ยังจำกันได้หรือเปล่า จากบทเรียนสมัยประถมอ่ะ มานี...มานะ...และผองเพื่อน
จะมีใครสักกี่คนที่ทราบว่าตัวละครหลายๆตัว
แท้ที่จริงแล้วมีนามสกุลปรากฎในเรื่องด้วย
เช่น มานี มีนามสกุลว่า รักเผ่าไทย, ปิติ พิทักษ์ถิ่น, วีระ ประสงค์สุข, ดวงแก้ว
ใจหวัง และชูใจ เลิศล้ำ
ภาพประกอบในเรื่องมีคนวาดทั้งหมด 3 ท่าน หนึ่งในนั้น คือ คุณเตรียม ชาชุมพร
นักวาดการ์ตูนและนิยายภาพชื่อดังแห่งชัยพฤษ์การ์ตูน
ซึ่งได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว
ครูประจำชั้นที่ปรากฎในเรื่องมี 2 คน คือ คุณครูไพลิน
เป็นครูประจำชั้นตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึง ปีที่ 3 อีกคนคือ
คุณครูกมล เป็นครูประจำชั้นตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงปีที่ 6
แบบเรียนนี้ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องราวของเด็กๆเท่านั้นแต่ยังมีพระเอกกับนางเอกด้วย
ซึ่งก็คือ เกษตรอำเภอที่ชื่อว่า "ทวีป" และคุณครู "ไพลิน"
สองหนุ่มสาวพบกันครั้งแรกเมื่อคราวไฟไหม้ตลาด
เด็กๆเป็นตัวเชื่อมให้ได้รู้จักและแต่งงาน ทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน
โดยปกติแล้วหมากับแมวมักจะเป็นคู่อริกันเสมอ แต่ในแบบเรียนเล่มนี้ "เจ้าโต" กับ
"สีเทา" หยอกเล่นกันด้วยความเป็นกันเองเหมือนไม่มีพรหมแดนแห่งความเป็นศัตรู
ครั้งหนึ่ง "ปิติ" เคยถูกสลากออมสินเป็นเงินจำนวน 1 หมื่นบาท
ซึ่งเงินส่วนนี้เขาได้นำไปซื้อลูกม้าตัวใหม่และตั้งชื่อให้ว่า "เจ้านิล"
ซึ่งทดแทนเจ้าแก่ที่ตายไป
นอกจากเนื้อเรื่องที่สนุกน่าติดตามแล้ว ในส่วนท้ายของแบบเรียนยังมีประมวลคำศัพท์
ที่อธิบายที่เข้าใจง่ายและเหมาะสมสำหรับเด็ก ยกตัวอย่างเช่น
ภรรยา (พัน-ระ-ยา) หมายถึง ผู้หญิงที่อยู่กินกับผู้ชาย
ผัว หมายถึง ชายที่มีผู้หญิงอยู่กินด้วย
"เจ้าจ๋อ" ลิงของวีระเป็นลิงแสม ชอบถอนขนลูกไก่ และยังเกลียดกลิ่นกะปิ
วีระจัดเป็นเด็กที่ค่อนข้างอาภัพ
พ่อของเขาเป็นทหารและตายในสนามรบตั้งแต่วีระยังอยู่ในท้อง
ส่วนแม่ของเขาก็ตรอมใจตายตามพ่อเขาไปหลังจากที่คลอดวีระได้ 15 วัน
ชีวิตทั้งหมดของวีระจึงอยู่กับลุงตั้งแต่เกิด
"เพชร" มีบ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี ส่วนบ้านเกิดของ "ดวงแก้ว"
อยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี
บทบาทของ "จันทร" ที่คนส่วนใหญ่จำได้คือ เด็กหญิงที่มีขาพิการ แต่มีใครทราบบ้างว่า
ในตอนท้ายของเรื่อง เธได้รับคัดเลือกให้ร้องเพลง
"ความฝันอันสูงสุด" และยังอ่านทำนองเสนาะเฉพาะพระพักตร์พระบาทสมเด็!
จพระเจ้าอยู่หัว จนได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าให้แพทย์หลวง!
