https://ppantip.com/topic/39238482
https://ppantip.com/topic/39247365
นี้คือ link ตอนที่หนึ่งและสองนะครับ
ทั้งๆที่ฟังอย่างใจจดจ่อแทบว่าจะลืมหายใจ ก็ยังไม่วายอดขำเด็กชายในอดีตช่วง
ท้ายๆเรื่องไม่ได้ เมื่อจบแล้วได้ความว่า ถูกเผงทุกอย่างตามที่คิดไว้ สิ่งลี้ลับนั้นจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก
แต่ระหว่างที่ชายหนุ่มเล่า เธอกลับไพล่ไปคิดเรื่องอื่นว่าหน้าตาเขาช่างน่าชมจริงๆ จมูกคมเป็นสันยาวกับดวงตาคู่ที่ระยับ ผมตัดสั้นเกรียนรับกับวงหน้าเข้ม มองแล้วชวนฝัน
เรศพูดต่อโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าผู้ที่กำลังฟังอยู่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปด้วย
“ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วพี่ก็ไม่เคยเห็นท่านอีกเลย เพื่อนบ้าน คนอยู่แถวนี้หลายคนแนะให้ตั้งศาลพระภูมิแต่คุณย่าตอบกลับว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้อยู่ก่อน และท่านมีวิมานของตนเป็นที่พักอาศัยแล้ว ไม่ต้องการอยู่ใกล้แหล่งมนุษย์อยู่อาศัยมากนัก แต่ท่านก็ทำหน้าที่ปกปักรักษาตามขอบเขตอำนาจของท่าน”
เมื่อเล่าจบเขาก็เงียบไป มองเธอนิ่งๆ แม้ไม่มีท่าทีเร่งรัด แต่หญิงสาวก็รู้ตัวว่าถึงตาของเธอต้องเล่าบ้างแล้ว
“เกศเเห็นเธอค่ะ ผู้หญิงคนที่พี่พูดถึง “ พูดพลางชี้มือไปที่ซุ้มต้นไม้เล็กข้างหน้า” เกศคิดว่าได้คุยกับท่านด้วย ท่านส่งเสียงมาทางจิตไม่ใช่เข้าโสตหูแต่เกศใช้เสียงพูดอย่างธรรมดา แต่พอพี่เรศเดินมาทางนี้เธอก็หายไป”
เรศเลิกคิ้วขึ้น อดเหลียวมองไปรอบๆข้างไม่ได้ ก่อนจะหันมาจับหัวไหล่ทั้งคู่ของเธออย่างนิ่มนวล แววตาฉายแสดงความห่วงใยออกมา
“ไม่ต้องกลัวนะเกศ” ชายหนุ่มปลอบโยน “ ท่านไม่เคยทำร้ายใคร ไม่ค่อยปรากฎตัวออกมาให้ใครเห็นง่ายๆ คุณย่ายังบอกว่าใครได้เห็นท่านก็ถือเป็นบุญของคนนั้นทีเดียว”
หญิงสาวจับความรู้สึกของคนที่อยู่เบื้องหน้าได้จากสัมผัส เขาเกรงว่าหล่อนจะอกสั่นขวัญหายมากกว่า ใช่ว่าเขาจะกลัวด้วยตัวเองก็หาไม่
เกศยกมือข้างหนึ่งขึ้นแตะมือเขาที่จับไหล่ของเธออย่างสื่อแทนสิ่งที่อยู่ในใจ ความห่วงอาทรถ่ายทอดผ่านสู่กันและกัน
“ เกศยอมรับค่ะว่าขนลุกซู่เลยตอนแรกที่เห็นท่าน” หญิงสาวย้อนเหตุการณ์เมื่อครู่ พร้อมทั้งทบทวนสภาวะอารมณ์ของเธอในตอนนั้นไปพร้อมกัน
“ แต่ไม่รู้สิ เกศรับได้ถึงกระแสความอบอุ่น หวังดี ทำให้เกศหมดความกลัวลงไป รู้สึกเหมือนท่านเป็นญาติผู้ใหญ่ มาเยี่ยมเยียน มาตักเตือน”
พอได้ยินคำพูดสุดท้าย ชายหนุ่มถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ หน้าเผือดไปทันที จนหญิงสาวเกิดใจคอไม่ดีขึ้นมา
“ท่านมาเตือนเรื่องอะไร” เห็นได้ชัดว่าเรศพยายามข่มใจถามตามปกติ แต่ท่าทีขัดกัน
มาถึงเวลานี้ หญิงสาวรู้แล้วว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนที่สีหน้า ดวงตาบอกความในใจหมดสิ้นไม่มีซ่อนเร้นใดๆ
ไม่มีอะไรดีกว่าพูดไปตามที่ได้ยินออกมา อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด
“ท่านมาเตือนเรื่องพี่โรจน์ เก็บตกของใครมาก็ไม่รู้ เจ้าของเป็นพรายจะมาทวงคืน”
หญิงสาวพูดเท่าที่ได้รู้ พลางเฝ้ามองหน้าชายหนุ่มตลอดอย่างหวั่นๆว่าจะเปลี่ยนไปในรูปลักษณะใด
