ย้อนอ่านบทก่อนหน้า
บทที่ 15
สิ่งที่มองข้าม
( Ignore )
อาหารเช้าเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อมนุษย์ ทั้งช่วยควบคุมน้ำหนัก บำรุงสมองและหัวใจ อีกทั้งยังทำให้มีเรี่ยวแรงในการทำงาน เพื่อที่จะได้สนุกสนานกับกิจกรรมและประสบการณ์ใหม่ๆ ตลอดช่วงเวลาทั้งวัน แต่ผู้คนส่วนใหญ่มักละเลยที่จะรับประทาน ครั้นพอถึงคราวที่ร่างกายฟ้องว่า ต้องการ ก็จะค่อยตระหนักรู้ได้ถึงคุณค่าของมัน
เป็นเวลาหลายวันแล้วที่ศัลยแพทย์หนุ่มอย่างคุณหมอมงคลมาสไม่ได้ติดต่อกับอาจารย์สาวอย่างพิมพ์ประภัสร์ นับตั้งแต่วันที่เขาหาเรื่องพาเธอขึ้นรถเพื่อไปส่งยังมหาวิทยาลัย และจากวันนั้นมาหญิงสาวก็ไม่ได้รับการติดต่อจากทางเขาอีกเลย
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีหลายครั้งที่อาจารย์สาวมองว่าสิ่งที่คุณหมอหนุ่มทำ ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความ หรือโทรศัพท์มาหา ล้วนเป็นการก่อกวนเพื่อให้เธอตัดใจจากเขาไม่ได้แทบทั้งสิ้น แต่ตอนนี้เจ้าหล่อนกลับรู้สึกใจหายที่ไม่ได้รับช่วงเวลาเหล่านั้น พิมพ์ประภัสร์ครุ่นคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา ถ้าหากว่าสิ่งที่เขาทำเปรียบเสมือนกับอาหารเช้า มันก็คงเป็นอาหารเช้าจำพวกขนมปัง เช่น ครัวซอง หรือแซนด์วิช ที่หาได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป ดั่งที่เธอและคนส่วนใหญ่ต่างมองว่าเอาไว้ใช้ทานรองท้องเท่านั้น แต่สำหรับตอนนี้หญิงสาวกลับโหยหาและต้องการของว่างเหล่านั้น ถึงแม้มันจะเป็นเพียงขนมปังหนึ่งแผ่น หรือแซนด์วิชแค่ครึ่งชิ้นก็ตาม
พิมพ์ประภัสร์หมุนโทรศัพท์มือถือเล่นไปมาอยู่บนโต๊ะภายในห้องพักครู พลางครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น อาจารย์สาวรู้ตัวดีว่าขณะนี้เธอกำลังคิดถึงอดีตคนรัก แต่ก็พยายามที่จะหักห้ามใจตนเองไม่ให้คิดถึงเขามากไปกว่านี้ เพราะเธอกลัวและไม่อยากกลับไปอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ทรมานเหมือนช่วงเวลาที่ผ่านๆ มา
ช่วงเวลาที่ว่าคือ ช่วงเวลาที่เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ทั้งความเข้มแข็ง และความอดทน ซึ่งนั่นคือ สิ่งที่ต้องใช้ในการเผชิญโลกด้วยตัวคนเดียว ภายใต้หน้ากากที่เก็บซ่อนความอ่อนแอ และความเจ็บปวดเอาไว้อย่างมิดชิด ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ใครได้รับรู้ถึงความรู้สึกนั้น รอยยิ้มของหญิงสาวที่ดูมีความสุขทุกครั้งในช่วงเวลาที่อยู่กับเพื่อนๆ และผู้คนคือ การแสดงฉากหนึ่งทีเธอต้องเล่นเพื่อให้ผ่านพ้นไปวันๆ ก่อนที่จะกลับมานอนร้องไห้เพียงลำพังเมื่อการแสดงนั้นสิ้นสุดลง
พิมพ์ประภัสร์นึกย้อนไปถึงช่วงเวลาเหล่านั้น หญิงสาวรู้สึกได้ว่าบัดนี้เธอเดินมาไกลกว่าห้วงความรู้สึกที่เคยเป็น อาจารย์สาวผ่านมันมาได้และจะไม่มีวันย้อนกลับไปหามันอีก