รับตัวไปรับการผ่าตัดขาที่กรุงเทพฯ จนหายเป็นปกติ
ในงานกาชาดของจังหวัด ห้องของครูกมลนำขนมออกขายเพื่อเอากำไร โดยตั้งชื่อขนมเสียใหม่
ซึ่งแสดงถึงความช่างคิดของผู้ประพันธ์ดังนี้
กล้วยฉาบ ตั้งชื่อว่า เหรียญทองชวนลิ้ม
ข้าวเม่าหมี่ ตั้งชื่อว่า สาวน้อยเลือกคู่
ทองม้วน ตั้งชื่อว่า ม้วนเสื่อนางพญา
ทองหยอด ตั้งชื่อว่า น้ำค้างทอง
ถั่วอบเนย ตั้งชื่อว่า ถั่วอบโอชา
ขนมกง ตั้งชื่อว่า ล้อรถพระอาทิตย์
"ชูใจ" อยู่กับย่าและอามาตั้งแต่เล็ก
โดยที่เธอไม่รู้ราบละเอียดใดๆเกี่ยวกับพ่อและแม่แท้ๆของเธอเลย ความจริงก็คือ
พ่อของเธอเสียชีวิตตั้งแต่ชูใจอายุ 1 ขวบ ส่วนแม่ก็อาศัยอยู่ต่างประเทศ
ในตอนท้ายของแบบเรียน แม่ของชูใจบินกลับมารับให้ชูใจไปอยู่ด้วยกัน
แต่ชูใจเลือกที่จะอยู่กับย่าซึ่งเลี้ยงตนมาตลอดตั้งเด็ก
นอกจากเรื่องที่ "เจ้าแก่" ตายจะเป็นตอนที่เรียกน้ำตาของเด็กๆแล้ว
ยังมีตอนหนึ่งซึ่งเศร้าไม่แพ้กัน นั่นคือ "แม่จ๋า" เป็นตอนที่แม่ของเพชร "เพชร"
ตายเพราะถูกงูกัด ขณะไปเก็บหน่อไม้
"มานะ" เป็นเด็กเรียนดี
และเป็นคนเดียวในเรื่องที่ได้ไปเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาที่กรุงเทพฯ ส่วน "มานี" ตอ!
นที่เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ได้รับคัดเลือกให้เป็นรองประธานนักเรียนของโรงเรียน
.
.
.
.
.
.
แล้ว...เราก็ได้พบกัน
(มานะ มานี พ.ศ. 2544)
รัชนี ศรีไพวรรณ
แพทย์หญิงมานี รักเผ่าไทย ออกจากห้องคนไข้คนสุดท้ายเมื่อเวลา 16.55 น.
พยาบาลที่รออยู่หน้าห้องรายงานว่า
มีสุภาพสตรีคนหนึ่งมาคอยพบอยู่ที่ห้องพักร่วมสองชั่วโมงแล้ว
มานีรู้สึกตื่นแต้นจนแทบระงับไม่ไหว
เธอขอบใจนางพยาบาลคนนั้นพลางถอดเสื้อคลุมและส่งเครื่องมือแพทย์ให้
แล้วรีบเข้าไปล้างมือในห้องน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุด
มานีรู้ดีว่าสุภาพสตรีคนนั้นคือชูใจ ชูใจเพื่อนรักที่ไม่ได้พบกันเลยตลอดเวลา 17 ปี
แม้จะได้ส่งข่าวคราวโทรศัพท์ถึงกันและได้เห็นภาพถ่ายอยู่เสมอ
ก็ไม่ดีใจเท่าจะได้พบกันในวันนี้
เมื่อเรียนจบชั้นประถมปีที่ 6 แล้ว
พ่อของมานีก็ส่งเธอไปเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาที่กรุงเทพมหานครเช่นเดียวกับมานะ
ส่วนชูใจเรียนต่อที่โรงเรียนประจำอำเภอ
แล้วทั้งสองก็ไม่ได้พบกันอีกเลยเพราะย่าของชูใจเสียชีวิต
แม่ของชูใจมารับเธอไปอยู่ด้วยที่เพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย
พ่อเลี้ยงของชูใจเป็นประธานบริษัทเครื่องหนังที่ร่ำรวย
เขาเป็นหมันจึงรักชูใจเหมือนลูกแท้ๆของเขา
ชูใจมีชีวิตที่สุขสมบูรณ์
เธอเรียนต่อด้านการออกแบบเครื่องหนังและท! ำงานในบริษัทของพ่อเลี้ยงนั่นเอง
และแต่งงานกับลูกชายรอ! งประธานบริษัทซึ่งทำงานอยู่ด้วยกัน
วันนี้ชูใจมีโอกาสได้กลับมาประเทศไทย
เพื่อไปร่วมฉลองพิธีการแต่งงานของปิติที่จังหวัดลำปางในอีกสองวันที่จะถึงนี้