ความรู้สึกดีขึ้นมาตามลำดับ เมื่อเห็นว่า แทนที่เรศจะแสดงอาการหนักเข้าในเรื่องของความวิตก เขากลับคลายใจลง
“ก็ยังดี ทุกครั้งที่ท่านมาเตือน คนรอบตัวพี่ต้องจากหายไปหนึ่งคนเสมอ คุณย่ามีวาสนาได้เห็นท่านสองครา ครั้งแรกก็คือคุณปู่จากไป ท่านมาเตือนเรื่องสินส่วนตัวเพราะคุณปู่ท่านมีภรรยาหลายคน ครั้งที่สองคือน้องสาวของคุณย่าที่ได้มรดกจากคุณทวดแต่ไม่ได้แต่งงานอยากยกบ้านพร้อมที่ดินให้วัด คุณย่าพี่จัดเป็นธุระให้ถวายส่วนกุศล”
แม้นจะรู้อยู่เต็มอก แต่ก็ยังอยากได้ยินจากปากชายหนุ่มนั้นอยู่ดี
“แล้วพี่เรศกลัวอะไรอีกหรือค่ะ มีพี่คนเดียวที่เหลืออยู่ พี่ยังจะกลัวสูญเสียใครอีก”
เป็นคำถามที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกเก้อ ผิด และอับอายชายหนุ่มจนชั่วลูกชั่วหลาน เพราะสายตาของชายหนุ่มที่ตอบกลับมานั้น บ่งชัดว่า
จะมีใครอีกเล่า นอกจากเธอคนเดียว
คำพูดใดๆในตอนนั้นก็เกินจำเป็น ความเงียบงันนั้นไม่ใช่ว่าไร้ความหมายเสียทีเดียว กริยาอาการของทั้งสองคนสื่อสารถึงกันดียิ่งกว่าอะไร
ใครคนหนึ่งโผล่หน้าออกมาจากบนเรือน พอเห็นชายหนุ่มหญิงสาวผู้ตกอยู่ในห้วงรักยืนอยู่ด้วยกันมองตากันอย่างดื่มด่ำก็อมยิ้ม ใจจริงก็อยากปล่อยให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันตามลำพังนานๆ แต่ท้องที่ลั่นโครกครากมันสั่งว่าถึงเวลาที่ต้องขัดจังหวะเสียแล้ว
“สองคนเมื้อไหร่จะขึ้นบ้านกันมาเสียที กับข้าวจะเย็นชืดหมดก่อน ไม่ใช่ฉันคนเดียว
นะ เจ้าคงก็นั่งท้องว่างซัดไวน์รออยู่ เริ่มเมาเหมือนฉันแล้ว”
เจ้าโรจน์นั่นเอง เห็นทั้งคู่หายไปอย่างสมควรแก่เวลาจึงออกมาตาม เรศเงยหน้าขึ้นมองเห็นหน้าเพื่อนเริ่มแดงจัดด้วยฤทธิ์หมักองุ่น ก็เอามือแตะข้อศอกหญิงสาวกระซิบเบาๆ
“ขึ้นไปกินข้าวกันก่อน มีอะไรค่อยพูดกัน”
ถึงแม้ดวดไวน์จนได้ที่ แต่ก็ใช่ว่าโรจน์ตาถั่วมองไม่เห็นว่าเรศพูดอะไรกับน้องสาวตัวเองด้วยเสียงแผ่วเบาหน้าขรึมลงกันทั้งคู่ แต่นิสัยส่วนตัวของเขาคือไม่ใส่ใจเรื่องหยุมหยิม โดยเฉพาะคนสนิท ด้วยกลัวว่าป็นเรื่องระหองระแหงของคนสองคน จะพลอยทำให้เขาลำบากใจไปด้วย
ไม่ได้สังหรณ์ว่าวัตถุอาถรรพ์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงตนเองนั่นแหละ คือต้นเหตุพาซวยนำชีวิตไปสู่อันตรายในคืนนี้
โต๊ะกินข้าวรูปกลมเตี้ยมีอาหารวางครอบฝาชีไว้เรียบร้อย ทั้งหมดปูเสื่อรองบนพื้นกระดานไม้เนื้อดีนั่งกินกันง่ายๆ
เรศมีฝีมือปรุงอาหารไม่เลวจริงๆ แม้หญิงสาวจะลองชิมมาบ้างแล้วตอนประกอบอาหาร แต่ก็ยังทึ่งในรสชาติอยู่ดี ส่วนเพื่อนสนิทสองหน่อนั้นน่าจะเคยลิ้มรสมีอกันมาแล้วหลายครั้งจึงไม่จำเป็นต้องเยินยอออกหน้า แค่ดูท่าตักใส่ปากกินเอาๆก็รู้แล้วว่าถูกใจแค่ไหน
การสนทนาก็เป็นแบบเพื่อนเก่าร่วมสถาบันคุยกันถึงอดีตประสบการณ์ร่วมกันเมื่อครั้งเรียนวิทยาลัย เรื่องโน้น เรื่องนี้ วีรกรรมโลดโผนต่างๆ รู้เฉพาะในหมู่กันเอง ไม่ได้มีเนื้อที่ให้หญิงสาวคนเดียวในวงมีส่วนร่วมแต่ก็พอรับฟังได้เพลินๆไม่ใส่ใจเท่าไหร่
