ย้อนอ่านบทก่อนหน้า
บทที่ 6
เฉือนหัวใจ
( Shear )
เมื่อช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ได้ผ่านพ้นไป ทุกชีวิตต่างลืมตาตื่นขึ้นมาใหม่ในช่วงเช้าวันแรกของการทำงาน
บนถนนของเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานครคลาคล่ำไปด้วยรถราและผู้คนที่เร่งรีบกันตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า ร้านรวงต่างๆ ทั้งที่เป็นแบบอาคารพาณิชย์ตลอดจนหาบเร่แผงลอยต่างก็ทยอยจัดวางสินค้า รวมไปถึงนักเรียน นักศึกษาจากสถาบันต่างๆ ก็พากันเดินทางเพื่อไปร่ำเรียน แม้แต่ตัวของผู้ที่เป็นครูบาอาจารย์เองก็เช่นกัน
แสงแดดในยามเช้าถักทอผ่านม่านลายลูกไม้สีขาว มายังห้องของสาวที่เพิ่งจะโสดอย่างพิมพ์ประภัสร์ เธอลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อมาทำกิจวัตรประจำวันตั้งแต่หกโมงเช้าและเสร็จในเวลาไม่กี่นาทีถัดมา หญิงสาวรู้สึกได้ว่าเดี๋ยวนี้ตนมักจะทำอะไรคล่องแคล่วขึ้นกว่าแต่ก่อน นั่นอาจเป็นเพราะเธอเริ่มคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอยู่อย่างลำพังโดยไม่มีเขาคนนั้นได้แล้ว แม้ว่าความรู้สึกข้างในยังไม่สามารถที่จะตัดใจจากอดีตคนรักได้อย่างเด็ดขาด แต่ท่าทีเข้มแข็งที่พยายามแสดงออกมา ก็เพื่อที่จะบอกกับตนเองว่าชายผู้นั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรอีกแล้วกับชีวิตของเธอ
++++++++++++++++++++++++++++++
พิมพ์ประภัสร์ขับรถมาถึงมหาวิทยาลัยโดยใช้เวลาไม่นาน นั่นเป็นเพราะอาจารย์สาวรู้จักเลือกใช้เส้นทางที่เลี่ยงรถติด เธอยิ้มอย่างภาคภูมิใจที่สามารถทำอะไรเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเขา หญิงสาวจอดรถและไม่ลืมที่จะแต่งแต้มสีสันลงบนผิวหน้าเหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำก่อนขึ้นไปยังอาคารเรียน อยู่ๆ เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเป็นเชิงขัดจังหวะให้เธอหยุดกิจกรรมที่ทำลง...
ตรงเวลาเป๊ะ!! อาจารย์สาวคิดอยู่ในใจ จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูข้อความที่ส่งถึง
“ ขอโอกาสผมได้อธิบาย...ยังรักคุณเสมอ...จากพี่หมอ หึ!! ไม่มีทางเสียหรอก!! ” เจ้าหล่อนอ่านข้อความจากคนรักเก่าที่ส่งมา และคิดได้ทันทีว่าจะไม่เปิดโอกาสให้เขาได้กลับมาพูดแก้ต่างอะไรอีกอย่างแน่นอน
พิมพ์ประภัสร์กดปุ่ม ลบ ข้อความแล้ววางโทรศัพท์ลงอย่างไม่สนใจไยดี เธอพยายามที่จะลืมเขาและเรื่องราวที่เคยผ่านมา เธอพยายาม...พยายามอยู่อย่างนั้น แต่สุดท้ายกลับฉุกคิดขึ้นได้ว่าตนเองก็ต้องใช้เวลาในการตัดใจจากเขาให้ได้จริงๆ เสียก่อน เพราะทุกวันนี้ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อเขายังคุกรุ่นอยู่ลึกๆ ภายในใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่เธอเห็นภาพบรรยากาศเก่าๆ ผ่านเข้ามา
หญิงสาวนั่งนิ่งพลางสูดลมหายใจ เพื่อเก็บพักเรื่องที่คิดเอาไว้เบื้องหลัง ก่อนที่จะลงจากรถเพื่อมุ่งไปยังห้องพักครูซึ่งตั้งอยู่ในอาคารของภาควิชาที่เธอสอน ครั้นเมื่อไปถึงห้องเธอกล่าวทักทายเพื่อนอาจารย์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส โดยไม่มีอากัปกิริยาใดๆที่แสดงออกถึงความอ่อนแอที่เพิ่งเกิดขึ้น
