อาถรรพ์สวนคุณย่า สอง(อีกตอนจบแน่นอนครับ)

https://ppantip.com/topic/39238482

ข้างบนคือ link ของตอนแรกนะครับ  ช่วยกรุณาอ่านก่อน อย่าข้ามนะครับ เดี๋ยวจะงง  ให้กำลังใจผู้เขียนสักนิดเดียวก็จะเป็นแรงผลักหนุนให้ผู้ชายคนนี้ได้ตั้งหน้าตั้งตาเขียนนิยายต่อไป

เธอหัวเราะชอบใจที่เห็นผมอายม้วน

“เวลาพี่เรศเขินแล้วดูน่ารักมากเลย แต่ เอ “ เธอเอียงหน้าหยอก “ พี่เรศหน้าแดงทุกครั้งที่ถูกจูบหรือเปล่าเอ่ย”

ผมแอบร้องครวญในใจ  เอาแล้วไง แต่ฝืนยิ้มสู้

“เรื่องนี้พี่ไม่ขอตอบได้ไหม”  

พอมองหน้าเธอก็รู้ว่าพลาดไปถนัด ไม่มีผู้หญิงคนไหนในโลกที่พอได้ยินคำพูดประโยคนี้แล้วปล่อยผ่าน โดยไม่เค้นคอเอาความจริงอย่างหมดเปลือก

“เห็นจะไม่ได้ค่ะ เกศต้องการฟัง” หญิงสาวหน้าสวยยืนกอดอก เสียงเริ่มแข็ง มองเขม็งที่ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างจับพิรุธ

ไม่มีทางอื่นนอกจากพูดความจริง เพราะผมได้ให้สัตย์ไว้แล้วกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าจะไม่พูดปด แม้แต่เลี่ยงบาลีก็ทำไม่ได้ มีแต่เลือกตอบหรือไม่ตอบเท่านั้น

“ถ้าเป็นเพื่อนผู้หญิงที่ไม่ได้คิดอะไร พี่ก็รู้สึกเฉยๆ เพราะธรรมเนียมฝรั่งเขาจูบทักทายเวลาเจอกันหรือตอนบอกลาเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้ากับแฟนคนแรกและคนที่สองที่เลิกลากันไปนานแล้วก็มีเขินอายกันทั้งคู่ ส่วนเรื่องนั้น”

มาถึงขั้นนี้แล้ว ผมกะจะเล่าให้หมดตับไตใส้พุง ชนิดที่เรียกว่าต่อให้ช่างสงสัยไม่รู้จะหาประเด็นไหนมาซักไซร้ไล่เลียงได้อีก

แต่ปรากฎว่าน้องเกศเธอกลับยกมือปิดหูสองข้างเสียนี่ หลับตาพลางส่ายศีรษะรัวๆ

“หยุด พอ พอแล้ว เกศไม่อยากฟังต่อ ไม่ต้องเล่า”

หลังจากนั้นแทนที่เธอจะแสดงกริยากระฟัดกระเฟียด กลับกลายเป็นว่าเธออารมณ์ดีขึ้นแทนนี้แหละหนาเขาเรียกผู้หญิง ผู้ชายคนไหนอ้างว่ารู้ซึ้งถึงจิตใจนารี ผู้ชายคนนั้นงั่งอย่างสมบูรณ์แบบ

แล้วเธอก็พูดแก้เก้อขึ้นว่า

“เราเข้าบ้านกันเสียทีดีไหมค่ะ ป่านนี้ไม่รู้พี่โรจน์กับพี่อะไรอีกคน อ๋อ ชื่อพี่คง ไม่ทำบ้านพี่วุ่นวายยุ่งเหยิงไปแล้วหรือ พี่โรจน์แกซื้อของสดของสำเร็จมาเต็มที่ แกบอกว่าขอรับอาสาเป็นพ่อครัวจัดการเรื่องอาหารมื้อเย็นนี้เอง ”

แค่ได้ยินผมก็รู้สึกขนพองสยองเกล้าขึ้นมา เกือบๆจะวิ่งกลับไปดูว่ามันปู้ยี่ปู้ยำครัวบ้านคุณย่าผมไปถึงไหนแล้ว เจ้านี้ปล่อยมันไว้ตามลำพังได้ที่ไหน

“ตายแน่ “ หลุดปากออกมา” เจ้าโรจน์มันคิดอะไรของมัน ทำไมไม่ถามก่อน บ้านพี่เหลือแค่เตาถ่านอย่างเดียวที่ใช้ทำอาหารได้ แก็สหมดไปนานแล้วพี่ไม่ได้สั่งมา ไม่ค่อยอยู่บ้านก็เลยลืม แล้วมันจะทำยังไง จุดไฟเป็นหรือเปล่า”

