สวัสดีครับทุกท่าน "ตำแยกิ่งเพชร" น้องหยกคนงามผิวสีน้ำผึ้งเข้ม กับ เฮียเพชร ขาวเผือกกลับมาแล้ว ....
วันนั้นโลกใบเล็กของหล่อนพลิกคว่ำ ทำให้ได้ออกมาสู่โลกใบใหม่ซึ่งกว้างใหญ่เดิม
มีมือใหญ่ที่แสนอบอุ่นของเขาคอยจับจูงและก้าวเดินไปด้วยกัน
เพชรเอกยืนเคียงใบหยก สายตาเขาไม่ได้ทอดมองแสงสุดท้ายของวัน หากจับจ้องดวงหน้าสวยหวานของคนซึ่งเป็นที่รักไม่วางตา จากนั้นนิ้วก้อยยาวๆ ก็ยื่นมาขอเกี่ยวนิ้วก้อยเรียวเล็กเอาไว้ พลางออกแรงน้อยๆ แกว่งแขนขยับไหว
วินาทีนี้หล่อนจำต้องละทิ้งทั้งความอวดดีหรือศักดิ์ศรีอันเป็นกำแพงสูงลิบกางกั้นความรู้สึกในใจ
ถึงเวลาต้องปล่อยให้หัวใจสองดวงเชื่อมประสาน เพื่อก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน อาจจะเริ่มต้นช้าไปสักนิด
หากทั้งคู่เชื่อมั่นว่าความผูกผันของใจสองดวงจะเคียงคู่กันไปตราบนานเท่านาน...
อันนี้ในเด็กดี อัพทุกบท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://my.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=800340
และจิ้มที่นี่ บทที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/31169705
สาวเชียร์เบียร์นำหลอดเบียร์สดมาไว้ด้านข้างโต๊ะ ใบหยกมองด้วยความสงสัย ครั้นถามไถ่จึงรู้ว่าลูกชายเจ้าของร้านจัดให้เพชรเอกเป็นกรณีพิเศษในฐานะพนักงานเก่าและปัจจุบันคือลูกค้าระดับวีไอพี
เพชรเอกยกแก้วเบียร์ชูขึ้น และหันไปทางศาลาเรือนไทยแทนคำขอบคุณลูกชายเจ้าของร้านซึ่งวัยไล่เลี่ยกันกับเขา ก่อนหน้านี้ระหว่างที่ใบหยกส่งค้อนให้เพชรเอกและเดินลงส้นเท้าปังๆ กลับมานั่งโต๊ะ ทั้งคู่เดินเข้าไปทักทายกันอย่างสนิทสนม และหล่อนคอยจับตามองเป็นระยะๆ หากตาไม่ฝาดและไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเอง หล่อนเชื่อว่าเห็นเพชรเอกส่งยิ้มมาให้หล่อนด้วย!
ภาพนั้นทำให้หัวใจพองโต เกิดความสุขลึกล้ำ ราวกับได้เป็นคนพิเศษ...ของเขา
เมื่อร่างสูงใหญ่นั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม จึงช่วยไม่ได้ที่ความรู้สึกขัดเขินจะจู่โจมหัวใจหญิงสาว
ยามนี้หายใจหายคอไม่ใคร่สะดวกนัก ปลายเท้าไม่ติดพื้นเหมือนจะลอยได้ มือไม้พันกันยุ่ง หล่อนเลยต้องทำเป็นเสมองทางอื่น และแก้เก้อด้วยการโยกศีรษะตามจังหวะเพลงซึ่งเปิดคลอเบาๆ ในร้าน
แต่การแสดงออกนั้นขัดกับบุคลิกหล่อน มันดูเก้อเขินพิกล กระทั่งได้หูยินเสียงหัวเราะหึๆ ลอยมาจากชายหนุ่มนั่นแหละ หล่อนเลยถลึงตาใส่เขา และในหัวก็เร่งคิดหาวิธีรับมือหนุ่มหล่อ
หญิงสาวเลยสูดลมหายใจลึก ตั้งสติไม่ให้หวั่นไหว ต่อจากนั้นจึงเริ่มเล่นรุกเขาด้วยเกมตาจ้องตา!
