คืนวิปริต......2

กระทู้สนทนา
.
บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/36680985



    
             พายุด้านนอกสงบลง แต่ความเย็นยังคงซึมแทรกทุกอณูอากาศ  เสียงปะทุเพลิงของกองไฟตาลุงลึกลับได้ยินเป็นระยะ ควันไฟลอยขึ้นสูงและไหลเป็นทางออกไปทางช่องระบายอากาศด้านบน ความสนใจของลุงลึกลับยังคงแน่วแน่อยู่กับกองไฟเท่านั้นไม่สนใจไยดีอะไรอีก
    
             สายตาของเจ้ายักษ์จับจ้องมองมายังคุณพักหนึ่ง แล้วยกมือชี้ ร้องถามด้วยเสียงอันดังว่า
    
             “เฮ้ย....แกมาจากไหน”
    
             คุณแสร้งทำเป็นหลับตาไม่สนใจ  แต่ท่าทางอีกฝ่ายไม่ยอมรามือ ก้อนดินขนาดเขื่องปาผลุงมากระแทกผนัง ห่างจากตัวคุณไปเพียงนิดเดียว พร้อมกับเสียงร้องถามสับทับ
    
             “ฉันถามแกว่ามาจากไหน”
    
             คุณถอนใจ พยายามจะไม่ตอแยยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น แต่บางทีเรื่องราวก็วิ่งมาหาเองโดยไม่ต้องร้องขอ  

             “มาจากเมืองอื่น”  คุณตอบสั้นๆ อย่างเสียไม่ได้ พยายามไม่มองหน้าคนถาม

             “เมืองไหน”

             “เมืองทางใต้ห่างจากที่นี่ไปไม่เท่าไหร่”

             “ข้ามาจากคุก”     เจ้ายักษ์พูดอย่างภาคภูมิใจแล้วหัวเราะเสียงดัง ไอ้บ้าเอ๊ย....ใครถามแก  จะมาจากนรกขุมไหนก็เรื่องของแก  คุณนึกพลางเอามือประสานท้ายทอยหลับตา ไม่อยากพูดกับเจ้าบ้าอีก   แต่อีกฝ่ายยังคงพล่ามเสียงดังต่อไปราวกับจะคุยโม้โอ้อวด

             “คุกอยู่ในเขตซีโร่ โซน พวกแกคงรู้จักนะว่าเขตนี้ถ้าไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายอย่างที่พวกแกรู้จักหรอก พวกเราตั้งกฎปกครองกันเอง คนเข้มแข็งเท่านั้นถึงจะอยู่รอด แกคงเคยได้ยินข่าวว่าคนในโซนนั้นบางพวกนิยมกินเนื้อคนด้วยกันเองด้วย นรกบนดินก็ว่าได้   ว่าแต่แกมาทำบ้าอะไรแถวนี้”  

             เจ้ายักษ์ยังไม่เลิกตอแย  วกมาถามจนได้ คุณถอนหายใจหนัก ตอบอย่างไม่พยายามบิดบังความรำคาญของตัวเองว่า

             “ก็แค่ผ่านมาเรื่อยๆ ไม่มีจุดประสงค์อะไร”

             “อ้อ...พวกพเนจร”   พูดพลางหัวเราะขลุกๆ ในลำคอเป็นเชิงดูถูก ไม่ได้ถามอะไรคุณอีก ไม่รู้ว่ามันรู้ว่าคุณรำคาญ หรือเรื่องมาถามไม่ทันกันแน่
            
             เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงใกล้ ๆ จนแผ่นดินสะเทือน…ประตูโรงนาเปิดออก   น่าเสียดายว่าสิ่งที่พลัดหลงเข้ามาไม่ใช่หนู แมวหรือสุนัข   ผู้หญิงสาวและค่อนข้างสวยเปิดประตูโรงนาเข้ามาในสภาพเปียกโชกและหนาวสั่น  ชุดกระโปรงยาวสีขาวเหมือนเพิ่งลุกมาจากบ้าน สายตาเหมือนกวางระแวงภัยกวาดไปโดยรอบ
        
