ในร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ยามราตรีที่มีแสงไฟระยิบระยับเขียวสลับกับน้ำเงินและแดงส่องไปมา มนท์หญิงสาวผู้เปรียบเสมือนสาวที่งดงามที่สุด ในสถานที่แห่งนี้กำลังยืนร้องเพลงเกี่ยวกับชีวิตคนกลางคืนอยู่ข้างบนเวที โดยอ้อมล้อมไปด้วยผู้คนมากมายที่สังสรรค์และใช้บริการในร้านคาราโอเกะนี้นั้น บ้างก็เป็นผู้ชายวัยกลางคนตัวใหญ่ที่นั่งอ้อมล้อมไปด้วยเครื่องดื่มสุราและของกับแกล้ม บ้างก็เป็นคู่แฟนแหนุ่มสาวที่แต่งตัวดูหรูหราบ่งบอกถึงยศถาบรรดาศักดิ์ และชายหนุ่มผู้ที่นั่งอยู่โดดเดี่ยวที่กำลังจ้องมองสาวที่งดงามที่สุดอยู่อย่างไม่ละสายตา “โหดจริงจริงชีวิตเราใครจะรู้หรือเปล่า ตัวเราความจริงที่แท้นั้นเป็นอย่างไร ต้องไปทำงานตอนค่ำคืนจำต้องฝืนหัวใจ ใครไม่เป็นอย่างฉันนั้นไม่อาจรู้” มนท์ร้องเพลงพร้อมกับ่วงทำนองดนตรีที่ไพเราะ เสียงที่ชวนหลงใหลนั้นพาทุกคนจับจ้องสายตามาที่เวที รวมถึงตั้มชายหนุ่มที่นั่งโดดเดี่ยวด้วยนั่นเอง
ภายในหอพักสถานที่แห่งหนึ่ง ไฟหน้าห้องที่สลัวเหมือนว่าใกล้จะพัง บรรยากาศเงียบสนิทมีแค่เสียงรถบนถนนที่วิ่งผ่านไปผ่านมา มนท์เดินเข้าไปหน้าห้องหนึง มนท์ยกมือขึ้นและเคาะประตูหน้าห้อง แหม่มเปิดประตูออกมาพร้อมกับแมวท่าทางง่วงนอน “ขอบคุณนะพี่” มนท์พูด “พี่ก็ว่างๆไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว” แหม่มตอบออกไป มนท์ก้มหัวก่อนจะขอตัวลา พร้อมกับจับมือแมวแล้วเดินกลับบ้าน แหม่มที่ยืนอยู่ตรงประตูก็มองตามมนท์กับแมวก่อนจะปิดประตูห้อง
แสงไฟระยิบระยับยามค่ำคืนบ่งบอกว่าคืนนี้ร้านคาราโอเกะก็ครึกครื้นเช่นเคย ลูกค้าวัยกลางคนทั้งชายและหญิงต่างเข้ามาร้านนี้เหมือนทุกวัน เมื่อดนตรีเบาลงเหมือนจะจบบเพลง มนท์ยืนอยู่บนเวทีอย่างสดใส ตั้มเดินถือพวงมาลัยริบบริ้นมาถึงหน้าเวทีก่อนที่มนท์จะก้มตัวลงมารับ ตั้มพวงมาลัยที่คอมนท์ “ขอบคุณนะคะ” มนท์กล่าวและลุกขึ้นร้องเพลงต่อไป ตั้มเดินกลับไปนั่งลงที่นั่งตนเอง และจ้องมนท์ต่อด้วยท่าทางที่หลงใหล
ยามเช้าที่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นภายในห้องพักของมนท์นั้น มนท์เหม่ออยู่ที่ขอบเตียงโดยมีตั้มนอนอยู่ด้านหลัง ไม่นานนักตั้มก็สะลึมสะลือตื่นขึ้นพร้อมค่อยๆเอามือมาโอบเข้ากับเอวของมนท์ก่อนที่ตั้จะค่อยๆยื่นคางมาเกยที่ไหล่ มนท์วางหน้าแนบเข้าไปกับหน้าตั้มเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เห็นว่าเป็นแววโทรมาตั้งลุกเดินไปตัดสาย “ไม่รับหรอคะ” มนท์ถามตั้ม ตั้มส่ายหน้าแล้วเดินมานั่งข้างมนท์ “ลูกคุณอายุเท่าไหร่หรอครับ” ตั้มถาม มนท์เงียบไปสักพักและตั้มได้พูดถามมนท์อีกรอบ “ผมเห็นรูปเด็กผู้ชายอยู่หน้าจอโทรศัทพ์ของคุณ เลยเดาว่าคุณมีลูกแล้ว” ตั้มถามออกไปแบบนั้นเพราะมนท์ไม่ยอมพูดตอบ “อ๋อค่ะ เขาชื่อแมวค่ะ พึ่ง 9 ขวบเมื่อเดือนที่แล้ว” มนท์ตอบกลับ “ฉันอยู่กับเขาสองคนตอนฉันออกมาทำงาน ก็มีพพี่ช่วยดูให้ค่ะ ดีที่พี่เขาไม่ได้คิดค่าเลี้ยงอะไรเยอะแย” มนท์พูดต่อ ตั้มฟังจึงพูดขึ้นมา “ขอโทษนะครับ พ่อเขาไปไหนละครับ” “ตั้งแต่ฉันท้อง เขาก็หายไปเลย ไม่ติดต่อกลับมาค่ะ” มนท์ตอบกลับด้วยท่าทีที่เศร้า
หน้าตึกหอของมนท์ รถวิ่งเข้ามาจอดตรงหน้าตึกในรถมีตั้มเป็นคนขับมนท์ที่นั่งอยู่เบาะข้าง ตั้มมองตึกด้วยท่าทีประหลาดใจก่อนจะหันมาถามมนท์ “คุณอยู๋ที่นี่หรอครับ” “ค่ะ เดี๋ยวก็ต้องย้ายแล้วแหละค่ะ เขาบอกว่ามีนายทุนจะมาขอซื้อไปทำห้าง” มนท์ตอบกลับขณะที่มองไปที่ตึกอย่างเหม่อลอย “แล้วคุณจะย้ายไปอยู่ไนหรอครับ” ตั้มถาม มนท์เงียบไปสักพัก “ยังไม่ดิ้ดเลยค่ะ” แสงไฟสลัวมีมนท์กับแมวนอนอยู่บนที่นอน มนท์คิดถึงเรื่องหาที่อยู่ใหม่
ในร้านคาราโอเกะ มนท์ที่กำลังเดินลงจากเวทีเพื่อมาหาต้งที่นั่งอยู่โต๊ะด้านล่าง ตั้งมอมนท์จึงยิ้มออกมา มนท์มานั่งที่เก่าอี้ข้างตั้มก่อนที่ทั้งค่จะยกแก้วขึ้นมาชนด้วยความสุข ไม่นานนักตั้งเอามือมนท์มากุมไว้
ในเวลากลางวันแมวนอนดูการ์ตูนอยู่บนเตียงตั้เปิดประตูห้องเข้ามา ขณะที่มนท์เดินออกาจากห้องน้ำพอด มนท์ตกใจตั้มที่ยืนถือถุงกับข้าว3-4อย่างกับแมวที่หันมามองอย่างประหลาดใจ มนท์ที่กำลังแกะถึงกับข้าวใส่จานมอง ตั้งนอนดูการ์ตูนพร้อมกับแมวพร้อมหัวเราะออกมา ตั้มที่กำลังนั่งมองมองบรรยากาศพรอมดูดบุรี่อยู่ มนท์เดินเข้ามาจากด้านหลังเห็นตั้มนั่งอย่างเหม่อๆจึงเดินเข้าไปหาตรงหน้าตั้มก่อนจะขอบุหรี่ตั้มมาดูด “ให้ฉันดูดด้วยได้มั้ยคะ” ตั้มมองหน้ามนท์อย่างสงสัย “คุณดูดบุหรี่ด้วยหรอครับ” ตั้มถาม “นานๆทีค่ะ” ตั้มยื่นบุหรี่ให้กับบมนท์พร้อมไฟแซ็ก มนท์จุดบุหรี่ดูดก่อนจะเดินมานั่งลงตรงข้ามตั้ม ตั้มถามออกไป “ทำไมคุณถึงทำงานที่ร้านคาราโอเกะหรอครับ” มนท์ตอบ “ฉันเจอพ่อของแมวที่นั่นค่ะ เขาบอกกับฉันว่าจะไปทำธุระที่กรุงเทพ แต่ก็หายไปเลย ถึงลึกๆจะรู้อยู่แล้วว่ายังไงเขาก็ไม่กลับมา ไม่งั้นคงได้เจอไปนานแล้ว” มนท์เล่าด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ตั้งพูดกับมท์ด้วยความสิ้นหวังออกไป “ไปอู่กับผมไหมครับ พาลูกคุณไปด้วย” มนท์มองตั้มด้วยความประหลาดใจ ตั้มคิดสักพักและพูดต่อ “ที่ไหนก็ได้ ขอแค่ไกล ไปให้ไกลจากที่นี่” มนท์มองตั้มก่อนจะเอาหัวซบลงที่ไหล่ของตั้มอย่างอ่อนโยน ตั้มโค้งหัวลงมาซบลงที่หัวของตั้ม พร้อมกับถามตั้มว่าทำไม ตั้มคิดในใจถึงเรื่องที่มนท์ยืนร้องเพลงอยู่บนเวทีเขามองมาหาตั้มที่นั่งอยู่เก้าอี้ทั้งสองยิ้มให้กันราวกับว่าทั้งร้านมี่แค่ทั้งสองคนนี้ “ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยรู้สึกว่า มีชีวิตเป็นของตัวเองเลยสักนิด ผมทำร้านอาหารเจ๊งเป็นหนี้อยู่หลายแสน แววเสนอให้ผมไปอยู่ด้วย” ในห้องนอนของแววที่ตั้มที่นอนเปลือยท่อนบนพร้อมน้ำตาคลอโดยมีผ้าห่มคลุมท่อนล่างแววกำลังมุดผ้าอมของตั้ม “อยู่ที่นั้นเหมือนผมเนหุ่มเชิด” มนท์ที่นั่งอยู่ข้างๆตั้มร้องไห้ออมาก่อนจะค่อยๆขยับออกจากตั้มเล็กน้อย ตั้มดึงมนท์แล้วพุ่งเข้ามากอด “ไปกับผมเถอะนะ” มนท์กำลังจากผ้าคิดถึงเรื่องที่คุยกับตั้ม โดยมีแหม่มที่ตากผ้าอยู่ราตรงข้าม แมวกำลังเล่นจรวจอยู่แถวนั้นมนท์หันไปมองแมวแล้วกลับมาตากผ้าต่อ แหม่มที่กำลังตากผ้าก็พูดขึ้น “มนท์ อาทิตย์หน้าลูกพี่จะรับไปอยู่ด้วย ไปอย๋กับพี่มั้ย” ,นท์คิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่เป็นไรค่ะพี่ ของคุณมากนะคะ” แหม่มถอนหายใจแล้วยิ้มออกไป “ไม่มีอะไรเหมือนเดิมตลอดไปหรอกนะ เราต้องยอมรับแล้วเดินไปข้างหน้า อย่างน้อยก็เพื่อลูกนะมนท์” แหม่มเดินมากอดมนท์ “ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้นะ” แหม่มพูดจบก็เดินออกไปมนท์มองไปยังลูกท่วิ่งเล่นอยู่
มนท์ที่กำลังนั่งรอลูกค้าเหมือนทุกวันกับเพื่อนสาวคาราโอเกะ 3 คนอยู่นั้น มนท์หยิบโทรศัทพ์ขึ้นมาดูนาฬิกาเป็นเวลา 5 ทุ่มก่อนจะหยิบกระเป๋ามาสะพายแล้วยืนขึ้น “กูกลับก่อนนะ” ,นท์มองเข้าไปในร้านก่อนจะตะโกนขึ้น “พี่พรหนูกลับแล้วนะพี่” ทุกคนต่างสงสัยมนท์เดินออกไปก่อนที่เพื่อนจะตะโกนตามอย่างขบขัน ‘อีมนท์รีบกลับไปหาผัวหรอ’ ‘ลูกมันป่วยเปลาอีสัส’ ทั้ง3 ได้แต่มองตามมนท์อย่างสงสัย