เพราะสมองของเธอกำลังขบคิดหนัก กลัดกลุ้มกับเรื่องเลวร้าย เหตุการณ์น่าขนลุกที่จะเกิดกับพี่ชายตนเองภายในไม่กี่เวลาต่อจากนี้ สิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติสำหรับหญิงสาวไม่ใช่ประเด็นที่จะต้องมานั่งสงสัยอีกต่อไป ก็ด้วยเจอจังๆมากับตัวเองถึงสองครั้งสองหน เธอจึงเชื่อสนิทว่าอะไรก็ตามที่น่าสะพรึงกลัวคงไม่แคล้วต้องเกิดขึ้นแน่ตามคำเตือนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ใจหนึ่งเธออยากจะโพล่งขึ้นให้วงแตกไปเลยว่า ไปหน้ามืดตามัวเก็บของอะไรมา แต่เรศที่คอยมองมาตลอดส่งสายตาปราม ส่ายหน้าห้ามพลางชนแก้วกับเพื่อนๆที่เสนอมาโดยไม่มีหยุดหย่อนด้วยลักษณะเหมือนกับจะเมาตาม แต่ถ้าสังเกตอย่างใกล้ชิดอย่างที่หญิงสาวทำจะพบว่าดวงตาเขายังแจ่มใสอยู่ยัง จิบไวน์แต่พอเป็นพิธี แต่ภายนอกคล้อยตามเพื่อนอย่างไม่มีขัด
ไม่นานหลังจากนั้น หญิงสาวก็รู้เจตนาของชายหนุ่ม เมื่อคนแรกคือพี่ชายของเธอตาปรือเกือบจะหลับ พูดจาลิ้นพันกันมั่วไปหมดจับใจความไม่ได้ท่าทางหมดสภาพ หันมาทางพี่คง คนนี้ประคองตัวได้ดีกว่ามาก ยังคงมีสติดีอยู่ แต่ดวงตาก็ริบหรี่เต็มทน
“เพื่อน ทั้งอิ่มทั้งเมาว่ะ ไม่ได้เจออย่างนี้มานานว่ะ โอ้ยดีใจจริงๆได้มาเจอเพื่อนฝูงวันนี้” คงพยายามสบตากับเรศแต่สายตาเริ่มเลื่อนลอย ไม่เพ่งรวมกัน ในที่สุดก็ค่อยๆโน้มตัวลงกับพื้นแต่ก็ยังอุตส่าห์พูดขึ้นแม้ลิ้นไก่ไม่ปกติ
“ขอบใจโว้ย ฉันไม่ได้มีความสุขอย่างนี้มานานแล้ว ต้องขอโทษน้องสาวด้วย พี่มาทำให้น้องเป็นภาระเสียแล้ว รักกันนานๆนะ ดูเจ้าโรจน์ต่อแทนฉันที มันเมาไม่ได้เรื่องแล้ว”
กลับกลายเป็นว่าพอพูดจบก็ฟุบหลับไปก่อน หญิงสาวหันมามองเรศ เห็นสีแดงชาดปาดสองแก้มเพราะดื่ม ผู้ชายอะไรผิวพรรณเลือดลมดีเกินผู้หญิง
ส่วนโรจน์ หมอนี้อยู่ในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นเพราะคอแข็งกว่าเพื่อน พยายามนั่งตรงทั้งๆที่ฝืนไปต่อไม่ไหวแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะล้มตัวลง จะผลักขับ บังคับอย่างไรก็ไม่เกิดผล ขัดขืนไม่ยอมนอนท่าเดียวจะกินต่อร่ำไป
เรศเลยใช้วิธีสุดท้าย ลุกขึ้นเดินหายไปในห้อง ค้นหาอะไรกุกกักอยู่สักครู่จากที่ได้ยินเสียงเปิดปิดตู้ไม้ หญิงสาวกะวนกะวายอยากจะตามติดไปด้วย แต่พอดีเรศกลับมาก่อนในมือถือแก้วสั้นมีน้ำสีเหลืองอำพันแต่ขุ่นเล็กน้อยบรรจุอยู่ยื่นให้เจ้าโรจน์
“เอ้า กินเหล้านี้ดีกว่า แกจะสบายขึ้น คอทองแดงอย่างแกไวน์ทำอะไรไม่ได้หรอก เหล้าเก่าเก็บตั้งแต่รุ่นพ่อฉันยังหนุ่มเลยนะ อยากให้แกลองกินดูแต่ไม่รู้แกจะกล้าหรือเปล่า”
เสียงเชิงท้าทายนิดๆทำให้โรจน์ลืมตาโพลงขึ้น ความเป็นสิงห์ช่ำชองในทางนี้ย่อมถูกเย้ยไม่ได้เป็นอันขาด ยอมรับการประลองทุกชนิด รับแก้วที่มือเพื่อนมาแต่ก่อนจะเทใส่ปากยังไม่วายต่อรอง
“ประเดี๋ยว แกต้องกินไวน์ในแก้วนั้นรินเต็มๆให้หมดเสียก่อน ฉันถึงจะยอมกินเหล้าแก้วนี้ของแก”
หญิงสาวเห็นเรศมองเพื่อนอย่างชาชินรู้กันมากกว่าจะเบื่อหน่ายรำคาญ เขาทำตามยกขวดไวน์เทใส่แก้วตัวเองเต็มๆ ขณะยกทำท่าจะดื่มให้เห็น เกศก็ตัดสินใจเฉียบพลันเอื้อมมือไปชิงแก้วไวน์ชายหนุ่มมาใส่มือตัวเอง และก่อนที่เรศจะยั้งไว้ได้ทัน เธอก็ดื่มไวน์รวดเดียวหมดแก้ว
“ขอกินแทนนะค่ะ นั่งดูพวกพี่กินกันมาตั้งนานแล้ว” พูดตอกท้ายอย่างนั้น เหมือนกับจะมาดมั่น แต่แล้วก็เอามือกุมปากคอขย้อนทำท่าจะอ้วกออกมา