หล่อนหยุดความคิดถึงที่มีต่อเขาเพียงเท่านั้น ก่อนที่จะบอกกับตัวเองว่าคงถึงเวลาที่เขาได้จากเธอไปแล้วจริงๆ หญิงสาวค่อยๆ ฉีกยิ้มออกมาอย่างสุขใจ พลางมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือ ก่อนจะวางมันลงไปบนโต๊ะ แล้วลุกจากเก้าอี้เพื่อเก็บของเตรียมตัวกลับที่พัก
อาจารย์สาวเดินออกมาจากห้องพักครูเพื่อลงลิฟท์ไปยังชั้นล่าง ขณะนั้นเองเสกสรรค์ซึ่งเป็นอาจารย์ต่างคณะ ก็วิ่งเข้ามาอยู่ในลิฟท์ตัวเดียวกันกับเธออย่างเร่งรีบก่อนที่ประตูของลิฟท์จะปิดลง
“ อ้าว!! อาจารย์พิมพ์ จะกลับแล้วเหรอครับ ? ” ชายหนุ่มทักทาย
“ ค่ะ... ” เธอตอบพลางยิ้มให้เขาอย่างไมตรี
เสกสรรค์อมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นเจ้าหล่อนส่งยิ้มให้ เขาก้มหน้าลงอย่างอายๆ พลางคิดหาเรื่องชวนคุย
“ เอ่อ...แล้ว...วันนี้อาจารย์พิมพ์รีบกลับไหมครับ ? “ อาจารย์หนุ่มถาม
“ ท...ทำไมคะ ?? อาจารย์มีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า ? ” หญิงสาวถามกลับอย่างสงวนท่าที
“ ผ....ผมกะว่าจะชวนอาจารย์ไปทานข้าวเย็นด้วยกันน่ะครับ ” เสกสรรค์กล่าวชักชวนอย่างประหม่า ซึ่งภายใต้กรอบแว่นที่ดูหนา หญิงสาวเห็นชัดเลยว่าเขาขยิบตาถี่ขึ้นเพราะความตื่นเต้น
พิมพ์ประภัสร์ฉีกยิ้มด้วยความขบขันในท่าทีของเขา เจ้าหล่อนรู้อยู่แล้วว่าอาจารย์หนุ่มต้องการจะจีบเธอ แต่หญิงสาวก็ยังไม่พร้อมที่จะเปิดรับใครเข้ามา จึงได้แต่ปฏิเสธข้อเสนอของเขาไปอย่างสุภาพและนุ่มนวล
ประตูลิฟท์ถูกเปิดออกเมื่อลงมาถึงยังชั้นล่างของตัวอาคาร หญิงสาวก้าวเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว เพราะเธอไม่อยากจะยืนเสวนากับเขาให้มากความ แต่ทันทีที่อาจารย์สาวก้าวเท้าพ้นจากรัศมีที่กำลังคุกคามเธออยู่นั้น เจ้าหล่อนกลับต้องประหลาดใจและตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อพบกับบุคคลที่คิดว่าได้จากเธอไปแล้วกลับยืนรอคอยอยู่ตรงหน้าตึกคณะ
หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างตกใจราวกับเห็นผี ขาซ้ายของเธอก้าวไปข้างหน้าไม่ออก อีกทั้งปากของเจ้าหล่อนก็ไม่ขยับ ราวกับว่าทุกส่วนในร่างกายมันไม่ตอบสนองต่อบุคคลที่ยืนอยู่ตรงนั้น อาจารย์สาวตัวแข็งพลางจ้องมองดูเขา ก่อนที่สติสัมปชัญญะจะช่วยให้เธอรวบรวมความกล้าและเปล่งเสียงออกมาได้ในที่สุด
“ คุณหมอ ” เธอพูด
“ ผมมารับคุณกลับคอนโดฯ ครับ...คุณพิมพ์ ” ศัลยแพทย์หนุ่มกล่าวทักทายเธอพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่จะพูดประโยคต่อไป
“ ขอโทษด้วยนะครับที่ช่วงนี้ผมมีประชุมแทบจะทุกวัน อีกอย่างผมเองก็คิดถึงคุณมาก ผมก็เลย... ”
“ หยุดพูดเถอะค่ะคุณหมอ!! ฉันดีใจเสียอีกที่คุณหายไปแบบนี้ ” เธอตัดบท
หมอหนุ่มมองหน้าเธอพลางกรอกตาไปมาราวกับแปลกใจในคำพูดที่ได้ยิน
“ คุณกลับไปเถอะค่ะ...ฉ...ฉัน... ” พิมพ์ประภัสร์พูดไม่ออก หญิงสาวรู้สึกได้ว่ากำลังทำในสิ่งที่ฝืนใจตนเอง ทำไมนะ...ทำไมเขาต้องโผล่มาในช่วงเวลาที่เธอเกือบจะลืมเขาได้ ?!!
