เรื่องย่อ
มหาราช เป็นเรื่องที่อ้างอิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในอินเดีย ในปี 1862 เป็นเรื่องเกี่ยวกับชายหนุ่มที่มีอาชีพเป็นนักข่าวนามว่า การ์ซาน กับผู้นำทางจิตวิญญาณ ที่หลงมัวเมาในอำนาจและกามราคะนามว่า เจเจ
คาร์ซานกำลังจะแต่งงานกับหญิงสาวที่ตนรัก กิโชรี แต่วันหนึ่งขณะที่มีงานโฮลี (Holi) มหาราช หรือผู้นำทางจิตวิญญาณนามว่า เจเจ ก็ออกมาจากที่พัก และเดินเข้าไปหาและเลือก กิโชรี ให้มารับใช้ในวิหารของตนเอง ซึ่งการรับใช้นี้เรียกว่า จรันเซวา (Charan Seva) ถ้าแปลตรงๆ ก็แปลว่ารับใช้ใต้ฝ่าพระบาท แต่ตรงนี้คือให้เข้าไปมีเพศสัมพันธ์ด้วย ซึ่งในลัทธินั้น ชาวบ้านถูกปลูกฝังว่า ถ้าผู้หญิงในบ้านได้มีโอกาสไปรับใช้เช่นนี้ ถือว่าเป็นบุญมหาศาล และต้องเป็นสาวพรหมจรรย์ หรือเป็นหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงานเท่านั้น
เมื่อการ์ซานรู้เรื่องเข้าก็ยกเลิกงานแต่งงาน กิโชรี แม้จะเป็นหญิงสาวที่มีการศึกษา แต่เธอก็ไม่คิดว่าสิ่งที่เธอทำเป็นสิ่งผิด จนกระทั่งน้องสาวของตัวเองถูกเรียกไปรับใช้แบบเดียวกัน พอเธอรู้ก็รีบเข้าไปดึงน้องสาวตัวเองกลับมา และทำให้เธอรู้สึกตัวว่า สิ่งที่เธอทำลงไปเป็นสิ่งผิดจริงๆ และด้วยความรู้สึกเสียใจ รู้สึกผิดกับการ์ซาน เธอจึงตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเอง และทิ้งจดหมายไว้ให้การ์ซาน ว่าให้เขาต่อสู้เพื่อให้ชาวบ้านได้ตาสว่าง
การ์ซานตัดสินใจเปิดสำนักพิมพ์ของตัวเอง และเปิดโปงเรื่องราวของ เจเจ เมื่อเขาเปิดสำนักพิมพ์ของตัวเอง เจเจ ก็สั่งปิดวิหาร ไม่ให้ชาวบ้านเข้ามาเพื่อให้ชาวบ้านรวมตัวกันบีบให้การ์ซานปิดสำนักพิมพ์ แต่การ์ซานก็เอารูปพระมาตั้ง และบอกว่า การบูชาพระเจ้าไม่จำเป็นต้องไปวิหาร เพราะพระเจ้าสธิตย์อยู่ทุกที่ ชาวบ้านเริ่มคิดได้
แล้วก็มีหญิงสาวปริศนาเข้ามาขอสมัครงาน เธอชื่อ วิราจ ซึ่งสุดท้ายเธอสารภาพว่าเธอมาขอทำงานด้วยเพราะหลงรักการ์ซาน ตั้งแต่วันที่เขาตั้งรูปพระแล้วให้ทุกคนบูชาพระโดยไม่ต้องเข้าไปในวิหาร แม้จะถูกขัดขวางครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายเขาก็สามารถส่งหนังสือพิมพ์ไปขายในตลาดได้สำเร็จ เปิดโปงเรื่องราวของ เจเจ
