[นิยาย] ในดวงมาน...♡ #บทที่ 12

กระทู้สนทนา
ย้อนอ่านบทก่อนหน้า

บทที่ 12



สัญญาณ
( Signal )


       รุ่งเช้านันทวดีตกใจตื่นขึ้นมาตอนหกโมง เหตุเพราะเมื่อคืนเธอฝันร้ายเกี่ยวกับโชติวุฒิ ซึ่งในความฝันหล่อนถูกเขาขับไล่ให้ออกไปจากชีวิต โดยชายหนุ่มได้ผลักเธอให้ล้มลงไปกับพื้น จากนั้นเขาจึงเดินไปหาใครอีกคนหนึ่ง โชติวุฒิกุมมือบุคคลผู้นั้นเอาไว้ ราวกับว่าอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน ครั้นเมื่อนันทวดีเหลือบมองไปที่คนผู้นั้น กลับพบว่าเป็นผู้ชายเช่นเดียวกันกับสามีของเธอ หญิงสาวกรีดร้องลั่น ก่อนที่จะกระเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอน

“ มิสเตอร์หว่อง... ” หล่อนพึมพำ พลางครุ่นคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น

       หญิงสาวมองหาสามี แล้วพบว่าขณะนี้เขากำลังอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน เธอรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างกับสิ่งที่เห็น ว่ามันเป็นเพียงแค่ฝันร้าย แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้นันทวดีนิ่งนอนใจลงได้เกี่ยวกับบุคคลปริศนาที่มาเยือนแม้ในยามหลับ

       ครั้นพอโชติวุฒิขับรถออกจากบ้านไป เจ้าหล่อนจึงได้ทีรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เพราะจำได้ว่าเมื่อคืนนี้เธอแอบบันทึกเบอร์ของมิสเตอร์หว่องไว้ ทีนี้หญิงสาวก็จะได้รู้เสียทีว่าบุคคลปริศนานี้เป็นใคร แล้วทำไมสามีของเธอถึงได้ให้ความสำคัญนัก
       นันทวดีเปิดเบอร์ที่บันทึกเอาไว้ โดยหญิงสาวใช้ตัวอักษรอย่าง W เป็นชื่อที่บันทึกในช่วงเวลาที่เธอกระทำการอย่างเร่งรีบ หล่อนเปิดเบอร์นั้นขึ้นมาแล้วจัดการกดปุ่มโทรฯ ออก ทำให้สัญญาณโทรศัพท์ของเธอมุ่งตรงไปยังเจ้าของเลขหมาย...

       ช่วงเวลาที่เร่งด่วนอย่างในช่วงเช้าของวันจันทร์ วาดลัดดารีบรุดขึ้นบันไดมายังชั้นห้าของตึกคณะฯ เพื่อให้ทันเรียนวิชาในคาบแรก หญิงสาวมาถึงห้องก่อนพิมพ์ประภัสร์เล็กน้อย หล่อนฉีกยิ้มให้พี่สาวเป็นเชิงว่ามาถึงแล้ว และขณะเดียวกันโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น
วาดลัดดาสะดุ้งตัวเล็กน้อยก่อนที่จะหยิบมือถือขึ้นมาจากกระเป๋า เธอจ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์พลางพึมพำกับตัวเองอย่างสงสัย เมื่อเห็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้โทรฯ เข้ามา

“ สวัสดีค่ะ ” เธอกล่าวทักทายหลังจากกดรับสาย

“ เอ่อ...ไม่ทราบว่านั่นใช่เบอร์ของ มิสเตอร์หว่อง หรือเปล่าคะ ?? ” คนในสายถามด้วยน้ำเสียงสงสัย

“ ใครนะคะ ?? มิสเตอร์หว่อง ?? ไม่ใช่ค่ะ...คุณคงโทรฯ ผิด ฉันไม่เคยรู้จักคนชื่อนี้มาก่อน!! ” นักศึกษาสาวกล่าวปฏิเสธด้วยท่าทีงุนงง ก่อนที่จะกดปุ่มวางสาย จากนั้นจึงจัดการตั้งค่ามือถือให้เป็นระบบสั่น เพราะเห็นว่าอาจารย์สาวกำลังจะเริ่มสอนแล้ว

