ลิงค์บทที่ผ่านมาครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ http://ppantip.com/topic/30769087 บทนำ บทที่๑
http://ppantip.com/topic/30781703 บทที่๒
http://ppantip.com/topic/30795995 บทที่๓
http://ppantip.com/topic/30810613 บทที่๔
http://ppantip.com/topic/30825422 บทที่๕
http://ppantip.com/topic/30860386 บทที่๖
โลกนี้จะมีผู้หญิงสักกี่คนถูกโบ้ยข้อหา ‘กักขังหน่วงเหนี่ยวและข่มขืนผู้ชาย!!’
เหตุการณ์เดียวเปลี่ยนชีวิต ‘ใบหยก’ จมดิ่งลงเหว แต่สาวผิวสีน้ำผึ้งไม่ยอมแพ้โชคชะตา ฮึดกัดฟันสู้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ตลบหลังคำพิพากษาเฮงซวยของคนใจร้าย เรียกร้องสิทธิ์การเป็นสะใภ้เล็ก ตระกูลรัตนทองธาร!!
ในย่างก้าวที่เลือกเดิน ใบหยกต้องเสี่ยงภัยกับแผนลับลวงพรางในเครือญาติ กระทั่งทุกอย่างถึงจุดแตกหัก หล่อนตกกระไดพลอยโจร ถูกจับเข้าเครื่องประหารหัวสุนัข!!
กว่าจะได้ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรกับใครคนนั้น!?!
หล่อนก็รู้ซึ้งแล้วว่า ...ของฟรีไม่มีในโลก รักแท้ต้องซื้อด้วยหัวใจ!
///////////////////////////////////////
ต่อจากบทที่แล้ว
มีบริบูรณ์วิ่งตามเสียงเห่าดังโฮ่งๆ มาถึงหลังร้าน จิตใจจดจ่อถึงกับลูกสุนัข เขาเลยไม่ทันสังเกตภาพสวีทเจ้าของร้านกับลูกจ้างสาวผิวสีน้ำผึ้ง
“หายไปไหนวะ ได้ยินมันเห่าแถวนี้นี่นา” นักร้องหนุ่มหัวเสีย พอไม่เห็นลูกสุนัขก็พาลพาโล สบถคำหยาบชุดใหญ่ “เฮงซวย...ฉิบ”
ใบหยกฉวยโอกาสขยับตัวหลบกันตพล ก้าวออกไปรวมกลุ่มเด็กในร้านซึ่งต่างชี้ชวนกันดูนักร้องหนุ่มหล่อ วาบนั้นดวงหน้าขาวอมชมพูของมีบริบูรณ์ซ้อนทับภาพอดีต หัวใจใบหยกพองโต และอุ่นซ่าน เปี่ยมด้วยความหวังเห็นแสงสว่างเรืองรองปรากฏเบื้องหน้า
หล่อนอยากเรียกชื่อเขา แต่จู่ๆ กลับพูดไม่ออก คล้ายมีก้อนเหนียวๆ ติดอยู่หว่างอก เกิดความละอายใจถาโถมเข้าใส่ ด้วยสถานะอันต่ำต้อยนั้น อาจทำให้เขาเสียชื่อเสียง หากนักร้องหนุ่มต้องมีเพื่อนเป็นสาวเสิร์ฟในร้านอาหาร ยิ่งกว่านั้น หากเขาเมินเฉยแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกัน หัวใจหล่อนจะรับความรู้สึกนั้นไหวหรือ