หญิงสาวหยุดคำพูดของเธอไว้ ก่อนที่จะเหลือบเห็นเสกสรรค์ที่กำลังเดินตรงไปยังลานจอดรถ อาจารย์สาวจึงรีบปรี่ไปหาเขาพลางร้องเรียก
“ อาจารย์เสกสรรค์คะ!!...อาจารย์เสกสรรค์ ” หล่อนเร่งฝีเท้า
อาจารย์หนุ่มหันกลับมาทันทีที่ได้ยินเสียง “ ครับ ??... ”
หญิงสาวเดินเข้าไปหาเขาพลางคล้องแขนไว้ อาจารย์หนุ่มตกใจ หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เช่นเดียวกับศัลยแพทย์หนุ่มที่เลือดขึ้นหน้าเมื่อเห็นภาพที่ว่านั่น
“ สรุปที่อาจารย์ชวนฉันไปทานข้าว...ฉันตกลงนะคะ!! ว่าแต่...เราจะไปทานข้าวกันที่ร้านไหน ? ” หญิงสาวถามเขา แต่ส่งสายตามาทางคุณหมอเพื่อให้รู้ว่าเธอกำลังมีนัด
“ อ...อ่อ..ที่.. ” เขาตะกุกตะกักทำท่าจะตอบ แต่เจ้าหล่อนกลับพูดแทรกเพื่อไม่ให้เสียเวลา
“ ถ้าอย่างนั้นเรารีบไปกันเถอะค่ะ พอดีฉันหิวแล้ว ” หญิงสาวคะยั้นคะยอให้เขารีบไปจากตรงนั้น
นายแพทย์หนุ่มรู้สึกไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาทั้งรู้สึกผิดหวังและเสียใจ สลับกับขุ่นเคือง ชายหนุ่มมองดูคนทั้งคู่ขึ้นรถยนต์สีกรมท่าคันเก่าๆ ของเสกสรรค์ เพื่อที่จะขับออกไปรับประทานอาหาร
คุณหมอก้าวเท้าเข้ามาในรถสีขาวคู่ใจ พลางมองดูเธอที่นั่งอยู่ในนั้นด้วยสายตาที่หม่นหมอง รถของอาจารย์หนุ่มขับเคลื่อนตัวออกไป ท่ามกลางแววตาโศกเศร้าของคุณหมอที่มองคล้อยตาม...หมดแล้วซึ่งเยื่อใยของความรักที่เขาเคยมีให้ ศัลยแพทย์หนุ่มก้มหน้าสตาร์ทเครื่องเตรียมตัวจะขับรถออกไปเช่นกัน ทว่ากลับเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหันพลางหมุนพวงมาลัย แล้วขับตามรถของคนทั้งคู่ไป
สองอาจารย์หนุ่มสาวมาถึงยังร้านอาหารที่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก ซึ่งบรรยากาศภายในร้านตกแต่งเป็นแบบสไตล์ยุโรป ด้านนอกมีลานกว้างที่ถูกวางผังให้เป็นสวนหย่อมขนาดเล็ก ซึ่งมีทั้งน้ำพุ และม้านั่งชิงช้าตั้งอยู่ ซึ่งถือว่าค่อนข้างสวยงาม และดูร่มรื่นทีเดียว แม้ว่าจะเป็นร้านที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองก็ตาม
เขาทั้งคู่ก้าวลงมาจากรถ แต่เสกสรรค์ขอตัวไปซื้อยาแก้ท้องอืดจากร้านขายยาที่อยู่ใกล้ๆ กันก่อน แล้วค่อยตามเธอไป พิมพ์ประภัสร์ยิ้มให้กับท่าทีที่ดูขบขันของเขาอีกครั้ง หญิงสาวมองดูชายหนุ่มเดินไปยังร้านขายยาจนลับตา ก่อนที่จะเหลือบมองมาทางด้านหลังว่า อดีตคนรักของเธอตามมาหรือไม่ จากนั้นอาจารย์สาวจึงเดินขึ้นบันไดไปหาที่นั่งภายในร้าน หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าคุณหมอหนุ่มไม่ได้ตามเธอ
รถยนต์สีขาวคันใหญ่ขับเคลื่อนเข้ามายังลานจอดรถของร้านทันทีที่เธอคล้อยหลัง นายแพทย์หนุ่มมองหาพวกเขาทั้งคู่แต่ก็ไม่พบ นอกจากเห็นรถยนต์คันเก่าๆ ของเสกสรรค์จอดอยู่ ชายหนุ่มจึงลงจากรถเพื่อเข้าร้านเพราะต้องการตามหาคนรัก
หญิงสาวได้รับการต้อนรับจากพนักงานเป็นอย่างดี เธอถูกพามายังที่นั่งคู่กลางร้าน โดยฝั่งที่หล่อนนั่งหันออกไปที่ประตูทางเข้า ซึ่งทำให้อาจารย์สาวมองเห็นหมอหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามา
“ นี่ต้องถึงขั้นตามมาป่วนกันเลยเหรอ ?!! ” เธอค่อนขอดออกมาเบาๆ พลางก้มหัวหลบลงกับโต๊ะอย่างหงุดหงิด ทำให้พนักงานต้อนรับถึงกับงุนงงเล็กน้อยในท่าทีของเจ้าหล่อน แต่ไม่นานพนักงานคนนั้นก็เข้าใจในสิ่งที่เธอทำ เมื่อเขาเหลือบไปเห็นคุณหมอกำลังเดินตามหาอาจารย์สาวไปทั่วร้าน