ทว่าเวลาผ่านไปแค่อึดใจเดียว ดวงหน้าสวยหวานก็แต้มด้วยสีแดงระเรื่อ กลายเป็นหล่อนเสียเองที่ต้องยอมแพ้ต่อสายตาคม และรอยยิ้มเท่ๆ ตรงมุมปาก “มีอะไรหรือคะคุณเพชร มองฉันอยู่ได้!”
“หา…” เขาเลิกคิ้วสูง ถูกจับได้ยังยียวนกลับหน้าตาเฉย
“ไม่ตลกนะคุณ เล่นจ้องหน้ากันอย่างนี้ ฉันเป็นคนนะคะ ไม่ใช่ปลากัด!”
“อ้าว ...นั่งอยู่ด้วยกันสองคน ถ้าไม่ให้มองหน้าเธอ จะให้ไปมองหมา แมวที่ไหน เอ หรือให้ส่องกล้องทางไกลมองหน้าปลาวาฬในทะเล...” เขาทำเสียงดุราวกับผู้ใหญ่ที่พยายามระงับความหงุดหงิดใจ เมื่อถูกจับได้ว่าทำผิดเสียเอง
“คุณเพชร!...” หล่อนยกนิ้วชี้หน้าเขา แต่สายตาคมคู่นั้นคล้ายมีรังสีอมหิตส่งออกมา หล่อนเลยต้องรีบหดนิ้วกลับแทบไม่ทัน
“ฉันทำไม ฮึ” เพชรเอกหักนิ้วดังเปาะ มือใหญ่ของเขาดูน่ากลัวเป็นที่สุด ยิ่งคิดถึงตอนที่ปล่อยหมัดซัดกันตพลตุ้บตั้บ หล่อนก็พลอยขวัญกระเจิง
เพชรเอกกลั้นยิ้ม เห็นท่าทางหล่อนแล้วเขาอดยั่วแหย่ไม่ได้
“ไหนๆ ก็มาทะเล นั่งฟังเสียงคลื่น รับลมเย็นๆ ไอ้ฉันไม่ถือหรอกนะถ้าจะมีผู้หญิงนั่งดื่มเบียร์เป็นเพื่อน เอ้า...ชนแก้ว!” เขาว่าพลางยื่นแก้วมาไปชนแก้วน้ำเปล่าของหญิงสาว
หญิงสาวรู้ว่าเขาแหย่ จึงระงับอารมณ์ตนเองเอาไว้ “…คุณเป็นผู้ชายที่เข้าใจยากมากๆ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย บอกตามตรง ฉันเหนื่อยใจเหลือเกินตอนนี้” หล่อนยอมยกธงขาวให้เขาแต่โดยดี
เพชรเอกยื่นหน้าเข้ามาใกล้หล่อนนิดนึง จ้องตาหยั่งเชิงกันพอให้หัวใจเต้นโครมคราม ดวงหน้าใบหยกผะผ่าวร้อน เก่งกับคนอื่นมาตลอด แต่เจอโมงยามหวานๆ เช่นนี้ หัวใจมันก็อ่อนยวบจึงได้แต่นั่งนิ่งๆ กุมมือซึ่งมีเหงื่อชื้นเอาไว้แน่น
“เฮ้อ...เธอจะมาเต้นตามฉันทำไม หัดเอาอย่างประทีปสิ ใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว เดี๋ยวฉันเมื่อยปากเมื่อไหร่ก็เลิกโวยวายเองนั่นแหละ ...ใครมันจะเม้งทั้งวันทั้งคืน ฉันไม่ใช่คนบ้าซักหน่อย...”
