.
บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/36680985
พายุด้านนอกสงบลง แต่ความเย็นยังคงซึมแทรกทุกอณูอากาศ เสียงปะทุเพลิงของกองไฟตาลุงลึกลับได้ยินเป็นระยะ ควันไฟลอยขึ้นสูงและไหลเป็นทางออกไปทางช่องระบายอากาศด้านบน ความสนใจของลุงลึกลับยังคงแน่วแน่อยู่กับกองไฟเท่านั้นไม่สนใจไยดีอะไรอีก
สายตาของเจ้ายักษ์จับจ้องมองมายังคุณพักหนึ่ง แล้วยกมือชี้ ร้องถามด้วยเสียงอันดังว่า
“เฮ้ย....แกมาจากไหน”
คุณแสร้งทำเป็นหลับตาไม่สนใจ แต่ท่าทางอีกฝ่ายไม่ยอมรามือ ก้อนดินขนาดเขื่องปาผลุงมากระแทกผนัง ห่างจากตัวคุณไปเพียงนิดเดียว พร้อมกับเสียงร้องถามสับทับ
“ฉันถามแกว่ามาจากไหน”
คุณถอนใจ พยายามจะไม่ตอแยยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น แต่บางทีเรื่องราวก็วิ่งมาหาเองโดยไม่ต้องร้องขอ
“มาจากเมืองอื่น” คุณตอบสั้นๆ อย่างเสียไม่ได้ พยายามไม่มองหน้าคนถาม
“เมืองไหน”
“เมืองทางใต้ห่างจากที่นี่ไปไม่เท่าไหร่”
“ข้ามาจากคุก” เจ้ายักษ์พูดอย่างภาคภูมิใจแล้วหัวเราะเสียงดัง ไอ้บ้าเอ๊ย....ใครถามแก จะมาจากนรกขุมไหนก็เรื่องของแก คุณนึกพลางเอามือประสานท้ายทอยหลับตา ไม่อยากพูดกับเจ้าบ้าอีก แต่อีกฝ่ายยังคงพล่ามเสียงดังต่อไปราวกับจะคุยโม้โอ้อวด
“คุกอยู่ในเขตซีโร่ โซน พวกแกคงรู้จักนะว่าเขตนี้ถ้าไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายอย่างที่พวกแกรู้จักหรอก พวกเราตั้งกฎปกครองกันเอง คนเข้มแข็งเท่านั้นถึงจะอยู่รอด แกคงเคยได้ยินข่าวว่าคนในโซนนั้นบางพวกนิยมกินเนื้อคนด้วยกันเองด้วย นรกบนดินก็ว่าได้ ว่าแต่แกมาทำบ้าอะไรแถวนี้”
เจ้ายักษ์ยังไม่เลิกตอแย วกมาถามจนได้ คุณถอนหายใจหนัก ตอบอย่างไม่พยายามบิดบังความรำคาญของตัวเองว่า
“ก็แค่ผ่านมาเรื่อยๆ ไม่มีจุดประสงค์อะไร”
“อ้อ...พวกพเนจร” พูดพลางหัวเราะขลุกๆ ในลำคอเป็นเชิงดูถูก ไม่ได้ถามอะไรคุณอีก ไม่รู้ว่ามันรู้ว่าคุณรำคาญ หรือเรื่องมาถามไม่ทันกันแน่
เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงใกล้ ๆ จนแผ่นดินสะเทือน…ประตูโรงนาเปิดออก น่าเสียดายว่าสิ่งที่พลัดหลงเข้ามาไม่ใช่หนู แมวหรือสุนัข ผู้หญิงสาวและค่อนข้างสวยเปิดประตูโรงนาเข้ามาในสภาพเปียกโชกและหนาวสั่น ชุดกระโปรงยาวสีขาวเหมือนเพิ่งลุกมาจากบ้าน สายตาเหมือนกวางระแวงภัยกวาดไปโดยรอบ
คุณนึกไม่ออกว่าทำไมผู้หญิงตัวคนเดียวจึงมาปรากฏตัวในสถานที่อันไม่บังควร ไม่น่าเป็นไปได้เลย เพราะแถวนี้รกร้างห่างไกลจากชุมชน ตาลุงขอทานหันไปมองแล้วไม่สนใจอีก คงเป็นเพราะจับมาย่างไฟกินไม่ได้ แต่ถ้าเป็นหนูหรือแมวแกคงไม่รีรอจะแพ่นกบาลด้วยไม้ ไอ้ยักษ์ใหญ่องเห็นแล้วทำตาวาว วิญญาณปีศาจโรคจิตเต้นเร่าอยู่ในสายตา ยิ้มแสยะทำเสียงครืดคราดในลำคออย่างน่าเกลียดเหมือนเกิดมาไม่เคยเห็นผู้หญิงมาก่อน ขณะเจ้าหนุ่มนักเขียนหัวร่อพูดออกมาแบบสำนวนนิยายว่า
"ผู้หญิง..ปรากฏตัวขึ้นยามวิกาล ในคืนอันมืดมิดและหนาวเหน็บน่าพรั่นพรึง เธอมาจากไหนกัน เราควรจะให้เธอมาจากสวรรค์หรือนรกดี โอ..ไอเดียการเขียนเรื่องปะทุประกายขึ้นมาอีกแล้ว แต่ตำนานโบราณ ว่าผู้หญิงล้วนชักนำเภทภัยเข้ามาในอาณาจักรแห่งบุรุษเพศ"
"หุบปากของแก ก่อนจะไม่มีปากหุบ..."
