[นิยาย] ในดวงมาน...♡ #บทที่ 8

ย้อนอ่านบทก่อนหน้า

บทที่ 8



ไม่แน่ใจ
( Hesitate )


       แสงแดดในยามเช้าสาดส่องผ่านม่านลายลูกไม้สีขาวมายังห้องนอนของสาวเจ้าระเบียบอย่างพิมพ์ประภัสร์ เพื่อปลุกให้เธอตื่นขึ้นจากความหลับใหลเหมือนอย่างเคย หญิงสาวบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อดูเวลาที่บอกอยู่บนหน้าจอ ซึ่งนั่นรวมไปถึงการได้เห็นข้อความขอคืนดีที่ส่งมาอย่างมากมายในช่วงเวลาข้ามคืน จากแฟนเก่าอย่างคุณหมอมงคลมาสศัลยแพทย์หนุ่มผู้มีชื่อเสียง
       อาจารย์สาวนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่ได้เกิดขึ้นในร้านสเต็ก เธอรู้สึกหัวเสียเล็กน้อย แต่ก็สามารถหยุดความคิดไม่ให้ใส่ใจกับมันได้ เหมือนกับว่าเจ้าหล่อนเริ่มยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้มากกว่าแต่ก่อน นั่นอาจเป็นสัญญาณดีที่บอกว่าเธอพร้อมก้าวไปข้างหน้าโดยไม่มี เขา มายึดติดอยู่ในความรู้สึกนึกคิดอีกต่อไป
       พิมพ์ประภัสร์ไล่ลบข้อความเหล่านั้นเหมือนอย่างเคย ซึ่งดูเหมือนครั้งนี้มันจะมากกว่าครั้งก่อนๆ แต่เธอก็สามารถลบมันจนหมดได้ในที่สุด จากนั้นจึงลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำเตรียมตัวเดินทางไปยังมหาวิทยาลัย

       เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจส่วนตัว อาจารย์สาวเดินออกจากห้องมายังลานจอดรถของคอนโดมิเนียม เพื่อมุ่งไปยังที่จอดรถที่เธอใช้จอดอยู่เป็นประจำ แต่พอไปถึงหญิงสาวกลับตกตะลึงและประหลาดใจเป็นอย่างมาก เมื่อพบว่าเจ้าของข้อความที่เธอเพิ่งลบมันไปเมื่อเช้านั้น ปรากฏกายอยู่ที่หน้ารถของเธอด้วยท่าทีที่ดูชื่นมื่น แจ่มใส ราวกับเด็กที่ดีใจยามได้รับของขวัญ

“ คุณมาทำอะไรที่นี่ ?? ” พิมพ์ประภัสร์ถามด้วยท่าทีที่ไม่เป็นมิตร

“ มารับคุณไปมหา’ลัยไง ” คุณหมอหนุ่มตอบด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม

“ ฉันขับรถไปเองได้ คราวหลังไม่ต้อง ” หญิงสาวเดินอ้อมจากเขามายังประตูรถ

“ ยางมันแบนอย่างนั้นจะไปได้ยังไง ?? ” หมอหนุ่มถามอย่างกวนๆ

พิมพ์ประภัสร์ชะงักเล็กน้อย ก่อนที่จะเหลือบมองดูยางล้อรถที่ยานติดพื้นอย่างเห็นได้ชัด

“ นี่คุณ...แอบมาปล่อยลมยางของฉันเหรอ ?? ” หญิงสาวหันขวับมาถาม ก่อนที่จะเดินสำรวจล้อทุกล้ออย่างถ้วนทั่ว

“ ทั้งสี่ล้อเลย!! นี่คุณจะบ้าเหรอไงคะคุณหมอ ?!! ” เธอตะโกนอย่างฉุนเฉียว

“ ถ้าผมไม่ทำอย่างนี้ คุณก็คอยแต่จะหลบหน้าผมอยู่เรื่อยๆ แล้วเมื่อไรเราสองคนจะได้ปรับความเข้าใจกันล่ะครับ ? ” ชายหนุ่มถามกลับด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง แต่แฝงไว้ด้วยความทะเล้นภายใต้กรอบแว่นอันหนาเตอะ