พนักงานผู้มีไหวพริบคนนั้นจึงเดินเข้าไปหาเขาด้วยการทำทีเป็นต้อนรับ พลางสอบถามถึงเรื่องการมาใช้บริการที่ร้าน จากนั้นจึงพยายามคะยั้นคะยอให้ชายหนุ่มไปนั่งยังอีกที่หนึ่งซึ่งห่างไกลจากโต๊ะของเธอ แต่คุณหมอทำท่าเหมือนกับไม่สนใจ เขายังคงดึงดันที่จะมองหาพิมพ์ประภัสร์อยู่อย่างนั้น ซึ่งทางด้านหญิงสาวเองก็คิดว่าเขาคงเดินไปพ้นจากตรงนั้นแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมา แต่บังเอิญว่าดันเผลอหันไปมองเขาซึ่งอยู่อีกทางด้วยความไม่ตั้งใจ และเป็นจังหวะเดียวกับที่ศัลยแพทย์หนุ่มหันมาเห็นเข้าพอดี หญิงสาวตกใจจึงทำทีเป็นหลบอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะหนีไม่พ้น เพราะคุณหมอหนุ่มกำลังมุ่งตรงมาที่เธอทันที
“ สั่งอาหารหรือยังครับ ? ” เสกสรรค์ถามพิมพ์ประภัสร์ พลางทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่ด้านหน้า
หญิงสาวตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะเหลือบไปดูนายแพทย์หนุ่มที่ด้านหลังของเสกสรรค์ คุณหมอเองก็มีท่าทีที่ตกใจเช่นกัน เมื่อเห็นอาจารย์หนุ่มนั่งคอยกันท่า
ศัลยแพทย์หนุ่มเหลือบไปเห็นโต๊ะว่างที่ด้านหน้าจึงนั่งลงไป ซึ่งเป็นฝั่งที่ได้ประจันหน้ากับเธอพอดี เขาจ้องมองเธอมาจากอีกโต๊ะ พิมพ์ประภัสร์เองก็เช่นกัน หญิงสาวจ้องเขากลับพลางหยีตาให้อย่างไม่ยอมลงรอย...ดูท่าทางคุณหมอหนุ่มต้องการพยายามตามรังควานเธอเป็นแน่!!...หญิงสาวแอบตั้งแง่อยู่ในใจ ก่อนที่จะทำทีเป็นไม่ใส่ใจพลางหันไปยิ้มระรื่นให้เสกสรรค์อย่างเป็นมิตร
นายแพทย์มงคลมาสมองเธออย่างไม่สบอารมณ์ ดูท่าทางเจ้าหล่อนคงกำลังมีความสุขกับคู่ควงคนใหม่...หมอหนุ่มคิดในใจ จากนั้นจึงทำทีเป็นไม่ใส่ใจเช่นกัน เขาหยิบเมนูขึ้นมา แล้วกางมันออกเพื่อบังหน้าไว้ ก่อนที่จะหันไปสั่งอาหารกับบริกร
พิมพ์ประภัสร์ถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเขายังนั่งอยู่ตรงนั้น แถมสั่งอาหารเสียด้วย ดูท่าทางคืนนี้หมอหนุ่มคงจะอยู่ยาวเพื่อรอเธอเป็นแน่ หญิงสาวมองดูเขาสลับกับเสกสรรค์ พลางส่งยิ้มให้อาจารย์หนุ่มบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อกันการสงสัย ซึ่งทางเสกสรรค์เองก็ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไร แถมดีใจเสียด้วยซ้ำที่เธอยินยอมมารับประทานอาหารเย็นกับเขาเป็นครั้งแรก
ชายหนุ่มลุกลี้ลุกลนจนประหม่า เขาขยิบตาด้วยความตื่นเต้นเป็นบางครั้ง โดยเฉพาะเวลาที่ตักอาหาร หรือรินไวน์ให้แก่เธอ
หญิงสาวฉีกยิ้มอย่างเจื่อนๆ ให้กับเสกสรรค์ พลางรู้สึกตลกตัวเองเล็กน้อยที่มานั่งรับประทานอาหารอยู่กับเขา...โอ้!! คุณพระคุณเจ้า นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย ?!!! เธอนึกถามตนเอง กอปรกับเหลือบมองไปดูคุณหมอหนุ่มที่นั่งอยู่โต๊ะตรงข้ามไปด้วย
นายแพทย์หนุ่มมองอาจารย์สาวด้วยความหงุดหงิด สายตาที่ดูไม่เป็นมิตรของเขาบ่งบอกว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก พิมพ์ประภัสร์ได้ทีจึงทำเป็นแกล้งชนแก้วกับเสกสรรค์เพื่อเยาะยั่ว หวังจะให้เขาไม่พอใจและผละไปจากเธอ แต่คุณหมอหนุ่มเมื่อเห็นดังนั้น จึงแค่ทุบโต๊ะอย่างขุ่นเคืองด้วยมือที่กำส้อมไว้แน่น!!