เจ้ายักษ์สำรากตะคอก มันคงจะรำคาญเจ้าหนุ่มหน้ามลคนนั้นเหมือนกัน หญิงสาวลึกลับสะดุ้งแล้วมองไปอย่างหวาดกลัวพักหนึ่งก่อนถอยมาหลบมามุมห้องด้านฝั่งตรงข้ามกับคุณ ด้วยสภาพตัวสั่นงันงกมอมแมมเหมือนลูกหมาตกน้ำ
นั่นเป็นบริเวณเดียวในการอยู่ห่างจากเจ้ายักษ์มากที่สุด เธอหันมามองคุณแวบหนึ่งเหมือนจะขอการปกป้องคุ้มครอง คุณแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ไม่ใช่จะเลือดเย็นเพียงแต่ไม่แน่ใจอะไรเลยสักอย่าง เพราะคิดว่าถ้าผู้หญิงธรรมดาคงหนาวตายไปแล้วจากลมฝน อะไรผิดปกติล้วนไม่น่าไว้ใจ
ลมพัดเข้ามาทางประตูพร้อมละอองฝน เธอผู้มาใหม่ลืมปิดประตูโรงนา อาจจะตื่นตระหนกและรีบร้อนจนเลอะเลือน ชายชราพึมพำเหมือนไม่พอใจเมื่อกองไฟถูกรบกวนจึงลุกขึ้นเดินไปปิดประตูโรงนา แม้ว่าจะชายชราจะดูผอมซูบจบแทบจะเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เส้นเอ็นบูดโปนตามแขนขาและมือชัดเจน แต่ยังดูแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ สีหน้าของชายชราเย็นชา เหมือนสลักจากก้อนน้ำแข็ง
นอกจากเสียงครวญครางของลมฝนแล้วทุกคนต่างเงียบงัน แต่คุณเห็นเจ้ายักษ์ดึงมีดออกมาจากเอว ส่องดูกับแสงไฟตรวจดูความคม บางทีมันอาจคิดจัดการใครสักคนเป็นอาหารเช้า เพราะคิดไปแล้วถ้าจะมีการใช้เป็นเหยื่อของมัน หญิงสาวแปลกหน้าจะดูเหมาะสมกว่าใคร เพราะสายตาของมันเริ่มจ้องมองหญิงสาวมาใหม่แบบไม่วางตา
ส่วนเจ้าหนุ่มนักกวีนั่นคงนั่งเขียนอะไรของมันไปเรื่อย ไม่มีท่าทางหวาดกลัวอะไรสักอย่างในชีวิต ดูไปเหมือนตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน จนคุณไม่อยากแน่ใจไอ้หนุ่มจอมกวีมันมีตัวตนจริงหรือเปล่า
เจ้ายักษ์มองหญิงสาวเหมือนมองอาหารจานใหญ่ แสยะยิ้มอย่างน่าเกลียด ขณะใช้ลิ้นเลียลงไปบนคมมีดอย่างแช่มช้า ท่าทางของมันดูไปเหมือนคนประกอบขึ้นมาจากคนบ้าหกส่วน ฆาตกรอีกสี่ส่วน ยังไม่ทันทำอะไรแต่หญิงสาวผู้เดียวในโรงนาก็เหมือนตายไปแล้วครึ่งตัว ใบหน้าของหล่อนซีดขาวราวกระดาษ
เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาจนแผ่นดินสะเทือนประสาทหูชาอื้ออึง ทุกคนสะดุ้งเฮือก มันเป็นคืนนรกโดยแท้ คนในโรงนาเหมือนมาจากคนละโลกคนละมิติ มารวมกันด้วยจุดประสงค์ต่างกันและพอถึงพรุ่งนี้เช้า แต่ละคนจะลงเอยอย่างไรไม่มีใครรู้
“นี่...อีหนู หนาวก็เข้ามาหาพี่ อยู่คนเดียวมันหนาวนะน้อง”” เสียงเจ้ายักษ์ร้องเสียงดังแล้วตามด้วยเสียงหัวเราะร่าด้วยท่าทางวางตัวว่าเป็นคนทรงอำนาจมากที่สุดในโรงนา แต่คนถูกเชิญชวนไม่มีทีท่าจะสนใจกับวาจาล่อแววไปในทางแทะโลม
คุณนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไม่สนใจอะไรเกือบจะเคลิ้มหลับ ถ้าไม่เพราะรับรู้การเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ มือคุณจับด้ามมีดโดยไม่รู้ตัวพลางหันไปมอง
คนข้างกายเป็นหญิงสาวลึกลับ เธอเขยิบเข้ามาเมื่อไรคุณแทบไม่รู้ตัว
"หนาว...ฉันหนาว"
หล่อนพูดเสียงเครือนั่งกอดอกตัวสั่นแต่สายตาจับจ้องไปยังชายร่างยักษ์ ดูเธอกลัวชายคนนั้นมากกว่ากลัวความหนาวเย็นของอากาศเสียอีก คุณถอนใจเฮือกไม่ว่ากระไร ขยับตัวออกจากเสื้อคลุมตัวใหญ่ยื่นให้หล่อนซึ่งพึมพำขอบใจ รับไปเช็ดเรือนผมยาวและเนื้อตัว ก่อนใช้เสื้อคลุมห่มจนมิดชิด
ก็น่าเห็นใจหล่อนอยู่ไม่น้อย ต้องทนอยู่กับเสื้อผ้าเปียกโชกในอากาศหนาวจัด ไม่รู้ว่าแม่คุณหลุดมาจากโลกไหน ทำไมหล่อนไม่ไปหาไอ้เจ้าหนุ่มนักกวีนั่นก็ไม่รู้คุณนึกในใจ ถ้าคิดจะหาไออุ่นจากใครสักคนน่าจะเป็นมันมากกว่า
ไอ้หนุ่มนักกวีมองมาเห็นมันยักคิ้วหลิ่วตายิ้มหน้าเป็นล้อเลียน คุณอยากเตะมันสักเปรี้ยง
"ผู้ชายตัวยักษ์เขากำลังหาโอกาสฆ่าฉัน" เธอกระซิบแผ่ว สบตาคุณอย่างวิงวอน "ฉันรู้จักเขาดี เขาเป็นฆาตกร ชอบฆ่าคนแล้วตัดเอาอวัยวะทำอาหาร คุณคงเคยได้ยินข่าว นั่นฝีมือเขาล่ะ"
"คิดมากไปเองน่า" คุณส่ายหน้าบอกด้วยเสียงห้วนไม่อยากคุยกับหล่อนเท่าไรนัก ยังไม่ได้มองหน้าให้เต็มหน้าเลยสักครั้งตั้งแต่หล่อนเข้ามา
"คุณไม่เข้าใจ” หล่อนมองหน้าคุณอย่างกระวนกระวายใจทำท่าจะร้องไห้ "เขาตามล่าฉันมาตั้งแต่ออกจากเมืองแล้วจ้องจะเล่นงานฉัน คุณสัญญาได้ไหมว่าจะช่วยฉัน"
"ทำไมผมต้องช่วยคนที่ผมไม่รู้จักด้วยล่ะ"
คุณย้อนถาม หล่อนนิ่งไปพักหนึ่งแล้วไม่พูดอะไรอีกแต่ถือโอกาสเอื้อมมือมาโอบกอดคุณในสภาพหาที่พึ่งพามากกว่าคิดเป็นอย่างอื่น มือของเธอสั่นระริก ไม่ทราบเพราะความหวาดกลัวหรือหนาวเหน็บ เจ้ายักษ์มองมาอย่างไม่พอใจ หยิบปืนลูกซองออกมาวางตรงหน้าเหมือนเป็นการขู่อยู่ในที แล้วเอามีดออกมาสับเศษไม้เล่นเสียงดังเป็นจังหวะ ตาจับจ้องมายังคุณอย่างประสงค์ร้าย
"อีหนู..มานี่"
มันยกมือกระดิกนิ้วเรียกหญิงสาวตัวสั่นตัวขดงอแทบเป็นก้อนกลม คุณแตะด้ามมีดในขณะไอ้ยักษ์ปักหลั่นลุกขึ้นเดินส่ายอวดกล้ามเนื้อฟิตเปรี๊ยะทั่วตัวตรงเข้ามา
คุณลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง
"อย่ามายุ่งกับเธอ" คุณบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไม่แสดงความหวาดกลัวพลางจ้องหน้ายักษ์ปักหลั่น มันสูงกว่าคุณพอสมควรแต่ไม่มีปัญหาถ้าจะต่อสู้กัน
ไอ้ยักษ์หัวเราะเสียงดัง ดึงมีดออกมาจากเอว ใช้นิ้วมือลูบคมมีดเล่นไปมาเหมือนเจตนาข่มขวัญ แล้วแค่นเสียงใส่หน้าคุณอย่างคุกคาม