ที่ผ่านมาอาจารย์สาวหลายท่านอดที่จะชื่นชมในตัวของเธอไม่ได้ว่าเป็นหญิงแกร่งที่สามารถฟื้นตนได้เร็วในเรื่องของความรัก และยังสามารถแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกันได้โดยที่ไม่ทำให้เสียการเสียงาน นอกจากนี้ก็ยังมีอาจารย์หนุ่มหลายคนในมหาวิทยาลัย ต่างก็คิดที่อยากจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่กับอาจารย์สาวคณะมนุษย์ฯ อย่างเธอ แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าพอที่จะเปิดประเด็นขอสานสัมพันธ์นั้น เว้นแต่ เสกสรรค์ อาจารย์หนุ่มคณะสังคมศาสตร์ที่กล้าเป็นผู้ท้าชิง แต่สุดท้ายก็ต้องโดนเจ้าหล่อนปฏิเสธกลับมา เพราะเหตุผลที่ว่าเธอยังไม่พร้อมที่จะเปิดใจรับใคร จึงทำให้อาจารย์สาวหลายคนต่างรู้สึกเสียดายและเข้าใจไปพร้อมๆ กัน อีกทั้งยังไม่ลืมให้กำลังใจถึงการเริ่มต้นเลือกคบคนใหม่ที่จะเข้ามา
++++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากที่เข็มสั้นของนาฬิกาชี้เลขแปดและเข็มยาวชี้เลขสิบสอง นักศึกษาต่างเร่งฝีเท้าเพื่อที่จะรีบขึ้นไปเรียนวิชาแรกของสัปดาห์ให้ทัน วาดลัดดาเองก็เช่นกันเธอกุลีกุจอรีบขึ้นบันไดโดยไม่รอลิฟท์โดยสารของอาคารเรียน เพราะวิชาแรกของวันนี้เป็นวิชาที่สอนโดยพี่สาวของตน สาวน้อยไม่อยากให้พิมพ์ประภัสร์มาค่อนขอดได้ว่า เธอไม่สามารถบริหารเวลาของตนเองได้ และเหนือสิ่งอื่นใดเธอกลัวที่จะต้องโดนบังคับให้มาอยู่ด้วยกันที่คอนโดฯ ซึ่งนักศึกษาสาวเองก็มาถึงทันเวลาก่อนที่พี่สาวจะเข้าสอนในไม่กี่นาทีด้วยอาการกระหืดกระหอบจากการวิ่งขึ้นบันได
พิมพ์ประภัสร์เข้ามาในห้องพลางกวาดสายตามองหาวาดลัดดาเป็นคนแรก และเมื่อเธอเห็นน้องสาวนั่งประจำอยู่กับที่ เจ้าหล่อนก็แสดงสีหน้าออกมาด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจก่อนที่จะเริ่มต้นสอนวิชาเรียนในคาบ
ทางวาดลัดดาเองก็รู้อยู่แล้วว่าหากเป็นคาบที่พี่สาวของตนเข้าสอน เธอจะต้องกระวีกระวาดรีบเข้าชั้นเรียนอย่างนี้ทุกครั้ง แม้จะต้องขึ้นบันไดแทนใช้ลิฟท์ก็ตาม แต่ครั้งนี้สาวน้อยกลับรู้สึกเหนื่อยมากกว่าครั้งก่อนๆ ทั้งที่ร่างกายก็เป็นปกติ ไม่เจ็บ ไม่ไข้ และไม่ได้ป่วยเป็นประจำเดือน หญิงสาวขอยืมยาดมจากเพื่อนข้างๆ มาสูดดมเพื่อคลายความวิงเวียนที่กำลังเกิดขึ้น เธอตั้งคำถามกับตนเองว่าช่วงนี้พักผ่อนน้อยไปหรือไร ทำไมสุขภาพร่างกายถึงดูย่ำแย่ มิหนำซ้ำก็ไม่ค่อยจะอยากรับประทานอะไร แม้แต่ของที่เคยชอบทานอยู่เป็นประจำ แต่ใครๆ กลับบอกว่าเธอดูอวบขึ้นจนสังเกตได้
“ อะไรกันยายวาด เดินขึ้นบันไดมาห้าชั้นแค่นี้ถึงกับหมดแรงเลยเหรอ เห็นปกติเรียนชั้นแปด-ชั้นเก้า เธอก็เดินขึ้นมาอย่างสบาย ?? ” เพื่อนในกลุ่มถามขึ้น เมื่อเห็นท่าทีที่ดูอ่อนเพลีย
“ สงสัยฉันพักผ่อนน้อยมั้งช่วงนี้...เลยเหนื่อยง่าย ” เธอว่า
“ ก็มัวแต่ทำอะไรอยู่ล่ะ...ถึงไม่ค่อยได้พักผ่อนน่ะ!! ” เพื่อนสาวอีกคนแกล้งแซว
“ ยายบ้า!! พูดจาน่าเกลียด ” สาวน้อยพูดพลางตีแขนเพื่อนก่อนที่จะหัวเราะกันคิกคัก จนทำให้พิมประภัสร์ถึงกับกระแอมออกมาขณะกำลังยืนสอนอยู่หน้าห้อง
วาดลัดดาและเพื่อนๆ ต่างเงียบลงโดยทันที เพราะกลัวโดนดุ...