เรศปรี่เข้ามาดูแลทันที เจ้าโรจน์เห็นภาพเช่นนั้นแทนที่จะหวงน้องสาวกลับรู้สึกพึงพอใจแทน กระดกแก้วในมือสาดลำคอในที่สุด รู้สึกได้เลยถึงความร้อนที่ผ่านลงจนตกถึงช่องท้อง หลังจากนั้นความวูบวาบก็แผ่ขยายขึ้นจนถึงสมอง ขณะจะว่ากล่าวแซวสักคำสองคำให้น้องสาวตัวเองกระดากเล่น พลันรู้สึกพื้นกระดานตีรวน เพดานโคลงเคลง ตาพล่าเลือน หมดความรู้สึกไป
ชายหนุ่มโอบไหล่หญิงสาวยื่นมือมารองที่ปาก เธอยกมือห้ามแม้ยังคงแสดงอาการผะอืดผะอมอยู่ แต่ในที่สุดก็กล้ำกลืนลงคอไปได้สำเร็จ
“ไม่ควรรีบดื่มเข้าไปอย่างนั้น” ชายหนุ่มติงด้วยเสียงนุ่มๆ ก่อนรินน้ำเปล่าส่งให้เธอดื่ม
ไม่นานเท่าไหร่หญิงสาวก็พวงแก้มเปล่งปลั่งด้วยฤทธิ์น้ำองุ่นหมัก คราวนี้เธอรินให้ตัวเองพลางค่อยๆจิบ ไม่พรวดพราดเช่นครั้งแรก
“พี่เรศเอาอะไรให้พี่โรจน์กินค่ะ ถึงได้ปราบเซียนคอทองแดงได้” เกศถามพลางยิ้ม เหลือบไปมองพี่ชายตัวเองที่นอนกองอยู่กับพื้นกระดานไม่เป็นท่า ควบคู่กับสหายนายคง
“เหล้าคนม้ง ของเก่าเก็บคุณปู่พี่ พี่เคยอยากลองดีกินเข้าไปจิบหนึ่ง เกือบร่วงเหมือนกัน” ชายหนุ่มตอบพร้อมทยอยเก็บจานชาม กับข้าวที่กินไม่หมดลำเลียงลงไปในครัว หญิงสาวรีบช่วยอย่างขมีขมัน ไม่วายที่ชายหนุ่มจะห้ามเท่าใด หญิงสาวก็ยังดื้อดึงที่จะมีส่วนช่วยให้ได้
เมื่อจัดการเรื่องล้างจานชามและกับข้าวเหลือเก็บใส่ตู้เสร็จ หญิงสาวก็แสดงอาการกระดากกระเดื่องก่อนกล่าวกับเรศ
“เกศอยากจะอาบน้ำค่ะ แต่ แต่ไม่กล้าลงไปคนเดียว” พูดจบเธอก็ก้มหน้าด้วยความอาย
เรศไม่แสดงทีท่าอื่นใด หากมองดูหญิงสาวอย่างเอ็นดู
“ถ้าเกศไม่รู้สึกอึดอัด พี่จะขอไปยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำ ยืนคุยเป็นเพื่อนกับน้องเกศจนกว่าจะอาบน้ำเสร็จ แต่พี่ขอจัดการบางอย่างก่อน”
หญิงสาวผงกศีรษะอย่างงงๆ แต่แล้วก็เข้าใจเมื่อชายหนุ่มเลื่อนโต๊ะกินข้าวไปไว้ทางอื่น เอาโต๊ะสูงแคบมาวางแทนตรงฝาผนังห้อง พร้อมด้วยพระพุทธรูปบูชาหน้าตักประมาณห้านิ้ว เป็นองค์รูปหล่อแบบโบราณ เฉกเช่นพระประธาน
เรศวางท่านลงบนโต๊ะสูง กล่าวนมัสการพร้อมทั้งคาถาบูชา หญิงสาวคุกเข่าพนมมือตามน้อมจิตไปด้วยกันอย่างไม่ต้องให้ชายหนุ่มบอกกล่าว
“เจ้าประคุณ ขอให้พี่โรจน์พ้นผ่านคืนนี้ไปด้วยดี” หล่อนภาวนาในใจ
หลังจากนั้นเรศค้นหมอน ผ้าห่ม ที่มีกลิ่นอับเล็กน้อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย เขาค่อยๆช้อนยกหัวเพื่อนทั้งสองและสอดหมอนหนุนให้ รวมถึงห่มผ้าให้อย่างบรรจง
เกศยืนทาบอกมองดูอย่างอัศจรรย์ใจ นี้ฉันสร้างบุญกุศลอันใดมาในอดีตชาติถึงได้มาเจอผู้ชายแสนดีคนนี้ สวยทั้งรูปลักษณ์ภายนอก งามในใจ
ถ้าหล่อนกระโจนเข้ากอดชายคนนี้ได้ ฌ ตอนนั้นหล่อนก็จะทำโดยไม่ลังเล แต่ด้วยมีปัญหาบางอย่างต้องป้องกันแก้ไขแบบเฉียบพลัน แต่พอเธอขยับปากจะพูด ชายหนุ่มก็ชูหวีไม้อันหนึ่งให้เห็น เป็นหวีซี่ไม่ถี่มากหนัก รูปแบบโบราณที่ลดการเสียดสีกับผม ไม่มีประจุไฟฟ้าเวลาสางผม
“พี่ค้นเจอจากกระเป๋ากางเกงของเจ้าโรจน์” เรศพูดด้วยน้ำเสียงกังวล” หวีโบราณเก่าแก่อย่างนี้ มันไม่ใช่ธรรมดาแล้ว เจ้าของจงใจ ทิ้งไว้ให้เห็น เจ้าโรจน์คงไปแอบเก็บเข้า”
เกศใจหายวาบ แทบไม่ได้ยิ