ปิติเรียนสำเร็จจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ได้พบกับเจ้าสาวของเขาระหว่างเรียนด้วยกัน
เจ้าสาวของปิติเป็นลูกสาวชาวสวนผู้มั่งคั่งของจังหวัดลำปาง
เมื่อมานีผลักบังตาเข้าไป สุภาพสตรีที่นั่งกระวนกระวายอยู่โผเข้ามากอด
ทั้งสองกอดกันแน่นหัวเราะพลางร้องไห้พลางด้วยความดีใจสุดขีด
"มานีจ๋า ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน"
"ฉันก็เหมือนกันจ้ะ ชูใจ เธอน่าจะชวนปีเตอร์มาด้วย" มานีพูดถึงสามีของชูใจ
ชูใจคลายวงแขนออก จ้องมองเพื่อนรักทั้งๆที่น้ำตายังนองหน้า
"ปีเตอร์เหรอจ๊ะ เขาอยากมาจะแย่ แต่ตอนนี้ไม่ว่าง คราวหน้ามานีแต่งงาน
ฉันพาเขามาด้วยแน่ๆ"
มานีหัวเราะ ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้ชูใจและตนเอง จูงเพื่อนไปนั่งที่เก้าอี้
"ฉันคงไม่มีวันนั้นหรอกจ๊ะ"
"อะไรกัน? เธอน่ะทั้งสวย ทั้งดี จันทรเขาเล่าให้ฟังหมดแล้วล่ะ"
"อ้าว ไปพบจันทรกับเพชรมาแล้วเหรอ นี่เธอมานานแล้วซี ไหนว่าจะนอนพักซักงีบ
เครื่องลงเมื่อตีสี่ไม่ใช่เหรอ"
"ใครจะไปงีบลงล่ะจ๊ะ หัวใจมั! นร่ำร้องอยากพบเพื่อนๆ
อากับอาสะใภ้ไปหาฉันที่โรงแรมเมื่อแปดโมง! ฉันก็เลยมากับอา
ไปบ้านอา ไปกราบคุณแม่ของเธอ คุณพ่อยังไม่กลับจากทำงาน
ไปบ้านปิติเจอแต่แม่ของปิติเหมือนกัน แล้วก็ไปบ้านจันทรกับเพชร
ร้านของเขาใหญ่โตดีนะ น้าของเขาก็มอบให้จันทรกับเพชรดูแลร้าน
ลูกคนเล็กของเขาน่ารักนะ อีกสองคนไปโรงเรียนเลยยังไม่ได้พบ
ถ้าฉันไม่มีทางจะมีลูกได้ ฉันจะขอลูกของจันทรไปเลี้ยง ไม่รู้เขาจะให้หรือเปล่า! "
ชูใจคุยจ้ออย่างมีความสุข
"คงให้นะ เพราะจันทรกับเพชรก็รักและไว้ใจชูใจมาก
เออ....เสียดายครูไพลินกับคุณอาทวีปย้ายไปอยู่ที่อื่นเสียแล้ว เธอเลยไม่ได้พบ"
"นึกถึงความหลังแล้วมีความสุขจัง ถ้าย่ายังอยู่ก็ดีนะ ยายของปิติก็เสียแล้ว
พี่มานะอกหักแล้วยังหาใหม่ไม่ได้เหรอจ๊ะ
ติดยศพันตรีแล้วไม่ใช่หรือ กลับมาเยี่ยมบ้านบ่อยไหม
แล้วพี่เขาจะกลับลำปางกับเราไหมจ๊ะ"
มานีหัวเราะเบาๆ "พี่มานะเขามีคนรักใหม่แล้ว แต่ไม่รู้จะแต่งงานกันเมื่อไหร่
อาจจะได้พาปีเตอร์มาเร็วๆนี้ก็ได้นะ
วันนี้วันศุกร์พี่มานะมาไม่ได้ พรุ่งนี้เขาจะมาแต่เช้า ไปกับเราด้วย"
"พี่วีระซินะ น่าสงสาร คนดีๆไม่น่าจะเป็นอย่างนี้เลย" ชูใจรำพึงอย่างสลดใจ
"เขามีภรรยาไม่ดีจ๊ะ เลยกลายเป็นคนขี้เมาหยำเป เสียสติ! เลอะเลือน
เพชรต้องดูแลลุงกับป้าแทน เพชรเป็นคนดีมาก ฐานะของเขาดีทีเดียว
น้องๆได้เรียนสูงๆทุกคน"
"ตอนเขากับจันทรแต่งงานกัน ไม่มีใครบอกฉันเลย" ชูใจตัดพ้อ
"เขาไม่ยอมให้บอกจ๊ะ มีสตังค์แล้วจะพาลูกๆไปเยี่ยมเธอเอง"
"ขอให้จริงเถอะ เธอก็เหมือนกัน บอกว่าจะไป จะไป ไม่เห็นไปสักที" ชูใจควักค้อน
"เพิร์ธน่ะน่าอยู่น่าเที่ยวนะ ฉันไปเที่ยวมาหลายแห่งแล้ว ไม่ชอบใจเท่าเพิร์ธเลย
ฉันชอบไปที่บุญที่วัดโพธิญาณกับแม่บ่อยๆ
บางทีพ่อก็ไปด้วย พ่อเลี้ยงของฉันเป็นพุทธศาสนิกชนไปแล้วรู้ไหม"
มานีหัวเราะชอบใจ "ชูใจยังใช้ภาษาไทยได้ดีอยู่นะ จากไปตั้งสิบกว่าปีแล้ว"
