เมื่อเราซึ่งอาศัยอยู่ในโลกที่ฝนไม่ตกแบบนั้นมองตัวละครในโลกที่ฝนตกแบบพิลึกพิลั่น  เราจึงรู้สึกว่ามันประหลาด  แต่ครั้นเมื่อมองด้วยสายตาของคนใน  ซึ่งปราศจากสิ่งเปรียบเทียบหรือโลกอื่น ๆ ที่เขาจะอ้างว่ามันเป็นระบบระเบียบอยู่ในสภาวะคอสมอสมากกว่า  เขาจะรู้สึกสงสัยได้หรือว่าโลกที่เขาดำรงอยู่นั้นเป็นสิ่งบิดเบี้ยวหลอกลวง  กระทั่งเป็นคำโป้ปดมดเท็จของปีศาจผู้มหิทธิ์"

นางเว้นจังหวะครู่หนึ่ง  แล้วจึงกล่าวสรุปที่สั่นคลอนความเชื่อของเดวิดเป็นอย่างยิ่ง

"เจ้าเองก็เหมือนชายผู้นั้น  เจ้าอยู่ในโลกที่เป็นดังที่เจ้าเห็น  แต่เจ้าบอกว่ามันวิปริตบิดเบี้ยวทั้ง ๆ ที่มิได้ใช้สายตาของพระเจ้าซึ่งสามารถมองไปยังหลาย ๆ โลกพร้อม ๆ กันในการมองดูแบบแผนของธรรมชาติ  ความสงสัยของเจ้าเป็นแค่การหลอกตัวเอง  และการสรุปว่ามีปีศาจที่คอยหลอกลวงเจ้าอยู่ก็เป็นการสรุปเกินข้ออ้าง  เจ้าถูกทำให้สายตาพร่าพรายด้วยโวหารของผู้เฒ่าเครทอส  โอเวอร์แมนผู้มีลิ้นอันคล่องแคล่ว  เจ้าบอกว่าความสงสัยของเจ้าหาที่สิ้นสุดมิได้  แต่เจ้าได้สงสัยความเชื่อฝังหัวของเจ้าเองหรือยัง  อะไรคือปีศาจชั่วร้าย  ปีศาจชั่วร้ายก็คือคนที่ไม่ไตร่ตรองความเชื่อของตนให้ถ่องแท้  แต่ไปชี้ว่าผู้อื่นงมงายในศรัทธาอันหาสาระมิได้  เดวิดน้องชายของเรา  และไวส์เวอร์จิ้นคนที่สิบสามในขนบของเทพีแห่งปัญญา  โปรดไตร่ตรองให้ดี  หากวันใดที่เจ้าเกลี้ยกล่อมเราได้ว่ามีปีศาจชั่วร้ายอยู่จริงในโลก  วันนั้นแหละที่เจ้าจะเป็นอิสระ  หรือในสายตาของเรา  คือกลับไปใส่โซ่ตรวนอันเพ้อเจ้อของโอเวอร์แมนเหล่านั้น"

เดวิดก้มหน้าลงรู้ว่าการสนทนาสิ้นสุด  โนมอสเดินลากชายชุดอันยาวไปกับพื้นหินของวิหาร  ฝีเท้าของนางค่อยห่างออกไป  ห่างออกไป  กลับกันกันความระแวงสงสัยในใจของเดวิดที่กว้างขึ้น  กว้างขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่