ตั้มขับรถมาจอดตรงหน้าตึก มนท์กับแมวถือกระเป๋าพะลุงพะลังเดินออกมาหาตั้ม มนท์กับแมวเดินมาถึงรถ ตั้มเดินไปเปิดท้ายรถเพื่อเอากระเป๋าของมนท์กับแมวไปเก็บ มนท์กับแมวกำลังจะขึ้นรถ ตั้มกำลังจะเดินไปที่ประตูคนขับ แววที่เดินมาจากด้านหลังสีหน้าโกรธ เธอยกปืนขึ้นมาเล็งเขาไปที่ตั้ม ขณะที่แมวขึ้นไปบนรถ ตั้มก็ผลักประตูรถเพื่อปิด แมวที่อยู่เบาะหลังของรถก็พยายามมองออกมา ไม่นานนักเสียงปืนก็ดังลั่น เห็นเป็นร่างของแววค่อยๆล้มลงกับพื้นพร้อมกับเลือด ปนอยู่ในมือมนท์ มนท์นั่งอยู่บนรถดวยความช็อคจากเหตุการณ์ทเกิดขน ตั้มที่นั่งอยู่เบาะคนขับเขาหันไปมองแมวที่นั่งอยู่เบาะหลังที่มีความกลัวปนกับความเป็นห่วง แมวคอยๆโน้มตัวมากอดมนท์จากด้านหลังเบาะตั้มก็ค่อยๆเอามือ มนท์เข้ามาจับไว้
ตั้งกระทู้สนทนา
ภายในหอพักสถานที่แห่งหนึ่ง ไฟหน้าห้องที่สลัวเหมือนว่าใกล้จะพัง บรรยากาศเงียบสนิทมีแค่เสียงรถบนถนนที่วิ่งผ่านไปผ่านมา มนท์เดินเข้าไปหน้าห้องหนึง มนท์ยกมือขึ้นและเคาะประตูหน้าห้อง แหม่มเปิดประตูออกมาพร้อมกับแมวท่าทางง่วงนอน “ขอบคุณนะพี่” มนท์พูด “พี่ก็ว่างๆไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว” แหม่มตอบออกไป มนท์ก้มหัวก่อนจะขอตัวลา พร้อมกับจับมือแมวแล้วเดินกลับบ้าน แหม่มที่ยืนอยู่ตรงประตูก็มองตามมนท์กับแมวก่อนจะปิดประตูห้อง
แสงไฟระยิบระยับยามค่ำคืนบ่งบอกว่าคืนนี้ร้านคาราโอเกะก็ครึกครื้นเช่นเคย ลูกค้าวัยกลางคนทั้งชายและหญิงต่างเข้ามาร้านนี้เหมือนทุกวัน เมื่อดนตรีเบาลงเหมือนจะจบบเพลง มนท์ยืนอยู่บนเวทีอย่างสดใส ตั้มเดินถือพวงมาลัยริบบริ้นมาถึงหน้าเวทีก่อนที่มนท์จะก้มตัวลงมารับ ตั้มพวงมาลัยที่คอมนท์ “ขอบคุณนะคะ” มนท์กล่าวและลุกขึ้นร้องเพลงต่อไป ตั้มเดินกลับไปนั่งลงที่นั่งตนเอง และจ้องมนท์ต่อด้วยท่าทางที่หลงใหล
ยามเช้าที่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นภายในห้องพักของมนท์นั้น มนท์เหม่ออยู่ที่ขอบเตียงโดยมีตั้มนอนอยู่ด้านหลัง ไม่นานนักตั้มก็สะลึมสะลือตื่นขึ้นพร้อมค่อยๆเอามือมาโอบเข้ากับเอวของมนท์ก่อนที่ตั้จะค่อยๆยื่นคางมาเกยที่ไหล่ มนท์วางหน้าแนบเข้าไปกับหน้าตั้มเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เห็นว่าเป็นแววโทรมาตั้งลุกเดินไปตัดสาย “ไม่รับหรอคะ” มนท์ถามตั้ม ตั้มส่ายหน้าแล้วเดินมานั่งข้างมนท์ “ลูกคุณอายุเท่าไหร่หรอครับ” ตั้มถาม มนท์เงียบไปสักพักและตั้มได้พูดถามมนท์อีกรอบ “ผมเห็นรูปเด็กผู้ชายอยู่หน้าจอโทรศัทพ์ของคุณ เลยเดาว่าคุณมีลูกแล้ว” ตั้มถามออกไปแบบนั้นเพราะมนท์ไม่ยอมพูดตอบ “อ๋อค่ะ เขาชื่อแมวค่ะ พึ่ง 9 ขวบเมื่อเดือนที่แล้ว” มนท์ตอบกลับ “ฉันอยู่กับเขาสองคนตอนฉันออกมาทำงาน ก็มีพพี่ช่วยดูให้ค่ะ ดีที่พี่เขาไม่ได้คิดค่าเลี้ยงอะไรเยอะแย” มนท์พูดต่อ ตั้มฟังจึงพูดขึ้นมา “ขอโทษนะครับ พ่อเขาไปไหนละครับ” “ตั้งแต่ฉันท้อง เขาก็หายไปเลย ไม่ติดต่อกลับมาค่ะ” มนท์ตอบกลับด้วยท่าทีที่เศร้า