"ฉันพูดภาษาไทยกับแม่เสมอ แต่เรื่องเขียนนี่สิ
ต้องขอบใจมานีที่เขียนจดหมายถึงฉันอยู่เรื่อยๆ ทำให้ฉันได้อ่านและเขียนภาษาไทย
ไม่ลืมภาษาไทย พจนานุกรมที่เธอส่งไปให้น่ะ ฉันใช้อยู่เสมอเวลาเขียนจดหมายถึงเธอ
ม่ายงั้นคงเหมือนกับโคลงโลกนิติที่ว่า อักขระห้าวันหนี เลยจ๊ะ"
"ชูใจหิวไหมจ๊ะ" มานีถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่หรอกจ๊ะ ก่อนมาหาเธอ จันทรเขาทำก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ให้ทาน อร่อยจังเลย
ไม่ได้ทานนานแล้ว"
"เย็นนี้เราก็จะไปทานข้าวที่บ้านจัน! ทร เธอจะกลับไปค้างที่โรงแรมหรือเปล่าจ๊ะ""เรื่องอะไร? " ช! ูใจค้อน "ฉันเตรียมกระเป๋ามาแล้ว นอนกับเธอ
พรุ่งนี้เราก็ไปลำปางกันเลย เพชรเขาจะขับรถพาไป แต่ทางโรงแรมเขาบริการเอง"
"ปิติคงตื่นเต้นดีใจมากนะ นี่คงจะอยากมาหาพวกเราเต็มแก่
ถ้าไม่ติดว่าจะต้องเป็นเจ้าบ่าว"
"ฉันโทรไปหาเขาแล้ว" ชูใจพูดยิ้มๆ
"ดีใจมากเลย เสียงเอะอะโล้งเล้งตามเคย นี่เดี๋ยวคงโทรมาหาพวกเรา"
"ถ้าเช่นนั้น เราไปบ้านจันทรกันดีกว่านะ" มานีพูดพลางลุกขึ้นหยิบกระเป๋าถือ
"เดี๋ยวจะวานให้รถโรงพยาบาลไปส่ง ฉันไม่มีรถ ใช้แต่จักรยาน"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ ท่านรองผู้อำนวยการผู้แสนมัธยัสถ์
ฉันมีรถตู้ของโรงแรมมาส่งและคอยรับใช้อยู่ตลอดเวลา
ตามคำสั่งของแด๊ด..............เอ๊ย...ของพ่อ พ่อจองโรงแรมให้และสั่งให้โรงแรมบริการทุกอย่าง
ของฝากเธอก็อยู่ในรถ ฉันมีกระเป๋าถือเก๋ๆ ที่ฉันออกแบบเองมาฝากเธอด้วยล่ะ"
"เฮ้อ...คนมีสตังค์ล่ะก็ เนรมิตอะไรได้ทุกอย่างนะ" มานีพูดยิ้มๆ
"ชดเชยกับที่ฉันเคยลำบากเมื่อเล็ก ๆ ไงล่ะ แหม คิดถึงย่าจังเลย"
ทั้งสองเดินเกี่ยวก้อยคุยกันไปยังที่จอดรถ ซึ่งมีรถคันหรูของโรงแรมมีชื่อจอดอยู่
"เธอสั่งงานไว้เรียบร้อยแล้วหรือ จะพักร้อนตั้งอาทิตย์เชียวนะ เห็นจันทรบอก!
ว่าเธอเป็นหมอที่เอาใจใส่ห่วงงานมาก
แม้จะมีตำแหน่งเป็นถึงรองผู้อำนวยการแล้วก็ตาม คนทั้งอำเภอรักเธอ ชอบเธอมากนี่
เมื่อตอนโรคฉี่หนูระบาดเขาว่าเธอไม่ได้หลับได้นอนเลยนี่ใช่ไหมจ๊ะ"
"จ๊ะ ตอนนั้นแย่หน่อย หมอ พยาบาล เหน็ดเหนื่อยกันทุกคน ตอนนี้ค่อยยังชั่ว
ถ้าเธอมาตอนนั้น
หรือปิติแต่งงานตอนนั้น ฉันคงลำบากใจเหมือนกัน" เมื่อทั้งสองขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว
รถคันงามก็ออกจากโรงพยาบาลมุ่งไปสู่ตัวเมือง มานีกับชูใจนั่งคุยไปตลอดทาง
สมกับความรักความคิดถึงที่มีต่อกัน
มิตรภาพอันอบอุ่นเมื่อเยาว์วัยหวนกลับมาสู่หัวใจของคนทั้งสอง ชูใจมองเพื่อนรัก
แล้วพูดเบาๆว่า "แล้วเราก็ได้พบกันนะ มานี
แต่อีกไม่กี่วันเราก็ต้องจากกัน"
"แล้วเราก็จะได้พบกันอีกไม่ใช! ่หรือชูใจ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่
เราก็จะได้พบกันแน่นอน"
"แน่นอนจ๊ะ มานี เราจะได้พบกัน"
ชูใจตอบพร้อมยิ้มอย่างเป็นสุขเมื่อนึกถึงเวลาแห่งความเบิกบานที่จะได้อยู่กับเพื่อนรักตลอดสัปดาห์นี้...