“โอ๊ย ฉันคงไม่ใจเย็นเหมือนน้าประทีปหรอก เห็นคุณฟาดงวงฟาดงามา ก็ปรี๊ดกลับแล้ว ขืนให้เงียบๆ สงบปากสงบคำ อกแตกตายกันพอดี”
เพชรเอกเคาะด้ามตะเกียบตรงขอบโต๊ะเป็นจังหวะตัดจบคำพูดหล่อน ก่อนจะหยอดมุกตนเองให้หล่อนอึ้ง “สงสัยถ้าเธออยู่ใกล้ๆ ฉันทุกวัน คงต้องตายแล้วเกิดใหม่ นับครั้งไม่ถ้วน ฮ่ะๆ”
“อุ๊ยตาย แล้วทำไมฉันต้องไปอยู่ใกล้ๆ คุณด้วย ธุระมิใช่!” ตอบด้วยความโมโหที่ชายหนุ่มเหมือนเข้ามานั่งในหัวใจ
เพชรเอกหัวเราะหึๆ ไม่คิดโต้แย้งหล่อน ในหัวเกิดภาพบางอย่างสะกิดใจ เขาชอบมองดวงหล่อนเวลามันงอง้ำ หญิงสาวเป็นผู้หญิงสวย และสวยจัดยามทิ้งค้อนขวับๆ อย่างไม่รู้ตัว ริมฝีปากอวบอิ่มเวลาเบ้เบะนั้นคือกิริยาน่ารักน่าหยิก เห็นแล้วเขาอยากยั่วหาเรื่องตอแยหล่อนร่ำไป
เขารู้ตัวว่าไม่ใช่คนช่างคุยเล่นหัวนัก แต่อาการแบบนี้เป็นเสมอเวลาอยู่ใกล้ชิดใบหยก
“แล้วนั่น กรุณาดื่มน้อยๆ จะได้มั้ย คุณนั่งหลังพวงมาลัย ชีวิตฉันอยู่ในกำมือใหญ่ยักษ์ของคุณนะคะ โปรดอย่าลืม” เสียงหล่อนเรียกเขาให้หลุดออกจากภวังค์
หัวคิ้วเข้มสองข้างขมวดเข้าหากัน แก้วเบียร์ในมือที่เตรียมกระดกเข้าปากชะงักค้าง
“แค่นี้จิบๆ เขาเรียกว่าดื่มเพื่อเจริญอาหาร สมัยก่อนฉันซัดคนเดียวสองหลอด ยังขับรถรอบหาดได้สบาย”
ใบหยกถอดหายใจออกมาพรืดใหญ่ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เลยตัดสินใจปิดปากเงียบ หันไปย่างสารพัดเนื้อสัตว์บนถาดอลูมิเนียมคอยบริการชายหนุ่มแทน
ตำแยกิ่งเพชร บทที่๑๘ (วรรคจบ)+ บทที่๑๙
วันนั้นโลกใบเล็กของหล่อนพลิกคว่ำ ทำให้ได้ออกมาสู่โลกใบใหม่ซึ่งกว้างใหญ่เดิม
มีมือใหญ่ที่แสนอบอุ่นของเขาคอยจับจูงและก้าวเดินไปด้วยกัน
เพชรเอกยืนเคียงใบหยก สายตาเขาไม่ได้ทอดมองแสงสุดท้ายของวัน หากจับจ้องดวงหน้าสวยหวานของคนซึ่งเป็นที่รักไม่วางตา จากนั้นนิ้วก้อยยาวๆ ก็ยื่นมาขอเกี่ยวนิ้วก้อยเรียวเล็กเอาไว้ พลางออกแรงน้อยๆ แกว่งแขนขยับไหว
วินาทีนี้หล่อนจำต้องละทิ้งทั้งความอวดดีหรือศักดิ์ศรีอันเป็นกำแพงสูงลิบกางกั้นความรู้สึกในใจ
ถึงเวลาต้องปล่อยให้หัวใจสองดวงเชื่อมประสาน เพื่อก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน อาจจะเริ่มต้นช้าไปสักนิด
หากทั้งคู่เชื่อมั่นว่าความผูกผันของใจสองดวงจะเคียงคู่กันไปตราบนานเท่านาน...
