กำเนิดยอดยุทธ
ตอนที่12 “รู้จักกับยุทธภพ”
แสงสว่างจ้าค่อยๆมืดลง ภาพสลัวๆ ของท้องฟ้าปรากฎขึ้น เสียงนกเข้ารัง
ร้องระงมราวกับดนตรีประสานเสียง สายลมเย็นๆ สัมผัสกับร่างกาย
“!!” เคนสะดุ้งเฮือก ลุกขึ้นมานั่ง
“ฟื้นแล้วหรือเจ้าหนู” เสียงชายแก่เอ่ยถาม เคนหันไปมองที่มาของเสียง
ปรากฎร่างของซินแสชรานั่งอยู่ไม่ไกลจากเขานัก
“ที่นี่ที่ไหน ผมตายแล้วใช่ไหม? แล้วปู่เป็นใครกันแน่ ทำไมถึงรู้ว่าผมจะตาย”
คำถามมากมายล้นทะลักออกมาจากใจเขา จนพูดแทบไม่ทัน
“เจ้าตายแล้วในทางทฤษฎี หัวใจเจ้าหยุดเต้น สมองหยุดสั่งงาน
ซึ่งร่างของเจ้าในตอนนี้ก็คงไม่ต่างจากศพ” ซินแสชราตอบ
“งั้นปู่ก็ตายเหมือนผมเหรอ นี่เราสองคนกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน?” เคนถาม
ด้วยท่าทีตื่นตระหนก ไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าตนเองตายแล้ว
รวมถึงเมื่อตายแล้ววิญาณจะหลุดจากร่างจะเป็นเรื่องจริง
“จำได้หรือเปล่า ข้าบอกว่าเจ้ามีเรื่องที่ต้องรู้ก่อนที่จะตาย แต่เจ้ากลับหนีข้า ทำให้เรื่องมันยากขึ้น
แต่อีกทางก็ง่ายขึ้นในการที่จะได้อธิบายเรื่องราวต่างๆ ให้เจ้า เข้าใจ” ซินแสชรายิ้มเล็กน้อยและพูดต่อ
“ที่นี่เรียกว่ายุทธภพ มันไม่ได้ไกลจากที่ที่เจ้าเคยอยู่
แต่ก็มิใช่สถานที่เดียวกัน เรียกว่าเป็นคนละมิติก็แล้วกัน” ซินแสเริ่มอธิบายเข้าเรื่อง
“ยุทธภพ? นี่ข้าเข้ามาในโลกของหนังกำลังภายในที่ข้าเคยดูเหรอเนี่ย?”
คำอธิบายยิ่งทำให้เคนสับสนขึ้นไปอีกในเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขา
“ยุทธภพที่เจ้ารู้จัก เป็นเพียงจินตนาการของผู้ประพันธ์ และอ้างอิงประวัติศาสตร์
บางส่วน วรยุทธพื้นฐานส่วนใหญ่ก็เริ่มมาจากวัดเส้าหลิน
แต่ที่นี่คือยุทธภพจริงๆ ต้นกำเนิดของมันข้าเองก็ตอบเจ้าไม่ได้
ใครบัญญัติวรยุทธขึ้นมานั้นก็ไม่มีใครรู้ แต่ที่ข้าบอกเจ้าได้ ก็คือเจ้าเป็นคนของที่นี่
ยุทภพนี้มีผู้คนหลายสัญชาติ หลากเผ่าพันธุ์ แต่มีอยู่เผ่าพันธุ์หนึ่ง
ซึ่งพิเศษกว่าคนทั่วไป นั่นคือเผ่าราชันย์และเจ้าคือคนของเผ่านั้น” ซินแสอธิบายต่อ
“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง แล้วพ่อกับแม่ผมล่ะ ก็เป็นคนของโลกนี้เหมือนกันเหรอ”
เคนค้านอย่างจริงจัง
“มีหลักฐานอยู่สี่อย่างที่ข้าจะบอกเจ้า เพื่อยืนยันในสิ่งที่ข้าพูด
ข้อที่หนึ่ง เจ้าถูกสามีภรรยาคู่นั้นเก็บมาเลี้ยง ข้าเชื่อว่าเจ้าคงไม่เคยเห็นภาพถ่ายตัวเองแรกเกิด
หรือหลักฐานของโรงพยาบาลที่ทำคลอดเจ้า” ซินแสชี้แจง
“บ้านผมไม่ได้ร่ำรวย ตอนผมเกิด พ่ออาจจะไม่มีกล้องก็ได้
ส่วนหลักฐานการเกิดที่ไม่ระบุโรงพยาบาล แม่บอกผมคลอดที่บ้าน สูติบัตรผมก็มี” เคนแย้งในข้อที่หนึ่ง
“แต่ก็น่าจะมีโรงพยาบาลที่รับฝากครรภ์ใช่ไหมล่ะ?......