             คุณนึกไม่ออกว่าทำไมผู้หญิงตัวคนเดียวจึงมาปรากฏตัวในสถานที่อันไม่บังควร ไม่น่าเป็นไปได้เลย เพราะแถวนี้รกร้างห่างไกลจากชุมชน ตาลุงขอทานหันไปมองแล้วไม่สนใจอีก  คงเป็นเพราะจับมาย่างไฟกินไม่ได้  แต่ถ้าเป็นหนูหรือแมวแกคงไม่รีรอจะแพ่นกบาลด้วยไม้ ไอ้ยักษ์ใหญ่องเห็นแล้วทำตาวาว วิญญาณปีศาจโรคจิตเต้นเร่าอยู่ในสายตา  ยิ้มแสยะทำเสียงครืดคราดในลำคออย่างน่าเกลียดเหมือนเกิดมาไม่เคยเห็นผู้หญิงมาก่อน   ขณะเจ้าหนุ่มนักเขียนหัวร่อพูดออกมาแบบสำนวนนิยายว่า
            
             "ผู้หญิง..ปรากฏตัวขึ้นยามวิกาล ในคืนอันมืดมิดและหนาวเหน็บน่าพรั่นพรึง  เธอมาจากไหนกัน  เราควรจะให้เธอมาจากสวรรค์หรือนรกดี โอ..ไอเดียการเขียนเรื่องปะทุประกายขึ้นมาอีกแล้ว แต่ตำนานโบราณ ว่าผู้หญิงล้วนชักนำเภทภัยเข้ามาในอาณาจักรแห่งบุรุษเพศ"
            
             "หุบปากของแก ก่อนจะไม่มีปากหุบ..."
            
             เจ้ายักษ์สำรากตะคอก มันคงจะรำคาญเจ้าหนุ่มหน้ามลคนนั้นเหมือนกัน   หญิงสาวลึกลับสะดุ้งแล้วมองไปอย่างหวาดกลัวพักหนึ่งก่อนถอยมาหลบมามุมห้องด้านฝั่งตรงข้ามกับคุณ  ด้วยสภาพตัวสั่นงันงกมอมแมมเหมือนลูกหมาตกน้ำ
            
             นั่นเป็นบริเวณเดียวในการอยู่ห่างจากเจ้ายักษ์มากที่สุด เธอหันมามองคุณแวบหนึ่งเหมือนจะขอการปกป้องคุ้มครอง คุณแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ไม่ใช่จะเลือดเย็นเพียงแต่ไม่แน่ใจอะไรเลยสักอย่าง  เพราะคิดว่าถ้าผู้หญิงธรรมดาคงหนาวตายไปแล้วจากลมฝน อะไรผิดปกติล้วนไม่น่าไว้ใจ
            
             ลมพัดเข้ามาทางประตูพร้อมละอองฝน เธอผู้มาใหม่ลืมปิดประตูโรงนา อาจจะตื่นตระหนกและรีบร้อนจนเลอะเลือน ชายชราพึมพำเหมือนไม่พอใจเมื่อกองไฟถูกรบกวนจึงลุกขึ้นเดินไปปิดประตูโรงนา แม้ว่าจะชายชราจะดูผอมซูบจบแทบจะเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เส้นเอ็นบูดโปนตามแขนขาและมือชัดเจน แต่ยังดูแข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ สีหน้าของชายชราเย็นชา เหมือนสลักจากก้อนน้ำแข็ง
            
             นอกจากเสียงครวญครางของลมฝนแล้วทุกคนต่างเงียบงัน แต่คุณเห็นเจ้ายักษ์ดึงมีดออกมาจากเอว ส่องดูกับแสงไฟตรวจดูความคม บางทีมันอาจคิดจัดการใครสักคนเป็นอาหารเช้า เพราะคิดไปแล้วถ้าจะมีการใช้เป็นเหยื่อของมัน หญิงสาวแปลกหน้าจะดูเหมาะสมกว่าใคร   เพราะสายตาของมันเริ่มจ้องมองหญิงสาวมาใหม่แบบไม่วางตา
            