“ นี่!! ยายวาด ถามจริงเถอะ...พี่สาวของเธอเขารู้หรือยังว่าเธอมีแฟน แถมพามานอนกกกันที่ห้องด้วย ?!! ” เพื่อนในกลุ่มกระซิบถาม
“ จะบ้าเหรอ...ให้รู้ได้ยังไง ?!! ถ้ารู้ฉันก็โดนด่าสิ!! ” วาดลัดดาทำตาโต
“ แล้วเธอคิดที่จะปิดเขาไปถึงเมื่อไร ?!! ” เพื่อนของเธอถามอีก
“ ฉันก็ไม่รู้!! รู้แค่ว่าตอนนี้ฉันมีความสุขดีอยู่ก็พอแล้ว!! ” วาดลัดดาเบือนหน้าพลางทำทีเป็นตั้งใจเรียน เพราะไม่อยากตอบคำถามที่คอยกวนใจเหล่านี้
บทสนทนาจากกลุ่มนักศึกษาสาวที่เพิ่งกระซิบกระซาบคุยกัน ชวนเรียกร้องความสนใจแก่คณิตเป็นอันมาก ชายหนุ่มละโสตประสาทจากเรื่องราวที่พิมพ์ประภัสร์กำลังสอนอยู่หน้าห้อง เพื่อรับฟังเรื่องที่สาวๆ ต่างเปิดประเด็น แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เขาอยากรู้เสียเท่าไร แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวาดลัดดาโดยตรง หนุ่มน้อยยินดีที่จะฟังในทุกๆ เรื่องของเธอ แม้ว่าบางเรื่องจะมีชื่อของวาดลัดดาปรากฏอยู่เพียงน้อยนิด หรือจะทรมานจิตใจของเขามากแค่ไหนก็ตาม
++++++++++++++++++++++++++++++
“ แล้วเธอไม่คิดที่จะบอกอาจารย์พิมพ์เลยเหรอ ?? ” คณิตกล่าวถามวาดลัดดา ขณะเดินเล่นกันอยู่ที่ศูนย์การค้าแถวมหาวิทยาลัยในช่วงพักกลางวัน
“ ไม่มีทาง!! ทุกวันนี้พี่พิมพ์ยังเห็นฉันเป็นเด็กอยู่เลย ไว้รอให้ถึงเวลาหรือทุกอย่างมันพร้อมก่อน แล้วฉันจะบอกเขาเอง ” สาวน้อยพูดถึงแผนการที่วางไว้
“ แล้วเธอคิดว่าเมื่อไร ?? ” ชายหนุ่มถาม
“ ก็...คงเมื่อฉันเรียนจบมั้ง!! ” เธอบอก
“ เธอคิดว่าเธอจะคบกับเขานานขนาดนั้นเลยเหรอ ? ” คณิตพลั้งปากถามออกไป จึงทำให้วาดลัดดารู้สึกไม่สบอารมณ์
“ นี่นายก้อง!! ทำไมเธอถึงถามอย่างนั้นล่ะ ?!!! ” สาวน้อยหยุดเดินพลางหันมาถามเขาอย่างเอาเรื่อง
“ เฮ้ย!!! ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องเธอนะ แต่ฉันแค่ถามเฉยๆ เพราะเป็นห่วงเธอเท่านั้นเอง ” เขารีบแก้ต่าง
“ ฉันรักเขา...ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยเขาไป หรือเลิกรากับเขาเป็นอันขาด!!! ” เธอประกาศ
คณิตรับฟังและน้อมรับในสิ่งที่เธอพูด ชายหนุ่มรู้โดยทันทีว่า สาวน้อยหลงรักโชติวุฒิอย่างจริงจัง รักจนไม่ยอมสนใจอะไร ซึ่งเขาเองก็หวังว่าโชติวุฒิจะรักเธอเทียบเท่ากับที่เธอรักเขาเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ความหวังของหนุ่มน้อยคงไม่มีวันเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน...
“ เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วก้อง พี่พิมพ์เดินมาโน่นแล้ว!! ” วาดลัดดาปรามเพื่อนของเธอ เมื่อเห็นพี่สาวกำลังเดินมาจากที่จอดรถ
“ โทษทีที่พี่มาช้า...กว่าจะหาที่จอดรถได้ต้องขับวนอยู่หลายรอบ!! ” อาจารย์สาวฉีกยิ้มมาแต่ไกล พลางเดินตรงมาหาคนทั้งคู่
“ ช่างเถอะค่ะพี่พิมพ์...ตอนนี้หนูหิวแล้ว เราไปหาอะไรทานกันดีกว่า ” วาดลัดดาจับแขนพี่สาว พลางพาเจ้าหล่อนเดินเลือกร้านอาหารในศูนย์การค้านั้น
ทั้งหมดต่างตกลงกันได้ว่าเที่ยงนี้พวกเขาจะรับประทานสเต็กที่เป็นร้านขึ้นชื่อซึ่งตั้งอยู่ชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้า ทั้งสามได้ที่นั่งติดกับกระจกใสบานใหญ่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ภายนอกได้อย่างชัดเจน อาจารย์สาวรู้สึกชื่นชอบทัศนียภาพของสังคมเมืองช่วงกลางวันเป็นอย่างมาก และรู้สึกว่าตนเองโชคดีที่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้
...แต่ทว่าความโชคดีมักจะอยู่กับเธอได้ไม่นาน เมื่อสายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นคู่กรณีเก่าอย่างทิพย์อำพันเดินเข้ามาในร้านเดียวกัน แล้วที่แย่ไปกว่านั้นเจ้าหล่อนกลับหนีบเอาคุณหมอหนุ่มคนรักเก่าของตนมาด้วย หญิงสาวแทบจะทำอะไรไม่ถูก นอกจากรับรู้ถึงสภาพหน้าที่กำลังชาไปด้วยความโกรธระคนเสียใจ เธอได้แต่ร้องบอกน้องสาวและลูกศิษย์ให้ย้ายร้านกันเดี๋ยวนั้น
วาดลัดดาและคณิตต่างงุนงงในสิ่งที่อาจารย์สาวร้องขอ แต่ไม่ทันที่จะได้ไถ่ถามหาความอะไร ทิพย์อำพันก็เหลือบมาพบกับพิมพ์ประภัสร์พอดี พยาบาลสาวแสยะยิ้มให้กับเธอเป็นการเปิดฉาก ก่อนที่จะลงมือป่วนประสาทด้วยแผนการที่เพิ่งคิดได้
สาวน้อยร่างเล็กทำทีเป็นปัดฝุ่นที่เกาะอยู่ตามเสื้อของนายแพทย์หนุ่มอย่างเอาใจใส่ ซึ่งทำให้คุณหมอถึงกับสงสัยในท่าทีของเธออยู่เล็กน้อยแต่ก็ยอมให้ทำแต่โดยดี มันช่างเป็นภาพที่บาดตาบาดใจพิมพ์ประภัสร์จนถึงกับทนไม่ได้ อาจารย์สาวลุกขึ้นยืนจากโต๊ะและสะพายกระเป๋าออกมาจากที่นั่ง ทำให้คณิตและวาดลัดดาต่างมองหน้ากันก่อนที่จะลุกขึ้นตามเธอออกไป
ครั้นพิมพ์ประภัสร์เดินเข้ามาใกล้ตรงที่ทั้งคู่ยืนอยู่ ทิพย์อำพันเห็นดังนั้นจึงถือวิสาสะถอดแว่นของคุณหมอออกมาโดยที่ชายหนุ่มไม่ทันได้ระวัง จากนั้นจึงทำทีเป็นว่ามีฝุ่นติดอยู่ที่แว่นของเขา นายแพทย์หนุ่มมองเห็นอะไรไม่ชัดนัก ซึ่งรวมไปถึงมองไม่เห็นว่าพิมพ์ประภัสร์เพิ่ง กลั้นใจ เดินผ่านเขาออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ โดยหลังจากนั้นเพียงแค่เสี้ยววินาทีชายหนุ่มก็แย่งแว่นคืนกลับมาและสวมมันกลับเข้าไป ทำให้เขาเหลือบเห็นวาดลัดดาและคณิตเข้าพอดี
“ อ้าว...วาด!! ” คุณหมอร้องทักสาวน้อย
นักศึกษาสาวชะงักและมองนายแพทย์หนุ่ม เธอตกใจและเข้าใจโดยทันทีว่าเพราะเหตุใดพี่สาวของเธอจึงลุกขึ้นเดินหนีออกมา
วาดลัดดามองดูเขาและหญิงสาวที่มาด้วยกัน ก่อนที่จะผละจากพวกเขาไปอย่างไม่สบอารมณ์เหมือนกับพิมพ์ประภัสร์
นายแพทย์หนุ่มงุนงงกับท่าทีของสาวน้อยที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จึงเดินตามเธอออกไปเพื่อถามไถ่ นั่นยิ่งทำให้ผิดแผนจากที่คาดการณ์ของทิพย์อำพันไว้อย่างสิ้นเชิง พยาบาลสาวจึงรีบเดินตามเขาออกไปอีกคน โดยมีคณิตที่แปลกใจในท่าทีของทุกคนเดินตามไปติดๆ