       ทางด้านนันทวดี หญิงสาวรู้สึกแปลกใจในเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เพราะยังไม่ทันที่หล่อนจะได้พูดอะไรต่อก็ถูกอีกฝ่ายตัดสายลงไปอย่างดื้อๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้าหล่อนได้รับรู้หลังจบการสนทนานี้คือ มิสเตอร์หว่องไม่ใช่ผู้ชาย นั่นหมายถึงภรรยาสาวเริ่มสงสัยกับปริศนาที่สามีของเธอได้สร้างขึ้น บางทีเขาอาจมีอะไรบางอย่างปิดบังเธออยู่ โดยเฉพาะคำตอบจากผู้หญิงในสายที่บอกว่าไม่เคยรู้จักคนที่ชื่อมิสเตอร์หว่องมาก่อน
       ความสงสัยและความหวาดระแวงค่อยๆ คืบคลานผ่านเข้ามาจับเข้าที่ร่างของนันทวดี บางทีมิสเตอร์หว่องคนนี้อาจจะเป็นเพียงตัวละครสมมติที่โชติวุฒิสร้างขึ้นเพื่อปิดบังอะไรบางอย่าง หรืออาจจะเฉพาะกับเธอด้วยซ้ำ และเพื่อความแน่ใจ เธอจึงไม่รีรอที่จะรีบโทรศัพท์กลับไปหาบุคคลที่อยู่ปลายสายอีกครั้ง...

       วาดลัดดาสะดุ้งโหยงทันทีที่มีสายเรียกเข้า เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเพราะแรงสั่นของมันทำให้สะเทือนไปทั้งโต๊ะ สาวน้อยดูเลขหมายที่โทรฯ เข้ามาจากหน้าจออีกครั้ง แล้วพบว่าเป็นเบอร์ของบุคคลที่โทรฯ มาเมื่อครู่

“ วาด!! ” พิมพ์ประภัสร์ร้องเรียกน้องสาวอยู่ทางหน้าห้อง พลางใช้ไม้เคาะกระดานเพื่อให้เธอสนใจ

หญิงสาวมองดูพี่ของตนที่ยืนอยู่ตรงนั้น สายตาของพิมพ์ประภัสร์ดูราวกับกำลังเตรียมตัวตำหนิเธอทันทีที่รับสาย วาดลัดดาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบกดปฏิเสธ แล้วปิดเครื่องโทรศัพท์ลงในบัดดล

       คราวนี้นันทวดีถึงกับประหลาดใจหนักกว่าเก่า เพราะบุคคลที่เธอต้องการจะโทรฯ หาไม่ใช่แค่ปฏิเสธสายอย่างเดียว แต่กลับปิดเครื่องหนี...นี่มันอะไรกัน ?? มีใครจงใจแกล้งเธอหรือเปล่า ?? หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ในใจซ้ำไปซ้ำมา จนกระทั่งนึกขึ้นได้ว่าจวนเจียนเวลาที่จะต้องไปดูร้านคัพเค้กแล้ว เจ้าหล่อนจึงต้องพักเรื่องราวเหล่านี้ไว้ จากนั้นจึงรีบไปอาบน้ำเพื่อเตรียมการปฏิบัติหน้าที่หลัก

       ทางด้านวาดลัดดา หลังจากที่เห็นว่าพี่สาวเลิกสนใจตนแล้ว เธอจึงแอบหยิบถุงใส่มะม่วงขึ้นมาจากกระเป๋า แล้วค่อยๆ บรรจงกัดเพื่อลิ้มรสชาติของมันอย่างเอร็ดอร่อย

“ ยายวาด...ไม่แบ่งกันเลยนะ ” เพื่อนสาวจากทางด้านหลังร้องทักขึ้น เมื่อเห็นเธอนั่งรับประทานผลไม้ยั่วน้ำลาย