             ส่วนเจ้าหนุ่มนักกวีนั่นคงนั่งเขียนอะไรของมันไปเรื่อย ไม่มีท่าทางหวาดกลัวอะไรสักอย่างในชีวิต   ดูไปเหมือนตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน   จนคุณไม่อยากแน่ใจไอ้หนุ่มจอมกวีมันมีตัวตนจริงหรือเปล่า
            
             เจ้ายักษ์มองหญิงสาวเหมือนมองอาหารจานใหญ่ แสยะยิ้มอย่างน่าเกลียด ขณะใช้ลิ้นเลียลงไปบนคมมีดอย่างแช่มช้า ท่าทางของมันดูไปเหมือนคนประกอบขึ้นมาจากคนบ้าหกส่วน ฆาตกรอีกสี่ส่วน ยังไม่ทันทำอะไรแต่หญิงสาวผู้เดียวในโรงนาก็เหมือนตายไปแล้วครึ่งตัว ใบหน้าของหล่อนซีดขาวราวกระดาษ
            
             เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาจนแผ่นดินสะเทือนประสาทหูชาอื้ออึง ทุกคนสะดุ้งเฮือก มันเป็นคืนนรกโดยแท้  คนในโรงนาเหมือนมาจากคนละโลกคนละมิติ มารวมกันด้วยจุดประสงค์ต่างกันและพอถึงพรุ่งนี้เช้า แต่ละคนจะลงเอยอย่างไรไม่มีใครรู้
    
             “นี่...อีหนู  หนาวก็เข้ามาหาพี่  อยู่คนเดียวมันหนาวนะน้อง””  เสียงเจ้ายักษ์ร้องเสียงดังแล้วตามด้วยเสียงหัวเราะร่าด้วยท่าทางวางตัวว่าเป็นคนทรงอำนาจมากที่สุดในโรงนา  แต่คนถูกเชิญชวนไม่มีทีท่าจะสนใจกับวาจาล่อแววไปในทางแทะโลม
            
             คุณนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไม่สนใจอะไรเกือบจะเคลิ้มหลับ ถ้าไม่เพราะรับรู้การเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ มือคุณจับด้ามมีดโดยไม่รู้ตัวพลางหันไปมอง
          
              คนข้างกายเป็นหญิงสาวลึกลับ   เธอเขยิบเข้ามาเมื่อไรคุณแทบไม่รู้ตัว
            
             "หนาว...ฉันหนาว"
            
             หล่อนพูดเสียงเครือนั่งกอดอกตัวสั่นแต่สายตาจับจ้องไปยังชายร่างยักษ์ ดูเธอกลัวชายคนนั้นมากกว่ากลัวความหนาวเย็นของอากาศเสียอีก คุณถอนใจเฮือกไม่ว่ากระไร ขยับตัวออกจากเสื้อคลุมตัวใหญ่ยื่นให้หล่อนซึ่งพึมพำขอบใจ รับไปเช็ดเรือนผมยาวและเนื้อตัว ก่อนใช้เสื้อคลุมห่มจนมิดชิด
            
             ก็น่าเห็นใจหล่อนอยู่ไม่น้อย ต้องทนอยู่กับเสื้อผ้าเปียกโชกในอากาศหนาวจัด  ไม่รู้ว่าแม่คุณหลุดมาจากโลกไหน ทำไมหล่อนไม่ไปหาไอ้เจ้าหนุ่มนักกวีนั่นก็ไม่รู้คุณนึกในใจ  ถ้าคิดจะหาไออุ่นจากใครสักคนน่าจะเป็นมันมากกว่า
            
            ไอ้หนุ่มนักกวีมองมาเห็นมันยักคิ้วหลิ่วตายิ้มหน้าเป็นล้อเลียน คุณอยากเตะมันสักเปรี้ยง
            