อรพินท์พร้อมคณะเจ้าหน้าที่จากสำนักพิมพ์และพีอาร์ค่ายเพลง กรูตามหลังมาติดๆ และต้องผงะหน้าเหวอ เมื่อเห็นนักร้องหนุ่มซึ่งมีภาพลักษณ์เฟรนด์ลี่ ออกอาการฉุนเฉียว สาดเสียวาจาร้ายกาจ
“ตายๆ ไม่ฟังน้าเลยเจ้านาย ก็บอกว่ามันวิ่งเตลิดออกไปเอง” อรพินท์หน้าแดงก่ำ เมื่อครู่ถูกหลานชายต่อว่าหลายคำ “ต้องโทษน้าอรนั้นแหละ ดูแลอ้วนดำยังไง” เขาหันไปทางอรพินท์ ไม่ได้แสดงอาการก้าวร้าวไปมากกว่านั้น แต่น้ำเสียงกับแววตาเจือความตำหนิชัดแจ้ง
“ใจเย็นๆ ซีจ๊ะ ปล่อยให้ประทีปจัดการเถอะ” น้าสาวเอ่ยเหมือนปลอบเด็กเล็ก เธอแค้นใจเหลือแสน ต้องมารองรับอารมณ์ชายหนุ่มผู้ไม่รู้จักโต หากไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง คงไม่สร้างภาพเป็นคุณน้าแสนดีเช่นทุกวันนี้
“เย็นไม่ไหวละ ผมไปตามเองดีกว่า” ชายหนุ่มร้อนใจ กวาดตามองไปรอบตัว กระทั่งสายตาสานสบดวงตาหวานวับสีดำขลับคู่หนึ่ง
มีบริบูรณ์ขมวดคิ้ว สมองทำงานเร็วจี๋ เขาชี้มือไปที่หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียน ดวงหน้าคมสวยหยาดเยิ้ม คุ้นตาคุ้นใจยากจะถอนสายตาได้ง่ายๆ แต่เสียงแว้ดแหวจากอรพินท์ฉุดให้มีบริบูรณ์เสียสมาธิ เขาทำเสียงจึ้กจั๊กขัดใจเป็นที่สุด
“แค่หมาจรจัดตัวเดียว ใส่ใจทำไม ปะ...พี่ๆ เขารออยู่ จวนถึงเวลาเปิดงานแล้ว อย่าทำให้เสียเรื่องสิจ๊ะ”
อรพินท์จับมือข้อมือหลานชาย และดึงให้เดินกลับไปด้านใน “ถ้าหามันไม่เจอ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น!” มีบริบูรณ์ตวาดลั่น สะบัดข้อมือน้าสาวออก คณะผู้ติดตามอึ้งหันหน้ามองกันเลิ่กลั่ก
กันตพลมองเห็นสถนาการณ์ไม่สู้ดี เขาถามมีบริบูรณ์ด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “...มีอะไรให้ทางร้านช่วยหรือเปล่าครับ”
มีบริบูรณ์นิ่วหน้า มองคนถามอย่างไม่ใคร่ใส่ใจ เอ่ยเสียงติดหงุดหงิดสักหน่อย “ลูกหมา ...เห็นมันวิ่งมาทางนี้หรือเปล่า” เขาเดินไปยังประตูบานเลื่อน สายลมพัดเอื่อยๆ ผ่านหน้าพลอยให้ใจเย็นขึ้น
“เออ...ใช่ตัว สีดำที่มากับคุณน้าใส่ชุดซาฟารีสีหรือเปล่าคะ” เสียงใบหยกเรียกความสนใจจากมีบริบูรณ์