เจเจ ตัดสินใจฟ้อง การ์ซาน ข้อหาหมิ่นประมาท และเรียกร้องเงิน 50,000 รูปี (ถ้าเทียบกับค่าเงินปัจจุบันก็ประมาณ 23 ล้านรูปี ตีเป็นเงินบาท ก็ประมาณ 9 ล้านบาท) เรื่องราวในศาลเป็นอย่างไร ใครแพ้ ใครชนะ ไปดูได้ใน Netflix มีซับไทยให้ดูครับ
วิจารณ์
ขออนุญาตวิจารณ์ที่เนื้อเรื่องก่อน หนังปูเรื่องค่อนข้างยาว หนังยาว 2 ชั่วโมง 11 นาที แค่เล่าประวัติการ์ซานก็ปาเข้าไปเกือบสิบนาทีแล้ว ซึ่งเอาตรงๆ ไม่จำเป็นต้องเล่าเยอะก็ได้ เอาคร่าวๆ พอ ว่าต้องมาอยู่กับป้าเพราะแม่ตาย แม่เลี้ยงไม่รัก พ่อเลยส่งมาอยู่ที่นี่ แต่นี่เล่าซะละเอียดเลย ไอ้เราก็นึกว่าจะสำคัญมากสุดท้ายมาเจอพ่ออีกทีก็เพราะ เจเจ ไปบีบให้พ่อมาบีบการ์ซานให้มาขอโทษตัวเอง แล้วการ์ซาน ก็ไม่ยอม พ่อเลยขู่ตัดพ่อตัดลูก แล้วการ์ซานก็บอก เอาเลย เพราะก็ไม่ได้ซี้กันอยู่แล้ว กลับมาครึ่งแรกของหนังต่อ หลายๆ จุดที่ดูจะบีบรัดตัวหนัง เพราะจำเป็นต้องเร่งให้จบไวๆ ทำให้มีหลายอย่างดูเร่งรีบ ดูไม่สมจริง ดูเหมือนทุกคนยอมอะไรกันง๊าย ง่าย ตัวการ์ซาน แก้ปัญหาได้ง่ายเหลือเกิน
การยัดเยียดตัวละครหญิงเข้ามาแบบไม่จำเป็น (เอาตรงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าเธอคนนี้มีความจำเป็นกับการ์ซานแค่ไหน เพราะเหมือนใส่เข้ามาเพื่อให้มีเพลงเฉยๆ) ใส่เพลงเข้าไปแบบไม่ต้องใส่ก็ได้ เอาเพลงออก แล้วเอาเนื้อเรื่องใส่เข้าไปแทน หนังอินเดียเดี๋ยวนี้มีหลายเรื่องที่ไม่มีเพลงเลย จนหนังจบ หรือมีเพลงก็คือ เป็นเพลงประกอบตัวหนังซึ่งมันโอเค แต่เรื่องนี้ไม่ต้องมีเพลงก็ได้
ครึ่งหลังของหนังเป็นฉากในศาลซึ่งก็ดูยัดเยียด ทุกอย่างจบเร็วไปหมด ในเวลาแค่ 1 ชั่วโมงที่เหลือ การ์ซาน มีทางออกในทุกเรื่อง พยานมีแค่ไม่กี่คน ทั้งๆ ที่เรื่องราวใหญ่โตระดับชุมชนขนาดใหญ่ แต่ทั้งสองฝ่าย มีพยานรวมกัน 4-5 คน เฮ้ย มันใช่เหรอ ทั้งๆ ที่ถ้าไปอ่านในประวัติศาสตร์ จะเห็นว่าคดีนี้มีพยานฝ่ายมหาราชมีถึง 35 คน และทุกคนพยายามปกป้องมหาราชอย่างเต็มที่ ส่วนฝั่งการ์ซาน มีพยานแค่หยิบมือ ซึ่งถ้าจะเอาจริงๆ ทำเป็น ซีรีย์ไปเลยดีกว่า
มาว่ากันเรื่องฝีมือการแสดง