“ วาด!!...เดี๋ยวสิ...จะเดินหนีพี่ทำไม ?!! ” ศัลยแพทย์หนุ่มร้องถามสาวน้อย แต่หญิงสาวกลับเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นโดยเริ่มทันกับพี่สาวของตนเอง
เมื่อเห็นดังนั้นคุณหมอก็ทราบโดยทันทีว่าอดีตคนรักได้มาด้วย จึงรีบวิ่งไปดักหน้าหญิงสาวทั้งสองไว้
“ พิมพ์...วาด...พวกคุณจะเดินหนีผมไปไหน ?? ” นายแพทย์หนุ่มกล่าวกับสองสาวทันทีที่ยืนประจันหน้า
พิมพ์ประภัสร์ตกใจเมื่อเห็นเขา เธอพยายามเดินหลบไปอีกทาง แต่หมอหนุ่มกลับเขยิบตัวขวางทางเอาไว้เพราะกลัวเธอจะหนี หญิงสาวเริ่มหมดความอดทนเธอจึงโพล่งถามเขาออกมา
[นิยาย] ในดวงมาน...♡ #บทที่ 6
เฉือนหัวใจ
( Shear )
เมื่อช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ได้ผ่านพ้นไป ทุกชีวิตต่างลืมตาตื่นขึ้นมาใหม่ในช่วงเช้าวันแรกของการทำงาน
บนถนนของเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานครคลาคล่ำไปด้วยรถราและผู้คนที่เร่งรีบกันตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า ร้านรวงต่างๆ ทั้งที่เป็นแบบอาคารพาณิชย์ตลอดจนหาบเร่แผงลอยต่างก็ทยอยจัดวางสินค้า รวมไปถึงนักเรียน นักศึกษาจากสถาบันต่างๆ ก็พากันเดินทางเพื่อไปร่ำเรียน แม้แต่ตัวของผู้ที่เป็นครูบาอาจารย์เองก็เช่นกัน
แสงแดดในยามเช้าถักทอผ่านม่านลายลูกไม้สีขาว มายังห้องของสาวที่เพิ่งจะโสดอย่างพิมพ์ประภัสร์ เธอลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อมาทำกิจวัตรประจำวันตั้งแต่หกโมงเช้าและเสร็จในเวลาไม่กี่นาทีถัดมา หญิงสาวรู้สึกได้ว่าเดี๋ยวนี้ตนมักจะทำอะไรคล่องแคล่วขึ้นกว่าแต่ก่อน นั่นอาจเป็นเพราะเธอเริ่มคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอยู่อย่างลำพังโดยไม่มีเขาคนนั้นได้แล้ว แม้ว่าความรู้สึกข้างในยังไม่สามารถที่จะตัดใจจากอดีตคนรักได้อย่างเด็ดขาด แต่ท่าทีเข้มแข็งที่พยายามแสดงออกมา ก็เพื่อที่จะบอกกับตนเองว่าชายผู้นั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรอีกแล้วกับชีวิตของเธอ
พิมพ์ประภัสร์ขับรถมาถึงมหาวิทยาลัยโดยใช้เวลาไม่นาน นั่นเป็นเพราะอาจารย์สาวรู้จักเลือกใช้เส้นทางที่เลี่ยงรถติด เธอยิ้มอย่างภาคภูมิใจที่สามารถทำอะไรเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเขา หญิงสาวจอดรถและไม่ลืมที่จะแต่งแต้มสีสันลงบนผิวหน้าเหมือนอย่างที่ทำเป็นประจำก่อนขึ้นไปยังอาคารเรียน อยู่ๆ เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเป็นเชิงขัดจังหวะให้เธอหยุดกิจกรรมที่ทำลง...
ตรงเวลาเป๊ะ!! อาจารย์สาวคิดอยู่ในใจ จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูข้อความที่ส่งถึง
“ ขอโอกาสผมได้อธิบาย...ยังรักคุณเสมอ...จากพี่หมอ หึ!! ไม่มีทางเสียหรอก!! ” เจ้าหล่อนอ่านข้อความจากคนรักเก่าที่ส่งมา และคิดได้ทันทีว่าจะไม่เปิดโอกาสให้เขาได้กลับมาพูดแก้ต่างอะไรอีกอย่างแน่นอน
พิมพ์ประภัสร์กดปุ่ม ลบ ข้อความแล้ววางโทรศัพท์ลงอย่างไม่สนใจไยดี เธอพยายามที่จะลืมเขาและเรื่องราวที่เคยผ่านมา เธอพยายาม...พยายามอยู่อย่างนั้น แต่สุดท้ายกลับฉุกคิดขึ้นได้ว่าตนเองก็ต้องใช้เวลาในการตัดใจจากเขาให้ได้จริงๆ เสียก่อน เพราะทุกวันนี้ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อเขายังคุกรุ่นอยู่ลึกๆ ภายในใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่เธอเห็นภาพบรรยากาศเก่าๆ ผ่านเข้ามา