ไม่เป็นไร งั้นข้อที่สอง เจ้าคิดว่าตอนนี้ข้าพูดภาษาอะไรกับเจ้า?” ซินแสยิ้มถาม
“ภาษาไทยสิ ก็ฟังรู้เรื่องอยู่น....ปู่พูดภาษาจีน!” เคนชะงักเมื่อเหตุผลในข้อสอง ทำให้เขาตกใจ
“ใครก็ตามที่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะพูดภาษาอะไร ก็จะเข้าใจกันได้โดยไม่ต้องแปลราวกับเจ้าของภาษา
ข้อที่สาม เจ้าคงมองเห็นปราณที่ห่อหุ้มร่างกายมนุษย์อยู่ รวมถึงจิตสังหารที่พวยพุ่งออกมา
เจ้าคงเห็นดวงตะวันลูกเล็กๆ ลอยเข้ามาในตัวเจ้าและสร้างความเจ็บปวดทรมานสาหัส ก่อนที่เจ้าจะมาอยู่ที่นี่
และข้อสุดท้าย ที่จะช่วยยืนยันว่าเจ้าคือคนของเผ่าราชันย์
ก็คือเช้าวันนี้ เจ้าฝันว่าได้ไปสถานที่แปลกๆ หรือไม่?” ซินแสอธิบายช้าๆ และถามด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“.......” เคนตอบไม่ถูก เพราะเขาฝันประหลาดจริงๆ
“คนเผ่าราชันย์เมื่ออายุสิบเจ็ดปี จะถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
และช่วงที่ย่างเข้าปีที่สิบเจ็ดนั้น พลังพิเศษจะถูกปลดปล่อยออกมาเป็นระยะ
นั่นเรียกว่าห้วงเวลาจักรพรรดิ ในความจริงพลังนี้จะถูกปล่อยเมื่อเวลาโกรธขาดสติ
หรือมีอันตรายถึงชีวิตเท่านั้น แต่ช่วงย่างสิบเจ็ดนี้แตกต่างออกไป เพราะมันจะรุนแรง
ถึงขั้นเปิดประตูมิติได้เลยทีเดียว
ดังนั้นสิ่งที่เจ้าฝันนั้น ไม่ใช่ความฝัน แต่เจ้าได้มาที่ยุทธภพนี้จริงๆ
เหตุผลเท่านี้เพียงพอจะเชื่อข้าหรือเปล่าล่ะเจ้าหนุ่มน้อย” ซินแสจบด้วยคำถาม
เคนได้แต่นิ่งเงียบ พยายามเข้าใจความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
“แล้วผมจะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป เป็นเจ้าชายนิทราในโลกโน้นเหรอ?” เคนถามด้วยแววตาที่น่าสงสาร
“ชายชุดดำที่ลงมือทำร้ายเจ้าและสหายของเจ้า คือลูกชายข้าเอง
แต่เพราะปราณอันแข็งแกร่งของเจ้า ตอบสนองต่อความตาย
จึงส่งดวงจิตของเจ้ามาที่นี่ ทำให้ตอนนี้เจ้าอยู่ในสภาพกึ่งตาย
และข้ามาที่นี่เพื่อจะพาเจ้ากลับ
แต่เจ้าต้องเชื่อฟังข้าอย่างเคร่งครัดด้วย ตอนนี้ลมปราณ