อาถรรพ์สวนคุณย่า(ใกล้จบแล้ว)
https://ppantip.com/topic/39247365
นี้คือ link ตอนที่หนึ่งและสองนะครับ
ทั้งๆที่ฟังอย่างใจจดจ่อแทบว่าจะลืมหายใจ ก็ยังไม่วายอดขำเด็กชายในอดีตช่วง
ท้ายๆเรื่องไม่ได้ เมื่อจบแล้วได้ความว่า ถูกเผงทุกอย่างตามที่คิดไว้ สิ่งลี้ลับนั้นจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก
แต่ระหว่างที่ชายหนุ่มเล่า เธอกลับไพล่ไปคิดเรื่องอื่นว่าหน้าตาเขาช่างน่าชมจริงๆ จมูกคมเป็นสันยาวกับดวงตาคู่ที่ระยับ ผมตัดสั้นเกรียนรับกับวงหน้าเข้ม มองแล้วชวนฝัน
เรศพูดต่อโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าผู้ที่กำลังฟังอยู่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปด้วย
“ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วพี่ก็ไม่เคยเห็นท่านอีกเลย เพื่อนบ้าน คนอยู่แถวนี้หลายคนแนะให้ตั้งศาลพระภูมิแต่คุณย่าตอบกลับว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้อยู่ก่อน และท่านมีวิมานของตนเป็นที่พักอาศัยแล้ว ไม่ต้องการอยู่ใกล้แหล่งมนุษย์อยู่อาศัยมากนัก แต่ท่านก็ทำหน้าที่ปกปักรักษาตามขอบเขตอำนาจของท่าน”
เมื่อเล่าจบเขาก็เงียบไป มองเธอนิ่งๆ แม้ไม่มีท่าทีเร่งรัด แต่หญิงสาวก็รู้ตัวว่าถึงตาของเธอต้องเล่าบ้างแล้ว
“เกศเเห็นเธอค่ะ ผู้หญิงคนที่พี่พูดถึง “ พูดพลางชี้มือไปที่ซุ้มต้นไม้เล็กข้างหน้า” เกศคิดว่าได้คุยกับท่านด้วย ท่านส่งเสียงมาทางจิตไม่ใช่เข้าโสตหูแต่เกศใช้เสียงพูดอย่างธรรมดา แต่พอพี่เรศเดินมาทางนี้เธอก็หายไป”
เรศเลิกคิ้วขึ้น อดเหลียวมองไปรอบๆข้างไม่ได้ ก่อนจะหันมาจับหัวไหล่ทั้งคู่ของเธออย่างนิ่มนวล แววตาฉายแสดงความห่วงใยออกมา
“ไม่ต้องกลัวนะเกศ” ชายหนุ่มปลอบโยน “ ท่านไม่เคยทำร้ายใคร ไม่ค่อยปรากฎตัวออกมาให้ใครเห็นง่ายๆ คุณย่ายังบอกว่าใครได้เห็นท่านก็ถือเป็นบุญของคนนั้นทีเดียว”
หญิงสาวจับความรู้สึกของคนที่อยู่เบื้องหน้าได้จากสัมผัส เขาเกรงว่าหล่อนจะอกสั่นขวัญหายมากกว่า ใช่ว่าเขาจะกลัวด้วยตัวเองก็หาไม่
เกศยกมือข้างหนึ่งขึ้นแตะมือเขาที่จับไหล่ของเธออย่างสื่อแทนสิ่งที่อยู่ในใจ ความห่วงอาทรถ่ายทอดผ่านสู่กันและกัน
“ เกศยอมรับค่ะว่าขนลุกซู่เลยตอนแรกที่เห็นท่าน” หญิงสาวย้อนเหตุการณ์เมื่อครู่ พร้อมทั้งทบทวนสภาวะอารมณ์ของเธอในตอนนั้นไปพร้อมกัน
“ แต่ไม่รู้สิ เกศรับได้ถึงกระแสความอบอุ่น หวังดี ทำให้เกศหมดความกลัวลงไป รู้สึกเหมือนท่านเป็นญาติผู้ใหญ่ มาเยี่ยมเยียน มาตักเตือน”
พอได้ยินคำพูดสุดท้าย ชายหนุ่มถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ หน้าเผือดไปทันที จนหญิงสาวเกิดใจคอไม่ดีขึ้นมา
“ท่านมาเตือนเรื่องอะไร” เห็นได้ชัดว่าเรศพยายามข่มใจถามตามปกติ แต่ท่าทีขัดกัน
มาถึงเวลานี้ หญิงสาวรู้แล้วว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนที่สีหน้า ดวงตาบอกความในใจหมดสิ้นไม่มีซ่อนเร้นใดๆ
ไม่มีอะไรดีกว่าพูดไปตามที่ได้ยินออกมา อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด
“ท่านมาเตือนเรื่องพี่โรจน์ เก็บตกของใครมาก็ไม่รู้ เจ้าของเป็นพรายจะมาทวงคืน”
หญิงสาวพูดเท่าที่ได้รู้ พลางเฝ้ามองหน้าชายหนุ่มตลอดอย่างหวั่นๆว่าจะเปลี่ยนไปในรูปลักษณะใด
