ด้วยความที่ผิดนัด และ มาช้ามากๆ ผมเลยขอลงสองบทนะครับ
อันนี้ตอนเดิมครับ
บทนำ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/32233761
บทที่ ๑
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/32248223
บทที่๒
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ http://ppantip.com/topic/32270333
โลกนี้จะมีผู้หญิงสักกี่คนถูกโบ้ยข้อหา
‘กักขังหน่วงเหนี่ยวและข่มขืนผู้ชาย!!’
เหตุการณ์เดียวเปลี่ยนชีวิต ‘ใบหยก’ สาวเสิร์ฟร้านอาหารตกสู่หุบเหวลึก แต่สาวผิวสีน้ำผึ้งไม่ยอมแพ้โชคชะตา ฮึดกัดฟันสู้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ตลบหลังคำพิพากษาเฮงซวยของคนใจร้าย เรียกร้องสิทธิ์การเป็นสะใภ้เล็ก ตระกูลรัตนทองธาร!!
บทที่ ๓
ณ ครัวเริงใจ
แสงสว่างหลังร้านวูบไหวอยู่ประเดี๋ยวก็ดับลง ใบหยกหงุดหงิดใจเป็นทุนตั้งเมื่อวาน สาเหตุมาจากการไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทใหญ่แต่เปลือกอย่างรัตนทองธารกรุ๊ปฯ นั่นเอง หล่อนแว้ดใส่เรแบนที่หายเงียบไปเกือบสิบนาที ทั้งที่บันไดอลูมิเนียมวางอยู่ข้างร้านห่างออกไปไม่กี่ก้าว แต่เด็กหนุ่มหายจ้อยไม่ยอมโผล่หน้ามาให้เห็นเสียที
“แอบไปทำอะไร หา คุณนวลสั่งตั้งแต่ห้าโมงเย็น จนร้านจะปิดยังไม่เรียบร้อยอีก น่าหยิกพุงหลามๆ เสียจริง ” ใบหยกเอ่ยถึงศรีนวลเจ้าของ ‘ครัวเริงใจ’ ตั้งแต่ตอกบัตรเข้างานเมื่อเช้า หญิงวัยกลางคนร่างเจ้าเนื้อยังไม่ยอมหยุดบ่น บรรยากาศในร้านอาหารแห่งนี้จึงเหมือนมีเมฆหมอกปกคลุม
“อู้อะไรละเจ๊เขียว” เรแบนแซวใบหยก เขาล้อเลียนสีผิวเข้มๆ ของหล่อน แต่อีกฝ่ายยกมือข้างหนึ่งตั้งฉากเตรียมฟาดลงบนเนื้อตัวเขาอย่างคนมือเร็ว ปากยื่นยาวของเขาจึงรีบเปลี่ยนสรรพนามเรียกขานรุ่นพี่คนสวยเสียใหม่
“แหม…เจ๊ใบหยกล่ะก็ คนมันจู๊ดๆ ข้าศึกจอมตี จะให้ผมอั้นไหวยังไง ก็ส้มตำยกครกฝีมือเจ๊นั่นแหละ ทำผมต่อสายตรงปรู๊ดปร๊าด ดังลั่นห้องน้ำเลย” เด็กหนุ่มว่าอย่างรื่นเริง พลางทำทำมือทำไม้ประกอบ
“เออๆ ไม่ต้องสาธยายมาก แต่ถ้าแกยังเรียกฉัน ‘เจ๊เขียว’ อีก รับรองได้นอนหยอดน้ำเกลือแน่ๆ” ใบหยกขู่ อันที่จริงหล่อนยอมรับว่าตนเองมีผิวเข้ม แต่ถ้าถูกใครต่อใครตอกย้ำบ่อยๆ ว่า ‘นังเขียว’ หรือ ‘อีดำตับเป็ด’ อยู่บ่อยๆ ขอบอกตามตรงว่าได้ยินแล้วอารมณ์หล่อนมันขึ้น!