“ จะปรับไปทำไม ?? ก็ในเมื่อคุณคบอยู่กับคนอื่นแล้วนี่!! ” อาจารย์สาวหาข้อโต้แย้ง ก่อนที่จะหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อโทรฯ ตามช่างให้มาซ่อมรถ

“ จะโทรฯ หาใครน่ะ ?? ช่างซ่อมรถเหรอ ?? ไม่ต้องหรอก...ผมโทรฯ ไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืน แต่เขาจะมาดูให้ตอนบ่ายนะ!! ” คุณหมอจอมแสบเล่าด้วยท่าทีกวนๆ ทำให้สาวเจ้าถึงกับผงะกับแผนการที่เขาวางไว้

“ หา!! อะไรนะ ?? บ่ายโมงเลยเหรอ ?? นี่คุณจะบ้าเหรอไง ฉันมีสอนตอนเช้านะ!! ” เธอหัวเสีย

“ ก็ใช่ไง!! ผมรู้ว่าคุณมีสอนตอนเช้า ผมก็เลยต้องมารอรับคุณที่คอนโดฯ นี้ไง ” เขาอธิบาย

“ คุณคิดแผนการนี้นานไหมคะคุณหมอ ที่จะมาป่วนประสาทฉันตอนรีบๆ เนี่ย ?? ” หญิงสาวกอดอกด้วยท่าทางที่เอาเรื่อง

“ คุณมากกว่านะที่ป่วนประสาทผม ผมโทรฯ หาคุณทุกวัน แต่คุณไม่เคยคิดจะรับสาย แถมเมื่อวานผมก็โทรฯ หาคุณอีกเป็นสิบๆ รอบ แต่คุณก็ไม่รับ...ผมก็เลยต้องทำอย่างนี้ คุณบังคับให้ผมทำเองนะคุณพิมพ์!! ” ชายหนุ่มสาธยาย

พิมพ์ประภัสร์เบือนหน้าไปอีกทางเพื่อถอนหายใจ ก่อนที่จะหันกลับมาเพื่อปะทะคารมกับเขาต่อ “ ก็ฉันไม่อยากคุยกับคุณ...ฉันผิดเหรอไง ?? ”

คุณหมอเริ่มไม่พอใจในคำพูดของเธอที่เอาแต่ปฏิเสธ อีกทั้งยังพูดจาหักหาญน้ำใจ จนเขาเริ่มหมดความอดทน

“ ใช่สิ!! ก็คุณเกลียดผม ไม่อย่างนั้นคุณจะลบเบอร์ผม บล็อกผมจากโปรแกรมแชทต่างๆ ที่มีในเครื่องทำไม นี่ยังดีนะ...ที่ไม่ตั้งค่าล็อคผมจากข้อความในมือถือด้วย!! ” เขาว่า

“ ก็ว่าจะตั้งอยู่เหมือนกัน...แต่ฉันไม่รู้วิธี!! ” เจ้าหล่อนเถียงพลางจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง แต่เขากลับเงียบไม่ตอบโต้อะไร

“ ฉันไปเรียกแท็กซี่ก่อนดีกว่า เสียเวลามามากพอแล้ว!! ” เธอรีบตัดบท

“ รถติดขนาดนี้คุณยังจะเรียกแท็กซี่ เดี๋ยวก็หมดเงินไปกับค่ามิเตอร์พอดี ” เขาท้วง

“ แล้วใครใช้ให้คุณมาปล่อยลมยางของฉันล่ะ ?!!! ฉันจะนั่งอะไร จะเสียเงินเท่าไรมันก็เรื่องของฉัน!! ” หญิงสาวโต้แล้วทำท่าจะเดินออกไป แต่หมอหนุ่มกลับจับข้อมือเธอไว้ แล้วพาขึ้นมานั่งบนรถยนต์สีขาวที่จอดอยู่ข้างรถของเธอ

“ ผมไม่ยอมให้คุณนั่งรถไปกับคนแปลกหน้าหรอก...ผมไม่ไว้ใจ!! ” นายแพทย์หนุ่มกล่าว ก่อนที่จะสตาร์ทรถและขับเคลื่อนออกมายังด้านนอกคอนโดฯ วิ่งไปตามท้องถนน