หญิงสาวเห็นว่าวิธีนี้ค่อนข้างจะไม่ได้ผล และเธอเองก็เริ่มเบื่อที่จะปั้นหน้ายิ้มหวานใส่เสกสรรค์แล้ว เจ้าหล่อนถึงกับถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะขอตัวเพื่อไปเข้าห้องน้ำด้วยความเหนื่อยใจ
[นิยาย] ในดวงมาน...♡ #บทที่ 15
สิ่งที่มองข้าม
( Ignore )
อาหารเช้าเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อมนุษย์ ทั้งช่วยควบคุมน้ำหนัก บำรุงสมองและหัวใจ อีกทั้งยังทำให้มีเรี่ยวแรงในการทำงาน เพื่อที่จะได้สนุกสนานกับกิจกรรมและประสบการณ์ใหม่ๆ ตลอดช่วงเวลาทั้งวัน แต่ผู้คนส่วนใหญ่มักละเลยที่จะรับประทาน ครั้นพอถึงคราวที่ร่างกายฟ้องว่า ต้องการ ก็จะค่อยตระหนักรู้ได้ถึงคุณค่าของมัน
เป็นเวลาหลายวันแล้วที่ศัลยแพทย์หนุ่มอย่างคุณหมอมงคลมาสไม่ได้ติดต่อกับอาจารย์สาวอย่างพิมพ์ประภัสร์ นับตั้งแต่วันที่เขาหาเรื่องพาเธอขึ้นรถเพื่อไปส่งยังมหาวิทยาลัย และจากวันนั้นมาหญิงสาวก็ไม่ได้รับการติดต่อจากทางเขาอีกเลย
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีหลายครั้งที่อาจารย์สาวมองว่าสิ่งที่คุณหมอหนุ่มทำ ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความ หรือโทรศัพท์มาหา ล้วนเป็นการก่อกวนเพื่อให้เธอตัดใจจากเขาไม่ได้แทบทั้งสิ้น แต่ตอนนี้เจ้าหล่อนกลับรู้สึกใจหายที่ไม่ได้รับช่วงเวลาเหล่านั้น พิมพ์ประภัสร์ครุ่นคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา ถ้าหากว่าสิ่งที่เขาทำเปรียบเสมือนกับอาหารเช้า มันก็คงเป็นอาหารเช้าจำพวกขนมปัง เช่น ครัวซอง หรือแซนด์วิช ที่หาได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป ดั่งที่เธอและคนส่วนใหญ่ต่างมองว่าเอาไว้ใช้ทานรองท้องเท่านั้น แต่สำหรับตอนนี้หญิงสาวกลับโหยหาและต้องการของว่างเหล่านั้น ถึงแม้มันจะเป็นเพียงขนมปังหนึ่งแผ่น หรือแซนด์วิชแค่ครึ่งชิ้นก็ตาม
พิมพ์ประภัสร์หมุนโทรศัพท์มือถือเล่นไปมาอยู่บนโต๊ะภายในห้องพักครู พลางครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น อาจารย์สาวรู้ตัวดีว่าขณะนี้เธอกำลังคิดถึงอดีตคนรัก แต่ก็พยายามที่จะหักห้ามใจตนเองไม่ให้คิดถึงเขามากไปกว่านี้ เพราะเธอกลัวและไม่อยากกลับไปอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ทรมานเหมือนช่วงเวลาที่ผ่านๆ มา
ช่วงเวลาที่ว่าคือ ช่วงเวลาที่เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ทั้งความเข้มแข็ง และความอดทน ซึ่งนั่นคือ สิ่งที่ต้องใช้ในการเผชิญโลกด้วยตัวคนเดียว ภายใต้หน้ากากที่เก็บซ่อนความอ่อนแอ และความเจ็บปวดเอาไว้อย่างมิดชิด ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ใครได้รับรู้ถึงความรู้สึกนั้น รอยยิ้มของหญิงสาวที่ดูมีความสุขทุกครั้งในช่วงเวลาที่อยู่กับเพื่อนๆ และผู้คนคือ การแสดงฉากหนึ่งทีเธอต้องเล่นเพื่อให้ผ่านพ้นไปวันๆ ก่อนที่จะกลับมานอนร้องไห้เพียงลำพังเมื่อการแสดงนั้นสิ้นสุดลง
พิมพ์ประภัสร์นึกย้อนไปถึงช่วงเวลาเหล่านั้น หญิงสาวรู้สึกได้ว่าบัดนี้เธอเดินมาไกลกว่าห้วงความรู้สึกที่เคยเป็น อาจารย์สาวผ่านมันมาได้และจะไม่มีวันย้อนกลับไปหามันอีก