ของเจ้ากำลังแตกซ่าน ด้วยพิษของเพลิงตะวันผลาญที่เจ้าได้รับ ชีพจรลมปราณ
และเส้นเอ็นต่างๆ ขาดสะบั้นแทบทั้งหมด ข้าจะอธิบายในสิ่งที่จะกำลังเผชิญอยู่
หลังจากที่รักษาเจ้าแล้ว ดังนั้นข้ามีกฎหนึ่งข้อที่ข้าต้องการให้เจ้าปฏิบัติ
คิดว่าทำได้หรือไม่?” ซินแสถามย้ำอีกครั้ง
เคนพยักหน้ารับด้วยท่าทีระแวง เนื่องด้วยซินแสยอมรับว่าคนที่ทำร้ายเขา
คือลูกชายของตนเอง แต่ก็สับสนในท่าทีของชายชรา เพราะเขาดูไม่เหมือนคนร้าย
ออร่าที่ออกจากตัวเขา ช่างเป็นสีขาวที่อบอุ่นสบายตา และมีสีทองเรืองรองอยู่เล็กน้อย
ดูน่าเลื่อมไสศรัทธา
“เอาล่ะ...วิธีที่เจ้าจะกลับนั้น ข้าเพียงแค่ทำให้เจ้าสลบ เมื่อเจ้าตื่นอีกครั้ง
จะพบว่าเจ้ากำลังนอนอยู่บนเตียง จงอย่าขยับเด็ดขาด
เพราะข้าได้สกัดจุดชีพจรลมปราณของเจ้าไว้
หากฝืนขยับ ปราณทั่วร่างเจ้าจะแตกซ่านอีกครั้งและเจ้าจะตายจริงๆ ให้นอนเฉยๆ
จนกว่าข้าจะไปถึง” ซินแสอธิบายรายละเอียดด้วยสีหน้าจริงจัง
“วิธีที่จะข้ามมิติได้ มีอยู่สามวิธี หนึ่งคือห้วงเวลาจักรพรรดิของเจ้า
สองคือหาประตูมิติ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน สุดท้ายใช้สิ่งประดิษฐ์”
เขาพูดพลางหยิบลูกแก้วกลมๆ มีรอยแตกร้าวมากมาย ออกมาจากชายเสื้อ
“สิ่งนี้คือลูกแก้วพยากรณ์ ซึ่งหากรวบรวมลมปราณได้ถึงจุดหนึ่ง
ไม่เพียงทำนายอนาคต แต่มันสามารถเปิดประตูมิติได้
แต่เนื่องจากข้าใช้เปิดประตูมาแล้วสองครั้ง กำลังมันจึงลดลง
ไม่แน่ว่าครั้งนี้อาจะแตกสลายก็เป็นได้
ข้าจึงไม่รู้ว่า ปลายทางของประตูจะไปเปิดที่ไหน ในโลกของเจ้า
หรืออาจจะเปิดไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นอย่าขยับเด็ดขาด ภายในเจ็ดชั่วยาม
หากข้ายังไม่ได้รักษาเจ้า ศิษย์ของข้าจะมาช่วยเจ้าเอง”
พลั่ก! พูดจบ ซินแสชราก็ซัดฝ่ามือเข้าท้ายทอยของเคน เข้าอย่างจัง
ทำให้เขาสลบไปทันที
ร่างของเคนร่วงลงสู่พื้น แต่แล้วผืนหญ้าที่เขายืนอยู่ก็หายไป
กลับกลายเป็นเส้นแสงหมุนวน เคนรู้สึกตัวอีกครั้ง ก็พบว่าตนนอนอยู่บนเตียง
เขาได้แต่อยู่นิ่งๆ ตามที่ซินแสย้ำเตือน.....
ขอขอบพระคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่านครับ
ลิ้งค์ตอนเก่าครับ
http://ppantip.com/topic/30445700 ตอนที่ 5
http://ppantip.com/topic/30450560 ตอนที่ 6
http://ppantip.com/topic/30457171 ตอนที่ 7
http://ppantip.com/topic/30466752 ตอนที่ 8
http://ppantip.com/topic/30479680 ตอนที่ 9
http://ppantip.com/topic/30499709 ตอนที่ 10
http://ppantip.com/topic/30529849 ตอนที่ 11
หรือท่านสามารถติดตามได้ที่นี่
http://my.dek-d.com/zangkuro/writer/view.php?id=50952 อัพเดทถึงตอนที่ 13
[นิยาย] "ฝ่ามิติยอดยุทธ" ตอนที่ 12
ตอนที่12 “รู้จักกับยุทธภพ”
แสงสว่างจ้าค่อยๆมืดลง ภาพสลัวๆ ของท้องฟ้าปรากฎขึ้น เสียงนกเข้ารัง
ร้องระงมราวกับดนตรีประสานเสียง สายลมเย็นๆ สัมผัสกับร่างกาย
“!!” เคนสะดุ้งเฮือก ลุกขึ้นมานั่ง
“ฟื้นแล้วหรือเจ้าหนู” เสียงชายแก่เอ่ยถาม เคนหันไปมองที่มาของเสียง
ปรากฎร่างของซินแสชรานั่งอยู่ไม่ไกลจากเขานัก
“ที่นี่ที่ไหน ผมตายแล้วใช่ไหม? แล้วปู่เป็นใครกันแน่ ทำไมถึงรู้ว่าผมจะตาย”
คำถามมากมายล้นทะลักออกมาจากใจเขา จนพูดแทบไม่ทัน
“เจ้าตายแล้วในทางทฤษฎี หัวใจเจ้าหยุดเต้น สมองหยุดสั่งงาน
ซึ่งร่างของเจ้าในตอนนี้ก็คงไม่ต่างจากศพ” ซินแสชราตอบ
“งั้นปู่ก็ตายเหมือนผมเหรอ นี่เราสองคนกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน?” เคนถาม
ด้วยท่าทีตื่นตระหนก ไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าตนเองตายแล้ว
รวมถึงเมื่อตายแล้ววิญาณจะหลุดจากร่างจะเป็นเรื่องจริง
“จำได้หรือเปล่า ข้าบอกว่าเจ้ามีเรื่องที่ต้องรู้ก่อนที่จะตาย แต่เจ้ากลับหนีข้า ทำให้เรื่องมันยากขึ้น
แต่อีกทางก็ง่ายขึ้นในการที่จะได้อธิบายเรื่องราวต่างๆ ให้เจ้า เข้าใจ” ซินแสชรายิ้มเล็กน้อยและพูดต่อ
“ที่นี่เรียกว่ายุทธภพ มันไม่ได้ไกลจากที่ที่เจ้าเคยอยู่
แต่ก็มิใช่สถานที่เดียวกัน เรียกว่าเป็นคนละมิติก็แล้วกัน” ซินแสเริ่มอธิบายเข้าเรื่อง
“ยุทธภพ? นี่ข้าเข้ามาในโลกของหนังกำลังภายในที่ข้าเคยดูเหรอเนี่ย?”
คำอธิบายยิ่งทำให้เคนสับสนขึ้นไปอีกในเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขา
“ยุทธภพที่เจ้ารู้จัก เป็นเพียงจินตนาการของผู้ประพันธ์ และอ้างอิงประวัติศาสตร์
บางส่วน วรยุทธพื้นฐานส่วนใหญ่ก็เริ่มมาจากวัดเส้าหลิน
แต่ที่นี่คือยุทธภพจริงๆ ต้นกำเนิดของมันข้าเองก็ตอบเจ้าไม่ได้
ใครบัญญัติวรยุทธขึ้นมานั้นก็ไม่มีใครรู้ แต่ที่ข้าบอกเจ้าได้ ก็คือเจ้าเป็นคนของที่นี่
ยุทภพนี้มีผู้คนหลายสัญชาติ หลากเผ่าพันธุ์ แต่มีอยู่เผ่าพันธุ์หนึ่ง
ซึ่งพิเศษกว่าคนทั่วไป นั่นคือเผ่าราชันย์และเจ้าคือคนของเผ่านั้น” ซินแสอธิบายต่อ
“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง แล้วพ่อกับแม่ผมล่ะ ก็เป็นคนของโลกนี้เหมือนกันเหรอ”
เคนค้านอย่างจริงจัง
“มีหลักฐานอยู่สี่อย่างที่ข้าจะบอกเจ้า เพื่อยืนยันในสิ่งที่ข้าพูด
ข้อที่หนึ่ง เจ้าถูกสามีภรรยาคู่นั้นเก็บมาเลี้ยง ข้าเชื่อว่าเจ้าคงไม่เคยเห็นภาพถ่ายตัวเองแรกเกิด
หรือหลักฐานของโรงพยาบาลที่ทำคลอดเจ้า” ซินแสชี้แจง
“บ้านผมไม่ได้ร่ำรวย ตอนผมเกิด พ่ออาจจะไม่มีกล้องก็ได้
ส่วนหลักฐานการเกิดที่ไม่ระบุโรงพยาบาล แม่บอกผมคลอดที่บ้าน สูติบัตรผมก็มี” เคนแย้งในข้อที่หนึ่ง
“แต่ก็น่าจะมีโรงพยาบาลที่รับฝากครรภ์ใช่ไหมล่ะ?......