หน้าตึกหอของมนท์ รถวิ่งเข้ามาจอดตรงหน้าตึกในรถมีตั้มเป็นคนขับมนท์ที่นั่งอยู่เบาะข้าง ตั้มมองตึกด้วยท่าทีประหลาดใจก่อนจะหันมาถามมนท์ “คุณอยู๋ที่นี่หรอครับ” “ค่ะ เดี๋ยวก็ต้องย้ายแล้วแหละค่ะ เขาบอกว่ามีนายทุนจะมาขอซื้อไปทำห้าง” มนท์ตอบกลับขณะที่มองไปที่ตึกอย่างเหม่อลอย “แล้วคุณจะย้ายไปอยู่ไนหรอครับ” ตั้มถาม มนท์เงียบไปสักพัก “ยังไม่ดิ้ดเลยค่ะ” แสงไฟสลัวมีมนท์กับแมวนอนอยู่บนที่นอน มนท์คิดถึงเรื่องหาที่อยู่ใหม่
ในร้านคาราโอเกะ มนท์ที่กำลังเดินลงจากเวทีเพื่อมาหาต้งที่นั่งอยู่โต๊ะด้านล่าง ตั้งมอมนท์จึงยิ้มออกมา มนท์มานั่งที่เก่าอี้ข้างตั้มก่อนที่ทั้งค่จะยกแก้วขึ้นมาชนด้วยความสุข ไม่นานนักตั้งเอามือมนท์มากุมไว้
ในเวลากลางวันแมวนอนดูการ์ตูนอยู่บนเตียงตั้เปิดประตูห้องเข้ามา ขณะที่มนท์เดินออกาจากห้องน้ำพอด มนท์ตกใจตั้มที่ยืนถือถุงกับข้าว3-4อย่างกับแมวที่หันมามองอย่างประหลาดใจ มนท์ที่กำลังแกะถึงกับข้าวใส่จานมอง ตั้งนอนดูการ์ตูนพร้อมกับแมวพร้อมหัวเราะออกมา ตั้มที่กำลังนั่งมองมองบรรยากาศพรอมดูดบุรี่อยู่ มนท์เดินเข้ามาจากด้านหลังเห็นตั้มนั่งอย่างเหม่อๆจึงเดินเข้าไปหาตรงหน้าตั้มก่อนจะขอบุหรี่ตั้มมาดูด “ให้ฉันดูดด้วยได้มั้ยคะ” ตั้มมองหน้ามนท์อย่างสงสัย “คุณดูดบุหรี่ด้วยหรอครับ” ตั้มถาม “นานๆทีค่ะ” ตั้มยื่นบุหรี่ให้กับบมนท์พร้อมไฟแซ็ก มนท์จุดบุหรี่ดูดก่อนจะเดินมานั่งลงตรงข้ามตั้ม ตั้มถามออกไป “ทำไมคุณถึงทำงานที่ร้านคาราโอเกะหรอครับ” มนท์ตอบ “ฉันเจอพ่อของแมวที่นั่นค่ะ เขาบอกกับฉันว่าจะไปทำธุระที่กรุงเทพ แต่ก็หายไปเลย ถึงลึกๆจะรู้อยู่แล้วว่ายังไงเขาก็ไม่กลับมา ไม่งั้นคงได้เจอไปนานแล้ว” มนท์เล่าด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ตั้งพูดกับมท์ด้วยความสิ้นหวังออกไป “ไปอู่กับผมไหมครับ พาลูกคุณไปด้วย” มนท์มองตั้มด้วยความประหลาดใจ ตั้มคิดสักพักและพูดต่อ “ที่ไหนก็ได้ ขอแค่ไกล ไปให้ไกลจากที่นี่” มนท์มองตั้มก่อนจะเอาหัวซบลงที่ไหล่ของตั้มอย่างอ่อนโยน ตั้มโค้งหัวลงมาซบลงที่หัวของตั้ม พร้อมกับถามตั้มว่าทำไม ตั้มคิดในใจถึงเรื่องที่มนท์ยืนร้องเพลงอยู่บนเวทีเขามองมาหาตั้มที่นั่งอยู่เก้าอี้ทั้งสองยิ้มให้กันราวกับว่าทั้งร้านมี่แค่ทั้งสองคนนี้ “ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยรู้สึกว่า มีชีวิตเป็นของตัวเองเลยสักนิด ผมทำร้านอาหารเจ๊งเป็นหนี้อยู่หลายแสน แววเสนอให้ผมไปอยู่ด้วย” ในห้องนอนของแววที่ตั้มที่นอนเปลือยท่อนบนพร้อมน้ำตาคลอโดยมีผ้าห่มคลุมท่อนล่างแววกำลังมุดผ้าอมของตั้ม “อยู่ที่นั้นเหมือนผมเนหุ่มเชิด” มนท์ที่นั่งอยู่ข้างๆตั้มร้องไห้ออมาก่อนจะค่อยๆขยับออกจากตั้มเล็กน้อย ตั้มดึงมนท์แล้วพุ่งเข้ามากอด “ไปกับผมเถอะนะ” มนท์กำลังจากผ้าคิดถึงเรื่องที่คุยกับตั้ม โดยมีแหม่มที่ตากผ้าอยู่ราตรงข้าม แมวกำลังเล่นจรวจอยู่แถวนั้นมนท์หันไปมองแมวแล้วกลับมาตากผ้าต่อ แหม่มที่กำลังตากผ้าก็พูดขึ้น “มนท์ อาทิตย์หน้าลูกพี่จะรับไปอยู่ด้วย ไปอย๋กับพี่มั้ย” ,นท์คิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่เป็นไรค่ะพี่ ของคุณมากนะคะ” แหม่มถอนหายใจแล้วยิ้มออกไป “ไม่มีอะไรเหมือนเดิมตลอดไปหรอกนะ เราต้องยอมรับแล้วเดินไปข้างหน้า อย่างน้อยก็เพื่อลูกนะมนท์” แหม่มเดินมากอดมนท์ “ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้นะ” แหม่มพูดจบก็เดินออกไปมนท์มองไปยังลูกท่วิ่งเล่นอยู่
มนท์ที่กำลังนั่งรอลูกค้าเหมือนทุกวันกับเพื่อนสาวคาราโอเกะ 3 คนอยู่นั้น มนท์หยิบโทรศัทพ์ขึ้นมาดูนาฬิกาเป็นเวลา 5 ทุ่มก่อนจะหยิบกระเป๋ามาสะพายแล้วยืนขึ้น “กูกลับก่อนนะ” ,นท์มองเข้าไปในร้านก่อนจะตะโกนขึ้น “พี่พรหนูกลับแล้วนะพี่” ทุกคนต่างสงสัยมนท์เดินออกไปก่อนที่เพื่อนจะตะโกนตามอย่างขบขัน ‘อีมนท์รีบกลับไปหาผัวหรอ’ ‘ลูกมันป่วยเปลาอีสัส’ ทั้ง3 ได้แต่มองตามมนท์อย่างสงสัย
ตั้มขับรถมาจอดตรงหน้าตึก มนท์กับแมวถือกระเป๋าพะลุงพะลังเดินออกมาหาตั้ม มนท์กับแมวเดินมาถึงรถ ตั้มเดินไปเปิดท้ายรถเพื่อเอากระเป๋าของมนท์กับแมวไปเก็บ มนท์กับแมวกำลังจะขึ้นรถ ตั้มกำลังจะเดินไปที่ประตูคนขับ แววที่เดินมาจากด้านหลังสีหน้าโกรธ เธอยกปืนขึ้นมาเล็งเขาไปที่ตั้ม ขณะที่แมวขึ้นไปบนรถ ตั้มก็ผลักประตูรถเพื่อปิด แมวที่อยู่เบาะหลังของรถก็พยายามมองออกมา ไม่นานนักเสียงปืนก็ดังลั่น เห็นเป็นร่างของแววค่อยๆล้มลงกับพื้นพร้อมกับเลือด ปนอยู่ในมือมนท์ มนท์นั่งอยู่บนรถดวยความช็อคจากเหตุการณ์ทเกิดขน ตั้มที่นั่งอยู่เบาะคนขับเขาหันไปมองแมวที่นั่งอยู่เบาะหลังที่มีความกลัวปนกับความเป็นห่วง แมวคอยๆโน้มตัวมากอดมนท์จากด้านหลังเบาะตั้มก็ค่อยๆเอามือ มนท์เข้ามาจับไว้