หล่อนหยุดความคิดถึงที่มีต่อเขาเพียงเท่านั้น ก่อนที่จะบอกกับตัวเองว่าคงถึงเวลาที่เขาได้จากเธอไปแล้วจริงๆ หญิงสาวค่อยๆ ฉีกยิ้มออกมาอย่างสุขใจ พลางมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือ ก่อนจะวางมันลงไปบนโต๊ะ แล้วลุกจากเก้าอี้เพื่อเก็บของเตรียมตัวกลับที่พัก
อาจารย์สาวเดินออกมาจากห้องพักครูเพื่อลงลิฟท์ไปยังชั้นล่าง ขณะนั้นเองเสกสรรค์ซึ่งเป็นอาจารย์ต่างคณะ ก็วิ่งเข้ามาอยู่ในลิฟท์ตัวเดียวกันกับเธออย่างเร่งรีบก่อนที่ประตูของลิฟท์จะปิดลง
“ อ้าว!! อาจารย์พิมพ์ จะกลับแล้วเหรอครับ ? ” ชายหนุ่มทักทาย
“ ค่ะ... ” เธอตอบพลางยิ้มให้เขาอย่างไมตรี
เสกสรรค์อมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นเจ้าหล่อนส่งยิ้มให้ เขาก้มหน้าลงอย่างอายๆ พลางคิดหาเรื่องชวนคุย
“ เอ่อ...แล้ว...วันนี้อาจารย์พิมพ์รีบกลับไหมครับ ? “ อาจารย์หนุ่มถาม
“ ท...ทำไมคะ ?? อาจารย์มีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า ? ” หญิงสาวถามกลับอย่างสงวนท่าที
“ ผ....ผมกะว่าจะชวนอาจารย์ไปทานข้าวเย็นด้วยกันน่ะครับ ” เสกสรรค์กล่าวชักชวนอย่างประหม่า ซึ่งภายใต้กรอบแว่นที่ดูหนา หญิงสาวเห็นชัดเลยว่าเขาขยิบตาถี่ขึ้นเพราะความตื่นเต้น
พิมพ์ประภัสร์ฉีกยิ้มด้วยความขบขันในท่าทีของเขา เจ้าหล่อนรู้อยู่แล้วว่าอาจารย์หนุ่มต้องการจะจีบเธอ แต่หญิงสาวก็ยังไม่พร้อมที่จะเปิดรับใครเข้ามา จึงได้แต่ปฏิเสธข้อเสนอของเขาไปอย่างสุภาพและนุ่มนวล
ประตูลิฟท์ถูกเปิดออกเมื่อลงมาถึงยังชั้นล่างของตัวอาคาร หญิงสาวก้าวเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว เพราะเธอไม่อยากจะยืนเสวนากับเขาให้มากความ แต่ทันทีที่อาจารย์สาวก้าวเท้าพ้นจากรัศมีที่กำลังคุกคามเธออยู่นั้น เจ้าหล่อนกลับต้องประหลาดใจและตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อพบกับบุคคลที่คิดว่าได้จากเธอไปแล้วกลับยืนรอคอยอยู่ตรงหน้าตึกคณะ
หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างตกใจราวกับเห็นผี ขาซ้ายของเธอก้าวไปข้างหน้าไม่ออก อีกทั้งปากของเจ้าหล่อนก็ไม่ขยับ ราวกับว่าทุกส่วนในร่างกายมันไม่ตอบสนองต่อบุคคลที่ยืนอยู่ตรงนั้น อาจารย์สาวตัวแข็งพลางจ้องมองดูเขา ก่อนที่สติสัมปชัญญะจะช่วยให้เธอรวบรวมความกล้าและเปล่งเสียงออกมาได้ในที่สุด
“ คุณหมอ ” เธอพูด
“ ผมมารับคุณกลับคอนโดฯ ครับ...คุณพิมพ์ ” ศัลยแพทย์หนุ่มกล่าวทักทายเธอพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่จะพูดประโยคต่อไป
“ ขอโทษด้วยนะครับที่ช่วงนี้ผมมีประชุมแทบจะทุกวัน อีกอย่างผมเองก็คิดถึงคุณมาก ผมก็เลย... ”
“ หยุดพูดเถอะค่ะคุณหมอ!! ฉันดีใจเสียอีกที่คุณหายไปแบบนี้ ” เธอตัดบท
หมอหนุ่มมองหน้าเธอพลางกรอกตาไปมาราวกับแปลกใจในคำพูดที่ได้ยิน
“ คุณกลับไปเถอะค่ะ...ฉ...ฉัน... ” พิมพ์ประภัสร์พูดไม่ออก หญิงสาวรู้สึกได้ว่ากำลังทำในสิ่งที่ฝืนใจตนเอง ทำไมนะ...ทำไมเขาต้องโผล่มาในช่วงเวลาที่เธอเกือบจะลืมเขาได้ ?!!
