ตำแยกิ่งเพชร บทที่๒ (รีไรท์)

กระทู้สนทนา
โลกนี้จะมีผู้หญิงสักกี่คนถูกโบ้ยข้อหา ‘กักขังหน่วงเหนี่ยวและข่มขืนผู้ชาย!!’

         เหตุการณ์เดียวเปลี่ยนชีวิต ‘ใบหยก’ สาวเสิร์ฟร้านอาหารตกสู่หุบเหวลึก แต่สาวผิวสีน้ำผึ้งไม่ยอมแพ้โชคชะตา ฮึดกัดฟันสู้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส  ตลบหลังคำพิพากษาเฮงซวยของคนใจร้าย เรียกร้องสิทธิ์การเป็นสะใภ้เล็ก ตระกูลรัตนทองธาร!!  

     บทที่ผ่านมาครับ
           
              [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้




อมยิ้มนานาอุ๊ต๊ะพาพันได้อั่งเปา


บทที่ ๒


ปัจจุบัน


             ใบหยกเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนบนผนังด้วยความร้อนใจ ใกล้เที่ยงเต็มทีแต่ยังไม่ได้ข้อสรุปจากชายผิวเข้มซึ่งนั่งปั้นยิ้มแย้มกับหล่อน ทั้งทีก่อนจะมาวันนี้ เขาย้ำนักน้ำหนาว่าจะได้สัมภาษณ์งานกับรองผู้จัดการฝ่ายบุคคลและพัฒนาระบบ พร้อมทราบผลด้วย


หญิงสาวมาสัมภาษณ์งานในตำแหน่ง ‘เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์’ กับบริษัทซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับวงการก่อสร้างทั้งเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินท์ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่มาจากเหล็กและอลูมิเนียม หล่อนทำข้อสอบวัดความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ ๕ ส. กับระบบบริหารคุณภาพและสิ่งแวดล้อม ต่อด้วยการพิมพ์เอกสาร สร้างตารางในโปรแกรมสำเร็จรูป และป้อนสูตรเพื่อหาผลลัพธ์


ถึงไม่คล่องแคล่ว หากอยู่ในระดับผ่านเกณฑ์  ใบหยกจึงได้เข้าสัมภาษณ์กับผู้บริหาร ทว่าตำแหน่งดังกล่าวมีเสียงซุบซิบลอยเข้าหูว่า เด็กฝากคว้างานไปแล้ว!


ผู้ชายที่ใบหยกอยู่ตรงหน้า คือหัวหน้าฝ่ายบุคคล ชายวัยสามสิบกว่าๆ ผู้มีกิริยากระตุ้งกระติ้ง  เขาแอ๊บแมนสุดฤทธิ์ ก่อนหน้านี้เขาคุยโทรศัพท์อยู่นานสองนาน พอวางสายจึงค่อยๆ หมุนเก้าอี้หันมาด้วยมาดงามสง่า ปั้นน้ำเสียงสุภาพบอกหล่อน



“...รออีกสักแป๊บนะฮะคุณน้อง...เอ็กซิเดนซ์จริงๆ คุณอรยังปลีกตัวมาไม่ได้เลย พอดีเจ้านายมาฮ่ะ”  คนพูดเอ่ยถึง อรพินท์ผู้เป็นรองผู้จัดการฝ่ายบุคคลและพัฒนาระบบ



“แต่หยกต้องเข้างานช่วงบ่าย...” ใบหยกเป็นพนักงานต้อนรับที่ครัวแห่งหนึ่งได้ปีเศษแล้ว รายได้ไม่มากมาย โอกาสก้าวหน้าแทบไม่มี เจ้าของร้านยังเขม่นไม่ชอบหน้า เพราะลูกชายคนเดียวให้ความสนใจหล่อนมากกว่าปกติ เหตุนี้หล่อนเลยตั้งใจหางานใหม่ ตระเวนสมัครงานด้วยวุฒิการศึกษาอนุปริญญาตรีอยู่หลายที่กระทั่งถูกเรียกสัมภาษณ์จากบริษัท รัตนทองธารกรุ๊ปแห่งนี้  


    “เชื่อพี่นะ ขืนกลับไปก่อน เสียดายแย่เลย อีกจี๊ดเดียวก็รู้ผลแล้ว”