ไม่เป็นไร งั้นข้อที่สอง เจ้าคิดว่าตอนนี้ข้าพูดภาษาอะไรกับเจ้า?” ซินแสยิ้มถาม
“ภาษาไทยสิ ก็ฟังรู้เรื่องอยู่น....ปู่พูดภาษาจีน!” เคนชะงักเมื่อเหตุผลในข้อสอง ทำให้เขาตกใจ
“ใครก็ตามที่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะพูดภาษาอะไร ก็จะเข้าใจกันได้โดยไม่ต้องแปลราวกับเจ้าของภาษา
ข้อที่สาม เจ้าคงมองเห็นปราณที่ห่อหุ้มร่างกายมนุษย์อยู่ รวมถึงจิตสังหารที่พวยพุ่งออกมา
เจ้าคงเห็นดวงตะวันลูกเล็กๆ ลอยเข้ามาในตัวเจ้าและสร้างความเจ็บปวดทรมานสาหัส ก่อนที่เจ้าจะมาอยู่ที่นี่
และข้อสุดท้าย ที่จะช่วยยืนยันว่าเจ้าคือคนของเผ่าราชันย์
ก็คือเช้าวันนี้ เจ้าฝันว่าได้ไปสถานที่แปลกๆ หรือไม่?” ซินแสอธิบายช้าๆ และถามด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“.......” เคนตอบไม่ถูก เพราะเขาฝันประหลาดจริงๆ
“คนเผ่าราชันย์เมื่ออายุสิบเจ็ดปี จะถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว
และช่วงที่ย่างเข้าปีที่สิบเจ็ดนั้น พลังพิเศษจะถูกปลดปล่อยออกมาเป็นระยะ
นั่นเรียกว่าห้วงเวลาจักรพรรดิ ในความจริงพลังนี้จะถูกปล่อยเมื่อเวลาโกรธขาดสติ
หรือมีอันตรายถึงชีวิตเท่านั้น แต่ช่วงย่างสิบเจ็ดนี้แตกต่างออกไป เพราะมันจะรุนแรง
ถึงขั้นเปิดประตูมิติได้เลยทีเดียว
ดังนั้นสิ่งที่เจ้าฝันนั้น ไม่ใช่ความฝัน แต่เจ้าได้มาที่ยุทธภพนี้จริงๆ
เหตุผลเท่านี้เพียงพอจะเชื่อข้าหรือเปล่าล่ะเจ้าหนุ่มน้อย” ซินแสจบด้วยคำถาม
เคนได้แต่นิ่งเงียบ พยายามเข้าใจความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
“แล้วผมจะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป เป็นเจ้าชายนิทราในโลกโน้นเหรอ?” เคนถามด้วยแววตาที่น่าสงสาร
“ชายชุดดำที่ลงมือทำร้ายเจ้าและสหายของเจ้า คือลูกชายข้าเอง
แต่เพราะปราณอันแข็งแกร่งของเจ้า ตอบสนองต่อความตาย
จึงส่งดวงจิตของเจ้ามาที่นี่ ทำให้ตอนนี้เจ้าอยู่ในสภาพกึ่งตาย
และข้ามาที่นี่เพื่อจะพาเจ้ากลับ
แต่เจ้าต้องเชื่อฟังข้าอย่างเคร่งครัดด้วย ตอนนี้ลมปราณ
ของเจ้ากำลังแตกซ่าน ด้วยพิษของเพลิงตะวันผลาญที่เจ้าได้รับ ชีพจรลมปราณ
และเส้นเอ็นต่างๆ ขาดสะบั้นแทบทั้งหมด ข้าจะอธิบายในสิ่งที่จะกำลังเผชิญอยู่
หลังจากที่รักษาเจ้าแล้ว ดังนั้นข้ามีกฎหนึ่งข้อที่ข้าต้องการให้เจ้าปฏิบัติ
คิดว่าทำได้หรือไม่?” ซินแสถามย้ำอีกครั้ง