น้องเกศทำหน้าขบขันกับท่าทางของผม เพราะไม่เคยรู้วีรกรรมของพี่ชายตัวเองที่ก่อไว้เวลาไปตั้งแค้มป์ค้างคืนตามสถานที่ธรรมชาติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบนดอย หรืออุทยานแห่งชาติ

ตอนตั้งแค้มป์นอนบนดอยด้วยกันเจ้าโรจน์เกือบจะเผาเต้นท์สนามวอดทั้งหลัง ด้วยความที่มันจุดไฟไม่เป็น โยนฟืนติดไฟเข้ากองแล้วกระโดดหนี สะบัดสะเก็ดกระจายไปติดเต้นท์ลุกไหม้โชคดีที่ดับทัน

หรือตอนที่เข้าป่า ท่านป่าไม้จังหวัดซึ่งเป็นญาติห่างๆกับพ่อมันซึ่งเป็นพันเอกได้กรุณาส่งเจ้าหน้าที่สองคนมาดูแล เจ้าโรจน์เกิดไปถูกอัธยาศัยกับป่าไม้สองท่านนี้ เลี้ยงเหล้าสนุกสนานกันทั้งคืน หลังจากนั้นพากันไปขับรถเล่นต่อจนเกือบตกตีนเขา

ถึงเธอจะไม่รู้ความแผลงของพี่ชายก็ดี อย่างน้อยเธอก็รู้ว่าผมกระวนกระวายอยากกลับบ้านด้วยความเป็นห่วงกลัวเจ้าโรจน์ทำอะไรไม่เข้าท่า

“ยังงั้นรีบไปดูกัน รถจอดตรงนี้ได้ใช่ไหมค่ะ เดี๋ยวขอเกศไปหยิบของส่วนตัวก่อน มีแค่ไม่กี่อย่างเอง”  เธอเดินไปที่หลังรถเปิดฝาขึ้น คว้าสัมภาระติดตัวออกมา ตรวจดูความเรียบร้อยก่อนปิดและล็อครถด้วยรีโมท

ผมรับกระเป๋าสะพายมาจากมือเธอ  แต่ยังสำรวจหาของตกค้างในรถ จนน้องเกศถามว่า

“พี่เรศมองหาอะไรค่ะ”

“เห็นเจ้าโรจน์บอกว่ายังมีของเอามาไม่หมดอยู่บนรถ ” ผมพูดพลางสอดส่องทั่วทั้งเบาะหน้าเบาะหลัง จึงไม่ได้สังเกตดวงหน้าที่แดงซ่านขึ้นของหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ 

“พี่โรจน่เค้าพูดอย่างนั้นหรือค่ะ”

“จ้ะ”  ผมไม่ได้เฉลียวใจยังคงมองหาต่อ” พี่เกรงว่าถ้าเป็นของสดลืมไว้บนรถ จะบูดเน่าเสียเปล่าๆ ที่สำคัญคือมันจะส่งกลิ่น”

“ไม่มีหรอกค่ะ พี่สองคนช่วยกันขนไปหมดแล้วตั้งแต่เดินไปบ้านพี่” น้องเกศตอบด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ ผมเห็นแววกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แล้วเธอก็สารภาพ

“ เกศน้อยใจไม่ยอมเข้าบ้านพี่ทีแรก ทำท่าจะกลับลูกเดียว แต่พี่โรจน์บอกว่าไหนๆมาแล้วขอไปส่งพี่คนที่ชื่อคงให้ถึงที่ก่อน เพื่อนสองคนนี่ไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันมานาน พอพี่กลับมาที่รถแล้วค่อยว่ากัน” 

เชื้อทหารไม่ทิ้งแถวจริงๆ เธอพูดออกมาตรงๆไม่มีอ้ำอึ้ง ไม่เหมือนผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกัน

“แต่พอเห็นพี่เรศเดินออกมารับ เกศเลืมหมดเลยค่ะ ไม่ว่าพี่เรศจะห่างหาย ไม่ติดต่อเลยหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น”

ผมแขวนกระเป๋าไว้ที่ไหล่ สบสายตาที่บริสุทธิ์ ซื่อตรงคู่นั้นอย่างเอ็นดู เกือบเอื้อมมือไปลูบศีรษะนั้นแล้ว แต่ยั้งใจไว้