ทว่าอรพินท์เห็นเค้ารางความยุ่งยากกำลังจะก่อตัว เธอจึงรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
“คนพวกนี้ไม่รู้เรื่องหรอก อย่าไปเซ้าซี้เลย ปล่อยให้เขาไปดูแลลูกค้าเถอะ ข้างนอกส่งเสียงเย้วๆ แล้ว”
“...น้าอรไม่เกี่ยว ผมจัดการเอง!” มีบริบูรณ์กัดฟันกรอด มองน้าสาวตาวาว
ใบหยกรวบรวมความกล้า หล่อนบอกชายหนุ่มว่า “คือ...ฉันเห็นมันวิ่งออกไปทางนู้น ลองตามไปดูสิ”
มีบริบูรณ์พยักหน้ารับรู้ เตรียมก้าวยาวๆ ออกไป แต่เรแบนวิ่งสวนเข้ามาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง ทั้งใบหยกและคนอื่นกรี๊ดตกใจไปตามๆ กัน เด็กหนุ่มอุ้มลูกสุนัขด้วยสองมือสีหน้าแสดงความดีใจสุดขีด และประทีปไล่กวดมาติดๆ ส่งเสียงโวยลั่นฟังไม่ได้ศัพท์
“เจ๊หยกๆ ผมเจอไอ้หลงแล้ว มาดูเร้ว แต่งตัวโก้ชะมัด”
“นั่นไงคะ หมาตัวเมื่อกี้” ใบหยกชี้ลูกสุนัข มันเห่าโฮ่งทักทายหล่อนทันที
“หมาคุณนง คุณน้าที่ไหน ดูดีๆ สิเจ๊ ไอ้หลงชัดๆ” เรแบนยืนยัน ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ลูกสุนัข
ครั้นมองให้ชัดใบหยกถึงจำได้ “จริงด้วยแฮะ แต่งตัวเป็นหมาผู้ดีเชียว”
“โอ๊ย นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอกันแล้ว ผมว่า คุณผู้ชายที่พามันไปรักษา คงรักมันมาก จับแต่งตัวเสียหล่อ เห็นหน้าดุๆ เสียงเข้ม แต่ใจดีโคตร ” เรแบนเก็บนามบัตรนามบัตรที่เพชรเอกให้ไว้ในกระเป๋าเสื้อคลุม แล้วลืมไว้ที่ห้องเพื่อน กว่าจะหาพบเวลาก็ล่วงผ่านเกือบอาทิตย์ ครั้นบังเอิญได้เจอลูกสุนัขวันนี้ เขาก็ดีใจจนน้ำตาไหล
สายตาอรพินท์จับจ้องเรแบนกับใบหยกราวกับเห็นว่าเป็นมิจฉาชีพ เท่าที่รู้จากประทีป ลูกสุนัขตัวนี้เพชรเอกขับรถเฉี่ยว เขาให้ประทีปพาไปหาหมอและติดตามส่งคืนเจ้าของเดิม
“อ๋อเจอตัวจนได้ นายเป็นเจ้าของหมาตัวนี้ใช่ไหม ถามหน่อยเถอะเลี้ยงดูยังไงถึงปล่อยให้วิ่งทะเล่อทะล่าตัดหน้ารถคนอื่น ดีนะที่เป็นคุณเพชร ไม่อย่างนั้นมันคงขึ้นสวรรค์ไปแล้ว” ประทีปตำหนิเด็กหนุ่ม
“ไม่ใช่วิ่งตัดหน้ารถนะคะ คุณคนนั้นเขารถชนมันต่างหาก โชคดีเท่าไหร่ที่ไม่พิการ” ใบหยกแก้คำพูดประทีปให้ถูกต้อง แต่อรพินท์เบ้ปากใส่หล่อน มองในแง่ร้ายว่าคงอยากเรียกร้องค่าเสียหาย!