ความรู้สึกดีขึ้นมาตามลำดับ เมื่อเห็นว่า แทนที่เรศจะแสดงอาการหนักเข้าในเรื่องของความวิตก เขากลับคลายใจลง
“ก็ยังดี ทุกครั้งที่ท่านมาเตือน คนรอบตัวพี่ต้องจากหายไปหนึ่งคนเสมอ คุณย่ามีวาสนาได้เห็นท่านสองครา ครั้งแรกก็คือคุณปู่จากไป ท่านมาเตือนเรื่องสินส่วนตัวเพราะคุณปู่ท่านมีภรรยาหลายคน ครั้งที่สองคือน้องสาวของคุณย่าที่ได้มรดกจากคุณทวดแต่ไม่ได้แต่งงานอยากยกบ้านพร้อมที่ดินให้วัด คุณย่าพี่จัดเป็นธุระให้ถวายส่วนกุศล”
แม้นจะรู้อยู่เต็มอก แต่ก็ยังอยากได้ยินจากปากชายหนุ่มนั้นอยู่ดี
“แล้วพี่เรศกลัวอะไรอีกหรือค่ะ มีพี่คนเดียวที่เหลืออยู่ พี่ยังจะกลัวสูญเสียใครอีก”
เป็นคำถามที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกเก้อ ผิด และอับอายชายหนุ่มจนชั่วลูกชั่วหลาน เพราะสายตาของชายหนุ่มที่ตอบกลับมานั้น บ่งชัดว่า
จะมีใครอีกเล่า นอกจากเธอคนเดียว
คำพูดใดๆในตอนนั้นก็เกินจำเป็น ความเงียบงันนั้นไม่ใช่ว่าไร้ความหมายเสียทีเดียว กริยาอาการของทั้งสองคนสื่อสารถึงกันดียิ่งกว่าอะไร
ใครคนหนึ่งโผล่หน้าออกมาจากบนเรือน พอเห็นชายหนุ่มหญิงสาวผู้ตกอยู่ในห้วงรักยืนอยู่ด้วยกันมองตากันอย่างดื่มด่ำก็อมยิ้ม ใจจริงก็อยากปล่อยให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันตามลำพังนานๆ แต่ท้องที่ลั่นโครกครากมันสั่งว่าถึงเวลาที่ต้องขัดจังหวะเสียแล้ว
“สองคนเมื้อไหร่จะขึ้นบ้านกันมาเสียที กับข้าวจะเย็นชืดหมดก่อน ไม่ใช่ฉันคนเดียว
นะ เจ้าคงก็นั่งท้องว่างซัดไวน์รออยู่ เริ่มเมาเหมือนฉันแล้ว”
เจ้าโรจน์นั่นเอง เห็นทั้งคู่หายไปอย่างสมควรแก่เวลาจึงออกมาตาม เรศเงยหน้าขึ้นมองเห็นหน้าเพื่อนเริ่มแดงจัดด้วยฤทธิ์หมักองุ่น ก็เอามือแตะข้อศอกหญิงสาวกระซิบเบาๆ
“ขึ้นไปกินข้าวกันก่อน มีอะไรค่อยพูดกัน”
ถึงแม้ดวดไวน์จนได้ที่ แต่ก็ใช่ว่าโรจน์ตาถั่วมองไม่เห็นว่าเรศพูดอะไรกับน้องสาวตัวเองด้วยเสียงแผ่วเบาหน้าขรึมลงกันทั้งคู่ แต่นิสัยส่วนตัวของเขาคือไม่ใส่ใจเรื่องหยุมหยิม โดยเฉพาะคนสนิท ด้วยกลัวว่าป็นเรื่องระหองระแหงของคนสองคน จะพลอยทำให้เขาลำบากใจไปด้วย
ไม่ได้สังหรณ์ว่าวัตถุอาถรรพ์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงตนเองนั่นแหละ คือต้นเหตุพาซวยนำชีวิตไปสู่อันตรายในคืนนี้
โต๊ะกินข้าวรูปกลมเตี้ยมีอาหารวางครอบฝาชีไว้เรียบร้อย ทั้งหมดปูเสื่อรองบนพื้นกระดานไม้เนื้อดีนั่งกินกันง่ายๆ
เรศมีฝีมือปรุงอาหารไม่เลวจริงๆ แม้หญิงสาวจะลองชิมมาบ้างแล้วตอนประกอบอาหาร แต่ก็ยังทึ่งในรสชาติอยู่ดี ส่วนเพื่อนสนิทสองหน่อนั้นน่าจะเคยลิ้มรสมีอกันมาแล้วหลายครั้งจึงไม่จำเป็นต้องเยินยอออกหน้า แค่ดูท่าตักใส่ปากกินเอาๆก็รู้แล้วว่าถูกใจแค่ไหน
การสนทนาก็เป็นแบบเพื่อนเก่าร่วมสถาบันคุยกันถึงอดีตประสบการณ์ร่วมกันเมื่อครั้งเรียนวิทยาลัย เรื่องโน้น เรื่องนี้ วีรกรรมโลดโผนต่างๆ รู้เฉพาะในหมู่กันเอง ไม่ได้มีเนื้อที่ให้หญิงสาวคนเดียวในวงมีส่วนร่วมแต่ก็พอรับฟังได้เพลินๆไม่ใส่ใจเท่าไหร่