แล้ว....เราก็ได้พบกัน
ขอบคุณที่มาจาก :
http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkatoo.pl?id=29693
คุณคิดถึง "มานี...มานะ...และผองเพื่อน" ไหม คุณจำอะไรเกี่ยวกับ "เพื่อนเก่า" เหล่านี้ได้บ้าง
จะมีใครสักกี่คนที่ทราบว่าตัวละครหลายๆตัว
แท้ที่จริงแล้วมีนามสกุลปรากฎในเรื่องด้วย
เช่น มานี มีนามสกุลว่า รักเผ่าไทย, ปิติ พิทักษ์ถิ่น, วีระ ประสงค์สุข, ดวงแก้ว
ใจหวัง และชูใจ เลิศล้ำ
ภาพประกอบในเรื่องมีคนวาดทั้งหมด 3 ท่าน หนึ่งในนั้น คือ คุณเตรียม ชาชุมพร
นักวาดการ์ตูนและนิยายภาพชื่อดังแห่งชัยพฤษ์การ์ตูน
ซึ่งได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว
ครูประจำชั้นที่ปรากฎในเรื่องมี 2 คน คือ คุณครูไพลิน
เป็นครูประจำชั้นตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึง ปีที่ 3 อีกคนคือ
คุณครูกมล เป็นครูประจำชั้นตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงปีที่ 6
แบบเรียนนี้ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องราวของเด็กๆเท่านั้นแต่ยังมีพระเอกกับนางเอกด้วย
ซึ่งก็คือ เกษตรอำเภอที่ชื่อว่า "ทวีป" และคุณครู "ไพลิน"
สองหนุ่มสาวพบกันครั้งแรกเมื่อคราวไฟไหม้ตลาด
เด็กๆเป็นตัวเชื่อมให้ได้รู้จักและแต่งงาน ทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน
โดยปกติแล้วหมากับแมวมักจะเป็นคู่อริกันเสมอ แต่ในแบบเรียนเล่มนี้ "เจ้าโต" กับ
"สีเทา" หยอกเล่นกันด้วยความเป็นกันเองเหมือนไม่มีพรหมแดนแห่งความเป็นศัตรู
ครั้งหนึ่ง "ปิติ" เคยถูกสลากออมสินเป็นเงินจำนวน 1 หมื่นบาท
ซึ่งเงินส่วนนี้เขาได้นำไปซื้อลูกม้าตัวใหม่และตั้งชื่อให้ว่า "เจ้านิล"
ซึ่งทดแทนเจ้าแก่ที่ตายไป
นอกจากเนื้อเรื่องที่สนุกน่าติดตามแล้ว ในส่วนท้ายของแบบเรียนยังมีประมวลคำศัพท์
ที่อธิบายที่เข้าใจง่ายและเหมาะสมสำหรับเด็ก ยกตัวอย่างเช่น
ภรรยา (พัน-ระ-ยา) หมายถึง ผู้หญิงที่อยู่กินกับผู้ชาย
ผัว หมายถึง ชายที่มีผู้หญิงอยู่กินด้วย
"เจ้าจ๋อ" ลิงของวีระเป็นลิงแสม ชอบถอนขนลูกไก่ และยังเกลียดกลิ่นกะปิ
วีระจัดเป็นเด็กที่ค่อนข้างอาภัพ
พ่อของเขาเป็นทหารและตายในสนามรบตั้งแต่วีระยังอยู่ในท้อง
ส่วนแม่ของเขาก็ตรอมใจตายตามพ่อเขาไปหลังจากที่คลอดวีระได้ 15 วัน
ชีวิตทั้งหมดของวีระจึงอยู่กับลุงตั้งแต่เกิด
"เพชร" มีบ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี ส่วนบ้านเกิดของ "ดวงแก้ว"
อยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี
บทบาทของ "จันทร" ที่คนส่วนใหญ่จำได้คือ เด็กหญิงที่มีขาพิการ แต่มีใครทราบบ้างว่า
ในตอนท้ายของเรื่อง เธได้รับคัดเลือกให้ร้องเพลง
"ความฝันอันสูงสุด" และยังอ่านทำนองเสนาะเฉพาะพระพักตร์พระบาทสมเด็!
จพระเจ้าอยู่หัว จนได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าให้แพทย์หลวง!