Junaid Khan (เป็นลูกชายแท้ๆ ของ Amir Khan ดารานำในเรื่อง PK) ในบท การ์ซาน เรื่องนี้เป็นหนังเรื่องแรกของเขา ช่วงแรกๆ ดูเล่นแข็งๆ วิธีการพูด สำเนียง ดูติดๆ ขัดๆ นิดหน่อย แต่การแสดงสีหน้า การแสดงอารมณ์ เห็นได้ชัดเจน ทำให้รู้สึกมีอารมณ์ร่วม หนังยิ่งดำเนินไปเรื่อยๆ ฝีมือการแสดง วิธีการพูดก็ดูจะดีขึ้นไปตามระยะเวลา ถือว่าเล่นได้ดีสำหรับหนังเรื่องแรก
Jaideep Ahlawat ในบท มหาราช เจเจ Jaideep เป็นดาราที่มักจะรับบทตัวร้าย และเล่นได้ถึงมากๆ ในทุกบทที่เขาได้รับ ในเรื่องนี้ก็เช่นกัน การเล่นเป็นมหาราช ผู้มากด้วยราคะ และมีความมั่นใจ หยิ่งทนง อย่างน่าถีบ ทั้งภาษาพูด และภาษากาย ดูน่ารังเกียจ ต้องบอกเลยว่า สุดยอดมากๆ สำหรับดาราคนนี้
Shalini Pandey ในบท กิโชรี แม้จะออกมาแค่สั้นๆ ไม่ได้มีบทอะไรเยอะ แต่ก็แสดงให้เห็นชัดเจนถึงความไร้เดียงสา และความเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป ทั้งการพูด การแสดงความรู้สึกทางสีหน้า และแววตา เธอเป็นฝ่ายถูกกระทำ และทำให้คนดูรู้สึกร่วมไปได้ว่าเธอนั้นน่าสงสาร
Sharvari ในบท วิราจ โอ๊ยยยย น่าร้าาาาาาาก บอกเลยว่า น่ารักมาก (ไม่เชื่อเลื่อนไปดูรูปข้างบนเนอะ) ความร่าเริงสดใส รอยยิ้ม ท่าทาง เฮ้อ อยากด้าาาาาาาย เอิ๊กๆๆๆๆๆ ตอนที่เธอเปิดเผยความลับส่วนตัวของเธอให้การ์ซานได้รู้ ถึงส่วนตัวผมจะรู้อยู่แล้วว่าต้องใช้แน่ๆ แต่สีหน้า ท่าทาง และแววตา มันดูน่าสงสาร ฉากที่เธอเผชิญหน้ากับ เจเจ ก็ดูเข้มแข็ง ดูดุดัน เล่นได้ดีมากๆ
Jay Upadhyay ในบท กิริธาร์ ลูกน้องคนสนิทของ เจเจ แค่หน้าตาก็น่าถีบแล้วครับ แถมประจบสอพลอจนน่าเกลียด เชิดชู เจเจ และพร้อมยอมทำทุกอย่างเพื่อ เจเจ แม้จะเป็นคนโง่ก็ตามที ถือว่าเล่นได้ดี เล่นได้น่าเตะมากๆ ครับ
ตัวหลักๆ ก็มี 4 คนนี้แหละครับ ส่วนตัวละครอื่นๆ ก็ถือว่าเล่นดีนะ ไม่น่าเกลียดกับฉากที่ต้องแสดงอารมณ์ หรือการมีอารมณ์ร่วมในสถานการณ์ต่างๆ
รวมๆ ดาราทุกคนเล่นได้ดี เหมาะสมกับบทบาท ฉากงดงาม ตระการตา เพลงเพราะ นางเอกน่ารัก น่ารักจริงๆ นะ แปะไว้ให้ดูอีกรูป อิๆๆๆๆ
รวมๆ ถ้าจะให้คะแนน เต็ม 5 ผมให้ 3.5 แล้วกันครับ ถ้าตัดเรื่องการรวมรัดฉากในศาลแล้ว หนังก็สนุกดีครับ การดำเนินเรื่อง การแสดง ฉากต่างๆ ผมว่างดงาม
[CR] Maharaj ศาสนา ศรัทธา และความงมงาย ดูได้ที่ Netflix ถ้าอยากดู
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้