“ลืมเรื่องร้ายๆไปให้หมดนะจ้ะ ส่วนที่พี่เงียบหายไปต้องขอโทษด้วย พี่มีภาระบางอย่างที่ต้องรีบจัดการให้เสร็จทันท่วงที เอาไว้เราค่อยพูดกัน แต่ตอนนี้”

ผมผายมือให้เธอ เชิญชวนเข้าบ้านอย่างเป็นพิธีการซึ่งไม่เคยปฎิบัติแบบนี้กับใครมาก่อน

“ขอต้อนรับเจ้าหญิงน้อยเข้าสู่อาณาจักรบ้านสวนของพี่”

ใบหน้าเปล่งปลั่ง ดวงตาหงส์ที่สุกประกายอยู่แล้วเฉิดฉายขึ้นอีกด้วยความพึงใจแต่พอผมจะเดินนำหน้าเธอก็ขัดขึ้น

“เดี๋ยวค่ะ ยังมีอีกอย่างที่พี่เรศต้องถือเข้าบ้านอย่างระมัดระวัง อย่าปล่อยให้ตกกลางทางเป็นอันขาดเชียว”

“อะไรจ้ะ” ผมมองค้นหาไปทั่ว ก็ไม่พบอะไร หากแต่มือเรียวขาวผ่องที่ยื่นมาตรงหน้า เตรียมพร้อมให้เกาะกุมอย่างเต็มใจ

“จับไว้อย่าให้หลุดนะค่ะ เกศกลัวหลงทาง” เสียงนั้นทำให้ใจผมวาบหวาม รีบรับมือข้างนั้นกระชับไว้แนบลำตัว

แสงตะวันคล้อยเคลื่อนจากตำแหน่งเดิม ทำให้อุณหภูมิคลายลง เหลือเพียงแสงอบอุ่น อ่อนๆ ที่สาดเบาๆลงมาโล้มไล้ต้นไม้ใบหญ้าและผืนดินอันปกคลุมไปด้วยสีเขียวพืชสวนการเกษตรต่างๆ

รวมถึงสองร่างนั้นที่เดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันไป 

เมื่อลึกเข้ามาในสวนผ่านลำห้วยแห่งหนึ่ง หญิงสาวเห็นไม้ผลต้นหนึ่งน่าสนใจก็ถามขึ้นเพราะไม่เคยเห็น

“นั่นต้นอะไรค่ะพี่เรศ สูงนิดเดียวเอง ลำต้นก็เล็กแต่กิ่งก้านขยายใหญ่จนเกินตัว ไม่น่าเชื่อมันพยุงตัวอยู่ได้อย่างไรไม่หักลงมา มีลูกเต็มต้นด้วย สีแดงๆปนน้ำตาล”

เรศมองตาม ตอบได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ทุกตารางนิ้วในสวนแห่งนี้อยู่ในความทรงจำหมด

“ต้นตะขบน่ะจ้ะ ลูกหวานดีนะ ชุ่มคอด้วย ดอกมันสีขาวๆเอาไปตากแห้งต้มกินแบบน้ำชาก็ได้ เห็นลำต้นมันแคบๆอย่าได้มองข้ามทีเดียว เป็นไม้เนื้ออ่อนเอามาทำงานศิลปะแกะสลัก เหมาะทีเดียว”

หญิงสาวมองชายหนุ่มอย่างภาคภูมิ เขายิ้มให้เธอแบบขออนุญาตในที แล้ววิ่งเหยาะๆไปเด็ดลูกจากต้นกลับมาส่งให้เธอลองชิม เธอแบมือรับมาดู สีผลไม่สดมากนัก เมื่อหยิบใส่ปากเคี้ยวก็รู้สึกถึงความหวานชุ่มฉ่ำผ่านลำคอ

“โอ้ย อร่อยมากค่ะ ก่อนกลับบ้านเกศขอเก็บไปฝากที่บ้านได้ไหมค่ะ คุณแม่ต้องชอบแน่”

ชายหนุ่มใบหน้าคมสันยิ้มเห็นฟันขาวเรียง

“พี่ดีใจที่น้องเกศชอบ ก่อนกลับพี่จะเก็บให้ ไม่ใช่แต่ลูกตะขบ ในสวนพี่ยังมีผลไม้อย่างอื่นอีก”

กระรอก กระแตวิ่งไต่ไล่เล่นตามเครือข่ายไม้ปกคลุมด้วยใบเขียวสด บรรดานกส่งเสียงเซ็งแซ่ จิกกินผลไม้ในสวนอย่างสำราญ หญิงสาวเริ่มเพลิดเพลินกับบรรยากาศ