“อุ๊ย แม่คนนี้ก็เหลือเกิน เห็นพวกฉันมีอันจะกินหน่อย หัวใสขึ้นมาเลยสิท่า คิดแบมือขอเงินใช้ฟรีๆ กระมัง”
“คุณเข้าใจผิด ฉันแค่จะบอกความจริงให้ทุกคนรู้ ต่างหาก” ใบหยกหน้าตึง ใจเดือดปุดๆ
“โอเค ถ้าอย่างนั้นฉันเข้าใจตามที่เธอบอกก็ได้ เรื่องจะได้จบๆ กันไป ...คุณประทีปรีบเคลียร์ธุระคุณเพชรให้เรียบร้อย แล้วตามไปพบฉันข้างใน!” อรพินท์สั่งเสร็จสรรพ และยิ้มเหยียดๆ ให้หญิงสาวกับเรแบน
มีบริบูรณ์เห็นว่าลูกสุนัขพบเจ้าของแล้ว จึงไม่อยากจะรั้งไว้ เขาก้าวตามอรพินท์และทีมงานไป
หากรู้สึกไม่สบายใจ ละม้ายภาพในวัยเด็กผุดมาให้ระลึกถึง
ภาพเด็กหญิงผิวเข้ม สวมเสื้อยืด กางเกงขาสั้นมอมแมม ดวงหน้าเล็กๆ แต้มสีสันบาดตาจากเครื่องสำอางราคาถูก เธอเล่นขายข้าวแกง ส่งเสียงหัวเราะคิกคักชอบใจ ข้างกันนั้นมีเขาตะโกนร้องเพลงยักย้ายส่ายสะโพก...จากภาพนั้นก็เรียงร้อย ไปสู่คำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้
เสียงในห้วงคำนึงแผ่วเบา แต่ข้อความนั้นแจ่มชัดในใจ
‘โตขึ้นหยกก็มาเป็นแฟนเราไง สัญญาว่าจะหาทุกอย่างมาให้ ป๊ากับแม่รวยจะตาย เราจะสร้างบ้านหลังโตๆ มีรถคันใหญ่ มีคนใช้เต็มบ้านเลย...’
วินาทีนั้นหัวใจไหวกระตุก เขาหลังหลังกลับ สืบเท้าไปชิดร่างบอบบาง รอยยิ้มสดใสกระจ่างขึ้นบนดวงหน้าขาวละเอียด รับดวงตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกาย “...เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า” น้ำเสียงเขาสั่นน้อยๆ ดวงหน้าเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
หญิงสาวไม่ตอบทันที หล่อนอายสภาพตัวเองเหลือเกิน หน้าตาเต็มไปด้วยคราบมัน ชื้นด้วยเหงื่อ เนื้อตัวมีแต่กลิ่นขนมหวาน
นักร้องหนุ่ม ขมวดคิ้วมุ่น ทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา ริมฝีปากสีสดขยับช้าๆ ส่งเสียงอื้ออ้า สองสามครั้งก่อนจะหลุดชื่อหญิงสาวออกมา “ยะ หยก...ใบหยกใช่มั้ย!”
หญิงสาวก้มหน้างุด ซ่อนความรู้สึกวูบไหว ขอบตาหล่อนร้อนผ่าว มือเย็นชื้นเต็มไปด้วยเหงื่อ มีบริบูรณ์เอื้อมมือมาไปจับไหล่บาง เขย่าเบาๆ อย่างลืมตัว “ใจร้ายจังเลย ไม่ทักทายกันสักคำ” สุ้มเสียงนั้นเจือความตัดพ้อ
“...กลัวว่า เจ้านายจะจำหยกไม่ได้”
“...ความจำเราไม่ได้เสื่อมเสียหน่อย เห็นตอนแรกก็คุ้นๆ แต่ไม่มั่นใจ ตัวโตขึ้นแยะเลย แถมสวยมากๆ ด้วย!” ดวงตาเขามีประกายระยิบระยับ
“เอ๊ะ ใครหรือกันเจ้านาย!” อรพินท์สีหน้าตึง มองหลานชายซึ่งทำตัวสนิทสนมกับสาวเสิร์ฟ คนซึ่งเธอจำได้แม่นว่าเข้าไปก่อเรื่องในโรงงานเมื่อหลายวันก่อน!!
“อ๋อ...แฟนคลับนะฮะ ดีใจไปนิด ไม่ได้เจอกันนาน ฮ่าๆ” เขาหัวเราะกลบเกลื่อน อยากเก็บเรื่องระหว่างเขากับหญิงสาวเป็นความลับ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในงานเปิดตัวหนังสือ เขากระซิบบอกประทีปว่า
“ฝากน้าดูแล แฟนคลับคนนี้แป๊บนึง เสร็จงานแล้ว ผมจะพาซินเดอเรลล่าไปดินเนอร์ใต้แสงเทียน!”
