.
บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/36680985
บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/36698264
บทที่ 3
https://ppantip.com/topic/36705082
ความเดิมท้ายบทที่แล้ว
“ข้าอยากได้สองอย่าง หนึ่งผู้หญิง สองอาหารเช้า หล่อนสามารถเป็นได้ทั้งสองอย่างแต่เป็นอาหารต้องเก็บเอาไว้ในตอนเช้า" พูดจบมันหัวเราะชอบใจในความคิดของตัวเอง "ความจริงข้าชอบกินเด็กมากกว่า แต่เนื้อผู้หญิงก็ไม่เลว รู้ไหมข้าเพิ่งหนีออกจากคุกมาได้สองวัน แกรู้ว่าข้าต้องการอะไร"
...........
คุณลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง พลางจ้องมองอย่างไม่ได้หวาดกลัว จ้องมองเข้าไปภายในดวงตา ในจิตวิญญาณของมัน มือขวาแตะด้ามมีดข้างเอว พร้อมใช้งานทุกขณะ
“ความจริงแกไม่กล้ายิงใช่ไหมล่ะ”
คุณรู้ว่ามันเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะคุณได้หรือไม่ พวกนักฆ่า ฆาตกร มักมีสัมผัสรวดเร็วละเอียดต่อศัตรู มันไม่กล้ายิงเพราะไม่แน่ใจว่าจะคว่ำคุณได้ในนัดเดียว และไม่แน่ใจว่าหลังจากการยิงปืนออกไปจะโดนสวนคืนด้วยอะไรบ้าง
"เอามือห่างออกจากมีดแล้วยกมือขึ้นสูงๆ" มันตวาดเมื่อเห็นมือคุณค่อยเลื่อนไปยังด้ามมีดที่สอดอยู่ในฝักห้อยอยู่กับเข็มขัด
"ข้ายังนึกวิธีการตายของแกไม่ออกว่ะ..ความจริงข้าเป็นนักเชือดนะโว้ย หลายปีก่อนแกคงเคยได้ยินข่าวคนถูกฆ่าแล้วหั่นศพเป็นชิ้น ๆ นั่นล่ะฝีมือข้าเอง...แกกับแม่สาวนี่ก็จะเป็นผลงานชิ้นแรกในแห่งการสร้างผลงานเชือดชั้นเยี่ยมยุคใหม่ อ้อ… รวมทั้งไอ้บ้านั่นด้วย”
ไอ้ยักษ์หันไปมองนักเขียนจอมเพี้ยนผู้กำลังนั่งทำตาลอยเหมือนคิดอะไรอยู่อย่างไม่สนใจว่ามีอะไรเกิดขึ้น สมาธิแห่งการเขียนของมันแน่นอนยอดเยี่ยมเหลือหลาย สัญชาตญาณพิเศษของคุณรับรู้ว่าเจ้ายักษ์ซ่อนความไม่แน่ใจเอาไว้ในท่าทีแข็งกร้าว ความไม่แน่ใจทำให้เกิดอาการลังเล
"ไอ้บ้าเอ้ย.."
คุณแค่นเสียงใส่ไอ้ยักษ์ปักหลั่น ก่อนอาศัยจังหวะมันหันไปมองนักกวีตกขอบ ปัดปากกระบอกปืนออกจากตัวก่อนแก้วหูอื้ออึงไปด้วยเสียงตูมสนั่น
เมื่อมันเหนี่ยวไกปืนเปรี้ยง ห่ากระสุนลูกซองเฉียดหัวของลุงชราผู้นั่งเขี่ยกองไฟกลางโรงนาพียงนิดเดียวไประเบิดผนังโรงนาเศษไม้ปลิวกระจัดกระจาย คุณเตะเข้าระหว่างขามันสุดแรงไอ้ยักษ์หน้าเหยเกงอตัวลงราวเป็นกุ้งเผาโอกาสทองมาถึง คุณเหวี่ยงหมัดขวาเข้ากรามซ้ายของมันเต็มแรงเสียงดังสนั่น ถึงจะใหญ่แค่ไหนก็ตาม โดนหมัดนี้ยังต้องคอเอียงกระเท่เร่
