2.
มีผู้หญิงสองคนกับชายหนุ่มรูปร่างล่ำสันอีกคนหนึ่งที่ออกมายืนรอสองแม่ลูกอยู่ตรงประตูบ้าน ผู้หญิงคนขวามือมีอายุแล้ว ร่างอวบท้วม ผมสีทองดัดเป็นลอนยาวแค่คอ สวมเสื้อยืดสีตุ่นๆ กับกางเกงผ้าฝ้าย รอยยิ้มบนใบหน้าอูมอวบดูเป็นมิตรดี เมื่อเทียบกับแววตาพินิจพิเคราะห์คู่นั้น
ส่วนหญิงสาวอีกคนน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับเอมิลี่ หล่อนสูงระหง ผมสีดำลื่นเป็นมันมวยโหย่ง ๆ ไว้กลางศีรษะ ปล่อยปอยผมระโหนกแก้มสูงที่ปัดบลัชออนสีกลีบกุหลาบ หน้าตาคมเข้มตามแบบฉบับผู้หญิงทางตอนใต้ของหล่อนเชิดขึ้นหน่อย ๆ แต่ลักยิ้มสองข้างแก้มก็พอช่วยทอนความเข้มของรูปหน้าและท่าทางเย่อหยิ่งของหล่อนลงได้บ้าง เสื้อลายทางกับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินทรงตรงดูไม่เหมาะกับหล่อนเอาเสียเลย ท่าทางระเหิดระหงของหล่อนควรจะอยู่ในชุดสูทสุดเนี้ยบ สวมรองเท้าและถือกระเป๋าแบรนด์ดังมากกว่า เอมิลี่คิดว่าเธอคนนี้คงเป็นภรรยาใหม่ของพอลที่ชื่อจีนเป็นแน่...น่าจะใช่ เพราะหล่อนทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ดี พอลหาผู้หญิงมาเป็นภรรยาได้ดีทีเดียว
“หวัดดี” หล่อนร้องทักเธอทั้งสองที่เปิดประตูรถเก๋งลงมา น้ำเสียงยินดีอย่างเห็นได้ชัด แน่ละ เป็นใครก็ต้องยินดี เมื่อความช่วยเหลือที่กำลังรอคอยเดินทางมาจนถึงหน้าประตูบ้านของตัวเองแล้ว
“ดีใจจังที่ได้เจอพวกเธอ...นั่นลิซ่าใช่ไหมจ๊ะ” หล่อนมองเอมิลี่แล้วหันไปทางลิซ่า แววตาจ้องมองเด็กสาวอย่างชื่นชม พอลคงเล่าเรื่องน่าทึ่งเกี่ยวกับตัวลูกสาวสุดที่รักของเขาให้หล่อนฟังหลายอย่าง ลิซ่าก้าวเข้าไปยื่นมือให้ ซึ่งหล่อนก็จับเขย่าอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะหันมาจับมือกับเอมิลี่
“อือฮึ...เรียกเธอว่าลิซก็ได้นะ พ่อเธอชอบเรียกแบบนั้น ส่วนฉันเอมี่...”
เอมิลี่ทักตอบ แตะที่ข้อศอกลิซ่าซึ่งยืนนิ่ง รู้สึกแปลกใจที่ลูกสาวเธอราวกับไม่รู้มารยาท ทั้งที่ปกติลิซ่าเป็นเด็กมีอัธยาศัยดี เธอยิ้มง่ายและร่าเริง
“ฉันคือจีน เธอคงรู้สินะ...” หล่อนแนะนำตัวแล้วหัวเราะเก้อ ๆ ผายมือไปทางคนยืนเคียงข้าง
“ส่วนนี่คือคุณป้ามาร์ธา กับโรเบิร์ตพี่ชายฉันเอง”
สองแม่ลูกจับมือทักทายกับชายหญิงที่เหลือ ผู้มาเยือนรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อยต่อสายตาประเมินของป้ามาร์ธาและพี่ชายของจีน สองคนนี้แม้ไม่มีท่าทางเชิดหยิ่งแบบจีน แต่แววตาอยากรู้อยากเห็นอย่างไม่ปิดบังของโรเบิร์ต และสายตาราวต้องการมองเข้าไปให้ทะลุถึงเนื้อในของอีกฝ่ายจากหญิงสูงวัย ก็ทำให้เอมิลี่เกิดอาการอึดอัดพิกล
“หวังว่าการเดินทางคงราบรื่นดีนะจ๊ะ ยินดีต้อนรับสู่อัลบันคาล”
ยังดีที่น้ำเสียงของมาร์ธาทุ้มนุ่ม ฟังแล้วดูเป็นมิตรมากขึ้น เธอพูดพลางเอามือจับสายสร้อยเส้นยาวที่คล้องคออยู่ เอมิลี่เห็นมันห้อยไม้กางเขนเงินอันเล็ก ๆ นึกขึ้นได้ว่าพวกเคร่งศาสนามักมองดูคนอื่นอย่างลึกซึ้งแบบนี้เสมอ