"ถ้าแกฉลาดพอก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ซะ....อย่าทำเป็นพระเอก เรื่องนี้ไม่มีพระเอกโว้ย"
“กลับไปนั่งที่ของแกซะ” คุณบอกเสียงเรียบ เงยหน้าจ้องมองเข้าไปในดวงตาคนหาเรื่อง ร่างกายอยู่ในสภาพเตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวชนิดรวดเร็วรุนแรงถ้าจำเป็น
“อ้อ...แกจะเก็บหล่อนไว้งาบคนเดียว”
คุณยิ้มเล็กน้อยแล้วใช้ความไวฉวยมีดจากมือของมันอย่างรวดเร็วก่อนมันจะได้ทันระวัง แล้วสะบัดมือเหวี่ยงมีดลอยขึ้นไปปักแน่นบนขื่อไม้ของโรงนาเหนือศีรษะ หมดสิทธ์เอามาใช้งานได้อีก ไอ้ยักษ์เบิกโพลง มองดูอย่างไม่เชื่อว่ามีดในมือจะถูกแย่งออกไปโดยง่ายดายจนตั้งตัวไม่ทัน
"อย่ามายุ่งกับเธอ" คุณย้ำประโยคเดิมมือขวาอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม กำปั้นขวาของไอ้ยักษ์เหวี่ยงเข้ามาทันทีเมื่อจบคำพูด คุณไม่ยอมหลบปล่อยให้กำปั้นของอีกฝ่ายปะทะเข้ากรามซ้ายอย่างถนัดถนี่จนร่างเอียงวูบ แต่คุณก็สะบัดไหล่ชกหมัดสวิงขวาสวนโครมเข้าไปยังบริเวณกรามซ้ายของมันเต็มแรงเช่นกัน
เป็นการดวลเชิงกันละหมัดวัดใจวัดความแรง เจ้ายักษ์เซถอยไปด้านหลังสองก้าวเข่าอ่อนลงวูบหนึ่งแต่รีบฝืนตัวยืดตัวตรงแทบจะทันควันสายตาของมันแววโรจน์อย่างเดือดดาล แต่ไม่กล้าวู่วามอะไรอีก เพราะเหมือนรู้ว่าเจอปรปักษ์มีฝีมือสูสี ไม่ใช่ไก่อ่อนจะขบเคี้ยวได้โดยง่าย มันรู้ว่าคุณจงใจไม่หลบกำปั้น แต่เป็นการทดสอบฝีมือกันต่างหาก
“เก่งเหมือนกันนี่ไอ้หนุ่ม” เจ้ายักษ์แค่นยิ้มใช้หลังมือเช็ดใบหน้าตัวเองราวกับจะตรวจสอบดูว่าบาดเจ็บขนาดไหน แต่พอคุณเผลอมันก็เหวี่ยงกำปั้นขวาเข้ามาอีกชนิดไม่ให้ตั้งตัว
คราวนี้คุณไม่ยอมเอาหน้ารับหมัดอีก แต่ยกแขนซ้ายขึ้นป้องกันแล้วสวนหมัดขวาออกไปตำแหน่งเดิมราวกับจะย้ำรอยแผลเก่า ติดกันหลายหมัด เสียงดังสนั่นเหมือนทุบมะพร้าว ร่างทะมึนเซไปด้านหลังตามแรงต่อยทุกหมัด จนถึงอีกฟากของโรงนา กำปั้นสุดท้ายส่งร่างของมันร่วงลงเป็นนกปีกหักนั่งลงตำแหน่งนั่งเดิม ในสภาพหมดท่าเลือดเปรอะหน้าตาเต็มไปหมด
ไอ้ยักษ์สบถคำหยาบคายออกมาคำหนึ่ง ถลึงตามองแต่ไม่กล้าลุกขึ้นมาอีก เพราะรู้ว่าถ้ายังหัวดื้อลุกขึ้นมาจะเจอลูกหนัก คุณคิดว่ามันไม่กลัวแต่ยอมนิ่งไว้เชิง เพื่อหาจังหวะเหมาะสมต่างหาก อย่างน้อยมันก็รู้แล้วว่าคุณไม่ใช่คนไร้ฝีมือ ครั้งนี้มันประมาทเกินไป
“แกแน่มาก ไอ้หนุ่ม” พูดจบไอ้ยักษ์ก็หัวเราะในลำคอเหมือนขบขันเสียเต็มประดา ไม่รู้ว่าขำหาหอกอะไรเหมือนกัน แต่ดูแล้วคนโรคจิตชัดๆ
“โอย....มัน มันมากสะใจ ที่ไหนมีสาวสวย ก็มีเรื่องสนุกให้เขียนเสมอ”
จะเป็นเสียงใครไม่ได้นอกจากเจ้าหนุ่มนักเขียนจอมเพี้ยนคนนั้น
.