แต่เจ้ายักษ์ไม่ใช่คนไร้ฝีมือ ไม่อย่างนั้นคงผ่านซีโรโซนไม่ได้ พานท้ายปืนของมันชกสวนเข้าเต็มปลายคาง โดนไม่จังนักเพราะจังหวะยังไม่ดี แต่แรงพอถ้าเป็นสมัยก่อนหน้าจะมาเป็นนักล่า คุณคงสลบเหมือดลืมโลกไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เพราะประสบการณ์และสารเคมีในร่างกายทำให้คุณไม่ได้ถูกนับสิบ เพียงแต่เซถอยหลังไปปะทะผนังไม้
เจ้ายักษ์ยืดตัวตรงเต็มที่ สายตาเริ่มมีแววมั่นใจ กระแทกพานท้ายปืนเข้ามาในวินาทีต่อมา คุณเบี่ยงตัวหลบไปได้แบบเฉียดฉิว เสียงพานท้ายปืนกระแทกผนังไม้ดังสนั่นข้างหูซ้าย เป็นโอกาสให้คุณสวนคืนทันทีด้วยกำปั้นซ้ายตูมเข้าเต็มหน้าจนร่างใหญ่เซถอยหลังกลับไปหลายก้าวพร้อมเลือดทะลักออกมาจากจมูก
“ไม่เลวนี่ไอ้หนุ่ม แกทำได้ดี”
เจ้ายักษ์ใช้หลังมือซ้ายปาดเลือดแล้วยกขึ้นมาดู พลางแสยะยิ้มเหมือนคนบ้า ทำท่าจะตวัดปลายกระบอกปืนเข้าหา คุณชิงจังหวะถีบขวาเข้าข้อมือของมันเสียก่อนตามด้วยกระโดดเตะด้วยเท้าซ้ายเข้ากกหูเสียงดังสนั่น แต่ไอ้ยักษ์ปักหลั่นทนทายาทผิดมนุษย์ไม่ยอมล้ม มันตวัดพานท้ายปืนเฉียงขึ้นมาโดยมีปลายคางของคุณเป็นเป้าหมาย คุณดึงตัวหลบพ้น แต่เป็นโอกาสให้มันตวัดปลายกระบอกปืนเข้าหาคุณอีกครั้ง
คุณไม่อยากใช้มีด
สิ่งเกิดขึ้นต่อมามองแทบไม่ทัน
แม่สาวผีดูดเลือดคนกระโดดขึ้นมาจากทางด้านหลังของไอ้ยักษ์นักเชือด มือข้างหนึ่งกระชากศีรษะให้ไอ้ยักษ์แหงนหน้าขึ้นก่อนเขี้ยวของเธอฝังลงลำคอ ขณะใช้มืออีกข้างโอบรัดแน่นด้วยกำลังมหาศาลของผีดูดเลือด ไอ้ยักษ์ร้องเสียงหลงไม่เป็นภาษาตาเหลือกค้าง ร่างหมุนคว้างเป็นกังหันแต่ไม่นานก็เข่าอ่อนทรุดลง คนที่ไม่ใช่นักล่าถ้าพลาดท่าถูกกัดจะมีอาการตัวชาเรี่ยวแรงหายไปจนหมด ในเวลาอันรวดเร็วสีหน้าแววตาหวาดกลัวสุดขีด ความตายที่มันเคยหยิบยื่นแก่คนอื่นมาแตะปลายจมูกแล้ว เจ้ายักษ์หลุดปากออกมากระท่อนกระแท่น
"ช่วย..แกช่วยฉันด้วย"
คุณมองหน้ามันแล้วส่ายหน้า ถอยออกห่างมองดูมันถูกดูดเลือดอย่างเลือดเย็น
"ได้โปรด แกก็เป็นคนเหมือนฉันช่วยฉันที"
"ฉันเป็นนักล่า ไม่ใช่คน ส่วนแกเป็นฆาตกรก็ไม่ใช่คน " เสียงของคุณราบเรียบเหมือนสีหน้าขณะมองความตายอย่างเยือกเย็น
เสียงดังครอกในลำคออย่างสิ้นหวัง ไอ้ยักษ์ไม่ได้ประมาทแต่มันนึกไม่ถึง จึงไม่ได้ระวังด้านหลัง นิ้วข้างที่ถือปืนกระตุกครั้งสุดท้ายปืนลั่นเปรี้ยงก่อนล้มฟุบ เป็นคราวซวยของหนุ่มกวีหน้ามน ห่ากระสุนบังเอิญพุ่งจับเข้าเต็มอก ร่างของเขาแทบจะเรียกได้ว่ากระเด็นไปตามแรงกระสุนไปอัดกับผนังไม้ก่อนคว่ำหน้าฟุบลงกับกองฟาง ก่อนหน้าคุณหมั่นไส้หมอนี่เหลือเกิน แต่พอมันตายไปจริง ๆ คุณกลับนึกสงสารไอ้หนุ่มบ้างานเขียนไม่ได้ จะบ้าบอคอแตกอย่างไรแต่ก็ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร
ผีดูดเลือดสาวผละออกจากเหยื่อ รอยเลือดเปรอะตามปากไหลย้อยหยดลงตามอกเสื้อดูน่าสยดสยอง หล่อนหันมามองแต่คุณรู้ว่าเธออิ่มแล้ว และจะอยู่ได้อีกเป็นเดือนทีเดียว ความสับสนเศร้าสร้อยฉายชัดอยู่ในแววตาของเธอ คุณก้าวเข้าไปหาใช้มือเช็ดเลือดเปรอะตามปากและแก้มออกให้อย่างแผ่วเบา ต่างยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดไอ้ฆาตกรก็เป็นทางออกเรื่องอาหารของผีดิบสาว ถ้าหากเธอไม่ได้เลือดของมันเธอต้องตายอีกในไม่กี่ชั่วโมง
ชายชราเริ่มหยิบฟืนใส่กองไฟให้ลุกโชนขึ้นจนภายในโรงนาสว่างไสว
"ความตาย ความรัก ความแค้นล้วนไม่แน่นอน...โอย ไอ้บ้านั่นทำลายงานเขียนของฉัน"
ไอ้หนุ่มนักกวีตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน พลางก้มลงมองหน้าอกแหลกพรุนแล้วหัวเราะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงรอยเลือดอยู่เพียงเล็กน้อย ลูกปืนค่อยหล่นออกจากปากแผลที่กำลังสมานตัว จากนั้นก็เดินตรงมายังซากไอ้ยักษ์จอมเชือด ก้มลงกัดต้นคอดูดกินเลือดอย่างหน้าตาเฉย
"แหวะ..." เงยหน้าขึ้นมาบ้วนเลือด "เลือดคนตายนี่ไม่อร่อยเลยให้ตายสิ..."
บอกไม่อร่อยแต่ก็ก้มลงดูดเลือดต่อไป ไอ้เวรนี่ก็ทะลึ่งเป็นผีดูดเลือดกับเขาด้วย
"เขาเป็นพี่ชายฉันเองค่ะ" ผีดูดเลือดสาวบอก เขี้ยวอันแหลมคมกริบหดกลับเป็นปกติ
ผีดิบสาวตัวนี้ดูเผิน ๆ ก็เป็นผู้หญิงมีเสน่ห์ตามปกติวิสัยของผู้หญิงธรรมดาจะมีกัน แต่เมื่อคุณมองจ้องลึกลงไปในแววตาดำขลับทำให้จิตใจไหวหวั่นอย่างประหลาด มีผู้หญิงไม่กี่คนทำให้คุณรู้สึกประหลาด อย่าว่าแต่คุณละทิ้งเส้นทางของมนุษย์ธรรมดาไปแล้ว ก็เผ่าพันธุ์ของเธอมิใช่หรือที่ทำลายครอบครัวของคุณ
"เราได้ข่าวว่ามีนักล่าผีดูดเลือดกำลังตามล่าเราอยู่ แต่เราก็ไม่ทราบว่าเป็นคุณ ตอนแรกคิดว่าเป็นไอ้เจ้านักฆ่านี่เสียอีกแต่ก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดี"
"คุณจึงเล่นละครตบตาผมกับไอ้ยักษ์เพื่อให้รู้ชัดว่าใครกันแน่เป็นนักล่าตัวจริง"
"ค่ะ...เราไม่กล้าจะรับมือกับนักล่าตรง ๆ หรอกค่ะ ถ้าเป็นได้เราจะหนีไปให้ไกลแสนไกล แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันไม่ได้เล่นละครเลย"
"ผมรู้"
นอกจากการตัดคอ การใช้ไฟเผาแล้ว สายฟ้าเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถทำลายผีดูดเลือดได้ สายฟ้าจะทำลายความสามารถในการแบ่งเซลล์ฟื้นสภาพอันรวดเร็วผิดธรรมชาติของผีดูดเลือด นี่เป็นสาเหตุให้เธอหวาดกลัวสายฟ้าเหลือเกิน