ตำแยกิ่งเพชร ต่อจากความเดิม + บทที่๗
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โลกนี้จะมีผู้หญิงสักกี่คนถูกโบ้ยข้อหา ‘กักขังหน่วงเหนี่ยวและข่มขืนผู้ชาย!!’
เหตุการณ์เดียวเปลี่ยนชีวิต ‘ใบหยก’ จมดิ่งลงเหว แต่สาวผิวสีน้ำผึ้งไม่ยอมแพ้โชคชะตา ฮึดกัดฟันสู้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ตลบหลังคำพิพากษาเฮงซวยของคนใจร้าย เรียกร้องสิทธิ์การเป็นสะใภ้เล็ก ตระกูลรัตนทองธาร!!
ในย่างก้าวที่เลือกเดิน ใบหยกต้องเสี่ยงภัยกับแผนลับลวงพรางในเครือญาติ กระทั่งทุกอย่างถึงจุดแตกหัก หล่อนตกกระไดพลอยโจร ถูกจับเข้าเครื่องประหารหัวสุนัข!!
กว่าจะได้ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรกับใครคนนั้น!?!
หล่อนก็รู้ซึ้งแล้วว่า ...ของฟรีไม่มีในโลก รักแท้ต้องซื้อด้วยหัวใจ!
///////////////////////////////////////
ต่อจากบทที่แล้ว
มีบริบูรณ์วิ่งตามเสียงเห่าดังโฮ่งๆ มาถึงหลังร้าน จิตใจจดจ่อถึงกับลูกสุนัข เขาเลยไม่ทันสังเกตภาพสวีทเจ้าของร้านกับลูกจ้างสาวผิวสีน้ำผึ้ง
“หายไปไหนวะ ได้ยินมันเห่าแถวนี้นี่นา” นักร้องหนุ่มหัวเสีย พอไม่เห็นลูกสุนัขก็พาลพาโล สบถคำหยาบชุดใหญ่ “เฮงซวย...ฉิบ”
ใบหยกฉวยโอกาสขยับตัวหลบกันตพล ก้าวออกไปรวมกลุ่มเด็กในร้านซึ่งต่างชี้ชวนกันดูนักร้องหนุ่มหล่อ วาบนั้นดวงหน้าขาวอมชมพูของมีบริบูรณ์ซ้อนทับภาพอดีต หัวใจใบหยกพองโต และอุ่นซ่าน เปี่ยมด้วยความหวังเห็นแสงสว่างเรืองรองปรากฏเบื้องหน้า
หล่อนอยากเรียกชื่อเขา แต่จู่ๆ กลับพูดไม่ออก คล้ายมีก้อนเหนียวๆ ติดอยู่หว่างอก เกิดความละอายใจถาโถมเข้าใส่ ด้วยสถานะอันต่ำต้อยนั้น อาจทำให้เขาเสียชื่อเสียง หากนักร้องหนุ่มต้องมีเพื่อนเป็นสาวเสิร์ฟในร้านอาหาร ยิ่งกว่านั้น หากเขาเมินเฉยแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกัน หัวใจหล่อนจะรับความรู้สึกนั้นไหวหรือ
อรพินท์พร้อมคณะเจ้าหน้าที่จากสำนักพิมพ์และพีอาร์ค่ายเพลง กรูตามหลังมาติดๆ และต้องผงะหน้าเหวอ เมื่อเห็นนักร้องหนุ่มซึ่งมีภาพลักษณ์เฟรนด์ลี่ ออกอาการฉุนเฉียว สาดเสียวาจาร้ายกาจ