คืนวิปริต......2
บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/36680985
พายุด้านนอกสงบลง แต่ความเย็นยังคงซึมแทรกทุกอณูอากาศ เสียงปะทุเพลิงของกองไฟตาลุงลึกลับได้ยินเป็นระยะ ควันไฟลอยขึ้นสูงและไหลเป็นทางออกไปทางช่องระบายอากาศด้านบน ความสนใจของลุงลึกลับยังคงแน่วแน่อยู่กับกองไฟเท่านั้นไม่สนใจไยดีอะไรอีก
สายตาของเจ้ายักษ์จับจ้องมองมายังคุณพักหนึ่ง แล้วยกมือชี้ ร้องถามด้วยเสียงอันดังว่า
“เฮ้ย....แกมาจากไหน”
คุณแสร้งทำเป็นหลับตาไม่สนใจ แต่ท่าทางอีกฝ่ายไม่ยอมรามือ ก้อนดินขนาดเขื่องปาผลุงมากระแทกผนัง ห่างจากตัวคุณไปเพียงนิดเดียว พร้อมกับเสียงร้องถามสับทับ
“ฉันถามแกว่ามาจากไหน”
คุณถอนใจ พยายามจะไม่ตอแยยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น แต่บางทีเรื่องราวก็วิ่งมาหาเองโดยไม่ต้องร้องขอ
“มาจากเมืองอื่น” คุณตอบสั้นๆ อย่างเสียไม่ได้ พยายามไม่มองหน้าคนถาม
“เมืองไหน”
“เมืองทางใต้ห่างจากที่นี่ไปไม่เท่าไหร่”
“ข้ามาจากคุก” เจ้ายักษ์พูดอย่างภาคภูมิใจแล้วหัวเราะเสียงดัง ไอ้บ้าเอ๊ย....ใครถามแก จะมาจากนรกขุมไหนก็เรื่องของแก คุณนึกพลางเอามือประสานท้ายทอยหลับตา ไม่อยากพูดกับเจ้าบ้าอีก แต่อีกฝ่ายยังคงพล่ามเสียงดังต่อไปราวกับจะคุยโม้โอ้อวด
“คุกอยู่ในเขตซีโร่ โซน พวกแกคงรู้จักนะว่าเขตนี้ถ้าไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายอย่างที่พวกแกรู้จักหรอก พวกเราตั้งกฎปกครองกันเอง คนเข้มแข็งเท่านั้นถึงจะอยู่รอด แกคงเคยได้ยินข่าวว่าคนในโซนนั้นบางพวกนิยมกินเนื้อคนด้วยกันเองด้วย นรกบนดินก็ว่าได้ ว่าแต่แกมาทำบ้าอะไรแถวนี้”
เจ้ายักษ์ยังไม่เลิกตอแย วกมาถามจนได้ คุณถอนหายใจหนัก ตอบอย่างไม่พยายามบิดบังความรำคาญของตัวเองว่า
“ก็แค่ผ่านมาเรื่อยๆ ไม่มีจุดประสงค์อะไร”
“อ้อ...พวกพเนจร” พูดพลางหัวเราะขลุกๆ ในลำคอเป็นเชิงดูถูก ไม่ได้ถามอะไรคุณอีก ไม่รู้ว่ามันรู้ว่าคุณรำคาญ หรือเรื่องมาถามไม่ทันกันแน่
เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงใกล้ ๆ จนแผ่นดินสะเทือน…ประตูโรงนาเปิดออก น่าเสียดายว่าสิ่งที่พลัดหลงเข้ามาไม่ใช่หนู แมวหรือสุนัข ผู้หญิงสาวและค่อนข้างสวยเปิดประตูโรงนาเข้ามาในสภาพเปียกโชกและหนาวสั่น ชุดกระโปรงยาวสีขาวเหมือนเพิ่งลุกมาจากบ้าน สายตาเหมือนกวางระแวงภัยกวาดไปโดยรอบ
คุณนึกไม่ออกว่าทำไมผู้หญิงตัวคนเดียวจึงมาปรากฏตัวในสถานที่อันไม่บังควร ไม่น่าเป็นไปได้เลย เพราะแถวนี้รกร้างห่างไกลจากชุมชน ตาลุงขอทานหันไปมองแล้วไม่สนใจอีก คงเป็นเพราะจับมาย่างไฟกินไม่ได้ แต่ถ้าเป็นหนูหรือแมวแกคงไม่รีรอจะแพ่นกบาลด้วยไม้ ไอ้ยักษ์ใหญ่องเห็นแล้วทำตาวาว วิญญาณปีศาจโรคจิตเต้นเร่าอยู่ในสายตา ยิ้มแสยะทำเสียงครืดคราดในลำคออย่างน่าเกลียดเหมือนเกิดมาไม่เคยเห็นผู้หญิงมาก่อน ขณะเจ้าหนุ่มนักเขียนหัวร่อพูดออกมาแบบสำนวนนิยายว่า
"ผู้หญิง..ปรากฏตัวขึ้นยามวิกาล ในคืนอันมืดมิดและหนาวเหน็บน่าพรั่นพรึง เธอมาจากไหนกัน เราควรจะให้เธอมาจากสวรรค์หรือนรกดี โอ..ไอเดียการเขียนเรื่องปะทุประกายขึ้นมาอีกแล้ว แต่ตำนานโบราณ ว่าผู้หญิงล้วนชักนำเภทภัยเข้ามาในอาณาจักรแห่งบุรุษเพศ"
"หุบปากของแก ก่อนจะไม่มีปากหุบ..."