"พี่ชายฉันเขาก็เหมือนฉันเพียงแต่เขาบ้างานเขียนไปหน่อย หรือจะบอกว่าเขาสติไม่ค่อยดีก็ได้ เราจะไม่ดูดเลือดใครถ้าไม่จำเป็น เราไม่อยากจะทำ แต่ในเมื่อเราเกิดมาแล้วมีชีวิตแบบนี้จะให้เราทำอย่างไรดีล่ะคะ ถึงจะเป็นสิ่งที่คนเรียกว่าผีดูดเลือด แต่เราก็อยากมีชีวิตอยู่เหมือนกัน พวกเราพยายามเลือกเหยื่อพวกคนไม่ดี"
คุณเพิ่งรู้ว่าอาการวิกลจริตผิดเพี้ยนไม่ได้เกิดกับคนเท่านั้น ผีก็มีสิทธ์เพี้ยน หล่อนมองตาคุณครู่หนึ่งก่อนเอ่ยเสียงแผ่วเบา
“คุณจะฆ่าเราสองคนก็ได้นะคะ รับรองพวกเราจะไม่ขัดขืนหรือหลบหนีอีกแล้ว พวกเราเบื่อและเหนื่อยกับการมีชีวิตเต็มทน อยากตายๆให้รู้แล้วรู้รอดไปเสียที”
คุณแตะไหล่เธออย่างสนิทใจ
“ผมไม่ทำแน่นอน คุณก็รู้”
ความจริงคุณทำผิดกฎของนักล่า ไม่ลงมือตัดศีรษะของหล่อนตั้งแต่แรก กฎข้อหนึ่งของนักล่าคือจัดการกับผีดูดเลือดทุกตัวที่พบ ล่าผีดูดเลือดเหมือนนายพรานล่าสัตว์ร้ายแต่คุณเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้ว
ลุงคนนั้น...คุณหันไปมองชายชรา หญิงสาวหันมองแล้วส่ายหน้า แกรอจนไอ้หนุ่มกวีขึ้นสมอง ผละออกจากศพ จึงค่อยเดินเข้าไปจับขาข้างหนึ่งของศพลากตรงไปยังกองไฟเงยหน้าขึ้นมามองพวกเรา หัวเราะแฮะเหมือนเด็กปัญญาอ่อนแล้วไม่สนใจอะไรอีก เวลาที่คุณลุงรอคอยมาถึงแล้ว
คุณรู้ว่าแกจะทำอะไรต่อไป
"ปอบ.."
หญิงสาวอุทาน ทำหน้าสยดสยอง ถึงจะเข้าข่ายเป็นจำพวกปีศาจเหมือนกัน แต่การกินอาหารคนละแนวกันปอบมีหลายประเภท ชายชราดูไปคล้ายปอบจำพวกชอบกินซากศพ เราจะพบปอบพวกนี้ตามสุสานที่มีการฝังศพ ลุงปอบแกคงจะเอาศพตัดเป็นชิ้น แล้วย่างไฟกินอย่างเอร็ดอร่อย แค่นึกภาพอาการหิวของคุณที่คุกคามมาตั้งแต่ตอนเย็นก็หายเป็นปลิดทิ้ง น้ำขมเปรี้ยวขย้อนขึ้นมาลำคอ
โลกมนุษย์ยุคนี้เป็นยุคแห่งความวิปริตผิดเพี้ยนโดยแท้ คุณโน้มตัวไป แตะริมฝีปากลงบนหน้าผากของผีดูดเลือดสาวแผ่วเบา
"ผมคงต้องไปแล้วล่ะ....พวกคุณก็ควรจะไปเหมือนกัน นอกจากว่าคุณจะต้องการอยู่ร่วมกินอาหารมื้อพิเศษกับปอบตัว.. คนนั้น"
คุณเห็นความเวิ้งว้างหดหู่ อย่างบรรยายไม่ถูกในสายตาผีดิบสาว
"คุณไปไหนคะ..." เธอถามด้วยประกายตาสั่นไหวลึกร้าว อะไรหลายอย่างเปลี่ยนไปคืนวิปริตคืนเดียวแต่มีผลมากมายมหาศาล
"ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมเองก็คงอยู่นี่ไม่ได้อีกแล้ว" คุณไม่กล้าสบตาเธอ เดินไปหยิบเสื้อมาสวมไม่ลืมลากถุงประจำกายมาด้วย หญิงสาวทำท่าจะถอดเสื้อคลุมที่คุณให้กับเธอไว้ตั้งแต่ตอนแรก
"คุณใส่ไว้เถอะ...ถึงจะเป็น เอ้อ.." คุณนึกหาคำเหมาะสมไม่ได้ "เป็นผีดูดเลือด ก็หนาวเป็นเหมือนกัน"
ลมหนาวกระโชกมาทางประตูปิดเปิดปึงปังโครมครามเหมือนยืนยันคำพูด สายลมเย็นยะเยียบเหมือนพัดผ่านมาจากหลุมฝังศพว่างเปล่า
.