หญิงสาวหยุดคำพูดของเธอไว้ ก่อนที่จะเหลือบเห็นเสกสรรค์ที่กำลังเดินตรงไปยังลานจอดรถ อาจารย์สาวจึงรีบปรี่ไปหาเขาพลางร้องเรียก
“ อาจารย์เสกสรรค์คะ!!...อาจารย์เสกสรรค์ ” หล่อนเร่งฝีเท้า
อาจารย์หนุ่มหันกลับมาทันทีที่ได้ยินเสียง “ ครับ ??... ”
หญิงสาวเดินเข้าไปหาเขาพลางคล้องแขนไว้ อาจารย์หนุ่มตกใจ หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เช่นเดียวกับศัลยแพทย์หนุ่มที่เลือดขึ้นหน้าเมื่อเห็นภาพที่ว่านั่น
“ สรุปที่อาจารย์ชวนฉันไปทานข้าว...ฉันตกลงนะคะ!! ว่าแต่...เราจะไปทานข้าวกันที่ร้านไหน ? ” หญิงสาวถามเขา แต่ส่งสายตามาทางคุณหมอเพื่อให้รู้ว่าเธอกำลังมีนัด
“ อ...อ่อ..ที่.. ” เขาตะกุกตะกักทำท่าจะตอบ แต่เจ้าหล่อนกลับพูดแทรกเพื่อไม่ให้เสียเวลา
“ ถ้าอย่างนั้นเรารีบไปกันเถอะค่ะ พอดีฉันหิวแล้ว ” หญิงสาวคะยั้นคะยอให้เขารีบไปจากตรงนั้น
นายแพทย์หนุ่มรู้สึกไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาทั้งรู้สึกผิดหวังและเสียใจ สลับกับขุ่นเคือง ชายหนุ่มมองดูคนทั้งคู่ขึ้นรถยนต์สีกรมท่าคันเก่าๆ ของเสกสรรค์ เพื่อที่จะขับออกไปรับประทานอาหาร
คุณหมอก้าวเท้าเข้ามาในรถสีขาวคู่ใจ พลางมองดูเธอที่นั่งอยู่ในนั้นด้วยสายตาที่หม่นหมอง รถของอาจารย์หนุ่มขับเคลื่อนตัวออกไป ท่ามกลางแววตาโศกเศร้าของคุณหมอที่มองคล้อยตาม...หมดแล้วซึ่งเยื่อใยของความรักที่เขาเคยมีให้ ศัลยแพทย์หนุ่มก้มหน้าสตาร์ทเครื่องเตรียมตัวจะขับรถออกไปเช่นกัน ทว่ากลับเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหันพลางหมุนพวงมาลัย แล้วขับตามรถของคนทั้งคู่ไป
สองอาจารย์หนุ่มสาวมาถึงยังร้านอาหารที่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก ซึ่งบรรยากาศภายในร้านตกแต่งเป็นแบบสไตล์ยุโรป ด้านนอกมีลานกว้างที่ถูกวางผังให้เป็นสวนหย่อมขนาดเล็ก ซึ่งมีทั้งน้ำพุ และม้านั่งชิงช้าตั้งอยู่ ซึ่งถือว่าค่อนข้างสวยงาม และดูร่มรื่นทีเดียว แม้ว่าจะเป็นร้านที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองก็ตาม
เขาทั้งคู่ก้าวลงมาจากรถ แต่เสกสรรค์ขอตัวไปซื้อยาแก้ท้องอืดจากร้านขายยาที่อยู่ใกล้ๆ กันก่อน แล้วค่อยตามเธอไป พิมพ์ประภัสร์ยิ้มให้กับท่าทีที่ดูขบขันของเขาอีกครั้ง หญิงสาวมองดูชายหนุ่มเดินไปยังร้านขายยาจนลับตา ก่อนที่จะเหลือบมองมาทางด้านหลังว่า อดีตคนรักของเธอตามมาหรือไม่ จากนั้นอาจารย์สาวจึงเดินขึ้นบันไดไปหาที่นั่งภายในร้าน หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าคุณหมอหนุ่มไม่ได้ตามเธอ
รถยนต์สีขาวคันใหญ่ขับเคลื่อนเข้ามายังลานจอดรถของร้านทันทีที่เธอคล้อยหลัง นายแพทย์หนุ่มมองหาพวกเขาทั้งคู่แต่ก็ไม่พบ นอกจากเห็นรถยนต์คันเก่าๆ ของเสกสรรค์จอดอยู่ ชายหนุ่มจึงลงจากรถเพื่อเข้าร้านเพราะต้องการตามหาคนรัก
หญิงสาวได้รับการต้อนรับจากพนักงานเป็นอย่างดี เธอถูกพามายังที่นั่งคู่กลางร้าน โดยฝั่งที่หล่อนนั่งหันออกไปที่ประตูทางเข้า ซึ่งทำให้อาจารย์สาวมองเห็นหมอหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามา
“ นี่ต้องถึงขั้นตามมาป่วนกันเลยเหรอ ?!! ” เธอค่อนขอดออกมาเบาๆ พลางก้มหัวหลบลงกับโต๊ะอย่างหงุดหงิด ทำให้พนักงานต้อนรับถึงกับงุนงงเล็กน้อยในท่าทีของเจ้าหล่อน แต่ไม่นานพนักงานคนนั้นก็เข้าใจในสิ่งที่เธอทำ เมื่อเขาเหลือบไปเห็นคุณหมอกำลังเดินตามหาอาจารย์สาวไปทั่วร้าน