             "ผู้ชายตัวยักษ์เขากำลังหาโอกาสฆ่าฉัน"  เธอกระซิบแผ่ว สบตาคุณอย่างวิงวอน   "ฉันรู้จักเขาดี  เขาเป็นฆาตกร  ชอบฆ่าคนแล้วตัดเอาอวัยวะทำอาหาร คุณคงเคยได้ยินข่าว นั่นฝีมือเขาล่ะ"
            
             "คิดมากไปเองน่า" คุณส่ายหน้าบอกด้วยเสียงห้วนไม่อยากคุยกับหล่อนเท่าไรนัก ยังไม่ได้มองหน้าให้เต็มหน้าเลยสักครั้งตั้งแต่หล่อนเข้ามา
            
             "คุณไม่เข้าใจ”     หล่อนมองหน้าคุณอย่างกระวนกระวายใจทำท่าจะร้องไห้    "เขาตามล่าฉันมาตั้งแต่ออกจากเมืองแล้วจ้องจะเล่นงานฉัน คุณสัญญาได้ไหมว่าจะช่วยฉัน"
            
             "ทำไมผมต้องช่วยคนที่ผมไม่รู้จักด้วยล่ะ"
            
             คุณย้อนถาม หล่อนนิ่งไปพักหนึ่งแล้วไม่พูดอะไรอีกแต่ถือโอกาสเอื้อมมือมาโอบกอดคุณในสภาพหาที่พึ่งพามากกว่าคิดเป็นอย่างอื่น มือของเธอสั่นระริก  ไม่ทราบเพราะความหวาดกลัวหรือหนาวเหน็บ เจ้ายักษ์มองมาอย่างไม่พอใจ   หยิบปืนลูกซองออกมาวางตรงหน้าเหมือนเป็นการขู่อยู่ในที แล้วเอามีดออกมาสับเศษไม้เล่นเสียงดังเป็นจังหวะ ตาจับจ้องมายังคุณอย่างประสงค์ร้าย
            
             "อีหนู..มานี่"
            
             มันยกมือกระดิกนิ้วเรียกหญิงสาวตัวสั่นตัวขดงอแทบเป็นก้อนกลม คุณแตะด้ามมีดในขณะไอ้ยักษ์ปักหลั่นลุกขึ้นเดินส่ายอวดกล้ามเนื้อฟิตเปรี๊ยะทั่วตัวตรงเข้ามา
          
             คุณลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง
            
             "อย่ามายุ่งกับเธอ" คุณบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไม่แสดงความหวาดกลัวพลางจ้องหน้ายักษ์ปักหลั่น  มันสูงกว่าคุณพอสมควรแต่ไม่มีปัญหาถ้าจะต่อสู้กัน
            
             ไอ้ยักษ์หัวเราะเสียงดัง ดึงมีดออกมาจากเอว ใช้นิ้วมือลูบคมมีดเล่นไปมาเหมือนเจตนาข่มขวัญ แล้วแค่นเสียงใส่หน้าคุณอย่างคุกคาม
              
             "ถ้าแกฉลาดพอก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ซะ....อย่าทำเป็นพระเอก เรื่องนี้ไม่มีพระเอกโว้ย"
    
             “กลับไปนั่งที่ของแกซะ”  คุณบอกเสียงเรียบ เงยหน้าจ้องมองเข้าไปในดวงตาคนหาเรื่อง ร่างกายอยู่ในสภาพเตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวชนิดรวดเร็วรุนแรงถ้าจำเป็น
    
             “อ้อ...แกจะเก็บหล่อนไว้งาบคนเดียว”
              
             คุณยิ้มเล็กน้อยแล้วใช้ความไวฉวยมีดจากมือของมันอย่างรวดเร็วก่อนมันจะได้ทันระวัง แล้วสะบัดมือเหวี่ยงมีดลอยขึ้นไปปักแน่นบนขื่อไม้ของโรงนาเหนือศีรษะ หมดสิทธ์เอามาใช้งานได้อีก ไอ้ยักษ์เบิกโพลง มองดูอย่างไม่เชื่อว่ามีดในมือจะถูกแย่งออกไปโดยง่ายดายจนตั้งตัวไม่ทัน
          