“โอเค ต่อไปผมจะเรียก เจ๊หยกคนงามตลอดดีไหม ผมไม่อยากถูกผู้หญิงทำร้ายร่างกาย ผมกลัวเจ็บ เจ๊หยกยิ่งมือหนัก ตีนหนักอยู่ด้วย ฮิๆ” เรแบนกล่าวเสียงสนุก เขามองหญิงสาวซึ่งยืนอยู่ใต้แสงไฟสลัว สิ่งที่เห็นคือลูกตากับฟันขาววาววับ ผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียนกลืนหายไปกับความมืดมิด
“แน่นอน ใบหยกตัวจริงต้อง ขาโหด ขาลุยแบบนี้ละ ไม่งั้นฉันจะรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกามาจนถึงทุกวันนี้หรือ” ใบหยกว่าอย่างภูมิใจตนเอง
“อ้าว นึกว่าตัวจริง ต้องพิศแต่หัวจดเท้าขาวแต่ตา ฮ่าๆ” เรแบนหัวเราะร่า รีบถอยหลบไปอยู่หลังบันไดอลูมิเนียมอย่างรู้แกว ใบหยกจึงไม่ทันได้ลงไม้ลงมือกับเขา
“อยากเจ็บตัวมากใช่ไหมเดี๋ยวเถอะ จะฟ้องคุณนวล เรื่องที่แกชอบอู้ แอบหลบไปงีบบ่อยๆ” ใบหยกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ไหว้ละเจ๊คนสวย สงสารลูกหมา ลูกแมวตาดำๆ เหอะ เว้นผมไว้สักตัวนะ อย่า ‘คาบ’เรื่องนี้ไปฟ้องคุณนวลเลย ไม่งั้นผมถูกเตะโด่งแน่ หนที่แล้วเรื่องปล่อยหมาเข้ามาอุนจิในร้านยังขึ้นบัญชีดำอยู่เลย” เขาเอ่ยประจบใบหยก แต่มิวายใช้คำว่า ‘คาบข่าว’ ยียวนกวนประสาท
“ถ้าจะกลัวขนาดนี้ รีบเปลี่ยนหลอดไฟให้ไวเลย ขืนชักช้าได้กลับหลังเพื่อนไม่รู้ด้วย คืนนี้วัดหน้าปากซอยมีงานศพด้วย บรื๋อ” ใบหยกจับบันไดอลูมิเนียมซึ่งเด็กหนุ่มปีนไปอยู่ข้างบนเขย่าพอให้มันไหวไปมา
“เค้ากลัว!!” เรแบนหวีดร้อง
“ล้อเล่นแค่นี้ ปอดแหกไปได้ แมนๆ หน่อยไอ้น้อง”
“บ้า ผมเป็นตุ๊ด!” เรแบนยังเล่นไม่เลิก
ใบหยกรู้จักเด็กหนุ่มเกือบสองปีแล้ว ทั้งคู่อาศัยที่แฟลตเดียวกัน เขาเป็นคนชักชวนให้หล่อนมาสมัครงานที่ร้านอาหารแห่งนี้
เรแบนเรียนน้อยจบเพียงชั้นมัธยมต้น เขาเก่งเรื่องคุยจ้อทั้งวันๆ แต่ยังมีความดีอยู่มาก เลยถูกใจเจ้าของร้าน ได้รับการเรียกใช้งานบ่อยๆ กระนั้นก็เขามักทำงานพลาดไม่เว้นวัน
“เฮ้อนึกถึงเมื่อวาน ยังเซ็งไม่หาย เจ๊โดดงานปุ๊บ งานก็เข้าเลย ระเบิดลงตูมๆ คุณนวลเล่นด่าเรียงคิวทุกคนเลย ขนาดคุณท็อปยังโดนหางเลขด้วย วันนรกแตกจริงๆ”
