ตำแยกิ่งเพชร (บทนำและบทที่ ๑ รีไรท์)

กระทู้สนทนา
รีไรท์และกลับมาลงใหม่นะครับ
ปล.เรื่องนี้ผ่านการพิจารณาแล้ว


แนะนำเรื่อง

“เธอ!” ดวงหน้าขาวจัดซับสีแดงเข้ม ดวงตาคมเกิดประกายวาววับ

    “โอ๊ย เรียกเธอๆ อยู่นั่นแหละ ใบหยกค่ะ ใบหยก แหม คงคิดว่าฉันไม่รู้ละซี  คุณให้ฝ่ายบุคคลไปคุ้ยขยะหาใบสมัครฉันมาดูโคตรเหง้าศักราชไม่ใช่เหรอ ...พออย่างนี้ทำเป็นลืม ชิ”  ใบหยกมั่นใจว่าคำพูดตนจะทำให้เขาออกอาการฟาดงวงฟาดงา อาจถึงขั้นพุ่งเข้ามาบีบคอ หรือไม่ก็จับหล่อนทุ่มลงบนพื้นถนนให้เนื้อตัวถลอกปลอกเปิก

              ... ทว่าผิดคาด!

    เพชรเอกเป่าลมพรูออกจากริมฝีปากบางเฉียบ มองดวงหน้าสวยที่มีคราบเหงื่ออย่างนึกขัน

      “รู้อะไรไหม? ฉันว่าชื่อ ‘ใบหยก’ มันสูงเกินค่าตัวเธอไปมั้ง” ชายหนุ่มกลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ ยั่วใจหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งให้ดิ้นเป็นเจ้าเข้า

          “อีตาบ้า! แล้วคุณล่ะ ‘เพชรเอก รัตนทองธาร’ อย่างนั้นหรือ...ตาย อันที่จริงชื่อกระบองเพชร น่าจะเหมาะกว่า หนามพิษแหลมๆ ยุบยั่บ เต็มตัวขนาดนั้น!” ใบหยกค้อนขวับใส่ชายหนุ่มรูปงามปานเทพบุตร หากจิตใจเย็นชาเหมือนถูกจับแช่แข็ง!!

       “เฮ้ย! นี่คิดว่าฉันเป็นเพื่อนเล่นหรือไง พูดให้ดีๆ หน่อย” เขาทำตาวาว วางมาดข่มขวัญ แต่วินาทีนี้มันไม่ได้ผล “ประทานโทษค่ะ น้องสะใภ้กะโหลกกะลาก็อย่างนี้ พี่สามีอย่างคุณคงรับไม่ได้”หญิงสาวแต่งตั้งตัวเองเป็นสะใภ้เล็กตระกูลรัตนทองธารเสร็จสรรพ

       “เฮอะ…คนอย่างเธอถึงจับใส่ตะกร้าล้างน้ำ ชุบตัวให้ดีแค่ไหน ดูยังไงก็ไม่ใช่ ‘ใบหยก’ คงเป็นได้แค่ ‘ใบตำแย’!” ถึงเจ้านายจะยกเธอเป็นเมีย...แต่อย่าคิดว่า ฉันจะยอมรับเธอในฐานะน้องสะใภ้ ให้ตายสิ...สิบแปดมงกุฎอย่างเธอ แม้แต่เด็กอมมือยังดูออก!”

    หญิงสาวหน้าแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า อยากเข้าไปทุบตีเขาให้หายแค้น หากสติยังพอมี จึงนับหนึ่งล่วงพ้นจนถึงสิบ แต่คงนานไปหน่อย เขาเลยฉวยโอกาสหยันกลับมาให้หล่อนหน้าชา  

    “อย่าคิดว่าบีบน้ำตาแล้วฉันจะใจอ่อน ไม่ได้ผลหรอก”

    “โรคจิต!!”

    “หา เธอว่าใคร”

    “ว่าคุณไง เป็นอะไรมากหรือเปล่า พ่อไม่รัก หรือว่ามีปมด้อยตอนเด็ก ถึงได้ปากเปราะ ชอบดูถูกคนอื่นนัก ถามจริง เหงามากมั้ย  เหนื่อยหรือเปล่าที่ต้องเก๊กหน้าเหม็นเบื่อโลก แอนตี้สังคมตลอดปี ตลอดชาติ!”