“แน่นอนค่ะ เราสองคนรู้สึกทึ่งที่ได้มาที่นี่”
หญิงจากออลวิลตอบ ละสายตาจากสร้อยคอของมาร์ธาเหลือบมามองลิซ่าอีกครั้ง เธอบีบต้นแขนลูกสาวที่ยังยืนเหมือนตกอยู่ในภวังค์เบา ๆ เริ่มผิดสังเกตมากขึ้นต่อท่าทีของแก
“ใช่ไหมจ๊ะ ลิซ”
“หนูดีใจที่จะได้มาพบพ่อค่ะ” ลิซ่าคล้ายเพิ่งรู้สึกตัว เธอพูดประโยคแรกออกมาสั้น ๆ ชายหญิงที่อยู่ตรงกรอบประตูต่างพากันคลี่ยิ้มอย่างเห็นใจเด็กสาว จีนเอ่ยว่า
“หนูต้องได้พบพ่อแน่นอนจ้ะ แต่ก่อนจะได้เจอพอล ให้แม่ของหนูเอารถไปเก็บในโรงรถก่อนเถอะ ยังมีที่ว่าง”
บอกอ่อนโยนกับลูกสาวของสามีแล้วเอียงศีรษะไปทางโรงรถข้างบ้าน เอมิลี่มองตาม เห็นรถโฟร์วีลสีน้ำเงินของพอลจอดสงบอยู่ข้างในนั้น กับกระบะสี่ประตูสีเทาอีกคัน ยังเหลือที่ว่างให้จอดรถได้อีกหนึ่งคันข้างรถของพอล หญิงสาวจึงมุดตัวกลับเข้าไปติดเครื่องรถอีกครั้ง ก่อนพารถของตัวเองเคลื่อนเข้าไปจอด
(มีต่อ)
ลวง...อำมหิต ตอนที่ 2
มีผู้หญิงสองคนกับชายหนุ่มรูปร่างล่ำสันอีกคนหนึ่งที่ออกมายืนรอสองแม่ลูกอยู่ตรงประตูบ้าน ผู้หญิงคนขวามือมีอายุแล้ว ร่างอวบท้วม ผมสีทองดัดเป็นลอนยาวแค่คอ สวมเสื้อยืดสีตุ่นๆ กับกางเกงผ้าฝ้าย รอยยิ้มบนใบหน้าอูมอวบดูเป็นมิตรดี เมื่อเทียบกับแววตาพินิจพิเคราะห์คู่นั้น
ส่วนหญิงสาวอีกคนน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับเอมิลี่ หล่อนสูงระหง ผมสีดำลื่นเป็นมันมวยโหย่ง ๆ ไว้กลางศีรษะ ปล่อยปอยผมระโหนกแก้มสูงที่ปัดบลัชออนสีกลีบกุหลาบ หน้าตาคมเข้มตามแบบฉบับผู้หญิงทางตอนใต้ของหล่อนเชิดขึ้นหน่อย ๆ แต่ลักยิ้มสองข้างแก้มก็พอช่วยทอนความเข้มของรูปหน้าและท่าทางเย่อหยิ่งของหล่อนลงได้บ้าง เสื้อลายทางกับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินทรงตรงดูไม่เหมาะกับหล่อนเอาเสียเลย ท่าทางระเหิดระหงของหล่อนควรจะอยู่ในชุดสูทสุดเนี้ยบ สวมรองเท้าและถือกระเป๋าแบรนด์ดังมากกว่า เอมิลี่คิดว่าเธอคนนี้คงเป็นภรรยาใหม่ของพอลที่ชื่อจีนเป็นแน่...น่าจะใช่ เพราะหล่อนทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ดี พอลหาผู้หญิงมาเป็นภรรยาได้ดีทีเดียว
“หวัดดี” หล่อนร้องทักเธอทั้งสองที่เปิดประตูรถเก๋งลงมา น้ำเสียงยินดีอย่างเห็นได้ชัด แน่ละ เป็นใครก็ต้องยินดี เมื่อความช่วยเหลือที่กำลังรอคอยเดินทางมาจนถึงหน้าประตูบ้านของตัวเองแล้ว
“ดีใจจังที่ได้เจอพวกเธอ...นั่นลิซ่าใช่ไหมจ๊ะ” หล่อนมองเอมิลี่แล้วหันไปทางลิซ่า แววตาจ้องมองเด็กสาวอย่างชื่นชม พอลคงเล่าเรื่องน่าทึ่งเกี่ยวกับตัวลูกสาวสุดที่รักของเขาให้หล่อนฟังหลายอย่าง ลิซ่าก้าวเข้าไปยื่นมือให้ ซึ่งหล่อนก็จับเขย่าอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะหันมาจับมือกับเอมิลี่
“อือฮึ...เรียกเธอว่าลิซก็ได้นะ พ่อเธอชอบเรียกแบบนั้น ส่วนฉันเอมี่...”