“ คุณอย่ามาทำเป็นหวงก้างฉันนักเลยคุณหมอ ที่ผ่านมาเกือบเดือนฉันยังนั่งแท็กซี่ไปไหนมาไหนเองคนเดียวได้เลย…ไม่มีคุณฉันก็ไม่ตาย!! ” สายตาของอาจารย์สาวฉายแววจริงจัง

“ แต่ผมอยู่ไม่ได้หรอกถ้าไม่มีคุณ...คุณเข้าใจผมบ้างไหมว่าผมรู้สึกยังไง ?? ” เขาถาม

“ เข้าใจสิ...เข้าใจว่าคุณคงสนุกสนานอยู่กับทับทิมจนลืมวันลืมคืน อ้อ!! พี่สาวของคุณก็คงจะรู้เห็นเป็นใจกับแม่นี่ด้วยใช่ไหม ?!! ก็ดี...อยากได้น้องสะใภ้แบบนี้ก็เชิญ!! ” เธอประชดประชัน

“ นี่คุณพิมพ์!! พี่สาวผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเสียหน่อย อีกอย่างทับทิมกับผมก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน เรื่องวันนั้นมันเป็นการเข้าใจผิด จะให้ผมต้องอธิบายให้คุณฟังอีกกี่รอบว่า... ”

“...ว่าวันนั้นฝนตก ทับทิมยืนตากฝนรอรถกลับบ้าน คุณก็เลยอาสาขับไปส่ง แต่ก่อนกลับให้แวะมาอาบน้ำที่คอนโดฯ ก่อน เดี๋ยวจะไม่สบาย...แล้วอยู่ๆ ทำไมคุณถึงต้องเข้าไปอาบน้ำกับมันด้วยล่ะคะ ?? ” เจ้าหล่อนถามกระแทกเสียง พลางนึกถึงทีไรก็ยิ่งหงุดหงิด

“ ก็...ผม..ก็ทับทิมหกล้มผมก็เลยจะเข้าไปดู...แล้วทีนี้เสื้อผมก็เปียก...ผม...ผมก็... ” หมอหนุ่มตะกุกตะกัก ไม่รู้จะเริ่มต้นอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร

“ พอเถอะค่ะ...ไม่ต้องพูดแล้ว!! คุณพูดอะไรมา มันก็ฟังไม่ขึ้นอยู่ดี!! ” พิมพ์ประภัสร์ปรามเพื่อให้เขาหยุด

แพทย์หนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดระคนขุ่นเคืองตนเอง ที่ไม่สามารถอธิบายอะไรให้คนรักเก่าฟังได้

“ ขับไปถึงสี่แยกแล้วจอดรถด้วยนะคะ ฉันจะลงตรงนั้น ” อาจารย์สาวสั่ง

“ อ้าว!! ให้ผมจอดทำไม ยังไม่ถึงมหา’ลัยเลย ?? ” เขาสงสัย

“ จอดเถอะค่ะ!! ฉันไปต่อเองได้ ไม่อยากจะรบกวนคุณ ” เธอส่ายหน้าปฏิเสธ

“ รบกวนที่ไหนกัน...นี่ผมนะ ไม่ใช่คนอื่นเสียหน่อย!! ” หมอหนุ่มแย้ง

“ ก็เพราะเป็นคุณไงคะ...ฉันถึงมองว่าเป็น คนอื่น ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น พลางจ้องหน้าเขาด้วยสายตาที่เย็นชา

       คุณหมอมงคลมาสเบือนหน้าหลบสายตาที่ทำร้ายจิตใจ เขาไม่ตอบโต้ เพียงแต่รู้สึกเจ็บใจที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ในวันนั้น หากหมอหนุ่มหนักแน่นพอและมีเหตุผลที่สามารถอธิบายให้หล่อนเข้าใจ เขาก็คงไม่ต้องสูญเสียเธอไป และไม่ต้องมานั่งทนสายตา ตลอดจนถ้อยคำที่ทำให้ทุกข์ใจเช่นนี้