คืนวิปริต......4
บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/36680985
บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/36698264
บทที่ 3
https://ppantip.com/topic/36705082
ความเดิมท้ายบทที่แล้ว
“ข้าอยากได้สองอย่าง หนึ่งผู้หญิง สองอาหารเช้า หล่อนสามารถเป็นได้ทั้งสองอย่างแต่เป็นอาหารต้องเก็บเอาไว้ในตอนเช้า" พูดจบมันหัวเราะชอบใจในความคิดของตัวเอง "ความจริงข้าชอบกินเด็กมากกว่า แต่เนื้อผู้หญิงก็ไม่เลว รู้ไหมข้าเพิ่งหนีออกจากคุกมาได้สองวัน แกรู้ว่าข้าต้องการอะไร"
...........
คุณลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง พลางจ้องมองอย่างไม่ได้หวาดกลัว จ้องมองเข้าไปภายในดวงตา ในจิตวิญญาณของมัน มือขวาแตะด้ามมีดข้างเอว พร้อมใช้งานทุกขณะ
“ความจริงแกไม่กล้ายิงใช่ไหมล่ะ”
คุณรู้ว่ามันเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะคุณได้หรือไม่ พวกนักฆ่า ฆาตกร มักมีสัมผัสรวดเร็วละเอียดต่อศัตรู มันไม่กล้ายิงเพราะไม่แน่ใจว่าจะคว่ำคุณได้ในนัดเดียว และไม่แน่ใจว่าหลังจากการยิงปืนออกไปจะโดนสวนคืนด้วยอะไรบ้าง
"เอามือห่างออกจากมีดแล้วยกมือขึ้นสูงๆ" มันตวาดเมื่อเห็นมือคุณค่อยเลื่อนไปยังด้ามมีดที่สอดอยู่ในฝักห้อยอยู่กับเข็มขัด
"ข้ายังนึกวิธีการตายของแกไม่ออกว่ะ..ความจริงข้าเป็นนักเชือดนะโว้ย หลายปีก่อนแกคงเคยได้ยินข่าวคนถูกฆ่าแล้วหั่นศพเป็นชิ้น ๆ นั่นล่ะฝีมือข้าเอง...แกกับแม่สาวนี่ก็จะเป็นผลงานชิ้นแรกในแห่งการสร้างผลงานเชือดชั้นเยี่ยมยุคใหม่ อ้อ… รวมทั้งไอ้บ้านั่นด้วย”
ไอ้ยักษ์หันไปมองนักเขียนจอมเพี้ยนผู้กำลังนั่งทำตาลอยเหมือนคิดอะไรอยู่อย่างไม่สนใจว่ามีอะไรเกิดขึ้น สมาธิแห่งการเขียนของมันแน่นอนยอดเยี่ยมเหลือหลาย สัญชาตญาณพิเศษของคุณรับรู้ว่าเจ้ายักษ์ซ่อนความไม่แน่ใจเอาไว้ในท่าทีแข็งกร้าว ความไม่แน่ใจทำให้เกิดอาการลังเล
"ไอ้บ้าเอ้ย.."
คุณแค่นเสียงใส่ไอ้ยักษ์ปักหลั่น ก่อนอาศัยจังหวะมันหันไปมองนักกวีตกขอบ ปัดปากกระบอกปืนออกจากตัวก่อนแก้วหูอื้ออึงไปด้วยเสียงตูมสนั่น
เมื่อมันเหนี่ยวไกปืนเปรี้ยง ห่ากระสุนลูกซองเฉียดหัวของลุงชราผู้นั่งเขี่ยกองไฟกลางโรงนาพียงนิดเดียวไประเบิดผนังโรงนาเศษไม้ปลิวกระจัดกระจาย คุณเตะเข้าระหว่างขามันสุดแรงไอ้ยักษ์หน้าเหยเกงอตัวลงราวเป็นกุ้งเผาโอกาสทองมาถึง คุณเหวี่ยงหมัดขวาเข้ากรามซ้ายของมันเต็มแรงเสียงดังสนั่น ถึงจะใหญ่แค่ไหนก็ตาม โดนหมัดนี้ยังต้องคอเอียงกระเท่เร่