    ใบหยกชั่งใจอย่างหนัก ช่วงบ่ายลูกค้าสั่งจองโต๊ะไว้หลายที่ ขาดหล่อนไปคนอื่นต้องเปลี่ยนหน้าที่มาทำแทน ซึ่งส่งผลถึงรายได้  และเจ้าของร้านคงมองว่าขาดความรับผิดชอบ เพราะกำชับไว้ห้ามใครขาดงานวันนี้


    หญิงสาวไม่รู้ล่วงหน้าว่าต้องมาสัมภาษณ์งานด่วน จึงไม่ได้เตรียมตัวให้พร้อม หล่อนสวมชุดพนักงานต้อนรับ เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวทรงสุภาพติดเชยสักหน่อย ด้านล่างเป็นกางเกงผ้าฝ้ายสีเข้มขนาดพอดีตัว เพื่อให้ดูสดใสสะดุดตา เลยรวบผมยาวก้าวมวยสูง ปล่อยลูกผมระต้นคอระหง หล่อนแต่งหน้าเข้มกว่าปกติ หวังสร้างเสน่ห์ให้สมตำแหน่งที่สมัคร


“เออ...คุณน้อง อันนี้ยกตัวอย่างนะ ถ้าได้ทำงานที่นี่ เกิดวันหนึ่งบริษัทเห็นสมควรว่าคุณน้องเหมาะสมกับตำแหน่งอื่น ...จะสามารถปรับเปลี่ยนงานได้มั้ย!” ชายคนเดิมตั้งคำถามชวนฉงนให้ใบหยกตกแปลกใจ


หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถามทันที ประมวลความคิดอย่างถ้วนถี่ พูดอีหรอบนี้ฟันธงได้ว่า ตำแหน่งงานที่เล็งไว้ คงหลุดลอยไปแล้ว  



“เอ่อ ทวนคำถามใหม่ได้ไหมคะ หยกไม่ค่อยเข้าใจ” หล่อนต้องการให้เขาขยายความ แม้ในใจมีตอบเสร็จสรรพ


      “...บริษัทเราตำแหน่งเยอะแยะไปหมด งานทุกอย่างสำคัญเท่าเทียมกัน พี่เห็นว่าคุณน้องมีความสามารถหลายอย่าง หน้าตาก็สวยระดับนางงาม รู้ไหมเดินสายประกวดขึ้นเหนือล่องใต้ได้เลยนะเนี่ย พี่เลยถามเผื่อๆไว้ น่ะฮ่ะ ” เขาชักแม่น้ำทั้งห้า พูดจาให้ตนดูดีเข้าไว้



“ถ้าพี่เห็นว่างานไหนเหมาะกับหยก หยกก็ยินดีทำ เว้นเสียแต่ว่า งานซ่อมบำรุง งานแบกหาม ยกของขึ้นรถ งานประเภทนั้นคงไม่ไหว ถึงหยกจะดูเหมือนกรรมกรไปนิด แต่ไม่ได้มีแรงเยอะเท่าผู้ชายนะคะ” ใบหยกหัวเราะเสียงแหลมตั้งใจเล่นมุขขำๆ  แต่มุขนี้มันแป้ก ชายตุ้งติ้งเลยหน้าตึง



“อุ๊ย ใครจะให้คนสวยอย่างน้องไปทำงานหนักๆ ได้ลงคอล่ะ”  เขาฝืนตอบการกลั้วเสียงหัวเราะตบท้ายประโยค  และถามต่อ


“เออ  ถ้าต้องทำงานกับเจ้านายที่ค่อนข้างจะดุสักนิด  เจ้าอารมณ์หน่อยๆ  เหวี่ยงบ้างบางวัน คุณน้องคิดว่าจะรับมือไหวหรือเปล่า”



“หา...ว่าไงนะคะ” สีหน้าใบหยกเหวอไปนิด หล่อนไม่เคยทำงานโรงงานหรือบริษัทใหญ่ๆ มาก่อน กระนั้นก็ชอบอ่านและดูละครหลังข่าว ซึ่งได้เห็นการจำลองชีวิตของเจ้านาย หลายประเภททั้งเผด็จการ ขี้หลี ตัญหากลับ และโรคจิต หากเลือกได้หญิงสาวขอพบคนปกติที่สุดเป็นพอ  



หัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคลเห็นสีหน้าวิตกของหญิงสาวเข้า จึงรีบปรับคำถามเสียใหม่