พนักงานผู้มีไหวพริบคนนั้นจึงเดินเข้าไปหาเขาด้วยการทำทีเป็นต้อนรับ พลางสอบถามถึงเรื่องการมาใช้บริการที่ร้าน จากนั้นจึงพยายามคะยั้นคะยอให้ชายหนุ่มไปนั่งยังอีกที่หนึ่งซึ่งห่างไกลจากโต๊ะของเธอ แต่คุณหมอทำท่าเหมือนกับไม่สนใจ เขายังคงดึงดันที่จะมองหาพิมพ์ประภัสร์อยู่อย่างนั้น ซึ่งทางด้านหญิงสาวเองก็คิดว่าเขาคงเดินไปพ้นจากตรงนั้นแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมา แต่บังเอิญว่าดันเผลอหันไปมองเขาซึ่งอยู่อีกทางด้วยความไม่ตั้งใจ และเป็นจังหวะเดียวกับที่ศัลยแพทย์หนุ่มหันมาเห็นเข้าพอดี หญิงสาวตกใจจึงทำทีเป็นหลบอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะหนีไม่พ้น เพราะคุณหมอหนุ่มกำลังมุ่งตรงมาที่เธอทันที
“ สั่งอาหารหรือยังครับ ? ” เสกสรรค์ถามพิมพ์ประภัสร์ พลางทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่ด้านหน้า
หญิงสาวตกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะเหลือบไปดูนายแพทย์หนุ่มที่ด้านหลังของเสกสรรค์ คุณหมอเองก็มีท่าทีที่ตกใจเช่นกัน เมื่อเห็นอาจารย์หนุ่มนั่งคอยกันท่า
ศัลยแพทย์หนุ่มเหลือบไปเห็นโต๊ะว่างที่ด้านหน้าจึงนั่งลงไป ซึ่งเป็นฝั่งที่ได้ประจันหน้ากับเธอพอดี เขาจ้องมองเธอมาจากอีกโต๊ะ พิมพ์ประภัสร์เองก็เช่นกัน หญิงสาวจ้องเขากลับพลางหยีตาให้อย่างไม่ยอมลงรอย...ดูท่าทางคุณหมอหนุ่มต้องการพยายามตามรังควานเธอเป็นแน่!!...หญิงสาวแอบตั้งแง่อยู่ในใจ ก่อนที่จะทำทีเป็นไม่ใส่ใจพลางหันไปยิ้มระรื่นให้เสกสรรค์อย่างเป็นมิตร
นายแพทย์มงคลมาสมองเธออย่างไม่สบอารมณ์ ดูท่าทางเจ้าหล่อนคงกำลังมีความสุขกับคู่ควงคนใหม่...หมอหนุ่มคิดในใจ จากนั้นจึงทำทีเป็นไม่ใส่ใจเช่นกัน เขาหยิบเมนูขึ้นมา แล้วกางมันออกเพื่อบังหน้าไว้ ก่อนที่จะหันไปสั่งอาหารกับบริกร
พิมพ์ประภัสร์ถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเขายังนั่งอยู่ตรงนั้น แถมสั่งอาหารเสียด้วย ดูท่าทางคืนนี้หมอหนุ่มคงจะอยู่ยาวเพื่อรอเธอเป็นแน่ หญิงสาวมองดูเขาสลับกับเสกสรรค์ พลางส่งยิ้มให้อาจารย์หนุ่มบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อกันการสงสัย ซึ่งทางเสกสรรค์เองก็ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไร แถมดีใจเสียด้วยซ้ำที่เธอยินยอมมารับประทานอาหารเย็นกับเขาเป็นครั้งแรก
ชายหนุ่มลุกลี้ลุกลนจนประหม่า เขาขยิบตาด้วยความตื่นเต้นเป็นบางครั้ง โดยเฉพาะเวลาที่ตักอาหาร หรือรินไวน์ให้แก่เธอ
หญิงสาวฉีกยิ้มอย่างเจื่อนๆ ให้กับเสกสรรค์ พลางรู้สึกตลกตัวเองเล็กน้อยที่มานั่งรับประทานอาหารอยู่กับเขา...โอ้!! คุณพระคุณเจ้า นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย ?!!! เธอนึกถามตนเอง กอปรกับเหลือบมองไปดูคุณหมอหนุ่มที่นั่งอยู่โต๊ะตรงข้ามไปด้วย
นายแพทย์หนุ่มมองอาจารย์สาวด้วยความหงุดหงิด สายตาที่ดูไม่เป็นมิตรของเขาบ่งบอกว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก พิมพ์ประภัสร์ได้ทีจึงทำเป็นแกล้งชนแก้วกับเสกสรรค์เพื่อเยาะยั่ว หวังจะให้เขาไม่พอใจและผละไปจากเธอ แต่คุณหมอหนุ่มเมื่อเห็นดังนั้น จึงแค่ทุบโต๊ะอย่างขุ่นเคืองด้วยมือที่กำส้อมไว้แน่น!!
หญิงสาวเห็นว่าวิธีนี้ค่อนข้างจะไม่ได้ผล และเธอเองก็เริ่มเบื่อที่จะปั้นหน้ายิ้มหวานใส่เสกสรรค์แล้ว เจ้าหล่อนถึงกับถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะขอตัวเพื่อไปเข้าห้องน้ำด้วยความเหนื่อยใจ