ใบหยกหน้าเสีย เมื่อวานหลังจากไปสัมภาษณ์งานที่โรงงานแห่งนั้น หล่อนตั้งใจกลับมาทำงานช่วงบ่าย แต่ดูนาฬิกาแล้วเวลาผ่านไปจนเกือบบ่ายสองโมง และเรแบนโทรบอกหล่อนว่า ลูกค้าที่จองโต๊ะให้จัดอาหารไปส่งที่ออฟฟิซแทน หล่อนจึงหายห่วง ตัดสินใจกลับแฟลตไปช่วยงานร้านเสริมสวยซึ่งเป็นร้านคนที่สนิทกัน
“เอ...ปกติคุณนวลเกรงใจคุณท็อปมาก ไม่เคยเห็นพูดแรงๆ ด้วยสักครั้ง” ใบหยกแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ท็อปหรือกันตพลเป็นบุตรชายคนเดียวของเจ้าของร้าน ซึ่งเป็นที่รักและเอ็นดูของศรีนวลมาก ทั้งที่อายุมิใช่น้อยแล้ว แต่คนเป็นแม่โอ๋เขาราวกับเป็นหนุ่มน้อย
“พวกหลังร้านมันรู้ว่าเจ๊ไปสมัครงานใหม่ พากันยกโขยงไปฟ้องคุณนวล แต่คุณท็อปแก้ให้ว่าเจ๊โทรมาลาป่วยตั้งแต่เช้าแล้ว ที่ไหนได้ไม่มีใครเชื่อสักคน ลือกันให้แซด...ว่าที่จริงน่ะเจ๊ป่วยการเมือง!” เรแบนเอ่ยจบก็ยื่นหลอดไฟเก่าคืนให้หญิงสาว
ตั้งแต่เช้าใบหยกสังเกตเห็นความผิดปกติหลายอย่างโดยเฉพาะการแสดงออกของศรีนวล ซึ่งดูเหมือนคอยจ้องจับผิดหล่อน แต่ไหนแต่ไรศรีนวลหวงลูกชายจนเป็นที่ร่ำลือในหมู่ลูกจ้าง ถึงใบหยกจะปฏิบัติตนเองตามหน้าที่ลูกจ้างที่ดี แต่ศรีนวลตัดเกรดให้แค่ผ่าน ไม่มีคะแนนพิศวาส
ใบหยกไม่ได้คิดตำหนิศรีนวล เธอเป็นคนปากร้ายหากมีจิตใจดี เสียเรื่องเดียวคือหวงลูกชายจนไม่เข้าท่า แต่เนื้อแท้แล้วเป็นธรรมอยู่มาก มิเช่นนั้นหญิงสาวคงลาขาดไปนาน อย่างไรศรีนวลนั้นต้องการผู้หญิงที่คู่ควรลูกชาย ทั้งหน้าตาทางสังคมซึ่งจะเกื้อกูลกันและฐานะการเงิน ซึ่งใบหยกไร้คุณสมบัติเหล่านั้น แม้แต่นามสกุลหล่อนใครได้ยินคงขำ
‘นางสาวใบหยก โคกไม้หอม’
ตำแยกิ่งเพชร บทที่๓ และ บทที่ ๔
อันนี้ตอนเดิมครับ
บทนำ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่ ๑ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่๒ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โลกนี้จะมีผู้หญิงสักกี่คนถูกโบ้ยข้อหา ‘กักขังหน่วงเหนี่ยวและข่มขืนผู้ชาย!!’
เหตุการณ์เดียวเปลี่ยนชีวิต ‘ใบหยก’ สาวเสิร์ฟร้านอาหารตกสู่หุบเหวลึก แต่สาวผิวสีน้ำผึ้งไม่ยอมแพ้โชคชะตา ฮึดกัดฟันสู้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ตลบหลังคำพิพากษาเฮงซวยของคนใจร้าย เรียกร้องสิทธิ์การเป็นสะใภ้เล็ก ตระกูลรัตนทองธาร!!