       เสียงโทรศัพท์มือถือของศัลยแพทย์หนุ่มดังขึ้น ขัดกับเสียงความเงียบที่อบอวลไปด้วยความบาดหมางและความทุกข์ใจ ชายหนุ่มหยิบมือถือขึ้นมาดูก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่พบว่าพี่สาวของตนโทรฯ เข้ามา
       เขามองไปที่พิมพ์ประภัสร์ ทว่าหญิงสาวทำทีเหมือนไม่ใส่ใจ หมอหนุ่มเลยตั้งใจจะวางมือถือไว้โดยไม่กดรับสาย แต่อาจารย์สาวกลับชำเลืองมองมาและกล่าวขึ้น

“ ไม่รับสักหน่อยเหรอคะ ?? เผื่อแฟนของคุณโทรฯ มา!! ” เธอดักคอ

ชายหนุ่มจึงตัดสินใจรับสายเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นพี่สาวของเขา “ ครับ...พี่โรส!! อ๋อ..ผมขับรถอยู่ครับ... ”

       พิมพ์ประภัสร์ทำทีเป็นไม่ใส่ใจ พลางเหลือบมองออกไปยังนอกหน้าต่าง หญิงสาวนึกย้อนถึงอดีตที่ผ่านมา แม้ว่าตอนนั้นจะยังไม่มีเรื่องของทิพย์อำพันเข้ามาเกี่ยวพันเป็นมือที่สามก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ยังมีรสรินทร์พี่สาวของเขาที่คอยกีดกัน และเป็นศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่ง!!
       หญิงสาวมีความรู้สึกไม่ดีกับนักร้องรุ่นใหญ่คนนี้มาตั้งแต่แรกเห็น เพราะสาวเจ้าชอบพูดจาดูถูกฐานะทางบ้านของเธอ แม้จะไม่ได้พูดตรงๆ แต่คำพูดอ้อมๆ ประชดประชันตามแบบฉบับของเจ้าหล่อนก็สามารถกัดจิกอาจารย์สาวได้อย่างเจ็บแสบ แล้วยิ่งช่วงหลังก็ยังมีทิพย์อำพันมาคอยระรานชีวิตคู่เพิ่มขึ้นอีก นั่นจึงเป็นจุดสุดท้ายก่อนถึงการแตกหักของชีวิตรักของเธอกับคุณหมออย่างสมบูรณ์

       รถยนต์สีขาวของศัลยแพทย์หนุ่มเคลื่อนตัวมาจนถึงสี่แยกที่พิมพ์ประภัสร์ต้องการจะลงและช่างพอดีกับที่การจราจรได้ติดขัด หญิงสาวชำเลืองมองไปที่เขา ซึ่งกำลังคุยโทรศัพท์กับพี่สาวอยู่ด้วยเรื่องการดูแลผิวหน้าเพื่อชะลอวัย เธอจึงได้ทีรีบเปิดประตูรถออกไป ทว่าหมอหนุ่มกลับไม่ได้ปลดล็อคกลอนประตู เสียงของไกที่ถูกดึงออกจึงดังพอที่จะทำให้คุณหมอเหลือบมองมา

“ ฉันจะลง!!! ” พิมพ์ประภัสร์กล่าว แต่เขากลับทำท่าห้ามไม่ให้เธอส่งเสียงดัง พลางชี้ไปที่โทรศัพท์เป็นเชิงว่าเขากำลังคุยกับพี่สาวอยู่

       หญิงสาวแสดงอาการขุ่นมัวอย่างเห็นได้ชัด พลางพูดประโยคเดิมอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่อยู่ในลำคอเพื่อไม่ให้รสรินทร์ได้ยิน แต่นายแพทย์หนุ่มกลับทำท่าปฏิเสธออกมาด้วยท่าทียียวน ทำให้เจ้าหล่อนถึงกับมีอาการควันออกหู

“ คุณหมอ!!! ” หญิงสาวตะโกนอย่างเหลืออด

ชายหนุ่มตกใจจึงรีบพุ่งตัวออกไปเพื่อเอามือปิดปากเธอทันที สลับกับที่พี่สาวของเขาถามไถ่ถึงเสียงที่แทรกเข้ามาในสาย