    เพชรเอกหลุดสบถคำหยาบออกมา สาวเท้าชิดร่างทรงเสน่ห์  

    “ฉันมองเธอผิดจริงๆ  คิดไม่ถึงว่าจะร้ายกาจ น่าขยะแขยง อย่างนี้”

    “ห้วย! มองผิดก็มองใหม่ซี คะ  รับรองต่อแต่นี้ไป คุณมีเวลามองฉันตาละห้อยยาวนานชั่วชีวิตเลยละ”




บทนำ



    บานประตูไม้อัดสีเขียวถูกกระแทกครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างหนักหน่วง เสียงดังปังๆ ลั่นโถงทางเดินแฟลตเก่าซอมซ่อ ป้ายหมายเลข ๕๐๖ห้องไหวไปมาหวิดล่วงลงพื้น ใบหยกซึ่งผล็อยหลับบนโซฟาหนังเทียมเมื่อรุ่งสาง สะดุ้งเฮือกสุดตัว ดวงหน้าหล่อนซีดเผือด ตกใจช็อก สมองขาวโพลนชั่วขณะ



     กระทั่งม่านตาปรับรับแสงสว่าง หล่อนจึงข่มกลั้นความกลัว ตะโกนถามเสียงสั่นว่า

     “ใครน่ะ!?!...”

    ไม่มีเสียงตอบ บานประตูยังมีเสียงดังปังๆ ประหนึ่งคนที่อยู่ข้างนอกต้องการจู่โจมเข้ามาให้ถึงตัวหล่อน

    “ฉันถามว่าใคร!!” หญิงสาวสูดลมหายใจลึก ทำใจดีสู้เสือ ค่อยๆ ก้าวตรงไปที่ประตู หากไม่ทันสังเกตถังพลาสติกที่วางไว้ข้างๆ เตียง ขาข้างหนึ่งเลยเตะเข้าเต็มแรง ถังนั้นล้มคว่ำส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยวชวนให้สำรอก

    ชั่วขณะนั้นคนข้างนอกยังระดมบาทาหนักๆ กระทืบบานประตูไม้ จนมันแทบจะปลิวหวือออกจากกรอบวงกบ  “เฮ้ย! เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ให้เวลา นับหนึ่งถึงสาม...” มัจจุราชเร่งเร้า

    หญิงสาวนึกถึงคุณพระคุณเจ้า คิดหัวแทบระเบิดว่าเคยไปก่อคดีร้ายแรงอะไรไว้ที่ไหน!?!

    เปล่า...หล่อนไม่เคยแย่งสามีใคร ไม่มีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย คงไม่มีใครจ้างอันธพาลหรือมือปืนมาฆ่าปิดปาก ยกเว้นแต่แก๊งค์ทวงหนี้!!

    ใบหยกมองเห็นมือถือวางใต้ชั้นหนังสือ หล่อนยิ้มดีใจ หากไม่ทันคว้ามากดเบอร์ติดต่อใคร สติพลันเตลิดสุดกู่ บนเตียงขนาดสามฟุตครึ่ง มีชายหนุ่มคนหนึ่งนอนหลับไร้สติ!!

    “หนึ่ง...สอง...” ไม่ทันถึงสามด้วยซ้ำ บานประตูเปิดผลัวะเข้ามาราวกับมีมือใหญ่ยักษ์กระชากสุดแรง

    หญิงสาวกระโดดไปยืนตัวสั่นมุมห้อง จ้องสองร่างยักษ์ปักหลั่นซึ่งก้าวอาดๆ เข้ามา หลังสุดเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่มาดสง่าภูมิฐาน เขาใส่สูทราคาแพงระยับ สวมแว่นตาดำกรอบใหญ่ ดวงหน้าขาวจัดตัดกับคิ้วเข้มเป็นแพยาว จมูกโด่งแลเห็นรอยหักเล็กๆ เป็นเอกลักษณ์ ริมฝีปากบนบางเฉียบรับกับริมฝีปากล่างสีสด มีไรหนวดขึ้นเขียวครึ้ม เขาจึงหล่อเหลาแฝงด้วยเสน่ห์เข้มเหลือร้าย  

    “ฮึ…คิดแล้วว่าต้องเป็นเธอ!” ชายหนุ่มกัดฟันกรอด จนเส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบ

    “ทำไม เป็นฉันแล้วทำไมหา รู้จักกันหรือก็เปล่า” หญิงสาวแหว กำหมัดแน่น ดวงหน้าคมขำเชิดสูงท้าทาย สมองพยายามปะติดปะต่อว่าเขากับหล่อนเคยรู้จักกันตั้งแต่ชาติปางไหน?