บทที่ ๓
ณ ครัวเริงใจ
แสงสว่างหลังร้านวูบไหวอยู่ประเดี๋ยวก็ดับลง ใบหยกหงุดหงิดใจเป็นทุนตั้งเมื่อวาน สาเหตุมาจากการไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทใหญ่แต่เปลือกอย่างรัตนทองธารกรุ๊ปฯ นั่นเอง หล่อนแว้ดใส่เรแบนที่หายเงียบไปเกือบสิบนาที ทั้งที่บันไดอลูมิเนียมวางอยู่ข้างร้านห่างออกไปไม่กี่ก้าว แต่เด็กหนุ่มหายจ้อยไม่ยอมโผล่หน้ามาให้เห็นเสียที
“แอบไปทำอะไร หา คุณนวลสั่งตั้งแต่ห้าโมงเย็น จนร้านจะปิดยังไม่เรียบร้อยอีก น่าหยิกพุงหลามๆ เสียจริง ” ใบหยกเอ่ยถึงศรีนวลเจ้าของ ‘ครัวเริงใจ’ ตั้งแต่ตอกบัตรเข้างานเมื่อเช้า หญิงวัยกลางคนร่างเจ้าเนื้อยังไม่ยอมหยุดบ่น บรรยากาศในร้านอาหารแห่งนี้จึงเหมือนมีเมฆหมอกปกคลุม
“อู้อะไรละเจ๊เขียว” เรแบนแซวใบหยก เขาล้อเลียนสีผิวเข้มๆ ของหล่อน แต่อีกฝ่ายยกมือข้างหนึ่งตั้งฉากเตรียมฟาดลงบนเนื้อตัวเขาอย่างคนมือเร็ว ปากยื่นยาวของเขาจึงรีบเปลี่ยนสรรพนามเรียกขานรุ่นพี่คนสวยเสียใหม่
“แหม…เจ๊ใบหยกล่ะก็ คนมันจู๊ดๆ ข้าศึกจอมตี จะให้ผมอั้นไหวยังไง ก็ส้มตำยกครกฝีมือเจ๊นั่นแหละ ทำผมต่อสายตรงปรู๊ดปร๊าด ดังลั่นห้องน้ำเลย” เด็กหนุ่มว่าอย่างรื่นเริง พลางทำทำมือทำไม้ประกอบ
“เออๆ ไม่ต้องสาธยายมาก แต่ถ้าแกยังเรียกฉัน ‘เจ๊เขียว’ อีก รับรองได้นอนหยอดน้ำเกลือแน่ๆ” ใบหยกขู่ อันที่จริงหล่อนยอมรับว่าตนเองมีผิวเข้ม แต่ถ้าถูกใครต่อใครตอกย้ำบ่อยๆ ว่า ‘นังเขียว’ หรือ ‘อีดำตับเป็ด’ อยู่บ่อยๆ ขอบอกตามตรงว่าได้ยินแล้วอารมณ์หล่อนมันขึ้น!
“โอเค ต่อไปผมจะเรียก เจ๊หยกคนงามตลอดดีไหม ผมไม่อยากถูกผู้หญิงทำร้ายร่างกาย ผมกลัวเจ็บ เจ๊หยกยิ่งมือหนัก ตีนหนักอยู่ด้วย ฮิๆ” เรแบนกล่าวเสียงสนุก เขามองหญิงสาวซึ่งยืนอยู่ใต้แสงไฟสลัว สิ่งที่เห็นคือลูกตากับฟันขาววาววับ ผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียนกลืนหายไปกับความมืดมิด
“แน่นอน ใบหยกตัวจริงต้อง ขาโหด ขาลุยแบบนี้ละ ไม่งั้นฉันจะรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกามาจนถึงทุกวันนี้หรือ” ใบหยกว่าอย่างภูมิใจตนเอง
“อ้าว นึกว่าตัวจริง ต้องพิศแต่หัวจดเท้าขาวแต่ตา ฮ่าๆ” เรแบนหัวเราะร่า รีบถอยหลบไปอยู่หลังบันไดอลูมิเนียมอย่างรู้แกว ใบหยกจึงไม่ทันได้ลงไม้ลงมือกับเขา
“อยากเจ็บตัวมากใช่ไหมเดี๋ยวเถอะ จะฟ้องคุณนวล เรื่องที่แกชอบอู้ แอบหลบไปงีบบ่อยๆ” ใบหยกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ไหว้ละเจ๊คนสวย สงสารลูกหมา ลูกแมวตาดำๆ เหอะ เว้นผมไว้สักตัวนะ อย่า ‘คาบ’เรื่องนี้ไปฟ้องคุณนวลเลย ไม่งั้นผมถูกเตะโด่งแน่ หนที่แล้วเรื่องปล่อยหมาเข้ามาอุนจิในร้านยังขึ้นบัญชีดำอยู่เลย” เขาเอ่ยประจบใบหยก แต่มิวายใช้คำว่า ‘คาบข่าว’ ยียวนกวนประสาท