แต่เจ้ายักษ์ไม่ใช่คนไร้ฝีมือ ไม่อย่างนั้นคงผ่านซีโรโซนไม่ได้ พานท้ายปืนของมันชกสวนเข้าเต็มปลายคาง โดนไม่จังนักเพราะจังหวะยังไม่ดี แต่แรงพอถ้าเป็นสมัยก่อนหน้าจะมาเป็นนักล่า คุณคงสลบเหมือดลืมโลกไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เพราะประสบการณ์และสารเคมีในร่างกายทำให้คุณไม่ได้ถูกนับสิบ เพียงแต่เซถอยหลังไปปะทะผนังไม้
เจ้ายักษ์ยืดตัวตรงเต็มที่ สายตาเริ่มมีแววมั่นใจ กระแทกพานท้ายปืนเข้ามาในวินาทีต่อมา คุณเบี่ยงตัวหลบไปได้แบบเฉียดฉิว เสียงพานท้ายปืนกระแทกผนังไม้ดังสนั่นข้างหูซ้าย เป็นโอกาสให้คุณสวนคืนทันทีด้วยกำปั้นซ้ายตูมเข้าเต็มหน้าจนร่างใหญ่เซถอยหลังกลับไปหลายก้าวพร้อมเลือดทะลักออกมาจากจมูก
“ไม่เลวนี่ไอ้หนุ่ม แกทำได้ดี”
เจ้ายักษ์ใช้หลังมือซ้ายปาดเลือดแล้วยกขึ้นมาดู พลางแสยะยิ้มเหมือนคนบ้า ทำท่าจะตวัดปลายกระบอกปืนเข้าหา คุณชิงจังหวะถีบขวาเข้าข้อมือของมันเสียก่อนตามด้วยกระโดดเตะด้วยเท้าซ้ายเข้ากกหูเสียงดังสนั่น แต่ไอ้ยักษ์ปักหลั่นทนทายาทผิดมนุษย์ไม่ยอมล้ม มันตวัดพานท้ายปืนเฉียงขึ้นมาโดยมีปลายคางของคุณเป็นเป้าหมาย คุณดึงตัวหลบพ้น แต่เป็นโอกาสให้มันตวัดปลายกระบอกปืนเข้าหาคุณอีกครั้ง
คุณไม่อยากใช้มีด
สิ่งเกิดขึ้นต่อมามองแทบไม่ทัน
แม่สาวผีดูดเลือดคนกระโดดขึ้นมาจากทางด้านหลังของไอ้ยักษ์นักเชือด มือข้างหนึ่งกระชากศีรษะให้ไอ้ยักษ์แหงนหน้าขึ้นก่อนเขี้ยวของเธอฝังลงลำคอ ขณะใช้มืออีกข้างโอบรัดแน่นด้วยกำลังมหาศาลของผีดูดเลือด ไอ้ยักษ์ร้องเสียงหลงไม่เป็นภาษาตาเหลือกค้าง ร่างหมุนคว้างเป็นกังหันแต่ไม่นานก็เข่าอ่อนทรุดลง คนที่ไม่ใช่นักล่าถ้าพลาดท่าถูกกัดจะมีอาการตัวชาเรี่ยวแรงหายไปจนหมด ในเวลาอันรวดเร็วสีหน้าแววตาหวาดกลัวสุดขีด ความตายที่มันเคยหยิบยื่นแก่คนอื่นมาแตะปลายจมูกแล้ว เจ้ายักษ์หลุดปากออกมากระท่อนกระแท่น
"ช่วย..แกช่วยฉันด้วย"
คุณมองหน้ามันแล้วส่ายหน้า ถอยออกห่างมองดูมันถูกดูดเลือดอย่างเลือดเย็น
"ได้โปรด แกก็เป็นคนเหมือนฉันช่วยฉันที"
"ฉันเป็นนักล่า ไม่ใช่คน ส่วนแกเป็นฆาตกรก็ไม่ใช่คน " เสียงของคุณราบเรียบเหมือนสีหน้าขณะมองความตายอย่างเยือกเย็น
เสียงดังครอกในลำคออย่างสิ้นหวัง ไอ้ยักษ์ไม่ได้ประมาทแต่มันนึกไม่ถึง จึงไม่ได้ระวังด้านหลัง นิ้วข้างที่ถือปืนกระตุกครั้งสุดท้ายปืนลั่นเปรี้ยงก่อนล้มฟุบ เป็นคราวซวยของหนุ่มกวีหน้ามน ห่ากระสุนบังเอิญพุ่งจับเข้าเต็มอก ร่างของเขาแทบจะเรียกได้ว่ากระเด็นไปตามแรงกระสุนไปอัดกับผนังไม้ก่อนคว่ำหน้าฟุบลงกับกองฟาง ก่อนหน้าคุณหมั่นไส้หมอนี่เหลือเกิน แต่พอมันตายไปจริง ๆ คุณกลับนึกสงสารไอ้หนุ่มบ้างานเขียนไม่ได้ จะบ้าบอคอแตกอย่างไรแต่ก็ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร
ผีดูดเลือดสาวผละออกจากเหยื่อ รอยเลือดเปรอะตามปากไหลย้อยหยดลงตามอกเสื้อดูน่าสยดสยอง หล่อนหันมามองแต่คุณรู้ว่าเธออิ่มแล้ว และจะอยู่ได้อีกเป็นเดือนทีเดียว ความสับสนเศร้าสร้อยฉายชัดอยู่ในแววตาของเธอ คุณก้าวเข้าไปหาใช้มือเช็ดเลือดเปรอะตามปากและแก้มออกให้อย่างแผ่วเบา ต่างยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดไอ้ฆาตกรก็เป็นทางออกเรื่องอาหารของผีดิบสาว ถ้าหากเธอไม่ได้เลือดของมันเธอต้องตายอีกในไม่กี่ชั่วโมง
ชายชราเริ่มหยิบฟืนใส่กองไฟให้ลุกโชนขึ้นจนภายในโรงนาสว่างไสว
"ความตาย ความรัก ความแค้นล้วนไม่แน่นอน...โอย ไอ้บ้านั่นทำลายงานเขียนของฉัน"
ไอ้หนุ่มนักกวีตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน พลางก้มลงมองหน้าอกแหลกพรุนแล้วหัวเราะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงรอยเลือดอยู่เพียงเล็กน้อย ลูกปืนค่อยหล่นออกจากปากแผลที่กำลังสมานตัว จากนั้นก็เดินตรงมายังซากไอ้ยักษ์จอมเชือด ก้มลงกัดต้นคอดูดกินเลือดอย่างหน้าตาเฉย
"แหวะ..." เงยหน้าขึ้นมาบ้วนเลือด "เลือดคนตายนี่ไม่อร่อยเลยให้ตายสิ..."
บอกไม่อร่อยแต่ก็ก้มลงดูดเลือดต่อไป ไอ้เวรนี่ก็ทะลึ่งเป็นผีดูดเลือดกับเขาด้วย
"เขาเป็นพี่ชายฉันเองค่ะ" ผีดูดเลือดสาวบอก เขี้ยวอันแหลมคมกริบหดกลับเป็นปกติ
ผีดิบสาวตัวนี้ดูเผิน ๆ ก็เป็นผู้หญิงมีเสน่ห์ตามปกติวิสัยของผู้หญิงธรรมดาจะมีกัน แต่เมื่อคุณมองจ้องลึกลงไปในแววตาดำขลับทำให้จิตใจไหวหวั่นอย่างประหลาด มีผู้หญิงไม่กี่คนทำให้คุณรู้สึกประหลาด อย่าว่าแต่คุณละทิ้งเส้นทางของมนุษย์ธรรมดาไปแล้ว ก็เผ่าพันธุ์ของเธอมิใช่หรือที่ทำลายครอบครัวของคุณ
"เราได้ข่าวว่ามีนักล่าผีดูดเลือดกำลังตามล่าเราอยู่ แต่เราก็ไม่ทราบว่าเป็นคุณ ตอนแรกคิดว่าเป็นไอ้เจ้านักฆ่านี่เสียอีกแต่ก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดี"
"คุณจึงเล่นละครตบตาผมกับไอ้ยักษ์เพื่อให้รู้ชัดว่าใครกันแน่เป็นนักล่าตัวจริง"
"ค่ะ...เราไม่กล้าจะรับมือกับนักล่าตรง ๆ หรอกค่ะ ถ้าเป็นได้เราจะหนีไปให้ไกลแสนไกล แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันไม่ได้เล่นละครเลย"
"ผมรู้"
นอกจากการตัดคอ การใช้ไฟเผาแล้ว สายฟ้าเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถทำลายผีดูดเลือดได้ สายฟ้าจะทำลายความสามารถในการแบ่งเซลล์ฟื้นสภาพอันรวดเร็วผิดธรรมชาติของผีดูดเลือด นี่เป็นสาเหตุให้เธอหวาดกลัวสายฟ้าเหลือเกิน