เจ้ายักษ์สำรากตะคอก มันคงจะรำคาญเจ้าหนุ่มหน้ามลคนนั้นเหมือนกัน หญิงสาวลึกลับสะดุ้งแล้วมองไปอย่างหวาดกลัวพักหนึ่งก่อนถอยมาหลบมามุมห้องด้านฝั่งตรงข้ามกับคุณ ด้วยสภาพตัวสั่นงันงกมอมแมมเหมือนลูกหมาตกน้ำ
นั่นเป็นบริเวณเดียวในการอยู่ห่างจากเจ้ายักษ์มากที่สุด เธอหันมามองคุณแวบหนึ่งเหมือนจะขอการปกป้องคุ้มครอง คุณแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ไม่ใช่จะเลือดเย็นเพียงแต่ไม่แน่ใจอะไรเลยสักอย่าง เพราะคิดว่าถ้าผู้หญิงธรรมดาคงหนาวตายไปแล้วจากลมฝน อะไรผิดปกติล้วนไม่น่าไว้ใจ
ลมพัดเข้ามาทางประตูพร้อมละอองฝน เธอผู้มาใหม่ลืมปิดประตูโรงนา อาจจะตื่นตระหนกและรีบร้อนจนเลอะเลือน ชายชราพึมพำเหมือนไม่พอใจเมื่อกองไฟถูกรบกวนจึงลุกขึ้นเดินไปปิดประตูโรงนา แม้ว่าจะชายชราจะดูผอมซูบจบแทบจะเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เส้นเอ็นบูดโปนตามแขนขาและมือชัดเจน แต่ยังดูแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ สีหน้าของชายชราเย็นชา เหมือนสลักจากก้อนน้ำแข็ง
นอกจากเสียงครวญครางของลมฝนแล้วทุกคนต่างเงียบงัน แต่คุณเห็นเจ้ายักษ์ดึงมีดออกมาจากเอว ส่องดูกับแสงไฟตรวจดูความคม บางทีมันอาจคิดจัดการใครสักคนเป็นอาหารเช้า เพราะคิดไปแล้วถ้าจะมีการใช้เป็นเหยื่อของมัน หญิงสาวแปลกหน้าจะดูเหมาะสมกว่าใคร เพราะสายตาของมันเริ่มจ้องมองหญิงสาวมาใหม่แบบไม่วางตา
ส่วนเจ้าหนุ่มนักกวีนั่นคงนั่งเขียนอะไรของมันไปเรื่อย ไม่มีท่าทางหวาดกลัวอะไรสักอย่างในชีวิต ดูไปเหมือนตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน จนคุณไม่อยากแน่ใจไอ้หนุ่มจอมกวีมันมีตัวตนจริงหรือเปล่า
เจ้ายักษ์มองหญิงสาวเหมือนมองอาหารจานใหญ่ แสยะยิ้มอย่างน่าเกลียด ขณะใช้ลิ้นเลียลงไปบนคมมีดอย่างแช่มช้า ท่าทางของมันดูไปเหมือนคนประกอบขึ้นมาจากคนบ้าหกส่วน ฆาตกรอีกสี่ส่วน ยังไม่ทันทำอะไรแต่หญิงสาวผู้เดียวในโรงนาก็เหมือนตายไปแล้วครึ่งตัว ใบหน้าของหล่อนซีดขาวราวกระดาษ
เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาจนแผ่นดินสะเทือนประสาทหูชาอื้ออึง ทุกคนสะดุ้งเฮือก มันเป็นคืนนรกโดยแท้ คนในโรงนาเหมือนมาจากคนละโลกคนละมิติ มารวมกันด้วยจุดประสงค์ต่างกันและพอถึงพรุ่งนี้เช้า แต่ละคนจะลงเอยอย่างไรไม่มีใครรู้
“นี่...อีหนู หนาวก็เข้ามาหาพี่ อยู่คนเดียวมันหนาวนะน้อง”” เสียงเจ้ายักษ์ร้องเสียงดังแล้วตามด้วยเสียงหัวเราะร่าด้วยท่าทางวางตัวว่าเป็นคนทรงอำนาจมากที่สุดในโรงนา แต่คนถูกเชิญชวนไม่มีทีท่าจะสนใจกับวาจาล่อแววไปในทางแทะโลม
คุณนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไม่สนใจอะไรเกือบจะเคลิ้มหลับ ถ้าไม่เพราะรับรู้การเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ มือคุณจับด้ามมีดโดยไม่รู้ตัวพลางหันไปมอง
คนข้างกายเป็นหญิงสาวลึกลับ เธอเขยิบเข้ามาเมื่อไรคุณแทบไม่รู้ตัว
"หนาว...ฉันหนาว"
หล่อนพูดเสียงเครือนั่งกอดอกตัวสั่นแต่สายตาจับจ้องไปยังชายร่างยักษ์ ดูเธอกลัวชายคนนั้นมากกว่ากลัวความหนาวเย็นของอากาศเสียอีก คุณถอนใจเฮือกไม่ว่ากระไร ขยับตัวออกจากเสื้อคลุมตัวใหญ่ยื่นให้หล่อนซึ่งพึมพำขอบใจ รับไปเช็ดเรือนผมยาวและเนื้อตัว ก่อนใช้เสื้อคลุมห่มจนมิดชิด
ก็น่าเห็นใจหล่อนอยู่ไม่น้อย ต้องทนอยู่กับเสื้อผ้าเปียกโชกในอากาศหนาวจัด ไม่รู้ว่าแม่คุณหลุดมาจากโลกไหน ทำไมหล่อนไม่ไปหาไอ้เจ้าหนุ่มนักกวีนั่นก็ไม่รู้คุณนึกในใจ ถ้าคิดจะหาไออุ่นจากใครสักคนน่าจะเป็นมันมากกว่า
ไอ้หนุ่มนักกวีมองมาเห็นมันยักคิ้วหลิ่วตายิ้มหน้าเป็นล้อเลียน คุณอยากเตะมันสักเปรี้ยง
"ผู้ชายตัวยักษ์เขากำลังหาโอกาสฆ่าฉัน" เธอกระซิบแผ่ว สบตาคุณอย่างวิงวอน "ฉันรู้จักเขาดี เขาเป็นฆาตกร ชอบฆ่าคนแล้วตัดเอาอวัยวะทำอาหาร คุณคงเคยได้ยินข่าว นั่นฝีมือเขาล่ะ"
"คิดมากไปเองน่า" คุณส่ายหน้าบอกด้วยเสียงห้วนไม่อยากคุยกับหล่อนเท่าไรนัก ยังไม่ได้มองหน้าให้เต็มหน้าเลยสักครั้งตั้งแต่หล่อนเข้ามา
"คุณไม่เข้าใจ” หล่อนมองหน้าคุณอย่างกระวนกระวายใจทำท่าจะร้องไห้ "เขาตามล่าฉันมาตั้งแต่ออกจากเมืองแล้วจ้องจะเล่นงานฉัน คุณสัญญาได้ไหมว่าจะช่วยฉัน"
"ทำไมผมต้องช่วยคนที่ผมไม่รู้จักด้วยล่ะ"
คุณย้อนถาม หล่อนนิ่งไปพักหนึ่งแล้วไม่พูดอะไรอีกแต่ถือโอกาสเอื้อมมือมาโอบกอดคุณในสภาพหาที่พึ่งพามากกว่าคิดเป็นอย่างอื่น มือของเธอสั่นระริก ไม่ทราบเพราะความหวาดกลัวหรือหนาวเหน็บ เจ้ายักษ์มองมาอย่างไม่พอใจ หยิบปืนลูกซองออกมาวางตรงหน้าเหมือนเป็นการขู่อยู่ในที แล้วเอามีดออกมาสับเศษไม้เล่นเสียงดังเป็นจังหวะ ตาจับจ้องมายังคุณอย่างประสงค์ร้าย
"อีหนู..มานี่"
มันยกมือกระดิกนิ้วเรียกหญิงสาวตัวสั่นตัวขดงอแทบเป็นก้อนกลม คุณแตะด้ามมีดในขณะไอ้ยักษ์ปักหลั่นลุกขึ้นเดินส่ายอวดกล้ามเนื้อฟิตเปรี๊ยะทั่วตัวตรงเข้ามา
คุณลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง
"อย่ามายุ่งกับเธอ" คุณบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไม่แสดงความหวาดกลัวพลางจ้องหน้ายักษ์ปักหลั่น มันสูงกว่าคุณพอสมควรแต่ไม่มีปัญหาถ้าจะต่อสู้กัน
ไอ้ยักษ์หัวเราะเสียงดัง ดึงมีดออกมาจากเอว ใช้นิ้วมือลูบคมมีดเล่นไปมาเหมือนเจตนาข่มขวัญ แล้วแค่นเสียงใส่หน้าคุณอย่างคุกคาม