เพราะสมองของเธอกำลังขบคิดหนัก กลัดกลุ้มกับเรื่องเลวร้าย เหตุการณ์น่าขนลุกที่จะเกิดกับพี่ชายตนเองภายในไม่กี่เวลาต่อจากนี้ สิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติสำหรับหญิงสาวไม่ใช่ประเด็นที่จะต้องมานั่งสงสัยอีกต่อไป ก็ด้วยเจอจังๆมากับตัวเองถึงสองครั้งสองหน เธอจึงเชื่อสนิทว่าอะไรก็ตามที่น่าสะพรึงกลัวคงไม่แคล้วต้องเกิดขึ้นแน่ตามคำเตือนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ใจหนึ่งเธออยากจะโพล่งขึ้นให้วงแตกไปเลยว่า ไปหน้ามืดตามัวเก็บของอะไรมา แต่เรศที่คอยมองมาตลอดส่งสายตาปราม ส่ายหน้าห้ามพลางชนแก้วกับเพื่อนๆที่เสนอมาโดยไม่มีหยุดหย่อนด้วยลักษณะเหมือนกับจะเมาตาม แต่ถ้าสังเกตอย่างใกล้ชิดอย่างที่หญิงสาวทำจะพบว่าดวงตาเขายังแจ่มใสอยู่ยัง จิบไวน์แต่พอเป็นพิธี แต่ภายนอกคล้อยตามเพื่อนอย่างไม่มีขัด
ไม่นานหลังจากนั้น หญิงสาวก็รู้เจตนาของชายหนุ่ม เมื่อคนแรกคือพี่ชายของเธอตาปรือเกือบจะหลับ พูดจาลิ้นพันกันมั่วไปหมดจับใจความไม่ได้ท่าทางหมดสภาพ หันมาทางพี่คง คนนี้ประคองตัวได้ดีกว่ามาก ยังคงมีสติดีอยู่ แต่ดวงตาก็ริบหรี่เต็มทน
“เพื่อน ทั้งอิ่มทั้งเมาว่ะ ไม่ได้เจออย่างนี้มานานว่ะ โอ้ยดีใจจริงๆได้มาเจอเพื่อนฝูงวันนี้” คงพยายามสบตากับเรศแต่สายตาเริ่มเลื่อนลอย ไม่เพ่งรวมกัน ในที่สุดก็ค่อยๆโน้มตัวลงกับพื้นแต่ก็ยังอุตส่าห์พูดขึ้นแม้ลิ้นไก่ไม่ปกติ
“ขอบใจโว้ย ฉันไม่ได้มีความสุขอย่างนี้มานานแล้ว ต้องขอโทษน้องสาวด้วย พี่มาทำให้น้องเป็นภาระเสียแล้ว รักกันนานๆนะ ดูเจ้าโรจน์ต่อแทนฉันที มันเมาไม่ได้เรื่องแล้ว”
กลับกลายเป็นว่าพอพูดจบก็ฟุบหลับไปก่อน หญิงสาวหันมามองเรศ เห็นสีแดงชาดปาดสองแก้มเพราะดื่ม ผู้ชายอะไรผิวพรรณเลือดลมดีเกินผู้หญิง
ส่วนโรจน์ หมอนี้อยู่ในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นเพราะคอแข็งกว่าเพื่อน พยายามนั่งตรงทั้งๆที่ฝืนไปต่อไม่ไหวแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะล้มตัวลง จะผลักขับ บังคับอย่างไรก็ไม่เกิดผล ขัดขืนไม่ยอมนอนท่าเดียวจะกินต่อร่ำไป
เรศเลยใช้วิธีสุดท้าย ลุกขึ้นเดินหายไปในห้อง ค้นหาอะไรกุกกักอยู่สักครู่จากที่ได้ยินเสียงเปิดปิดตู้ไม้ หญิงสาวกะวนกะวายอยากจะตามติดไปด้วย แต่พอดีเรศกลับมาก่อนในมือถือแก้วสั้นมีน้ำสีเหลืองอำพันแต่ขุ่นเล็กน้อยบรรจุอยู่ยื่นให้เจ้าโรจน์
“เอ้า กินเหล้านี้ดีกว่า แกจะสบายขึ้น คอทองแดงอย่างแกไวน์ทำอะไรไม่ได้หรอก เหล้าเก่าเก็บตั้งแต่รุ่นพ่อฉันยังหนุ่มเลยนะ อยากให้แกลองกินดูแต่ไม่รู้แกจะกล้าหรือเปล่า”
เสียงเชิงท้าทายนิดๆทำให้โรจน์ลืมตาโพลงขึ้น ความเป็นสิงห์ช่ำชองในทางนี้ย่อมถูกเย้ยไม่ได้เป็นอันขาด ยอมรับการประลองทุกชนิด รับแก้วที่มือเพื่อนมาแต่ก่อนจะเทใส่ปากยังไม่วายต่อรอง
“ประเดี๋ยว แกต้องกินไวน์ในแก้วนั้นรินเต็มๆให้หมดเสียก่อน ฉันถึงจะยอมกินเหล้าแก้วนี้ของแก”
หญิงสาวเห็นเรศมองเพื่อนอย่างชาชินรู้กันมากกว่าจะเบื่อหน่ายรำคาญ เขาทำตามยกขวดไวน์เทใส่แก้วตัวเองเต็มๆ ขณะยกทำท่าจะดื่มให้เห็น เกศก็ตัดสินใจเฉียบพลันเอื้อมมือไปชิงแก้วไวน์ชายหนุ่มมาใส่มือตัวเอง และก่อนที่เรศจะยั้งไว้ได้ทัน เธอก็ดื่มไวน์รวดเดียวหมดแก้ว
“ขอกินแทนนะค่ะ นั่งดูพวกพี่กินกันมาตั้งนานแล้ว” พูดตอกท้ายอย่างนั้น เหมือนกับจะมาดมั่น แต่แล้วก็เอามือกุมปากคอขย้อนทำท่าจะอ้วกออกมา