“ตายๆ ไม่ฟังน้าเลยเจ้านาย ก็บอกว่ามันวิ่งเตลิดออกไปเอง” อรพินท์หน้าแดงก่ำ เมื่อครู่ถูกหลานชายต่อว่าหลายคำ “ต้องโทษน้าอรนั้นแหละ ดูแลอ้วนดำยังไง” เขาหันไปทางอรพินท์ ไม่ได้แสดงอาการก้าวร้าวไปมากกว่านั้น แต่น้ำเสียงกับแววตาเจือความตำหนิชัดแจ้ง
“ใจเย็นๆ ซีจ๊ะ ปล่อยให้ประทีปจัดการเถอะ” น้าสาวเอ่ยเหมือนปลอบเด็กเล็ก เธอแค้นใจเหลือแสน ต้องมารองรับอารมณ์ชายหนุ่มผู้ไม่รู้จักโต หากไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง คงไม่สร้างภาพเป็นคุณน้าแสนดีเช่นทุกวันนี้
“เย็นไม่ไหวละ ผมไปตามเองดีกว่า” ชายหนุ่มร้อนใจ กวาดตามองไปรอบตัว กระทั่งสายตาสานสบดวงตาหวานวับสีดำขลับคู่หนึ่ง
มีบริบูรณ์ขมวดคิ้ว สมองทำงานเร็วจี๋ เขาชี้มือไปที่หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียน ดวงหน้าคมสวยหยาดเยิ้ม คุ้นตาคุ้นใจยากจะถอนสายตาได้ง่ายๆ แต่เสียงแว้ดแหวจากอรพินท์ฉุดให้มีบริบูรณ์เสียสมาธิ เขาทำเสียงจึ้กจั๊กขัดใจเป็นที่สุด
“แค่หมาจรจัดตัวเดียว ใส่ใจทำไม ปะ...พี่ๆ เขารออยู่ จวนถึงเวลาเปิดงานแล้ว อย่าทำให้เสียเรื่องสิจ๊ะ”
อรพินท์จับมือข้อมือหลานชาย และดึงให้เดินกลับไปด้านใน “ถ้าหามันไม่เจอ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น!” มีบริบูรณ์ตวาดลั่น สะบัดข้อมือน้าสาวออก คณะผู้ติดตามอึ้งหันหน้ามองกันเลิ่กลั่ก
กันตพลมองเห็นสถนาการณ์ไม่สู้ดี เขาถามมีบริบูรณ์ด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “...มีอะไรให้ทางร้านช่วยหรือเปล่าครับ”
มีบริบูรณ์นิ่วหน้า มองคนถามอย่างไม่ใคร่ใส่ใจ เอ่ยเสียงติดหงุดหงิดสักหน่อย “ลูกหมา ...เห็นมันวิ่งมาทางนี้หรือเปล่า” เขาเดินไปยังประตูบานเลื่อน สายลมพัดเอื่อยๆ ผ่านหน้าพลอยให้ใจเย็นขึ้น
“เออ...ใช่ตัว สีดำที่มากับคุณน้าใส่ชุดซาฟารีสีหรือเปล่าคะ” เสียงใบหยกเรียกความสนใจจากมีบริบูรณ์
ทว่าอรพินท์เห็นเค้ารางความยุ่งยากกำลังจะก่อตัว เธอจึงรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
