แบ่งปันตอนจบของ "มานะ มานี ปิติ ชูใจ" เผื่อใครยังไม่เคยได้อ่านค่ะ

ตอนเด็ก ๆ เป็นคนรักการอ่านเพราะหนังสือเรียนภาษาไทยชุดนี้เลยค่ะ

รู้สึกผูกพันกับตัวละครเหมือนเป็นเพื่อนกัน ตอนขึ้นชั้นม.1 เรายังคิดว่าจะได้เจอ "มานะ มานี ฯลฯ" แต่ก็ไม่เจอ ตอนนั้นยังเด็ก ถามผู้ใหญ่ว่าทำไมวิชาภาษาไทยถึงไม่มี "มานะ มานี" ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ ทุกคนมองเป็นเรื่องขำขันไป

ขออนุญาตคัดลอกจากเพจ มานะ มานี ปิติ ชูใจ มาให้เพื่อนสมาชิกพันทิปได้อ่าน เพื่อระลึกย้อนวัยกันนะคะ (สงสาร "วีระ" จัง ตอนเด็กก็ไม่ค่อยสุขสบาย โตขึ้นมายังโชคร้ายอีก - นี่แหล่ะชีวิตมนุษย์)
------------------------------------------

### ตอนจบของ มานะ มานี ปิติ ชูใจและผองเพื่อน ###

เรื่องราวมานะ มานี ปิติ ชูใจ หลังจากเรียนจบ

แล้ว.....เราก็ได้พบกัน (มานะ มานี พ.ศ. 2544) โดย อ.รัชนี ศรีไพรวรรณ
(ตอนสุดท้ายจาก มานะ มานี ปิติ ชูใจ ภาคต่อ "ทางช้างเผือก" ที่ตีพิมพ์ในปี 2547)

-------------------------------

ตอน แล้ว.....เราก็ได้พบกัน

แพทย์หญิงมานี รักเผ่าไทย
ออกจากห้องคนไข้คนสุดท้ายเมื่อเวลา 16.55 น. พยาบาลที่รออยู่หน้าห้องรายงานว่า มีสุภาพสตรีคนหนึ่งมาคอยพบอยู่ที่ห้องพักร่วมสองชั่วโมงแล้ว มานีรู้สึกตื่นเต้นจนแทบระงับไม่ไหว เธอขอบใจนางพยาบาลคนนั้นพลางถอดเสื้อคลุมและส่งเครื่องมือแพทย์ให้ แล้วรีบเข้าไปล้างมือในห้องน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุด

มานีรู้ดีว่าสุภาพสตรีคนนั้นคือชูใจ ชูใจเพื่อนรักที่ไม่ได้พบกันเลยตลอดเวลา 17 ปี แม้จะได้ส่งข่าวคราวโทรศัพท์ถึงกันและได้เห็นภาพถ่ายอยู่เสมอ ก็ไม่ดีใจเท่าจะได้พบกันในวันนี้

............................................................

เมื่อเรียนจบชั้นประถมปีที่ 6 แล้ว

พ่อของมานีก็ส่งเธอไปเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาที่กรุงเทพมหานครเช่นเดียวกับมานะ ส่วนชูใจเรียนต่อที่โรงเรียนประจำอำเภอ แล้วทั้งสองก็ไม่ได้พบกันอีกเลย เพราะย่าของชูใจเสียชีวิต แม่ของชูใจมารับเธอไปอยู่ด้วยที่เพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย พ่อเลี้ยงของชูใจเป็นประธานบริษัทเครื่องหนังที่ร่ำรวย เขาเป็นหมันจึงรักชูใจเหมือนลูกแท้ๆของเขา ชูใจมีชีวิตที่สุขสมบูรณ์ เธอเรียนต่อด้านการออกแบบเครื่องหนัง และทำงานในบริษัทของพ่อเลี้ยงนั่นเอง และแต่งงานกับลูกชายรองประธานบริษัทซึ่งทำงานอยู่ด้วยกัน

วันนี้ชูใจมีโอกาสได้กลับมาประเทศไทย

เพื่อไปร่วมฉลองพิธีการแต่งงานของปิติที่จังหวัดลำปางในอีกสองวันที่จะถึงนี้ ปิติเรียนสำเร็จจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้พบกับเจ้าสาวของเขาระหว่างเรียนด้วยกัน เจ้าสาวของปิติเป็นลูกสาวชาวสวนผู้มั่งคั่งของจังหวัดลำปาง

เมื่อมานีผลักบังตาเข้าไป สุภาพสตรีที่นั่งกระวนกระวายอยู่โผเข้ามากอด ทั้งสองกอดกันแน่นหัวเราะพลางร้องไห้พลางด้วยความดีใจสุดขีด