    “...คิดจะจับผู้ชายกินสิท่า ถึงได้พามาซุกไว้ในห้องแบบนี้” เขาโยนข้อหารุนแรงให้หล่อน ทิ้งหางเสียง ‘ฮึ’ ในลำคออย่างเหยียดหยาม ใบหยกอ้าปากพะงาบๆ มองเขาอย่างขุ่นใจ เกือบลืมไปว่า เมื่อคืนเกิดความวุ่นวายจนข้างห้องแตกตื่น เยี่ยมหน้ามามองอย่างสอดรู้สอดเห็น

          เรแบนรุ่นน้องที่ทำงานร้านอาหารด้วยกัน หิ้วปีกมีบริบูรณ์เพื่อนหล่อน เข้ามาที่ห้องในสภาพเปียกปอนเป็นลูกหมาตกน้ำ แถมมีรอยเขียวช้ำบริเวณโหนกแก้ม และคิ้วข้างหนึ่งมีแผลแตกดูน่ากลัว หลังจากนั้นทั้งสามก็นั่งคุยสารพัดเรื่องฮาๆ สองหนุ่มดวลเบียร์กันพร้อมร้องรำทำเพลงเฮฮา ส่วนหล่อนทำหน้าที่แม่ครัว เนรมิตรสารพัดอาหารแห้งและเครื่องกระป๋องเป็นยำรสแซบ พร้อมสุกี้ในหม้อไฟฟ้ากินอย่างอิ่มหนำ

    กระทั่งเวลาล่วงเลยเข้าวันใหม่ ใบหยกสั่งแยกย้ายเพราะเสียงเริ่มดังรบกวนห้องอื่น  ในตอนนั้นเองมีบริบูรณ์เริ่มอาเจียนหนัก เขาวิ่งเข้าออกห้องน้ำหลายรอบ  และบ่นว่าร้อนจึงขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำนับชั่วโมง กลับออกมาในสภาพเกือบเปลือย ฟุบหลับนอนแผ่หลาบนเตียงหลังเล็กนับแต่นั้น

“ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ฟังก่อนซี” ใบหยกอยากอธิบายให้คนมาดเข้มเข้าใจ แต่พอผ้าห่มซึ่งคลุมร่างมีบริบูรณ์เผยออก ทุกอย่างก็ประจักษ์ต่อทุกสายตา เห็นภาพตรงหน้าเข้า คนที่หล่อเหลาปานเทพบุตรก็สาดคำพูดเผ็ดร้อนใส่ใบหยกว่า

“...ถ้าคิดจะเรียกร้องอะไรจากรัตนทองธารมันไม่มีทางเป็นไปได้ เจ้านายมีค่ามากกว่าจะลดตัวมาอยู่กับเธอ ไม่ได้ดูถูกนะ แต่เรามันคนละชั้น!” เขาระบายลมหายใจร้อนๆ อย่างระอา แล้วหันไปสั่งคนติดตามร่างใหญ่ยักษ์ด้วยความฉุนเฉียว

“ถ้าเจ้านายมันดื้อ ฉันอนุญาตให้ซัดสักหมัดสองหมัด อุจจาดตาจริงๆ รีบหาอะไรให้มันใส่เสียที เมาไม่ได้เรื่องให้แม่คนนี้นอนกกนอนกอดจนตัวซีดไปหมด”

    คนติดตามช่วยกันประคองมีบริบูรณ์ผ่านหน้าใบหยกที่ยืนตาพอง กัดฟันกรอดๆ  ณ จุดนั้นความอดทนของหล่อนขาดผึง “...บุกรุกยังไม่พอ ยังมาด่าคนอื่นป่าวๆ ออกไปเลยนะ มีสิทธิอะไรถึงทำตัวกร่างคับฟ้า” หญิงสาวกางเล็บขู่ฟ่อ อยากลงไม้ลงมือข่วนหน้าหล่อเหลาให้ลายพร้อยสนองความคับแค้นใจ

    “บุกรุก!” เขายกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง เยาะเย้ยหล่อนด้วยสีหน้าชวนหมั่นไส้

    “แหงละ พังประตูเข้ามาอย่างนี้ จะให้ฉันคิดยังไงยะ” ใบหยกเดือดปุด

    “ถ้าไม่อยากเจ็บตัว อย่ามาขวางทางฉัน ไม่เอาเรื่องเธอบุญเท่าไหร่ ใช้สมองส่วนไหนคิด ถึงกล้าจับผู้ชายมาทำสามี!” เขาตอกกลับเผ็ดร้อน

    “ไอ้บ้า เลวที่สุด พูดจาพล่อยๆ อย่างนี้ฉันเสียหาย!” หล่อนหน้าแดงก่ำ ใจเดือดพล่าน ทั้งที่ ‘ของกลาง’ เอ๊ย.. ‘คนกลาง’ กำลังถูกพาตัวออกจากห้องผู้ต้องหา

    “...ทำอะไรลงไปเตรียมตัวรับผิดชอบให้ดี” สีหน้าสีตาบวกความกราดเกรี้ยวของชายหนุ่ม ทำให้หล่อนเอะใจพิกล คิดเลยเถิดว่าเขาอาจเป็นคู่ขามีบริบูรณ์ !!