              "อย่ามายุ่งกับเธอ"    คุณย้ำประโยคเดิมมือขวาอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม กำปั้นขวาของไอ้ยักษ์เหวี่ยงเข้ามาทันทีเมื่อจบคำพูด คุณไม่ยอมหลบปล่อยให้กำปั้นของอีกฝ่ายปะทะเข้ากรามซ้ายอย่างถนัดถนี่จนร่างเอียงวูบ แต่คุณก็สะบัดไหล่ชกหมัดสวิงขวาสวนโครมเข้าไปยังบริเวณกรามซ้ายของมันเต็มแรงเช่นกัน

             เป็นการดวลเชิงกันละหมัดวัดใจวัดความแรง  เจ้ายักษ์เซถอยไปด้านหลังสองก้าวเข่าอ่อนลงวูบหนึ่งแต่รีบฝืนตัวยืดตัวตรงแทบจะทันควันสายตาของมันแววโรจน์อย่างเดือดดาล แต่ไม่กล้าวู่วามอะไรอีก เพราะเหมือนรู้ว่าเจอปรปักษ์มีฝีมือสูสี ไม่ใช่ไก่อ่อนจะขบเคี้ยวได้โดยง่าย มันรู้ว่าคุณจงใจไม่หลบกำปั้น แต่เป็นการทดสอบฝีมือกันต่างหาก

             “เก่งเหมือนกันนี่ไอ้หนุ่ม”  เจ้ายักษ์แค่นยิ้มใช้หลังมือเช็ดใบหน้าตัวเองราวกับจะตรวจสอบดูว่าบาดเจ็บขนาดไหน แต่พอคุณเผลอมันก็เหวี่ยงกำปั้นขวาเข้ามาอีกชนิดไม่ให้ตั้งตัว

             คราวนี้คุณไม่ยอมเอาหน้ารับหมัดอีก  แต่ยกแขนซ้ายขึ้นป้องกันแล้วสวนหมัดขวาออกไปตำแหน่งเดิมราวกับจะย้ำรอยแผลเก่า ติดกันหลายหมัด  เสียงดังสนั่นเหมือนทุบมะพร้าว ร่างทะมึนเซไปด้านหลังตามแรงต่อยทุกหมัด จนถึงอีกฟากของโรงนา  กำปั้นสุดท้ายส่งร่างของมันร่วงลงเป็นนกปีกหักนั่งลงตำแหน่งนั่งเดิม  ในสภาพหมดท่าเลือดเปรอะหน้าตาเต็มไปหมด
            
             ไอ้ยักษ์สบถคำหยาบคายออกมาคำหนึ่ง ถลึงตามองแต่ไม่กล้าลุกขึ้นมาอีก  เพราะรู้ว่าถ้ายังหัวดื้อลุกขึ้นมาจะเจอลูกหนัก  คุณคิดว่ามันไม่กลัวแต่ยอมนิ่งไว้เชิง เพื่อหาจังหวะเหมาะสมต่างหาก อย่างน้อยมันก็รู้แล้วว่าคุณไม่ใช่คนไร้ฝีมือ ครั้งนี้มันประมาทเกินไป

             “แกแน่มาก ไอ้หนุ่ม”   พูดจบไอ้ยักษ์ก็หัวเราะในลำคอเหมือนขบขันเสียเต็มประดา ไม่รู้ว่าขำหาหอกอะไรเหมือนกัน แต่ดูแล้วคนโรคจิตชัดๆ

             “โอย....มัน   มันมากสะใจ  ที่ไหนมีสาวสวย  ก็มีเรื่องสนุกให้เขียนเสมอ”

             จะเป็นเสียงใครไม่ได้นอกจากเจ้าหนุ่มนักเขียนจอมเพี้ยนคนนั้น



.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่