"พี่ชายฉันเขาก็เหมือนฉันเพียงแต่เขาบ้างานเขียนไปหน่อย หรือจะบอกว่าเขาสติไม่ค่อยดีก็ได้ เราจะไม่ดูดเลือดใครถ้าไม่จำเป็น เราไม่อยากจะทำ แต่ในเมื่อเราเกิดมาแล้วมีชีวิตแบบนี้จะให้เราทำอย่างไรดีล่ะคะ ถึงจะเป็นสิ่งที่คนเรียกว่าผีดูดเลือด แต่เราก็อยากมีชีวิตอยู่เหมือนกัน พวกเราพยายามเลือกเหยื่อพวกคนไม่ดี"
คุณเพิ่งรู้ว่าอาการวิกลจริตผิดเพี้ยนไม่ได้เกิดกับคนเท่านั้น ผีก็มีสิทธ์เพี้ยน หล่อนมองตาคุณครู่หนึ่งก่อนเอ่ยเสียงแผ่วเบา
“คุณจะฆ่าเราสองคนก็ได้นะคะ รับรองพวกเราจะไม่ขัดขืนหรือหลบหนีอีกแล้ว พวกเราเบื่อและเหนื่อยกับการมีชีวิตเต็มทน อยากตายๆให้รู้แล้วรู้รอดไปเสียที”
คุณแตะไหล่เธออย่างสนิทใจ
“ผมไม่ทำแน่นอน คุณก็รู้”
ความจริงคุณทำผิดกฎของนักล่า ไม่ลงมือตัดศีรษะของหล่อนตั้งแต่แรก กฎข้อหนึ่งของนักล่าคือจัดการกับผีดูดเลือดทุกตัวที่พบ ล่าผีดูดเลือดเหมือนนายพรานล่าสัตว์ร้ายแต่คุณเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้ว
ลุงคนนั้น...คุณหันไปมองชายชรา หญิงสาวหันมองแล้วส่ายหน้า แกรอจนไอ้หนุ่มกวีขึ้นสมอง ผละออกจากศพ จึงค่อยเดินเข้าไปจับขาข้างหนึ่งของศพลากตรงไปยังกองไฟเงยหน้าขึ้นมามองพวกเรา หัวเราะแฮะเหมือนเด็กปัญญาอ่อนแล้วไม่สนใจอะไรอีก เวลาที่คุณลุงรอคอยมาถึงแล้ว
คุณรู้ว่าแกจะทำอะไรต่อไป
"ปอบ.."
หญิงสาวอุทาน ทำหน้าสยดสยอง ถึงจะเข้าข่ายเป็นจำพวกปีศาจเหมือนกัน แต่การกินอาหารคนละแนวกันปอบมีหลายประเภท ชายชราดูไปคล้ายปอบจำพวกชอบกินซากศพ เราจะพบปอบพวกนี้ตามสุสานที่มีการฝังศพ ลุงปอบแกคงจะเอาศพตัดเป็นชิ้น แล้วย่างไฟกินอย่างเอร็ดอร่อย แค่นึกภาพอาการหิวของคุณที่คุกคามมาตั้งแต่ตอนเย็นก็หายเป็นปลิดทิ้ง น้ำขมเปรี้ยวขย้อนขึ้นมาลำคอ
โลกมนุษย์ยุคนี้เป็นยุคแห่งความวิปริตผิดเพี้ยนโดยแท้ คุณโน้มตัวไป แตะริมฝีปากลงบนหน้าผากของผีดูดเลือดสาวแผ่วเบา
"ผมคงต้องไปแล้วล่ะ....พวกคุณก็ควรจะไปเหมือนกัน นอกจากว่าคุณจะต้องการอยู่ร่วมกินอาหารมื้อพิเศษกับปอบตัว.. คนนั้น"
คุณเห็นความเวิ้งว้างหดหู่ อย่างบรรยายไม่ถูกในสายตาผีดิบสาว
"คุณไปไหนคะ..." เธอถามด้วยประกายตาสั่นไหวลึกร้าว อะไรหลายอย่างเปลี่ยนไปคืนวิปริตคืนเดียวแต่มีผลมากมายมหาศาล
"ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมเองก็คงอยู่นี่ไม่ได้อีกแล้ว" คุณไม่กล้าสบตาเธอ เดินไปหยิบเสื้อมาสวมไม่ลืมลากถุงประจำกายมาด้วย หญิงสาวทำท่าจะถอดเสื้อคลุมที่คุณให้กับเธอไว้ตั้งแต่ตอนแรก
"คุณใส่ไว้เถอะ...ถึงจะเป็น เอ้อ.." คุณนึกหาคำเหมาะสมไม่ได้ "เป็นผีดูดเลือด ก็หนาวเป็นเหมือนกัน"
ลมหนาวกระโชกมาทางประตูปิดเปิดปึงปังโครมครามเหมือนยืนยันคำพูด สายลมเย็นยะเยียบเหมือนพัดผ่านมาจากหลุมฝังศพว่างเปล่า
.