“ถ้าจะกลัวขนาดนี้ รีบเปลี่ยนหลอดไฟให้ไวเลย ขืนชักช้าได้กลับหลังเพื่อนไม่รู้ด้วย คืนนี้วัดหน้าปากซอยมีงานศพด้วย บรื๋อ” ใบหยกจับบันไดอลูมิเนียมซึ่งเด็กหนุ่มปีนไปอยู่ข้างบนเขย่าพอให้มันไหวไปมา
“เค้ากลัว!!” เรแบนหวีดร้อง
“ล้อเล่นแค่นี้ ปอดแหกไปได้ แมนๆ หน่อยไอ้น้อง”
“บ้า ผมเป็นตุ๊ด!” เรแบนยังเล่นไม่เลิก
ใบหยกรู้จักเด็กหนุ่มเกือบสองปีแล้ว ทั้งคู่อาศัยที่แฟลตเดียวกัน เขาเป็นคนชักชวนให้หล่อนมาสมัครงานที่ร้านอาหารแห่งนี้
เรแบนเรียนน้อยจบเพียงชั้นมัธยมต้น เขาเก่งเรื่องคุยจ้อทั้งวันๆ แต่ยังมีความดีอยู่มาก เลยถูกใจเจ้าของร้าน ได้รับการเรียกใช้งานบ่อยๆ กระนั้นก็เขามักทำงานพลาดไม่เว้นวัน
“เฮ้อนึกถึงเมื่อวาน ยังเซ็งไม่หาย เจ๊โดดงานปุ๊บ งานก็เข้าเลย ระเบิดลงตูมๆ คุณนวลเล่นด่าเรียงคิวทุกคนเลย ขนาดคุณท็อปยังโดนหางเลขด้วย วันนรกแตกจริงๆ”
ใบหยกหน้าเสีย เมื่อวานหลังจากไปสัมภาษณ์งานที่โรงงานแห่งนั้น หล่อนตั้งใจกลับมาทำงานช่วงบ่าย แต่ดูนาฬิกาแล้วเวลาผ่านไปจนเกือบบ่ายสองโมง และเรแบนโทรบอกหล่อนว่า ลูกค้าที่จองโต๊ะให้จัดอาหารไปส่งที่ออฟฟิซแทน หล่อนจึงหายห่วง ตัดสินใจกลับแฟลตไปช่วยงานร้านเสริมสวยซึ่งเป็นร้านคนที่สนิทกัน
“เอ...ปกติคุณนวลเกรงใจคุณท็อปมาก ไม่เคยเห็นพูดแรงๆ ด้วยสักครั้ง” ใบหยกแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ท็อปหรือกันตพลเป็นบุตรชายคนเดียวของเจ้าของร้าน ซึ่งเป็นที่รักและเอ็นดูของศรีนวลมาก ทั้งที่อายุมิใช่น้อยแล้ว แต่คนเป็นแม่โอ๋เขาราวกับเป็นหนุ่มน้อย
“พวกหลังร้านมันรู้ว่าเจ๊ไปสมัครงานใหม่ พากันยกโขยงไปฟ้องคุณนวล แต่คุณท็อปแก้ให้ว่าเจ๊โทรมาลาป่วยตั้งแต่เช้าแล้ว ที่ไหนได้ไม่มีใครเชื่อสักคน ลือกันให้แซด...ว่าที่จริงน่ะเจ๊ป่วยการเมือง!” เรแบนเอ่ยจบก็ยื่นหลอดไฟเก่าคืนให้หญิงสาว
ตั้งแต่เช้าใบหยกสังเกตเห็นความผิดปกติหลายอย่างโดยเฉพาะการแสดงออกของศรีนวล ซึ่งดูเหมือนคอยจ้องจับผิดหล่อน แต่ไหนแต่ไรศรีนวลหวงลูกชายจนเป็นที่ร่ำลือในหมู่ลูกจ้าง ถึงใบหยกจะปฏิบัติตนเองตามหน้าที่ลูกจ้างที่ดี แต่ศรีนวลตัดเกรดให้แค่ผ่าน ไม่มีคะแนนพิศวาส
ใบหยกไม่ได้คิดตำหนิศรีนวล เธอเป็นคนปากร้ายหากมีจิตใจดี เสียเรื่องเดียวคือหวงลูกชายจนไม่เข้าท่า แต่เนื้อแท้แล้วเป็นธรรมอยู่มาก มิเช่นนั้นหญิงสาวคงลาขาดไปนาน อย่างไรศรีนวลนั้นต้องการผู้หญิงที่คู่ควรลูกชาย ทั้งหน้าตาทางสังคมซึ่งจะเกื้อกูลกันและฐานะการเงิน ซึ่งใบหยกไร้คุณสมบัติเหล่านั้น แม้แต่นามสกุลหล่อนใครได้ยินคงขำ ‘นางสาวใบหยก โคกไม้หอม’