“ ขอมั่งสิ…เร็ว!! เดี๋ยวอาจารย์เห็น ” เพื่อนอีกคนเร่ง สาวน้อยจึงรีบหยิบมะม่วงในถุงส่งให้เพื่อนของเธอทั้งคู่ แต่เพียงแค่ชิ้นมะม่วงสัมผัสปลายลิ้นของหญิงสาวทั้งสองเท่านั้น พวกเธอก็ถึงกับเปลี่ยนสีหน้าไปทันที เหตุเพราะมะม่วงที่ดูโอชารสชวนให้น้ำลายสอ กลับมีรสชาติที่เปรี้ยวเข็ดฟันราวกับผลมะนาว

“ วาดดด...เธอกินเข้าไปได้ยังไง ?? เปรี้ยวมากกก!!! ” เพื่อนสาวเอ็ด

“ เหรอ ?? ฉันว่าอร่อยดีนะ ” สาวน้อยบอกด้วยท่าทางแช่มชื่น ราวกับว่าเธอมีความสุขที่ได้ทาน

       ทางด้านคณิตที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับมองดูนักศึกษาสาวอย่างเป็นกังวล เขาเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างในตัวเธอ พักนี้วาดลัดดาอ่อนเพลียง่ายแถมจมูกไวเป็นพิเศษ ยิ่งพักหลังๆ ก็ชอบทานผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอยู่บ่อยๆ ชายหนุ่มจึงได้แต่ภาวนาอยู่ในใจเพื่อไม่ให้สิ่งที่เขาคิดไว้เกิดขึ้นกับเธอ สาวน้อยยังเด็กเกินไป อีกทั้งยังไม่พร้อมที่จะต้องมารับภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้

+++++++++++++++++++++++++++++


       เวลาเดินเข้าสู่ช่วงพักเที่ยง ทั้งพิมพ์ประภัสร์ วาดลัดดา และคณิต ต่างมารับประทานอาหารกลางวันที่ศูนย์การค้ากลางเมืองเหมือนอย่างปกติ แต่สิ่งที่ผิดปกติไปจากเดิมนั้นก็คือ วาดลัดดากลับไม่พิสมัยอาหารที่เธอสั่งเลย ทั้งๆ ที่ชอบทานอยู่เป็นประจำ อย่าง สปาเก็ตตี้ขาหมูรมควัน อาหารจานเด็ดของร้านที่ขึ้นชื่อ ทว่าหนนี้กลับทำให้เธอรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งกลิ่นไหม้จากขาหมูที่ย่างสุก และความเลี่ยนของเส้นสปาเก็ตตี้ หญิงสาวรับรู้ได้ถึงความแห้งผากจากลำคอโดยทันที เมื่อค่อยๆ กลืนอาหารลงไป และไม่ทันที่เนื้อหมูชิ้นแรกจะตกลงถึงท้อง สาวน้อยกลับลุกขึ้นกระวีกระวาดไปเข้าห้องน้ำเพื่อสำรอกเอาอาหารของเมื่อวาน และสิ่งที่เธอเพิ่งทานเข้าไปเมื่อครู่ออกมา

       ทั้งคณิตและพิมพ์ประภัสร์ต่างมองหน้ากัน อาจารย์สาวและลูกศิษย์หนุ่มได้แต่งุนงงกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น หญิงสาวไม่เข้าใจถึงอาการที่น้องของเธอเป็น บางทีวาดลัดดาอาจเกิดการสำลัก หรืออาจเกิดจากอาหารเป็นพิษขึ้นมาอย่างเฉียบพลันก็เป็นได้ ด้วยความเป็นห่วง เธอจึงลุกขึ้นตามสาวน้อยเพื่อไปดูอาการ แต่ทางฝ่ายคณิตกลับไม่คิดอย่างนั้น ชายหนุ่มรู้โดยทันทีว่าเพื่อนของเขาเป็นอะไร บัดนี้วาดลัดดาไม่ใช่หญิงสาวตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว เธอกำลังมีชีวิตน้อยๆ ที่เพิ่งปฏิสนธิถือกำเนิดเกิดขึ้นในท้อง หล่อนตั้งครรภ์ และกำลังจะเป็นแม่
       คณิตเริ่มกังวลเกี่ยวกับอนาคตของหญิงสาว ถ้าหากพิมพ์ประภัสร์และแม่ของเธอรู้เข้าจะทำอย่างไร สาวน้อยจะมีโอกาสได้เรียนต่อหรือไม่ แล้วเขาจะต้องทำตัวเช่นไรเมื่อถึงเวลานั้น...