รับตัวไปรับการผ่าตัดขาที่กรุงเทพฯ จนหายเป็นปกติ
ในงานกาชาดของจังหวัด ห้องของครูกมลนำขนมออกขายเพื่อเอากำไร โดยตั้งชื่อขนมเสียใหม่
ซึ่งแสดงถึงความช่างคิดของผู้ประพันธ์ดังนี้
กล้วยฉาบ ตั้งชื่อว่า เหรียญทองชวนลิ้ม
ข้าวเม่าหมี่ ตั้งชื่อว่า สาวน้อยเลือกคู่
ทองม้วน ตั้งชื่อว่า ม้วนเสื่อนางพญา
ทองหยอด ตั้งชื่อว่า น้ำค้างทอง
ถั่วอบเนย ตั้งชื่อว่า ถั่วอบโอชา
ขนมกง ตั้งชื่อว่า ล้อรถพระอาทิตย์
"ชูใจ" อยู่กับย่าและอามาตั้งแต่เล็ก
โดยที่เธอไม่รู้ราบละเอียดใดๆเกี่ยวกับพ่อและแม่แท้ๆของเธอเลย ความจริงก็คือ
พ่อของเธอเสียชีวิตตั้งแต่ชูใจอายุ 1 ขวบ ส่วนแม่ก็อาศัยอยู่ต่างประเทศ
ในตอนท้ายของแบบเรียน แม่ของชูใจบินกลับมารับให้ชูใจไปอยู่ด้วยกัน
แต่ชูใจเลือกที่จะอยู่กับย่าซึ่งเลี้ยงตนมาตลอดตั้งเด็ก
นอกจากเรื่องที่ "เจ้าแก่" ตายจะเป็นตอนที่เรียกน้ำตาของเด็กๆแล้ว
ยังมีตอนหนึ่งซึ่งเศร้าไม่แพ้กัน นั่นคือ "แม่จ๋า" เป็นตอนที่แม่ของเพชร "เพชร"
ตายเพราะถูกงูกัด ขณะไปเก็บหน่อไม้
"มานะ" เป็นเด็กเรียนดี
และเป็นคนเดียวในเรื่องที่ได้ไปเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาที่กรุงเทพฯ ส่วน "มานี" ตอ!
นที่เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ได้รับคัดเลือกให้เป็นรองประธานนักเรียนของโรงเรียน
.
.
.
.
.
.
แล้ว...เราก็ได้พบกัน
(มานะ มานี พ.ศ. 2544)
รัชนี ศรีไพวรรณ
แพทย์หญิงมานี รักเผ่าไทย ออกจากห้องคนไข้คนสุดท้ายเมื่อเวลา 16.55 น.
พยาบาลที่รออยู่หน้าห้องรายงานว่า
มีสุภาพสตรีคนหนึ่งมาคอยพบอยู่ที่ห้องพักร่วมสองชั่วโมงแล้ว
มานีรู้สึกตื่นแต้นจนแทบระงับไม่ไหว
เธอขอบใจนางพยาบาลคนนั้นพลางถอดเสื้อคลุมและส่งเครื่องมือแพทย์ให้
แล้วรีบเข้าไปล้างมือในห้องน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุด
มานีรู้ดีว่าสุภาพสตรีคนนั้นคือชูใจ ชูใจเพื่อนรักที่ไม่ได้พบกันเลยตลอดเวลา 17 ปี
แม้จะได้ส่งข่าวคราวโทรศัพท์ถึงกันและได้เห็นภาพถ่ายอยู่เสมอ
ก็ไม่ดีใจเท่าจะได้พบกันในวันนี้
เมื่อเรียนจบชั้นประถมปีที่ 6 แล้ว
พ่อของมานีก็ส่งเธอไปเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาที่กรุงเทพมหานครเช่นเดียวกับมานะ
ส่วนชูใจเรียนต่อที่โรงเรียนประจำอำเภอ
แล้วทั้งสองก็ไม่ได้พบกันอีกเลยเพราะย่าของชูใจเสียชีวิต
แม่ของชูใจมารับเธอไปอยู่ด้วยที่เพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย
พ่อเลี้ยงของชูใจเป็นประธานบริษัทเครื่องหนังที่ร่ำรวย
เขาเป็นหมันจึงรักชูใจเหมือนลูกแท้ๆของเขา
ชูใจมีชีวิตที่สุขสมบูรณ์
เธอเรียนต่อด้านการออกแบบเครื่องหนังและท! ำงานในบริษัทของพ่อเลี้ยงนั่นเอง
และแต่งงานกับลูกชายรอ! งประธานบริษัทซึ่งทำงานอยู่ด้วยกัน
วันนี้ชูใจมีโอกาสได้กลับมาประเทศไทย
เพื่อไปร่วมฉลองพิธีการแต่งงานของปิติที่จังหวัดลำปางในอีกสองวันที่จะถึงนี้
ปิติเรียนสำเร็จจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ได้พบกับเจ้าสาวของเขาระหว่างเรียนด้วยกัน