    ใบหยกปะติดปะต่อเรื่องราวในหัวเร็วจี๋ หล่อนยิ้มเยาะสาแก่ใจที่สุด

    ...หล่อนจำผู้ชายคนนี้ได้ละ เขาคือรองเอ็มดีบริษัทรัตนทองธารกรุ๊ป โรงงานที่ใช้แรงงานคนเยี่ยงทาส!

“นี่คุณ เปิดหูทั้งสองข้างแล้วตั้งใจฟังซะ …ฉันกับเจ้านายไม่ได้นัดมาจู้ฮุกกูรกัน เพื่อนฉันมีปัญหานิดหน่อยเลยต้องพึ่งเหล้าย้อมใจ ...ว่าแต่คุณเถอะเป็นอะไรกับเจ้านาย เหวี่ยงจัดผิดมนุษย์ขนาดนี้ อ๊ะๆ...หรือว่าจะเป็น” หญิงสาวชี้หน้าล้อเลียน หล่อนขำกิ๊กด้วยเสียงหัวเราะน่าเกลียด

“เฮ้ย...เธอหมายความว่าไง” มาดขรึมถูกแทนที่ด้วยความโกรธจัด ดวงหน้าขาวซับด้วยสีแดง ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง  

“ นังหยกเอ๊ย ซื้อหวยทำไมไม่แม่นอย่างนี้ โป๊ะเช๊ะแล้ว คุณเป็นคู่ขาเจ้านายจริงๆ ด้วย ไม่ต้องอายหรอกค่า ฉันรับได้ เพื่อนฉันหล่อลากดิน...แท่งทองน่าเซี้ยะปานนี้” หล่อนไม่อยากรู้ด้วยซ้ำว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นอะไรกับมีบริบูรณ์ หากการได้ยั่วแหย่เขาทำให้หายคันปาก

    ชายหนุ่มโกรธจัดแทบกระชากร่างบางมาบีบคอหวังให้สิ้นลมหายเดี๋ยวนั้น

     “มิน่าเจ้านายถึงได้หนีหัวซุกหัวซุน เสียสติ พิโธ่...เป็นใครคงขยาด กระเทยแอ๊บแมนพันธุ์กอลิล่า อ๊าย พูดแล้วขนแขนสแตนอัพ!”

    “หยุด! ในหัวคิดแต่เรื่องปัญญาอ่อน ไม่รู้อะไร หุบปากดีกว่า” เขาพูดรัวเร็ว ส่อพิรุธให้อีกฝ่ายขบขันหัวเราะตัวงอหงาย

    “อูย เรื่องจริงใช่ไหมคะ ถึงแอ๊บแมนไม่อยู่ ฮิ้ว...”

    “เพ้อเจ้อ เตือนไว้เลยนะ ถ้าเจ้านายเป็นอะไรแม้แต่ปลายเล็บ ฉันจะเล่นงานเธอให้หนัก ข้อหาข่มขืนถึงเป็นผู้หญิงก็ไม่มีข้อยกเว้น!”

    “หา!!” ใบหยกตาโต นายคนนี้คงสมองกลับกระมัง ถึงโบ้ยข้อหาพรรค์นี้ให้หล่อน

    “ข่มขืน...ตายล่ะ เอาหัวแม่โป้งนิ้วเท้าคิดหรือไง ฉันเป็นผู้หญิง ควรเรียกร้องค่าเสียหายมากกว่า ผู้ชายของคุณย่องมาหาถึงที่ อย่างว่าของแท้ยังไงย่อมน่าพิสมัยกว่าการขุดทองประตูหลัง!” พอได้ทีหล่อนก็ยั่วแหย่ไม่มียั้ง

    “ปากไม่มีหูรูด พูดด้วยก็ไม่มีประโยชน์ คนอย่างเธอมันก็แค่…” เขาเอ่ยเสียงหยัน สายตามองประเมินหล่อนราวกับเป็นสินค้าแบกะดิน!

    “ไอ้บ้า! ออกไปเลย คอยดูแม่จะแจ้งตำรวจจับให้หมดทุกคน” ใบหยกอารมณ์พลุ่งพล่าน หูอื้อ ตาลายมองเห็นคนตรงหน้าเป็นมดตัวเล็กตัวน้อย อยากบี้ให้เละคามือเสียเดี๋ยวนี้

    “หึ เก่งขนาดนั้นเชียว ก่อนไปแจ้งตำรวจจับใคร ฉันว่าจัดการตัวเองก่อนดีไหมสภาพ ‘ไก่กุ๊กๆ’ แบบนี้ ใครจะเชื่อ” รอยยิ้มน่าเกลียดผุดบนดวงหน้าขาวจัด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่