“คนพวกนี้ไม่รู้เรื่องหรอก อย่าไปเซ้าซี้เลย ปล่อยให้เขาไปดูแลลูกค้าเถอะ ข้างนอกส่งเสียงเย้วๆ แล้ว”
“...น้าอรไม่เกี่ยว ผมจัดการเอง!” มีบริบูรณ์กัดฟันกรอด มองน้าสาวตาวาว
ใบหยกรวบรวมความกล้า หล่อนบอกชายหนุ่มว่า “คือ...ฉันเห็นมันวิ่งออกไปทางนู้น ลองตามไปดูสิ”
มีบริบูรณ์พยักหน้ารับรู้ เตรียมก้าวยาวๆ ออกไป แต่เรแบนวิ่งสวนเข้ามาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง ทั้งใบหยกและคนอื่นกรี๊ดตกใจไปตามๆ กัน เด็กหนุ่มอุ้มลูกสุนัขด้วยสองมือสีหน้าแสดงความดีใจสุดขีด และประทีปไล่กวดมาติดๆ ส่งเสียงโวยลั่นฟังไม่ได้ศัพท์
“เจ๊หยกๆ ผมเจอไอ้หลงแล้ว มาดูเร้ว แต่งตัวโก้ชะมัด”
“นั่นไงคะ หมาตัวเมื่อกี้” ใบหยกชี้ลูกสุนัข มันเห่าโฮ่งทักทายหล่อนทันที
“หมาคุณนง คุณน้าที่ไหน ดูดีๆ สิเจ๊ ไอ้หลงชัดๆ” เรแบนยืนยัน ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ลูกสุนัข
ครั้นมองให้ชัดใบหยกถึงจำได้ “จริงด้วยแฮะ แต่งตัวเป็นหมาผู้ดีเชียว”
“โอ๊ย นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอกันแล้ว ผมว่า คุณผู้ชายที่พามันไปรักษา คงรักมันมาก จับแต่งตัวเสียหล่อ เห็นหน้าดุๆ เสียงเข้ม แต่ใจดีโคตร ” เรแบนเก็บนามบัตรนามบัตรที่เพชรเอกให้ไว้ในกระเป๋าเสื้อคลุม แล้วลืมไว้ที่ห้องเพื่อน กว่าจะหาพบเวลาก็ล่วงผ่านเกือบอาทิตย์ ครั้นบังเอิญได้เจอลูกสุนัขวันนี้ เขาก็ดีใจจนน้ำตาไหล
สายตาอรพินท์จับจ้องเรแบนกับใบหยกราวกับเห็นว่าเป็นมิจฉาชีพ เท่าที่รู้จากประทีป ลูกสุนัขตัวนี้เพชรเอกขับรถเฉี่ยว เขาให้ประทีปพาไปหาหมอและติดตามส่งคืนเจ้าของเดิม
“อ๋อเจอตัวจนได้ นายเป็นเจ้าของหมาตัวนี้ใช่ไหม ถามหน่อยเถอะเลี้ยงดูยังไงถึงปล่อยให้วิ่งทะเล่อทะล่าตัดหน้ารถคนอื่น ดีนะที่เป็นคุณเพชร ไม่อย่างนั้นมันคงขึ้นสวรรค์ไปแล้ว” ประทีปตำหนิเด็กหนุ่ม
“ไม่ใช่วิ่งตัดหน้ารถนะคะ คุณคนนั้นเขารถชนมันต่างหาก โชคดีเท่าไหร่ที่ไม่พิการ” ใบหยกแก้คำพูดประทีปให้ถูกต้อง แต่อรพินท์เบ้ปากใส่หล่อน มองในแง่ร้ายว่าคงอยากเรียกร้องค่าเสียหาย!