"ถ้าแกฉลาดพอก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ซะ....อย่าทำเป็นพระเอก เรื่องนี้ไม่มีพระเอกโว้ย"
“กลับไปนั่งที่ของแกซะ” คุณบอกเสียงเรียบ เงยหน้าจ้องมองเข้าไปในดวงตาคนหาเรื่อง ร่างกายอยู่ในสภาพเตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวชนิดรวดเร็วรุนแรงถ้าจำเป็น
“อ้อ...แกจะเก็บหล่อนไว้งาบคนเดียว”
คุณยิ้มเล็กน้อยแล้วใช้ความไวฉวยมีดจากมือของมันอย่างรวดเร็วก่อนมันจะได้ทันระวัง แล้วสะบัดมือเหวี่ยงมีดลอยขึ้นไปปักแน่นบนขื่อไม้ของโรงนาเหนือศีรษะ หมดสิทธ์เอามาใช้งานได้อีก ไอ้ยักษ์เบิกโพลง มองดูอย่างไม่เชื่อว่ามีดในมือจะถูกแย่งออกไปโดยง่ายดายจนตั้งตัวไม่ทัน
"อย่ามายุ่งกับเธอ" คุณย้ำประโยคเดิมมือขวาอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม กำปั้นขวาของไอ้ยักษ์เหวี่ยงเข้ามาทันทีเมื่อจบคำพูด คุณไม่ยอมหลบปล่อยให้กำปั้นของอีกฝ่ายปะทะเข้ากรามซ้ายอย่างถนัดถนี่จนร่างเอียงวูบ แต่คุณก็สะบัดไหล่ชกหมัดสวิงขวาสวนโครมเข้าไปยังบริเวณกรามซ้ายของมันเต็มแรงเช่นกัน
เป็นการดวลเชิงกันละหมัดวัดใจวัดความแรง เจ้ายักษ์เซถอยไปด้านหลังสองก้าวเข่าอ่อนลงวูบหนึ่งแต่รีบฝืนตัวยืดตัวตรงแทบจะทันควันสายตาของมันแววโรจน์อย่างเดือดดาล แต่ไม่กล้าวู่วามอะไรอีก เพราะเหมือนรู้ว่าเจอปรปักษ์มีฝีมือสูสี ไม่ใช่ไก่อ่อนจะขบเคี้ยวได้โดยง่าย มันรู้ว่าคุณจงใจไม่หลบกำปั้น แต่เป็นการทดสอบฝีมือกันต่างหาก
“เก่งเหมือนกันนี่ไอ้หนุ่ม” เจ้ายักษ์แค่นยิ้มใช้หลังมือเช็ดใบหน้าตัวเองราวกับจะตรวจสอบดูว่าบาดเจ็บขนาดไหน แต่พอคุณเผลอมันก็เหวี่ยงกำปั้นขวาเข้ามาอีกชนิดไม่ให้ตั้งตัว
คราวนี้คุณไม่ยอมเอาหน้ารับหมัดอีก แต่ยกแขนซ้ายขึ้นป้องกันแล้วสวนหมัดขวาออกไปตำแหน่งเดิมราวกับจะย้ำรอยแผลเก่า ติดกันหลายหมัด เสียงดังสนั่นเหมือนทุบมะพร้าว ร่างทะมึนเซไปด้านหลังตามแรงต่อยทุกหมัด จนถึงอีกฟากของโรงนา กำปั้นสุดท้ายส่งร่างของมันร่วงลงเป็นนกปีกหักนั่งลงตำแหน่งนั่งเดิม ในสภาพหมดท่าเลือดเปรอะหน้าตาเต็มไปหมด
ไอ้ยักษ์สบถคำหยาบคายออกมาคำหนึ่ง ถลึงตามองแต่ไม่กล้าลุกขึ้นมาอีก เพราะรู้ว่าถ้ายังหัวดื้อลุกขึ้นมาจะเจอลูกหนัก คุณคิดว่ามันไม่กลัวแต่ยอมนิ่งไว้เชิง เพื่อหาจังหวะเหมาะสมต่างหาก อย่างน้อยมันก็รู้แล้วว่าคุณไม่ใช่คนไร้ฝีมือ ครั้งนี้มันประมาทเกินไป
“แกแน่มาก ไอ้หนุ่ม” พูดจบไอ้ยักษ์ก็หัวเราะในลำคอเหมือนขบขันเสียเต็มประดา ไม่รู้ว่าขำหาหอกอะไรเหมือนกัน แต่ดูแล้วคนโรคจิตชัดๆ
“โอย....มัน มันมากสะใจ ที่ไหนมีสาวสวย ก็มีเรื่องสนุกให้เขียนเสมอ”
จะเป็นเสียงใครไม่ได้นอกจากเจ้าหนุ่มนักเขียนจอมเพี้ยนคนนั้น
.