เจ้าสาวของปิติเป็นลูกสาวชาวสวนผู้มั่งคั่งของจังหวัดลำปาง
เมื่อมานีผลักบังตาเข้าไป สุภาพสตรีที่นั่งกระวนกระวายอยู่โผเข้ามากอด
ทั้งสองกอดกันแน่นหัวเราะพลางร้องไห้พลางด้วยความดีใจสุดขีด
"มานีจ๋า ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน"
"ฉันก็เหมือนกันจ้ะ ชูใจ เธอน่าจะชวนปีเตอร์มาด้วย" มานีพูดถึงสามีของชูใจ
ชูใจคลายวงแขนออก จ้องมองเพื่อนรักทั้งๆที่น้ำตายังนองหน้า
"ปีเตอร์เหรอจ๊ะ เขาอยากมาจะแย่ แต่ตอนนี้ไม่ว่าง คราวหน้ามานีแต่งงาน
ฉันพาเขามาด้วยแน่ๆ"
มานีหัวเราะ ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้ชูใจและตนเอง จูงเพื่อนไปนั่งที่เก้าอี้
"ฉันคงไม่มีวันนั้นหรอกจ๊ะ"
"อะไรกัน? เธอน่ะทั้งสวย ทั้งดี จันทรเขาเล่าให้ฟังหมดแล้วล่ะ"
"อ้าว ไปพบจันทรกับเพชรมาแล้วเหรอ นี่เธอมานานแล้วซี ไหนว่าจะนอนพักซักงีบ
เครื่องลงเมื่อตีสี่ไม่ใช่เหรอ"
"ใครจะไปงีบลงล่ะจ๊ะ หัวใจมั! นร่ำร้องอยากพบเพื่อนๆ
อากับอาสะใภ้ไปหาฉันที่โรงแรมเมื่อแปดโมง! ฉันก็เลยมากับอา
ไปบ้านอา ไปกราบคุณแม่ของเธอ คุณพ่อยังไม่กลับจากทำงาน
ไปบ้านปิติเจอแต่แม่ของปิติเหมือนกัน แล้วก็ไปบ้านจันทรกับเพชร
ร้านของเขาใหญ่โตดีนะ น้าของเขาก็มอบให้จันทรกับเพชรดูแลร้าน
ลูกคนเล็กของเขาน่ารักนะ อีกสองคนไปโรงเรียนเลยยังไม่ได้พบ
ถ้าฉันไม่มีทางจะมีลูกได้ ฉันจะขอลูกของจันทรไปเลี้ยง ไม่รู้เขาจะให้หรือเปล่า! "
ชูใจคุยจ้ออย่างมีความสุข
"คงให้นะ เพราะจันทรกับเพชรก็รักและไว้ใจชูใจมาก
เออ....เสียดายครูไพลินกับคุณอาทวีปย้ายไปอยู่ที่อื่นเสียแล้ว เธอเลยไม่ได้พบ"
"นึกถึงความหลังแล้วมีความสุขจัง ถ้าย่ายังอยู่ก็ดีนะ ยายของปิติก็เสียแล้ว
พี่มานะอกหักแล้วยังหาใหม่ไม่ได้เหรอจ๊ะ
ติดยศพันตรีแล้วไม่ใช่หรือ กลับมาเยี่ยมบ้านบ่อยไหม
แล้วพี่เขาจะกลับลำปางกับเราไหมจ๊ะ"
มานีหัวเราะเบาๆ "พี่มานะเขามีคนรักใหม่แล้ว แต่ไม่รู้จะแต่งงานกันเมื่อไหร่
อาจจะได้พาปีเตอร์มาเร็วๆนี้ก็ได้นะ
วันนี้วันศุกร์พี่มานะมาไม่ได้ พรุ่งนี้เขาจะมาแต่เช้า ไปกับเราด้วย"
"พี่วีระซินะ น่าสงสาร คนดีๆไม่น่าจะเป็นอย่างนี้เลย" ชูใจรำพึงอย่างสลดใจ
"เขามีภรรยาไม่ดีจ๊ะ เลยกลายเป็นคนขี้เมาหยำเป เสียสติ! เลอะเลือน
เพชรต้องดูแลลุงกับป้าแทน เพชรเป็นคนดีมาก ฐานะของเขาดีทีเดียว
น้องๆได้เรียนสูงๆทุกคน"
"ตอนเขากับจันทรแต่งงานกัน ไม่มีใครบอกฉันเลย" ชูใจตัดพ้อ
"เขาไม่ยอมให้บอกจ๊ะ มีสตังค์แล้วจะพาลูกๆไปเยี่ยมเธอเอง"
"ขอให้จริงเถอะ เธอก็เหมือนกัน บอกว่าจะไป จะไป ไม่เห็นไปสักที" ชูใจควักค้อน
"เพิร์ธน่ะน่าอยู่น่าเที่ยวนะ ฉันไปเที่ยวมาหลายแห่งแล้ว ไม่ชอบใจเท่าเพิร์ธเลย
ฉันชอบไปที่บุญที่วัดโพธิญาณกับแม่บ่อยๆ
บางทีพ่อก็ไปด้วย พ่อเลี้ยงของฉันเป็นพุทธศาสนิกชนไปแล้วรู้ไหม"
มานีหัวเราะชอบใจ "ชูใจยังใช้ภาษาไทยได้ดีอยู่นะ จากไปตั้งสิบกว่าปีแล้ว"
"ฉันพูดภาษาไทยกับแม่เสมอ แต่เรื่องเขียนนี่สิ