" มานีจ๋า ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน "
" ฉันก็เหมือนกันจ้ะ ชูใจ เธอน่าจะชวนปีเตอร์มาด้วย "
มานีพูดถึงสามีของชูใจ ชูใจคลายวงแขนออก
จ้องมองเพื่อนรักทั้งๆที่น้ำตายังนองหน้า
" ปีเตอร์เหรอจ๊ะ เขาอยากมาจะแย่ แต่ตอนนี้ไม่ว่าง
คราวหน้ามานีแต่งงาน ฉันพาเขามาด้วยแน่ ๆ "
มานีหัวเราะ ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้ชูใจและตนเอง
จูงเพื่อนไปนั่งที่เก้าอี้ " ฉันคงไม่มีวันนั้นหรอกจ๊ะ "
" อะไรกัน ? เธอน่ะทั้งสวย ทั้งดี จันทรเขาเล่าให้ฟังหมดแล้วล่ะ "
" อ้าว ไปพบจันทรกับเพชรมาแล้วเหรอ นี่เธอมานานแล้วซี
ไหนว่าจะนอนพักซักงีบ เครื่องลงเมื่อตีสี่ไม่ใช่เหรอ "
" ใครจะไปงีบลงล่ะจ๊ะ หัวใจมันร่ำร้องอยากพบเพื่อนๆ
อากับอาสะใภ้ไปหาฉันที่โรงแรมเมื่อแปดโมง
ฉันก็เลยมากับอา ไปบ้านอา ไปกราบคุณแม่ของเธอ
คุณพ่อยังไม่กลับจากทำงาน ไปบ้านปิติเจอแต่แม่ของปิติเหมือนกัน
แล้วก็ไปบ้านจันทรกับเพชร ร้านของเขาใหญ่โตดีนะ
น้าของเขาก็มอบให้จันทรกับเพชรดูแลร้าน
ลูกคนเล็กของเขาน่ารักนะ อีกสองคนไปโรงเรียนเลยยังไม่ได้พบ
ถ้าฉันไม่มีทางจะมีลูกได้ ฉันจะขอลูกของจันทรไปเลี้ยง
ไม่รู้เขาจะให้หรือเปล่า " ชูใจคุยจ้ออย่างมีความสุข
" คงให้นะ เพราะจันทรกับเพชรก็รักและไว้ใจชูใจมาก
เออ ... เสียดายครูไพลินกับคุณอาทวีปย้ายไปอยู่ที่อื่นเสียแล้ว
เธอเลยไม่ได้พบ "
" นึกถึงความหลังแล้วมีความสุขจัง ถ้าย่ายังอยู่ก็ดีนะ
ยายของปิติก็เสียแล้ว พี่มานะอกหักแล้วยังหาใหม่ไม่ได้เหรอจ๊ะ
ติดยศพันตรีแล้วไม่ใช่หรือ กลับมาเยี่ยมบ้านบ่อยไหม
แล้วพี่เขาจะกลับลำปางกับเราไหมจ๊ะ"
มานีหัวเราะเบา ๆ
" พี่มานะเขามีคนรักใหม่แล้ว แต่ไม่รู้จะแต่งงานกันเมื่อไหร่
อาจจะได้พาปีเตอร์มาเร็วๆนี้ก็ได้นะ
วันนี้วันศุกร์พี่มานะมาไม่ได้ พรุ่งนี้เขาจะมาแต่เช้า
ไปกับเราด้วย"
"พี่วีระซินะ น่าสงสาร คนดีๆไม่น่าจะเป็นอย่างนี้เลย"