+++++++++++++++++++++++++++++


       รถสีส้มประกายทองของพิมพ์ประภัสร์ขับเคลื่อนมายังหน้าหอพักของวาดลัดดา นักศึกษาสาวดูอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัดซึ่งต่างจากเมื่อตอนแรก อาจารย์สาวและคณิตค่อยๆ ประคองเธอออกมาจากรถ แล้วพยุงเธอขึ้นไปส่งยังห้องพัก สาวน้อยทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความอ่อนแรง พิมพ์ประภัสร์เอาผ้าชุบน้ำค่อยๆ เช็ดตัวอยู่ไม่ห่าง โดยที่เข้าใจว่าอาการของเธอนั้นเกิดจากอาหารเป็นพิษ

“ ครูว่า...จะพาวาดไปหาหมอ ” พิมพ์ประภัสร์บอกคณิต

“ ไม่ต้องหรอกครับอาจารย์ เดินขึ้นๆ ลงๆ อาคารแบบนี้ เดี๋ยววาดจะแย่ ” หนุ่มน้อยรีบแย้งโดยทันที เพราะรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากเจ้าหล่อนพาวาดลัดดาส่งโรงพยาบาลเพื่อให้หมอตรวจ

“ ผมว่าให้วาดพักผ่อนเถอะครับ ดูท่าทางแล้ว...คงจะเพลีย ” เขาเสนอ

“ แต่...ครูกลัวว่ามันจะร้ายแรง ” อาจารย์สาวเป็นห่วง

“ ผมเคยเป็นอาหารเป็นพิษมาก่อนครับ พักผ่อนคืนเดียวก็หาย เช็ดตัวไปเรื่อยๆ เดี๋ยวไข้ก็ลด ” เขารีบพูด

อาจารย์สาวมองหน้าลูกศิษย์ ก่อนวางใจขึ้นบ้าง แต่กระนั้นก็ยังเป็นห่วงน้องสาวอยู่ดี

“ เดี๋ยวผมโทรฯ ตามเพื่อนๆ ให้มาอยู่เป็นเพื่อนวาดละกันครับ เพราะผมคิดว่าผมเป็นผู้ชาย อยู่กับวาดสองต่อสองคงจะไม่เหมาะ ” เขาพูดขึ้น

       พิมพ์ประภัสร์รู้สึกแปลกใจในคำพูดของคณิต เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาเป็นเกย์อย่างที่น้องสาวของเธอบอก ซึ่งอาจารย์สาวเองก็ไม่ปักใจเชื่อมาตั้งแต่แรก ยิ่งครั้งนี้เธอก็ยิ่งไม่เชื่อใหญ่

“ ก็...แล้วแต่เธอละกันคณิต เธอก็โทรฯ ตามเพื่อนๆ มา เร็วๆละกัน...เพราะครูมีสอนต่อตอนบ่าย ” พิมพ์ประภัสร์กล่าว ก่อนที่จะมองดูวาดลัดดาที่นอนป่วยด้วยความเป็นห่วง

       คณิตลุกขึ้นออกมาจากตรงนั้น เพื่อโทรฯ ตามเพื่อนๆ ของวาดลัดดา หนุ่มน้อยอดเป็นห่วงเธอไม่ได้ และยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เป็นห่วงอนาคตของเธอด้วย ชายหนุ่มไม่รู้ด้วยซ้ำว่า หญิงสาวจะรู้ตัวหรือยังว่าตนตั้งท้อง แต่ที่แน่ๆ หากเธอท้องขึ้นมา โชติวุฒิก็ต้องเป็นอีกคนหนึ่งที่จะต้องรับรู้เรื่องนี้ และมีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบ

+++++++++++++++++++++++++++++


       บ่ายนั้นหลังจากที่พิมพ์ประภัสร์กลับออกไป และเพื่อนๆ ได้มาอยู่กับวาดลัดดาที่ห้องแล้ว อาการของสาวน้อยก็ค่อยๆ ดีขึ้น ทุกคนต่างเป็นห่วงกับอาการป่วยอย่างกะทันหันในครั้งนี้ โดยเฉพาะคณิต เขาเป็นห่วงเธอมากกว่าใครๆ แต่ถึงอย่างไรชายหนุ่มก็ยังไม่พร้อมที่จะพูดถึงเรื่องที่เขาสงสัยให้ใครฟัง หนุ่มน้อยปล่อยให้วาดลัดดาอยู่กับเพื่อนๆ ตามลำพัง ก่อนที่จะกล่าวลาและเดินออกมาจากห้องพัก

       ชายหนุ่มเดินไปตามท้องถนนอย่างไร้จุดหมาย เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าขณะนี้เวลาได้ล่วงเลยไปนานเท่าไร หรือท้องฟ้าจะเปลี่ยนจากสีอะไรเป็นสีอะไรเมื่อเข้าสู่อีกช่วงเวลาหนึ่ง คณิตครุ่นคิดถึงแต่เรื่องวาดลัดดา เขารู้สึกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้มันเหมือนกับเป็นความฝัน มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ทว่ามันต่างกันตรงที่ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นจริง ในชีวิตจริง บนโลกของความเป็นจริง และไม่รู้ว่าผลสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร เพราะมันไม่ได้จบลงด้วยการลืมตาตื่นขึ้นมา

       คงจะเป็นอีกคืนที่ชายหนุ่มจะไปนั่งหมกตัวยังร้านประจำที่ตั้งอยู่มุมถนนด้วยความหม่นหมอง เขาสั่งเบียร์มาดื่มเหมือนอย่างเคย และสูบบุหรี่เพื่อผ่อนคลายความเครียด คณิตยกซดแก้วเบียร์ขึ้นรวดเดียว ก่อนที่จะเรียกบริกรให้มาเสิร์ฟแก้วใหม่

“ ไปอดอยากมาจากไหนเนี่ยพ่อหนุ่มน้อย ?? กระดกซะเป็นว่าเล่น!! ” เสียงที่ดูคุ้นหูกล่าวขึ้นข้างๆ จนทำให้เขาต้องหันไปมอง

“ ครั้งที่สามแล้วที่เราเจอกันโดยบังเอิญ ” ชายหนุ่มพูดขึ้นเมื่อเห็นเจ้าของเสียงนั่น

ทิพย์อำพันหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ เขาพลางฉีกยิ้มให้

“ ผิดแล้ว!! ครั้งนี้ฉันตั้งใจต่างหาก ” เธอว่า

“ รู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่ ? ” คณิตถาม

“ ฉันคิดว่าคนอย่างเธอคงมีที่ไปอยู่ไม่กี่ที่...และยิ่งอยู่ในช่วงที่เป็นอย่างนี้ด้วยแล้ว ที่นี่คงจะเป็นที่แรกที่เธอจะมา ” หญิงสาวพูดราวกับว่าเธอเป็นนักวิเคราะห์ จากนั้นจึงหยิบบุหรี่ที่คีบอยู่ในมือของเขาเอามาสูบ

“ พยาบาลอย่างคุณเขาสูบบุหรี่กันด้วยเหรอ ? ” หนุ่มน้อยถามพร้อมกับอมยิ้ม

“ เยอะแยะไป!! ” หล่อนตอบพลางพ่นควันใส่

“ แล้วคุณหมอเขาไม่เป็นห่วงคุณบ้างเหรอไง ?? ออกมาเที่ยวดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ แถมบางทีก็มากับผู้ชาย ” เขาถาม

“ ทำไม ?? หึงฉันเหรอ ?? ” เธอย้อน

“ เปล่า!! ผมนี่นะจะหึงคุณ ” ชายหนุ่มปฏิเสธ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่