เคนพยักหน้ารับด้วยท่าทีระแวง เนื่องด้วยซินแสยอมรับว่าคนที่ทำร้ายเขา
คือลูกชายของตนเอง แต่ก็สับสนในท่าทีของชายชรา เพราะเขาดูไม่เหมือนคนร้าย
ออร่าที่ออกจากตัวเขา ช่างเป็นสีขาวที่อบอุ่นสบายตา และมีสีทองเรืองรองอยู่เล็กน้อย
ดูน่าเลื่อมไสศรัทธา
“เอาล่ะ...วิธีที่เจ้าจะกลับนั้น ข้าเพียงแค่ทำให้เจ้าสลบ เมื่อเจ้าตื่นอีกครั้ง
จะพบว่าเจ้ากำลังนอนอยู่บนเตียง จงอย่าขยับเด็ดขาด
เพราะข้าได้สกัดจุดชีพจรลมปราณของเจ้าไว้
หากฝืนขยับ ปราณทั่วร่างเจ้าจะแตกซ่านอีกครั้งและเจ้าจะตายจริงๆ ให้นอนเฉยๆ
จนกว่าข้าจะไปถึง” ซินแสอธิบายรายละเอียดด้วยสีหน้าจริงจัง
“วิธีที่จะข้ามมิติได้ มีอยู่สามวิธี หนึ่งคือห้วงเวลาจักรพรรดิของเจ้า
สองคือหาประตูมิติ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน สุดท้ายใช้สิ่งประดิษฐ์”
เขาพูดพลางหยิบลูกแก้วกลมๆ มีรอยแตกร้าวมากมาย ออกมาจากชายเสื้อ
“สิ่งนี้คือลูกแก้วพยากรณ์ ซึ่งหากรวบรวมลมปราณได้ถึงจุดหนึ่ง
ไม่เพียงทำนายอนาคต แต่มันสามารถเปิดประตูมิติได้
แต่เนื่องจากข้าใช้เปิดประตูมาแล้วสองครั้ง กำลังมันจึงลดลง
ไม่แน่ว่าครั้งนี้อาจะแตกสลายก็เป็นได้
ข้าจึงไม่รู้ว่า ปลายทางของประตูจะไปเปิดที่ไหน ในโลกของเจ้า
หรืออาจจะเปิดไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นอย่าขยับเด็ดขาด ภายในเจ็ดชั่วยาม
หากข้ายังไม่ได้รักษาเจ้า ศิษย์ของข้าจะมาช่วยเจ้าเอง”
พลั่ก! พูดจบ ซินแสชราก็ซัดฝ่ามือเข้าท้ายทอยของเคน เข้าอย่างจัง
ทำให้เขาสลบไปทันที
ร่างของเคนร่วงลงสู่พื้น แต่แล้วผืนหญ้าที่เขายืนอยู่ก็หายไป
กลับกลายเป็นเส้นแสงหมุนวน เคนรู้สึกตัวอีกครั้ง ก็พบว่าตนนอนอยู่บนเตียง
เขาได้แต่อยู่นิ่งๆ ตามที่ซินแสย้ำเตือน.....
ขอขอบพระคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่านครับ
ลิ้งค์ตอนเก่าครับ
http://ppantip.com/topic/30445700 ตอนที่ 5
http://ppantip.com/topic/30450560 ตอนที่ 6
http://ppantip.com/topic/30457171 ตอนที่ 7
http://ppantip.com/topic/30466752 ตอนที่ 8
http://ppantip.com/topic/30479680 ตอนที่ 9
http://ppantip.com/topic/30499709 ตอนที่ 10
http://ppantip.com/topic/30529849 ตอนที่ 11
หรือท่านสามารถติดตามได้ที่นี่ http://my.dek-d.com/zangkuro/writer/view.php?id=50952 อัพเดทถึงตอนที่ 13