ชูใจรำพึงอย่างสลดใจ

"เขามีภรรยาไม่ดีจ๊ะ เลยกลายเป็นคนขี้เมาหยำเป เสียสติ
เลอะเลือน เพชรต้องดูแลลุงกับป้าแทน เพชรเป็นคนดีมาก
ฐานะของเขาดีทีเดียว น้องๆได้เรียนสูงๆทุกคน"
"ตอนเขากับจันทรแต่งงานกัน ไม่มีใครบอกฉันเลย"
ชูใจตัดพ้อ
"เขาไม่ยอมให้บอกจ๊ะ
มีสตังค์แล้วจะพาลูกๆไปเยี่ยมเธอเอง"
"ขอให้จริงเถอะ เธอก็เหมือนกัน บอกว่าจะไป จะไป
ไม่เห็นไปสักที" ชูใจควักค้อน
"เพิร์ธน่ะน่าอยู่น่าเที่ยวนะ ฉันไปเที่ยวมาหลายแห่งแล้ว
ไม่ชอบใจเท่าเพิร์ธเลย
ฉันชอบไปที่บุญที่วัดโพธิญาณกับแม่บ่อยๆ
บางทีพ่อก็ไปด้วย
พ่อเลี้ยงของฉันเป็นพุทธศาสนิกชนไปแล้วรู้ไหม"
มานีหัวเราะชอบใจ "ชูใจยังใช้ภาษาไทยได้ดีอยู่นะ
จากไปตั้งสิบกว่าปีแล้ว"
"ฉันพูดภาษาไทยกับแม่เสมอ แต่เรื่องเขียนนี่สิ
ต้องขอบใจมานีที่เขียนจดหมายถึงฉันอยู่เรื่อยๆ
ทำให้ฉันได้อ่านและเขียนภาษาไทย ไม่ลืมภาษาไทย
พจนานุกรมที่เธอส่งไปให้น่ะ
ฉันใช้อยู่เสมอเวลาเขียนจดหมายถึงเธอ
ม่ายงั้นคงเหมือนกับโคลงโลกนิติที่ว่า อักขระห้าวันหนี
เลยจ๊ะ"
"ชูใจหิวไหมจ๊ะ" มานีถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่หรอกจ๊ะ ก่อนมาหาเธอ
จันทรเขาทำก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ให้ทาน อร่อยจังเลย
ไม่ได้ทานนานแล้ว"
"เย็นนี้เราก็จะไปทานข้าวที่บ้านจันทร
เธอจะกลับไปค้างที่โรงแรมหรือเปล่าจ๊ะ"
"เรื่องอะไร? " ชูใจค้อน "ฉันเตรียมกระเป๋ามาแล้ว
นอนกับเธอ พรุ่งนี้เราก็ไปลำปางกันเลย
เพชรเขาจะขับรถพาไป แต่ทางโรงแรมเขาบริการเอง"
"ปิติคงตื่นเต้นดีใจมากนะ นี่คงจะอยากมาหาพวกเราเต็มแก่
ถ้าไม่ติดว่าจะต้องเป็นเจ้าบ่าว"
"ฉันโทรไปหาเขาแล้ว" ชูใจพูดยิ้มๆ "ดีใจมากเลย
เสียงเอะอะโล้งเล้งตามเคย นี่เดี๋ยวคงโทรมาหาพวกเรา"
"ถ้าเช่นนั้น เราไปบ้านจันทรกันดีกว่านะ"
มานีพูดพลางลุกขึ้นหยิบกระเป๋าถือ
"เดี๋ยวจะวานให้รถโรงพยาบาลไปส่ง ฉันไม่มีรถ
ใช้แต่จักรยาน"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ ท่านรองผู้อำนวยการผู้แสนมัธยัสถ์
ฉันมีรถตู้ของโรงแรมมาส่งและคอยรับใช้อยู่ตลอดเวลา
ตามคำสั่งของแด๊ด..เอ๊ย...ของพ่อ
พ่อจองโรงแรมให้และสั่งให้โรงแรมบริการทุกอย่าง
ของฝากเธอก็อยู่ในรถ ฉันมีกระเป๋าถือเก๋ๆ
ที่ฉันออกแบบเองมาฝากเธอด้วยล่ะ"
"เฮ้อ...คนมีสตังค์ล่ะก็ เนรมิตอะไรได้ทุกอย่างนะ"
มานีพูดยิ้มๆ
"ชดเชยกับที่ฉันเคยลำบากเมื่อเล็กๆไงล่ะ แหม
คิดถึงย่าจังเลย"

ทั้งสองเดินเกี่ยวก้อยคุยกันไปยังที่จอดรถ
ซึ่งมีรถคันหรูของโรงแรมมีชื่อจอดอยู่
"เธอสั่งงานไว้เรียบร้อยแล้วหรือ
จะพักร้อนตั้งอาทิตย์เชียวนะ
เห็นจันทรบอกว่าเธอเป็นหมอที่เอาใจใส่ห่วงงานมาก
แม้จะมีตำแหน่งเป็นถึงรองผู้อำนวยการแล้วก็ตาม
คนทั้งอำเภอรักเธอ ชอบเธอมากนี่ เมื่อตอนโรคฉี่หนูระบาด
เขาว่าเธอไม่ได้หลับได้นอนเลยนี่ใช่ไหมจ๊ะ"
"จ้ะ ตอนนั้นแย่หน่อย หมอ พยาบาล เหน็ดเหนื่อยกันทุกคน
ตอนนี้ค่อยยังชั่ว ถ้าเธอมาตอนนั้น
หรือปิติแต่งงานตอนนั้น ฉันคงลำบากใจเหมือนกัน"

เมื่อทั้งสองขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว

รถคันงามก็ออกจากโรงพยาบาลมุ่งไปสู่ตัวเมือง
มานีกับชูใจนั่งคุยไปตลอดทาง
สมกับความรักความคิดถึงที่มีต่อกัน
มิตรภาพอันอบอุ่นเมื่อเยาว์วัยหวนกลับมาสู่หัวใจของคนทั้งสอง
ชูใจมองเพื่อนรัก แล้วพูดเบาๆว่า "แล้วเราก็ได้พบกันนะ
มานี แต่อีกไม่กี่วันเราก็ต้องจากกัน"
"แล้วเราก็จะได้พบกันอีกไม่ใช่หรือชูใจ
ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราก็จะได้พบกันแน่นอน"
"แน่นอนจ๊ะ มานี เราจะได้พบกัน"
ชูใจตอบพร้อมยิ้มอย่างเป็นสุข
เมื่อนึกถึงเวลาแห่งความเบิกบานที่จะได้อยู่กับเพื่อนรักตลอดสัปดาห์นี้
แล้ว....เราก็ได้พบกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่