เรศปรี่เข้ามาดูแลทันที เจ้าโรจน์เห็นภาพเช่นนั้นแทนที่จะหวงน้องสาวกลับรู้สึกพึงพอใจแทน กระดกแก้วในมือสาดลำคอในที่สุด รู้สึกได้เลยถึงความร้อนที่ผ่านลงจนตกถึงช่องท้อง หลังจากนั้นความวูบวาบก็แผ่ขยายขึ้นจนถึงสมอง ขณะจะว่ากล่าวแซวสักคำสองคำให้น้องสาวตัวเองกระดากเล่น พลันรู้สึกพื้นกระดานตีรวน เพดานโคลงเคลง ตาพล่าเลือน หมดความรู้สึกไป
ชายหนุ่มโอบไหล่หญิงสาวยื่นมือมารองที่ปาก เธอยกมือห้ามแม้ยังคงแสดงอาการผะอืดผะอมอยู่ แต่ในที่สุดก็กล้ำกลืนลงคอไปได้สำเร็จ
“ไม่ควรรีบดื่มเข้าไปอย่างนั้น” ชายหนุ่มติงด้วยเสียงนุ่มๆ ก่อนรินน้ำเปล่าส่งให้เธอดื่ม
ไม่นานเท่าไหร่หญิงสาวก็พวงแก้มเปล่งปลั่งด้วยฤทธิ์น้ำองุ่นหมัก คราวนี้เธอรินให้ตัวเองพลางค่อยๆจิบ ไม่พรวดพราดเช่นครั้งแรก
“พี่เรศเอาอะไรให้พี่โรจน์กินค่ะ ถึงได้ปราบเซียนคอทองแดงได้” เกศถามพลางยิ้ม เหลือบไปมองพี่ชายตัวเองที่นอนกองอยู่กับพื้นกระดานไม่เป็นท่า ควบคู่กับสหายนายคง
“เหล้าคนม้ง ของเก่าเก็บคุณปู่พี่ พี่เคยอยากลองดีกินเข้าไปจิบหนึ่ง เกือบร่วงเหมือนกัน” ชายหนุ่มตอบพร้อมทยอยเก็บจานชาม กับข้าวที่กินไม่หมดลำเลียงลงไปในครัว หญิงสาวรีบช่วยอย่างขมีขมัน ไม่วายที่ชายหนุ่มจะห้ามเท่าใด หญิงสาวก็ยังดื้อดึงที่จะมีส่วนช่วยให้ได้
เมื่อจัดการเรื่องล้างจานชามและกับข้าวเหลือเก็บใส่ตู้เสร็จ หญิงสาวก็แสดงอาการกระดากกระเดื่องก่อนกล่าวกับเรศ
“เกศอยากจะอาบน้ำค่ะ แต่ แต่ไม่กล้าลงไปคนเดียว” พูดจบเธอก็ก้มหน้าด้วยความอาย
เรศไม่แสดงทีท่าอื่นใด หากมองดูหญิงสาวอย่างเอ็นดู
“ถ้าเกศไม่รู้สึกอึดอัด พี่จะขอไปยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำ ยืนคุยเป็นเพื่อนกับน้องเกศจนกว่าจะอาบน้ำเสร็จ แต่พี่ขอจัดการบางอย่างก่อน”
หญิงสาวผงกศีรษะอย่างงงๆ แต่แล้วก็เข้าใจเมื่อชายหนุ่มเลื่อนโต๊ะกินข้าวไปไว้ทางอื่น เอาโต๊ะสูงแคบมาวางแทนตรงฝาผนังห้อง พร้อมด้วยพระพุทธรูปบูชาหน้าตักประมาณห้านิ้ว เป็นองค์รูปหล่อแบบโบราณ เฉกเช่นพระประธาน
เรศวางท่านลงบนโต๊ะสูง กล่าวนมัสการพร้อมทั้งคาถาบูชา หญิงสาวคุกเข่าพนมมือตามน้อมจิตไปด้วยกันอย่างไม่ต้องให้ชายหนุ่มบอกกล่าว
“เจ้าประคุณ ขอให้พี่โรจน์พ้นผ่านคืนนี้ไปด้วยดี” หล่อนภาวนาในใจ
หลังจากนั้นเรศค้นหมอน ผ้าห่ม ที่มีกลิ่นอับเล็กน้อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย เขาค่อยๆช้อนยกหัวเพื่อนทั้งสองและสอดหมอนหนุนให้ รวมถึงห่มผ้าให้อย่างบรรจง
เกศยืนทาบอกมองดูอย่างอัศจรรย์ใจ นี้ฉันสร้างบุญกุศลอันใดมาในอดีตชาติถึงได้มาเจอผู้ชายแสนดีคนนี้ สวยทั้งรูปลักษณ์ภายนอก งามในใจ
ถ้าหล่อนกระโจนเข้ากอดชายคนนี้ได้ ฌ ตอนนั้นหล่อนก็จะทำโดยไม่ลังเล แต่ด้วยมีปัญหาบางอย่างต้องป้องกันแก้ไขแบบเฉียบพลัน แต่พอเธอขยับปากจะพูด ชายหนุ่มก็ชูหวีไม้อันหนึ่งให้เห็น เป็นหวีซี่ไม่ถี่มากหนัก รูปแบบโบราณที่ลดการเสียดสีกับผม ไม่มีประจุไฟฟ้าเวลาสางผม
“พี่ค้นเจอจากกระเป๋ากางเกงของเจ้าโรจน์” เรศพูดด้วยน้ำเสียงกังวล” หวีโบราณเก่าแก่อย่างนี้ มันไม่ใช่ธรรมดาแล้ว เจ้าของจงใจ ทิ้งไว้ให้เห็น เจ้าโรจน์คงไปแอบเก็บเข้า”
เกศใจหายวาบ แทบไม่ได้ยิ