อันนี้ในเด็กดี อัพทุกบท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และจิ้มที่นี่ บทที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สาวเชียร์เบียร์นำหลอดเบียร์สดมาไว้ด้านข้างโต๊ะ ใบหยกมองด้วยความสงสัย ครั้นถามไถ่จึงรู้ว่าลูกชายเจ้าของร้านจัดให้เพชรเอกเป็นกรณีพิเศษในฐานะพนักงานเก่าและปัจจุบันคือลูกค้าระดับวีไอพี
เพชรเอกยกแก้วเบียร์ชูขึ้น และหันไปทางศาลาเรือนไทยแทนคำขอบคุณลูกชายเจ้าของร้านซึ่งวัยไล่เลี่ยกันกับเขา ก่อนหน้านี้ระหว่างที่ใบหยกส่งค้อนให้เพชรเอกและเดินลงส้นเท้าปังๆ กลับมานั่งโต๊ะ ทั้งคู่เดินเข้าไปทักทายกันอย่างสนิทสนม และหล่อนคอยจับตามองเป็นระยะๆ หากตาไม่ฝาดและไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเอง หล่อนเชื่อว่าเห็นเพชรเอกส่งยิ้มมาให้หล่อนด้วย!
ภาพนั้นทำให้หัวใจพองโต เกิดความสุขลึกล้ำ ราวกับได้เป็นคนพิเศษ...ของเขา
เมื่อร่างสูงใหญ่นั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม จึงช่วยไม่ได้ที่ความรู้สึกขัดเขินจะจู่โจมหัวใจหญิงสาว
ยามนี้หายใจหายคอไม่ใคร่สะดวกนัก ปลายเท้าไม่ติดพื้นเหมือนจะลอยได้ มือไม้พันกันยุ่ง หล่อนเลยต้องทำเป็นเสมองทางอื่น และแก้เก้อด้วยการโยกศีรษะตามจังหวะเพลงซึ่งเปิดคลอเบาๆ ในร้าน
แต่การแสดงออกนั้นขัดกับบุคลิกหล่อน มันดูเก้อเขินพิกล กระทั่งได้หูยินเสียงหัวเราะหึๆ ลอยมาจากชายหนุ่มนั่นแหละ หล่อนเลยถลึงตาใส่เขา และในหัวก็เร่งคิดหาวิธีรับมือหนุ่มหล่อ
หญิงสาวเลยสูดลมหายใจลึก ตั้งสติไม่ให้หวั่นไหว ต่อจากนั้นจึงเริ่มเล่นรุกเขาด้วยเกมตาจ้องตา!
ทว่าเวลาผ่านไปแค่อึดใจเดียว ดวงหน้าสวยหวานก็แต้มด้วยสีแดงระเรื่อ กลายเป็นหล่อนเสียเองที่ต้องยอมแพ้ต่อสายตาคม และรอยยิ้มเท่ๆ ตรงมุมปาก “มีอะไรหรือคะคุณเพชร มองฉันอยู่ได้!”
“หา…” เขาเลิกคิ้วสูง ถูกจับได้ยังยียวนกลับหน้าตาเฉย
“ไม่ตลกนะคุณ เล่นจ้องหน้ากันอย่างนี้ ฉันเป็นคนนะคะ ไม่ใช่ปลากัด!”
“อ้าว ...นั่งอยู่ด้วยกันสองคน ถ้าไม่ให้มองหน้าเธอ จะให้ไปมองหมา แมวที่ไหน เอ หรือให้ส่องกล้องทางไกลมองหน้าปลาวาฬในทะเล...” เขาทำเสียงดุราวกับผู้ใหญ่ที่พยายามระงับความหงุดหงิดใจ เมื่อถูกจับได้ว่าทำผิดเสียเอง
“คุณเพชร!...” หล่อนยกนิ้วชี้หน้าเขา แต่สายตาคมคู่นั้นคล้ายมีรังสีอมหิตส่งออกมา หล่อนเลยต้องรีบหดนิ้วกลับแทบไม่ทัน
“ฉันทำไม ฮึ” เพชรเอกหักนิ้วดังเปาะ มือใหญ่ของเขาดูน่ากลัวเป็นที่สุด ยิ่งคิดถึงตอนที่ปล่อยหมัดซัดกันตพลตุ้บตั้บ หล่อนก็พลอยขวัญกระเจิง