หญิงสาวนั่งนิ่งพลางสูดลมหายใจ เพื่อเก็บพักเรื่องที่คิดเอาไว้เบื้องหลัง ก่อนที่จะลงจากรถเพื่อมุ่งไปยังห้องพักครูซึ่งตั้งอยู่ในอาคารของภาควิชาที่เธอสอน ครั้นเมื่อไปถึงห้องเธอกล่าวทักทายเพื่อนอาจารย์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส โดยไม่มีอากัปกิริยาใดๆที่แสดงออกถึงความอ่อนแอที่เพิ่งเกิดขึ้น
ที่ผ่านมาอาจารย์สาวหลายท่านอดที่จะชื่นชมในตัวของเธอไม่ได้ว่าเป็นหญิงแกร่งที่สามารถฟื้นตนได้เร็วในเรื่องของความรัก และยังสามารถแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกันได้โดยที่ไม่ทำให้เสียการเสียงาน นอกจากนี้ก็ยังมีอาจารย์หนุ่มหลายคนในมหาวิทยาลัย ต่างก็คิดที่อยากจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่กับอาจารย์สาวคณะมนุษย์ฯ อย่างเธอ แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าพอที่จะเปิดประเด็นขอสานสัมพันธ์นั้น เว้นแต่ เสกสรรค์ อาจารย์หนุ่มคณะสังคมศาสตร์ที่กล้าเป็นผู้ท้าชิง แต่สุดท้ายก็ต้องโดนเจ้าหล่อนปฏิเสธกลับมา เพราะเหตุผลที่ว่าเธอยังไม่พร้อมที่จะเปิดใจรับใคร จึงทำให้อาจารย์สาวหลายคนต่างรู้สึกเสียดายและเข้าใจไปพร้อมๆ กัน อีกทั้งยังไม่ลืมให้กำลังใจถึงการเริ่มต้นเลือกคบคนใหม่ที่จะเข้ามา
หลังจากที่เข็มสั้นของนาฬิกาชี้เลขแปดและเข็มยาวชี้เลขสิบสอง นักศึกษาต่างเร่งฝีเท้าเพื่อที่จะรีบขึ้นไปเรียนวิชาแรกของสัปดาห์ให้ทัน วาดลัดดาเองก็เช่นกันเธอกุลีกุจอรีบขึ้นบันไดโดยไม่รอลิฟท์โดยสารของอาคารเรียน เพราะวิชาแรกของวันนี้เป็นวิชาที่สอนโดยพี่สาวของตน สาวน้อยไม่อยากให้พิมพ์ประภัสร์มาค่อนขอดได้ว่า เธอไม่สามารถบริหารเวลาของตนเองได้ และเหนือสิ่งอื่นใดเธอกลัวที่จะต้องโดนบังคับให้มาอยู่ด้วยกันที่คอนโดฯ ซึ่งนักศึกษาสาวเองก็มาถึงทันเวลาก่อนที่พี่สาวจะเข้าสอนในไม่กี่นาทีด้วยอาการกระหืดกระหอบจากการวิ่งขึ้นบันได
พิมพ์ประภัสร์เข้ามาในห้องพลางกวาดสายตามองหาวาดลัดดาเป็นคนแรก และเมื่อเธอเห็นน้องสาวนั่งประจำอยู่กับที่ เจ้าหล่อนก็แสดงสีหน้าออกมาด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจก่อนที่จะเริ่มต้นสอนวิชาเรียนในคาบ
ทางวาดลัดดาเองก็รู้อยู่แล้วว่าหากเป็นคาบที่พี่สาวของตนเข้าสอน เธอจะต้องกระวีกระวาดรีบเข้าชั้นเรียนอย่างนี้ทุกครั้ง แม้จะต้องขึ้นบันไดแทนใช้ลิฟท์ก็ตาม แต่ครั้งนี้สาวน้อยกลับรู้สึกเหนื่อยมากกว่าครั้งก่อนๆ ทั้งที่ร่างกายก็เป็นปกติ ไม่เจ็บ ไม่ไข้ และไม่ได้ป่วยเป็นประจำเดือน หญิงสาวขอยืมยาดมจากเพื่อนข้างๆ มาสูดดมเพื่อคลายความวิงเวียนที่กำลังเกิดขึ้น เธอตั้งคำถามกับตนเองว่าช่วงนี้พักผ่อนน้อยไปหรือไร ทำไมสุขภาพร่างกายถึงดูย่ำแย่ มิหนำซ้ำก็ไม่ค่อยจะอยากรับประทานอะไร แม้แต่ของที่เคยชอบทานอยู่เป็นประจำ แต่ใครๆ กลับบอกว่าเธอดูอวบขึ้นจนสังเกตได้
“ อะไรกันยายวาด เดินขึ้นบันไดมาห้าชั้นแค่นี้ถึงกับหมดแรงเลยเหรอ เห็นปกติเรียนชั้นแปด-ชั้นเก้า เธอก็เดินขึ้นมาอย่างสบาย ?? ” เพื่อนในกลุ่มถามขึ้น เมื่อเห็นท่าทีที่ดูอ่อนเพลีย
“ สงสัยฉันพักผ่อนน้อยมั้งช่วงนี้...เลยเหนื่อยง่าย ” เธอว่า
“ ก็มัวแต่ทำอะไรอยู่ล่ะ...ถึงไม่ค่อยได้พักผ่อนน่ะ!! ” เพื่อนสาวอีกคนแกล้งแซว
“ ยายบ้า!! พูดจาน่าเกลียด ” สาวน้อยพูดพลางตีแขนเพื่อนก่อนที่จะหัวเราะกันคิกคัก จนทำให้พิมประภัสร์ถึงกับกระแอมออกมาขณะกำลังยืนสอนอยู่หน้าห้อง
วาดลัดดาและเพื่อนๆ ต่างเงียบลงโดยทันที เพราะกลัวโดนดุ...