ต้องขอบใจมานีที่เขียนจดหมายถึงฉันอยู่เรื่อยๆ ทำให้ฉันได้อ่านและเขียนภาษาไทย
ไม่ลืมภาษาไทย พจนานุกรมที่เธอส่งไปให้น่ะ ฉันใช้อยู่เสมอเวลาเขียนจดหมายถึงเธอ
ม่ายงั้นคงเหมือนกับโคลงโลกนิติที่ว่า อักขระห้าวันหนี เลยจ๊ะ"
"ชูใจหิวไหมจ๊ะ" มานีถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่หรอกจ๊ะ ก่อนมาหาเธอ จันทรเขาทำก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ให้ทาน อร่อยจังเลย
ไม่ได้ทานนานแล้ว"
"เย็นนี้เราก็จะไปทานข้าวที่บ้านจัน! ทร เธอจะกลับไปค้างที่โรงแรมหรือเปล่าจ๊ะ""เรื่องอะไร? " ช! ูใจค้อน "ฉันเตรียมกระเป๋ามาแล้ว นอนกับเธอ
พรุ่งนี้เราก็ไปลำปางกันเลย เพชรเขาจะขับรถพาไป แต่ทางโรงแรมเขาบริการเอง"
"ปิติคงตื่นเต้นดีใจมากนะ นี่คงจะอยากมาหาพวกเราเต็มแก่
ถ้าไม่ติดว่าจะต้องเป็นเจ้าบ่าว"
"ฉันโทรไปหาเขาแล้ว" ชูใจพูดยิ้มๆ
"ดีใจมากเลย เสียงเอะอะโล้งเล้งตามเคย นี่เดี๋ยวคงโทรมาหาพวกเรา"
"ถ้าเช่นนั้น เราไปบ้านจันทรกันดีกว่านะ" มานีพูดพลางลุกขึ้นหยิบกระเป๋าถือ
"เดี๋ยวจะวานให้รถโรงพยาบาลไปส่ง ฉันไม่มีรถ ใช้แต่จักรยาน"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ ท่านรองผู้อำนวยการผู้แสนมัธยัสถ์
ฉันมีรถตู้ของโรงแรมมาส่งและคอยรับใช้อยู่ตลอดเวลา
ตามคำสั่งของแด๊ด..............เอ๊ย...ของพ่อ พ่อจองโรงแรมให้และสั่งให้โรงแรมบริการทุกอย่าง
ของฝากเธอก็อยู่ในรถ ฉันมีกระเป๋าถือเก๋ๆ ที่ฉันออกแบบเองมาฝากเธอด้วยล่ะ"
"เฮ้อ...คนมีสตังค์ล่ะก็ เนรมิตอะไรได้ทุกอย่างนะ" มานีพูดยิ้มๆ
"ชดเชยกับที่ฉันเคยลำบากเมื่อเล็ก ๆ ไงล่ะ แหม คิดถึงย่าจังเลย"
ทั้งสองเดินเกี่ยวก้อยคุยกันไปยังที่จอดรถ ซึ่งมีรถคันหรูของโรงแรมมีชื่อจอดอยู่
"เธอสั่งงานไว้เรียบร้อยแล้วหรือ จะพักร้อนตั้งอาทิตย์เชียวนะ เห็นจันทรบอก!
ว่าเธอเป็นหมอที่เอาใจใส่ห่วงงานมาก
แม้จะมีตำแหน่งเป็นถึงรองผู้อำนวยการแล้วก็ตาม คนทั้งอำเภอรักเธอ ชอบเธอมากนี่
เมื่อตอนโรคฉี่หนูระบาดเขาว่าเธอไม่ได้หลับได้นอนเลยนี่ใช่ไหมจ๊ะ"
"จ๊ะ ตอนนั้นแย่หน่อย หมอ พยาบาล เหน็ดเหนื่อยกันทุกคน ตอนนี้ค่อยยังชั่ว
ถ้าเธอมาตอนนั้น
หรือปิติแต่งงานตอนนั้น ฉันคงลำบากใจเหมือนกัน" เมื่อทั้งสองขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว
รถคันงามก็ออกจากโรงพยาบาลมุ่งไปสู่ตัวเมือง มานีกับชูใจนั่งคุยไปตลอดทาง
สมกับความรักความคิดถึงที่มีต่อกัน
มิตรภาพอันอบอุ่นเมื่อเยาว์วัยหวนกลับมาสู่หัวใจของคนทั้งสอง ชูใจมองเพื่อนรัก
แล้วพูดเบาๆว่า "แล้วเราก็ได้พบกันนะ มานี
แต่อีกไม่กี่วันเราก็ต้องจากกัน"
"แล้วเราก็จะได้พบกันอีกไม่ใช! ่หรือชูใจ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่
เราก็จะได้พบกันแน่นอน"
"แน่นอนจ๊ะ มานี เราจะได้พบกัน"
ชูใจตอบพร้อมยิ้มอย่างเป็นสุขเมื่อนึกถึงเวลาแห่งความเบิกบานที่จะได้อยู่กับเพื่อนรักตลอดสัปดาห์นี้...
แล้ว....เราก็ได้พบกัน
ขอบคุณที่มาจาก : http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkatoo.pl?id=29693