เพชรเอกกลั้นยิ้ม เห็นท่าทางหล่อนแล้วเขาอดยั่วแหย่ไม่ได้
“ไหนๆ ก็มาทะเล นั่งฟังเสียงคลื่น รับลมเย็นๆ ไอ้ฉันไม่ถือหรอกนะถ้าจะมีผู้หญิงนั่งดื่มเบียร์เป็นเพื่อน เอ้า...ชนแก้ว!” เขาว่าพลางยื่นแก้วมาไปชนแก้วน้ำเปล่าของหญิงสาว
หญิงสาวรู้ว่าเขาแหย่ จึงระงับอารมณ์ตนเองเอาไว้ “…คุณเป็นผู้ชายที่เข้าใจยากมากๆ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย บอกตามตรง ฉันเหนื่อยใจเหลือเกินตอนนี้” หล่อนยอมยกธงขาวให้เขาแต่โดยดี
เพชรเอกยื่นหน้าเข้ามาใกล้หล่อนนิดนึง จ้องตาหยั่งเชิงกันพอให้หัวใจเต้นโครมคราม ดวงหน้าใบหยกผะผ่าวร้อน เก่งกับคนอื่นมาตลอด แต่เจอโมงยามหวานๆ เช่นนี้ หัวใจมันก็อ่อนยวบจึงได้แต่นั่งนิ่งๆ กุมมือซึ่งมีเหงื่อชื้นเอาไว้แน่น
“เฮ้อ...เธอจะมาเต้นตามฉันทำไม หัดเอาอย่างประทีปสิ ใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว เดี๋ยวฉันเมื่อยปากเมื่อไหร่ก็เลิกโวยวายเองนั่นแหละ ...ใครมันจะเม้งทั้งวันทั้งคืน ฉันไม่ใช่คนบ้าซักหน่อย...”
“โอ๊ย ฉันคงไม่ใจเย็นเหมือนน้าประทีปหรอก เห็นคุณฟาดงวงฟาดงามา ก็ปรี๊ดกลับแล้ว ขืนให้เงียบๆ สงบปากสงบคำ อกแตกตายกันพอดี”
เพชรเอกเคาะด้ามตะเกียบตรงขอบโต๊ะเป็นจังหวะตัดจบคำพูดหล่อน ก่อนจะหยอดมุกตนเองให้หล่อนอึ้ง “สงสัยถ้าเธออยู่ใกล้ๆ ฉันทุกวัน คงต้องตายแล้วเกิดใหม่ นับครั้งไม่ถ้วน ฮ่ะๆ”
“อุ๊ยตาย แล้วทำไมฉันต้องไปอยู่ใกล้ๆ คุณด้วย ธุระมิใช่!” ตอบด้วยความโมโหที่ชายหนุ่มเหมือนเข้ามานั่งในหัวใจ
เพชรเอกหัวเราะหึๆ ไม่คิดโต้แย้งหล่อน ในหัวเกิดภาพบางอย่างสะกิดใจ เขาชอบมองดวงหล่อนเวลามันงอง้ำ หญิงสาวเป็นผู้หญิงสวย และสวยจัดยามทิ้งค้อนขวับๆ อย่างไม่รู้ตัว ริมฝีปากอวบอิ่มเวลาเบ้เบะนั้นคือกิริยาน่ารักน่าหยิก เห็นแล้วเขาอยากยั่วหาเรื่องตอแยหล่อนร่ำไป
เขารู้ตัวว่าไม่ใช่คนช่างคุยเล่นหัวนัก แต่อาการแบบนี้เป็นเสมอเวลาอยู่ใกล้ชิดใบหยก
“แล้วนั่น กรุณาดื่มน้อยๆ จะได้มั้ย คุณนั่งหลังพวงมาลัย ชีวิตฉันอยู่ในกำมือใหญ่ยักษ์ของคุณนะคะ โปรดอย่าลืม” เสียงหล่อนเรียกเขาให้หลุดออกจากภวังค์
หัวคิ้วเข้มสองข้างขมวดเข้าหากัน แก้วเบียร์ในมือที่เตรียมกระดกเข้าปากชะงักค้าง
“แค่นี้จิบๆ เขาเรียกว่าดื่มเพื่อเจริญอาหาร สมัยก่อนฉันซัดคนเดียวสองหลอด ยังขับรถรอบหาดได้สบาย”
ใบหยกถอดหายใจออกมาพรืดใหญ่ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เลยตัดสินใจปิดปากเงียบ หันไปย่างสารพัดเนื้อสัตว์บนถาดอลูมิเนียมคอยบริการชายหนุ่มแทน