“ นี่!! ยายวาด ถามจริงเถอะ...พี่สาวของเธอเขารู้หรือยังว่าเธอมีแฟน แถมพามานอนกกกันที่ห้องด้วย ?!! ” เพื่อนในกลุ่มกระซิบถาม
“ จะบ้าเหรอ...ให้รู้ได้ยังไง ?!! ถ้ารู้ฉันก็โดนด่าสิ!! ” วาดลัดดาทำตาโต
“ แล้วเธอคิดที่จะปิดเขาไปถึงเมื่อไร ?!! ” เพื่อนของเธอถามอีก
“ ฉันก็ไม่รู้!! รู้แค่ว่าตอนนี้ฉันมีความสุขดีอยู่ก็พอแล้ว!! ” วาดลัดดาเบือนหน้าพลางทำทีเป็นตั้งใจเรียน เพราะไม่อยากตอบคำถามที่คอยกวนใจเหล่านี้
บทสนทนาจากกลุ่มนักศึกษาสาวที่เพิ่งกระซิบกระซาบคุยกัน ชวนเรียกร้องความสนใจแก่คณิตเป็นอันมาก ชายหนุ่มละโสตประสาทจากเรื่องราวที่พิมพ์ประภัสร์กำลังสอนอยู่หน้าห้อง เพื่อรับฟังเรื่องที่สาวๆ ต่างเปิดประเด็น แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เขาอยากรู้เสียเท่าไร แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวาดลัดดาโดยตรง หนุ่มน้อยยินดีที่จะฟังในทุกๆ เรื่องของเธอ แม้ว่าบางเรื่องจะมีชื่อของวาดลัดดาปรากฏอยู่เพียงน้อยนิด หรือจะทรมานจิตใจของเขามากแค่ไหนก็ตาม
“ แล้วเธอไม่คิดที่จะบอกอาจารย์พิมพ์เลยเหรอ ?? ” คณิตกล่าวถามวาดลัดดา ขณะเดินเล่นกันอยู่ที่ศูนย์การค้าแถวมหาวิทยาลัยในช่วงพักกลางวัน
“ ไม่มีทาง!! ทุกวันนี้พี่พิมพ์ยังเห็นฉันเป็นเด็กอยู่เลย ไว้รอให้ถึงเวลาหรือทุกอย่างมันพร้อมก่อน แล้วฉันจะบอกเขาเอง ” สาวน้อยพูดถึงแผนการที่วางไว้
“ แล้วเธอคิดว่าเมื่อไร ?? ” ชายหนุ่มถาม
“ ก็...คงเมื่อฉันเรียนจบมั้ง!! ” เธอบอก
“ เธอคิดว่าเธอจะคบกับเขานานขนาดนั้นเลยเหรอ ? ” คณิตพลั้งปากถามออกไป จึงทำให้วาดลัดดารู้สึกไม่สบอารมณ์
“ นี่นายก้อง!! ทำไมเธอถึงถามอย่างนั้นล่ะ ?!!! ” สาวน้อยหยุดเดินพลางหันมาถามเขาอย่างเอาเรื่อง
“ เฮ้ย!!! ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องเธอนะ แต่ฉันแค่ถามเฉยๆ เพราะเป็นห่วงเธอเท่านั้นเอง ” เขารีบแก้ต่าง
“ ฉันรักเขา...ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยเขาไป หรือเลิกรากับเขาเป็นอันขาด!!! ” เธอประกาศ
คณิตรับฟังและน้อมรับในสิ่งที่เธอพูด ชายหนุ่มรู้โดยทันทีว่า สาวน้อยหลงรักโชติวุฒิอย่างจริงจัง รักจนไม่ยอมสนใจอะไร ซึ่งเขาเองก็หวังว่าโชติวุฒิจะรักเธอเทียบเท่ากับที่เธอรักเขาเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ความหวังของหนุ่มน้อยคงไม่มีวันเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน...
“ เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วก้อง พี่พิมพ์เดินมาโน่นแล้ว!! ” วาดลัดดาปรามเพื่อนของเธอ เมื่อเห็นพี่สาวกำลังเดินมาจากที่จอดรถ
“ โทษทีที่พี่มาช้า...กว่าจะหาที่จอดรถได้ต้องขับวนอยู่หลายรอบ!! ” อาจารย์สาวฉีกยิ้มมาแต่ไกล พลางเดินตรงมาหาคนทั้งคู่
“ ช่างเถอะค่ะพี่พิมพ์...ตอนนี้หนูหิวแล้ว เราไปหาอะไรทานกันดีกว่า ” วาดลัดดาจับแขนพี่สาว พลางพาเจ้าหล่อนเดินเลือกร้านอาหารในศูนย์การค้านั้น
ทั้งหมดต่างตกลงกันได้ว่าเที่ยงนี้พวกเขาจะรับประทานสเต็กที่เป็นร้านขึ้นชื่อซึ่งตั้งอยู่ชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้า ทั้งสามได้ที่นั่งติดกับกระจกใสบานใหญ่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ภายนอกได้อย่างชัดเจน อาจารย์สาวรู้สึกชื่นชอบทัศนียภาพของสังคมเมืองช่วงกลางวันเป็นอย่างมาก และรู้สึกว่าตนเองโชคดีที่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้
...แต่ทว่าความโชคดีมักจะอยู่กับเธอได้ไม่นาน เมื่อสายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นคู่กรณีเก่าอย่างทิพย์อำพันเดินเข้ามาในร้านเดียวกัน แล้วที่แย่ไปกว่านั้นเจ้าหล่อนกลับหนีบเอาคุณหมอหนุ่มคนรักเก่าของตนมาด้วย หญิงสาวแทบจะทำอะไรไม่ถูก นอกจากรับรู้ถึงสภาพหน้าที่กำลังชาไปด้วยความโกรธระคนเสียใจ เธอได้แต่ร้องบอกน้องสาวและลูกศิษย์ให้ย้ายร้านกันเดี๋ยวนั้น
วาดลัดดาและคณิตต่างงุนงงในสิ่งที่อาจารย์สาวร้องขอ แต่ไม่ทันที่จะได้ไถ่ถามหาความอะไร ทิพย์อำพันก็เหลือบมาพบกับพิมพ์ประภัสร์พอดี พยาบาลสาวแสยะยิ้มให้กับเธอเป็นการเปิดฉาก ก่อนที่จะลงมือป่วนประสาทด้วยแผนการที่เพิ่งคิดได้
สาวน้อยร่างเล็กทำทีเป็นปัดฝุ่นที่เกาะอยู่ตามเสื้อของนายแพทย์หนุ่มอย่างเอาใจใส่ ซึ่งทำให้คุณหมอถึงกับสงสัยในท่าทีของเธออยู่เล็กน้อยแต่ก็ยอมให้ทำแต่โดยดี มันช่างเป็นภาพที่บาดตาบาดใจพิมพ์ประภัสร์จนถึงกับทนไม่ได้ อาจารย์สาวลุกขึ้นยืนจากโต๊ะและสะพายกระเป๋าออกมาจากที่นั่ง ทำให้คณิตและวาดลัดดาต่างมองหน้ากันก่อนที่จะลุกขึ้นตามเธอออกไป
ครั้นพิมพ์ประภัสร์เดินเข้ามาใกล้ตรงที่ทั้งคู่ยืนอยู่ ทิพย์อำพันเห็นดังนั้นจึงถือวิสาสะถอดแว่นของคุณหมอออกมาโดยที่ชายหนุ่มไม่ทันได้ระวัง จากนั้นจึงทำทีเป็นว่ามีฝุ่นติดอยู่ที่แว่นของเขา นายแพทย์หนุ่มมองเห็นอะไรไม่ชัดนัก ซึ่งรวมไปถึงมองไม่เห็นว่าพิมพ์ประภัสร์เพิ่ง กลั้นใจ เดินผ่านเขาออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ โดยหลังจากนั้นเพียงแค่เสี้ยววินาทีชายหนุ่มก็แย่งแว่นคืนกลับมาและสวมมันกลับเข้าไป ทำให้เขาเหลือบเห็นวาดลัดดาและคณิตเข้าพอดี
“ อ้าว...วาด!! ” คุณหมอร้องทักสาวน้อย
นักศึกษาสาวชะงักและมองนายแพทย์หนุ่ม เธอตกใจและเข้าใจโดยทันทีว่าเพราะเหตุใดพี่สาวของเธอจึงลุกขึ้นเดินหนีออกมา
วาดลัดดามองดูเขาและหญิงสาวที่มาด้วยกัน ก่อนที่จะผละจากพวกเขาไปอย่างไม่สบอารมณ์เหมือนกับพิมพ์ประภัสร์
นายแพทย์หนุ่มงุนงงกับท่าทีของสาวน้อยที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จึงเดินตามเธอออกไปเพื่อถามไถ่ นั่นยิ่งทำให้ผิดแผนจากที่คาดการณ์ของทิพย์อำพันไว้อย่างสิ้นเชิง พยาบาลสาวจึงรีบเดินตามเขาออกไปอีกคน โดยมีคณิตที่แปลกใจในท่าทีของทุกคนเดินตามไปติดๆ
“ วาด!!...เดี๋ยวสิ...จะเดินหนีพี่ทำไม ?!! ” ศัลยแพทย์หนุ่มร้องถามสาวน้อย แต่หญิงสาวกลับเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นโดยเริ่มทันกับพี่สาวของตนเอง
เมื่อเห็นดังนั้นคุณหมอก็ทราบโดยทันทีว่าอดีตคนรักได้มาด้วย จึงรีบวิ่งไปดักหน้าหญิงสาวทั้งสองไว้
“ พิมพ์...วาด...พวกคุณจะเดินหนีผมไปไหน ?? ” นายแพทย์หนุ่มกล่าวกับสองสาวทันทีที่ยืนประจันหน้า
พิมพ์ประภัสร์ตกใจเมื่อเห็นเขา เธอพยายามเดินหลบไปอีกทาง แต่หมอหนุ่มกลับเขยิบตัวขวางทางเอาไว้เพราะกลัวเธอจะหนี หญิงสาวเริ่มหมดความอดทนเธอจึงโพล่งถามเขาออกมา