“อุ๊ย แม่คนนี้ก็เหลือเกิน เห็นพวกฉันมีอันจะกินหน่อย หัวใสขึ้นมาเลยสิท่า คิดแบมือขอเงินใช้ฟรีๆ กระมัง”
“คุณเข้าใจผิด ฉันแค่จะบอกความจริงให้ทุกคนรู้ ต่างหาก” ใบหยกหน้าตึง ใจเดือดปุดๆ
“โอเค ถ้าอย่างนั้นฉันเข้าใจตามที่เธอบอกก็ได้ เรื่องจะได้จบๆ กันไป ...คุณประทีปรีบเคลียร์ธุระคุณเพชรให้เรียบร้อย แล้วตามไปพบฉันข้างใน!” อรพินท์สั่งเสร็จสรรพ และยิ้มเหยียดๆ ให้หญิงสาวกับเรแบน
มีบริบูรณ์เห็นว่าลูกสุนัขพบเจ้าของแล้ว จึงไม่อยากจะรั้งไว้ เขาก้าวตามอรพินท์และทีมงานไป
หากรู้สึกไม่สบายใจ ละม้ายภาพในวัยเด็กผุดมาให้ระลึกถึง
ภาพเด็กหญิงผิวเข้ม สวมเสื้อยืด กางเกงขาสั้นมอมแมม ดวงหน้าเล็กๆ แต้มสีสันบาดตาจากเครื่องสำอางราคาถูก เธอเล่นขายข้าวแกง ส่งเสียงหัวเราะคิกคักชอบใจ ข้างกันนั้นมีเขาตะโกนร้องเพลงยักย้ายส่ายสะโพก...จากภาพนั้นก็เรียงร้อย ไปสู่คำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้
เสียงในห้วงคำนึงแผ่วเบา แต่ข้อความนั้นแจ่มชัดในใจ
‘โตขึ้นหยกก็มาเป็นแฟนเราไง สัญญาว่าจะหาทุกอย่างมาให้ ป๊ากับแม่รวยจะตาย เราจะสร้างบ้านหลังโตๆ มีรถคันใหญ่ มีคนใช้เต็มบ้านเลย...’
วินาทีนั้นหัวใจไหวกระตุก เขาหลังหลังกลับ สืบเท้าไปชิดร่างบอบบาง รอยยิ้มสดใสกระจ่างขึ้นบนดวงหน้าขาวละเอียด รับดวงตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกาย “...เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า” น้ำเสียงเขาสั่นน้อยๆ ดวงหน้าเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
หญิงสาวไม่ตอบทันที หล่อนอายสภาพตัวเองเหลือเกิน หน้าตาเต็มไปด้วยคราบมัน ชื้นด้วยเหงื่อ เนื้อตัวมีแต่กลิ่นขนมหวาน
นักร้องหนุ่ม ขมวดคิ้วมุ่น ทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา ริมฝีปากสีสดขยับช้าๆ ส่งเสียงอื้ออ้า สองสามครั้งก่อนจะหลุดชื่อหญิงสาวออกมา “ยะ หยก...ใบหยกใช่มั้ย!”
หญิงสาวก้มหน้างุด ซ่อนความรู้สึกวูบไหว ขอบตาหล่อนร้อนผ่าว มือเย็นชื้นเต็มไปด้วยเหงื่อ มีบริบูรณ์เอื้อมมือมาไปจับไหล่บาง เขย่าเบาๆ อย่างลืมตัว “ใจร้ายจังเลย ไม่ทักทายกันสักคำ” สุ้มเสียงนั้นเจือความตัดพ้อ
“...กลัวว่า เจ้านายจะจำหยกไม่ได้”
“...ความจำเราไม่ได้เสื่อมเสียหน่อย เห็นตอนแรกก็คุ้นๆ แต่ไม่มั่นใจ ตัวโตขึ้นแยะเลย แถมสวยมากๆ ด้วย!” ดวงตาเขามีประกายระยิบระยับ
“เอ๊ะ ใครหรือกันเจ้านาย!” อรพินท์สีหน้าตึง มองหลานชายซึ่งทำตัวสนิทสนมกับสาวเสิร์ฟ คนซึ่งเธอจำได้แม่นว่าเข้าไปก่อเรื่องในโรงงานเมื่อหลายวันก่อน!!
“อ๋อ...แฟนคลับนะฮะ ดีใจไปนิด ไม่ได้เจอกันนาน ฮ่าๆ” เขาหัวเราะกลบเกลื่อน อยากเก็บเรื่องระหว่างเขากับหญิงสาวเป็นความลับ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในงานเปิดตัวหนังสือ เขากระซิบบอกประทีปว่า
“ฝากน้าดูแล แฟนคลับคนนี้แป๊บนึง เสร็จงานแล้ว ผมจะพาซินเดอเรลล่าไปดินเนอร์ใต้แสงเทียน!”