“ เอ่อ...พี่ครับ แค่นี้ก่อนนะ พอดีมีคนร้องขอความช่วยเหลือบนถนน!! ” ชายหนุ่มพูดจบก็รีบกดวางสายไป โดยที่รสรินทร์ไม่ทันได้ถามอะไรต่อ

“ นี่พิมพ์!! คุณไม่เห็นเหรอไงว่าผมคุยโทรศัพท์กับพี่สาวอยู่ ?!! ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“ เห็น!! แต่ฉันไม่สนใจ...ทำไมคะ กลัวพี่สาวของคุณจะรู้เหรอว่าอยู่กับฉัน ?!! ” พิมพ์ประภัสร์ถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พลางแอบคิดต่อในใจว่าจะตอนที่คบกันหรือเลิกกัน คุณหมอก็ยังกลัวพี่สาวจนหัวหดเสมอ นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจในตัวเขาเท่าไร

“ พิมพ์...ผมขอล่ะ ขอแค่พี่สาวผมคนเดียวเท่านั้น อย่าพูดพาดพิงถึงเขาจะได้ไหม ?? ” หมอหนุ่มร้องขอ

“ ก็ได้ค่ะ...เพราะฉันคิดว่ามันคงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ที่ฉันจะพูดถึงพี่สาวของคุณและคุณ!! ” หญิงสาวกระแทกเสียง

“ พิมพ์...อย่าพูดอย่างนั้นสิ ” เขาอ้อนวอนพลางเอื้อมมือเพื่อที่จะจับเธอ แต่หล่อนกลับสะบัดหนีพร้อมกับห้ามไม่ให้เขามารุ่มร่าม

       ชายหนุ่มทอดถอนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หญิงสาวเองก็เช่นกัน เธอรู้สึกได้ว่าขณะนี้บรรยากาศในรถกำลังอบอวลไปด้วยความตึงเครียด ทั้งคุณหมอและพิมพ์ประภัสร์ต่างเงียบใส่กันอีกครั้ง ไม่มีใครคิดที่จะเริ่มพูดอะไร และดูเหมือนว่าเสียงการจราจรในยามเช้าที่ด้านนอกรถก็เริ่มดังขึ้นมากทุกขณะ...

       ตัวเลขไฟจราจรสีแดงตรงสี่แยกนับถอยหลังจวนใกล้เลขศูนย์เข้าไปทุกที หญิงสาวเหลือบมองไปที่ตัวเลขบอกเวลานั้น และหันกลับมามองคุณหมอที่กำลังจับพวงมาลัย สายตาของชายหนุ่มเพ่งมองไปที่หน้าปัดนาฬิกา ราวกับว่าเขากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
       ทันใดนั้นความคิดของนายแพทย์หนุ่มกลับต้องหยุดลง เมื่อเขาสะดุ้งกับมืออันอ่อนนุ่มของพิมพ์ประภัสร์ที่มาสัมผัสกับบริเวณน่องขา ราวกับว่าหญิงสาวกำลังเรียกหาเขาอยู่

“ คุณหมอคะ...โกรธพิมพ์เหรอ ?? ” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานต่างจากเมื่อครู่

“ ป...เปล่าครับ ” หมอหนุ่มตอบด้วยท่าทีที่งุนงง

“ ถ้าไม่โกรธ...แล้วเงียบทำไมคะ ?? ” หล่อนถามต่อด้วยน้ำเสียงเช่นเดิมพลางเอี้ยวตัวเข้าหาเขา หญิงสาวเอียงคอเล็กน้อย เผยให้เห็นลำคอสีนวลอ่อนชวนฝัน เธอใช้มืออีกข้างเอื้อมมาวางไว้ตรงหว่างขาของชายหนุ่มพอดี ทำทีเหมือนกับว่าเป็นลูกแมวตัวน้อยกำลังคลานเข้ามาออดอ้อนกับเจ้าของ

หมอหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่ทันทีที่มืออีกข้างของเธอวางไว้เกือบถึงจุดที่ล่อแหลม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่