เอมิลี่ทักตอบ แตะที่ข้อศอกลิซ่าซึ่งยืนนิ่ง รู้สึกแปลกใจที่ลูกสาวเธอราวกับไม่รู้มารยาท ทั้งที่ปกติลิซ่าเป็นเด็กมีอัธยาศัยดี เธอยิ้มง่ายและร่าเริง
“ฉันคือจีน เธอคงรู้สินะ...” หล่อนแนะนำตัวแล้วหัวเราะเก้อ ๆ ผายมือไปทางคนยืนเคียงข้าง
“ส่วนนี่คือคุณป้ามาร์ธา กับโรเบิร์ตพี่ชายฉันเอง”
สองแม่ลูกจับมือทักทายกับชายหญิงที่เหลือ ผู้มาเยือนรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อยต่อสายตาประเมินของป้ามาร์ธาและพี่ชายของจีน สองคนนี้แม้ไม่มีท่าทางเชิดหยิ่งแบบจีน แต่แววตาอยากรู้อยากเห็นอย่างไม่ปิดบังของโรเบิร์ต และสายตาราวต้องการมองเข้าไปให้ทะลุถึงเนื้อในของอีกฝ่ายจากหญิงสูงวัย ก็ทำให้เอมิลี่เกิดอาการอึดอัดพิกล
“หวังว่าการเดินทางคงราบรื่นดีนะจ๊ะ ยินดีต้อนรับสู่อัลบันคาล”
ยังดีที่น้ำเสียงของมาร์ธาทุ้มนุ่ม ฟังแล้วดูเป็นมิตรมากขึ้น เธอพูดพลางเอามือจับสายสร้อยเส้นยาวที่คล้องคออยู่ เอมิลี่เห็นมันห้อยไม้กางเขนเงินอันเล็ก ๆ นึกขึ้นได้ว่าพวกเคร่งศาสนามักมองดูคนอื่นอย่างลึกซึ้งแบบนี้เสมอ
“แน่นอนค่ะ เราสองคนรู้สึกทึ่งที่ได้มาที่นี่”
หญิงจากออลวิลตอบ ละสายตาจากสร้อยคอของมาร์ธาเหลือบมามองลิซ่าอีกครั้ง เธอบีบต้นแขนลูกสาวที่ยังยืนเหมือนตกอยู่ในภวังค์เบา ๆ เริ่มผิดสังเกตมากขึ้นต่อท่าทีของแก
“ใช่ไหมจ๊ะ ลิซ”
“หนูดีใจที่จะได้มาพบพ่อค่ะ” ลิซ่าคล้ายเพิ่งรู้สึกตัว เธอพูดประโยคแรกออกมาสั้น ๆ ชายหญิงที่อยู่ตรงกรอบประตูต่างพากันคลี่ยิ้มอย่างเห็นใจเด็กสาว จีนเอ่ยว่า
“หนูต้องได้พบพ่อแน่นอนจ้ะ แต่ก่อนจะได้เจอพอล ให้แม่ของหนูเอารถไปเก็บในโรงรถก่อนเถอะ ยังมีที่ว่าง”
บอกอ่อนโยนกับลูกสาวของสามีแล้วเอียงศีรษะไปทางโรงรถข้างบ้าน เอมิลี่มองตาม เห็นรถโฟร์วีลสีน้ำเงินของพอลจอดสงบอยู่ข้างในนั้น กับกระบะสี่ประตูสีเทาอีกคัน ยังเหลือที่ว่างให้จอดรถได้อีกหนึ่งคันข้างรถของพอล หญิงสาวจึงมุดตัวกลับเข้าไปติดเครื่องรถอีกครั้ง ก่อนพารถของตัวเองเคลื่อนเข้าไปจอด
(มีต่อ)