     “คือว่า  ถ้าต้องทำงานที่มีสภาวะกดดันสูง เกิดความเครียดบ่อยๆ คุณน้องจะ ปรี๊ดแตก หรือว่าร้องห่มร้องไห้ จนทำงานไม่ได้อะไร ประมาณนี้”
ใบหยกขมวดคิ้วมุ่น หาคำพูดที่ไม่จงใจปั้นให้ดูดีเกินจริง


“ถ้าความเครียดเป็นผลเกิดจากหน้าที่ความรับผิดชอบ หรือผลของงาน หยกพร้อมแก้ปัญหาเสมอ แต่ถ้ามันเป็นปัญหาจากคน ที่สร้างขึ้นมา อันนี้คงต้องขอแรงจากหลายๆ ฝ่ายช่วยแก้ไข หยกทำร้านอาหาร เป็นงานบริการ ต้องแทคแคร์ลูกค้าตลอด เจออะไรก็ยิ้มสู้ คิดว่าคงปรับใช้กับงานที่นี่ได้ค่ะ”


    “โอ้ เป็นคำตอบที่ดีมาก” เขาทำเป็นตบมือเปาะแปะ ก่อนจะเสมองใบสมัครหล่อน หยุดสายตาที่ช่องแสดงสถานะคู่สมรส



    “เอ๋ ยังโสด จริงๆ หรือฮ้า  ฟงแฟนละ มีบ้างไหม”  คนถามพูดพร้อมกับใช้สายตาสำรวจสาวสวย


    หญิงสาวยิ้มเย็น ไม่ชอบใจคำถามและการมองหล่อนที่ดูเหมือนไม่ให้เกียรติกันเช่นนี้  



“แหมพี่ จะให้รีบมีลูกมีสามีมากวนใจทำไม ขอใช้ชีวิตโสดให้สบายใจดีกว่าค่ะ”เอ่ยจบก็หัวเราะคิก ด้วยอารมณ์เหน็บแหนบอีกฝ่าย  



“อูย ที่พี่ถามตรงๆ แบบนี้ไม่ใช่อะไรหรอก พี่กลัวว่าถ้าได้งานแล้ว จะทำล่วงเวลาไม่ได้ บางคนบอกว่าโสดงั้นงี้ แต่เห็นโรงงานเป็นคลับเลิฟมากิ๊กกันหน้าตาเฉย



อีกพวกทำงานไม่ทันพ้นเดือน ก็ร่อนสารพัดการ์ดแต่งงาน การ์ดงานบวชวุ่นวายไปหมด หนักสุดผ่านทดงานปุ๊บท้องโย้ปั๊บ ไม่รู้ไปแอบมีสามีตอนไหน เจอแบบนี้บ่อยๆ บอกตามตรง พี่เพลียจับจิต!”


ใบหยกหัวเราะแหะๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ “สำหรับหยกพี่ไว้ใจได้ ยังไม่คิดมีสามีตอนนี้ เรื่องมองตาแล้วท้องป่องเนี่ย ไม่มีทางเป็นไปได้!”



     “เก๋กูดดด คนสวยต้องบริหารเสน่ห์ไปนานๆ ถึงจะถูก” หัวหน้าแผนกยักคิ้วหลิ่วตาให้หล่อน


    จากนั้นหัวหน้าแผนกก็รับสายโทรศัพท์งานด่วน หญิงสาวเห็นเขายุ่ง ดูท่าทางจะเครียดจึงขอตัวออกมานั่งรอผลด้านนอก สักพักชายหนุ่มอ้วนผอมคู่หนึ่งขยับเข้ามาใกล้ ทั้งคู่ถามไถ่หล่อนด้วยสำเนียงติดทองแดงอยู่มา พอถามพื้นเพว่าเป็นคนที่ไหน พวกเขาต่างอย่างภูมิใจว่าเป็นคนทางภาคใต้  และยังบอกว่ามาสัมภาษณ์งานที่นี่  แถมคุยโตว่าเป็นเด็กเส้นผู้จัดการฝ่ายบุคคลและพัฒนาระบบ สามารถฝากงานให้ได้ แต่ใบหยกไม่สนใจพยายามถอยห่าง กระนั้นคนตัวผอมที่ทำเจ้าชู้ยักษ์ใส่ยังไม่หยุดจ้อหยอดมุกจีบแบบหมาหยอกไก่ แถมชวนไปทานอาหารเที่ยงด้วยกัน เมื่อถูกกวนใจมากเข้า หญิงสาวเลยตัดบทด้วยการเดินหนี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่