“สวนพี่เรศสงบน่าอยู่มากเลยค่ะ” 

เขาและเธอเดินผ่านต้นไทรใหญ่ เถาวัลย์ขึ้นหนา ดกระพื้น รากทะลักโผล่ผิวดิน เป็นท่อนยาวโก่งกางรอบลำต้นเหมือนขาแมลงมุม บอกอายุที่ยาวนานและรากที่หยั่งลึก มีแพรหลากสีพันรอบอยู่

หญิงสาวยกมือน้อมไหว้แสดงความเคารพ ด้วยมารยาทอันดีงามตามประเพณีโดยไม่คิดอะไรมาก ทำไปเพื่อความสบายใจ แต่หากแม้นเธอเพียงหันหลังแหงนหน้ามอง

อาจพบว่ามีสตรีรูปโฉมสวยท่านหนึ่งนั่งห้อยขาอยู่บนคบไม้สูง แต่งตัวเช่นคนโบราณ ปากแดงฟันดำอย่างคนกินหมาก ก้มลงมองตามร่างสตรีอายุเยาว์ที่เพิ่งผ่านไปด้วยความเอ็นดู

พอมาถึงบ้าน  ผมรีบดิ่งไปดูในครัวทันที วิตกเรื่องฟืนไฟเป็นใหญ่  โชคดีที่เจ้าโรจน์ไม่ได้ก่อการใดๆ ข้าวของเครื่องใช้ยังอยู่กับที่เหมือนเดิม บรรดาถุงใส่ของสด ของแห้ง อาหารสำเร็จรูปต่างวางกองเรียงอยู่บนโต๊ะในครัว แต่มันกับเจ้าคงหายไป น้องเกศกดโทรศัพท์หาก็พบว่ามือถือของทั้งคู่วางทิ้งไว้อยู่แถวนั้น

น้องเกศรีบเอากระเป๋าไปเก็บบนบ้าน ผมยกห้องที่คุณย่าเคยนอนให้กับเธอ หลังจากนั้นเธอลงมาสมทบกับผมทันที พอช่วยกันจัดการเรื่องของสดเสร็จเข้าตู้เย็นเรียบร้อย ผมกับน้องเกศก็ตะเวนตามหา ค้นหาทุกห้องหับบนบ้าน และทั่วอาณาบริเวณแถวนั้น แต่ไม่เจอแม้แต่เงาของทั้งสองคน

กระทั่งเดินห่างออกมาสุดเขตบ้าน พื้นที่ติดริมคลองนั่นแหละถึงได้ยินเสียงใครร้องเพลงอย่างครื้นเครงตรงท่าน้ำ

ผมและน้องเกศหันมามองหน้าและอดยิ้มให้อีกฝ่ายไม่ได้ เจ้าโรจน์และเจ้าคงนั่งคู่กันหันหลังมองไปทางคลอง  เพราะเริ่มบ่ายแก่ๆแล้ว สืท้องฟ้าเริ่มจางๆลง ทำให้เห็นแสงเปลวแดดสีทองสะท้อนผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับ 

ชวดไวน์เปิดทิ้งไว้วางอยู่ข้างๆ เจ้าโรจน์จิบไวน์ช้าๆจากแก้วในมืออย่างมือความสุข ฟังเจ้าคงดีดกีตาร์ฮัมเพลงเบาๆเข้ากับบรรยากาศอันสุนทรี ผมนึกอยู่ตั้งนานถึงจำได้ว่าเป็นกีต้าร์โปร่งทำด้วยไม้สักตัวแรกในชีวิต คุณย่าอุตส่าห์ไว้วานให้คุณอาที่เป็นพัศดีจ้างนักโทษในเรือนจำแผนกช่างฝีมือทำให้ ใช้เวลาเกือบสามเดือนถึงทำเสร็จ เจ้าคงมันคงเจอวางไว้ในบ้านเลยหยิบมาเล่น

เพื่อนผมคนนี้เอกดนตรีอยู่แล้วจึงเล่นเครื่องดนตรีได้แทบทุกชิ้น ดีด สี ตี เป่า ทั้งไทยทั้งสากลขอให้บอกมาเถอะ

เจ้าคงดีดจังหวะ Bossanova ร้องเพลง “เพื่อนกัน” ของเบิร์ดกับฮาร์ท ว่ากันตามจริงเสียงร้องของมันไม่โดดเด่นนัก แต่พอมาร้องในเวลาอย่างนี้ กลับกกลายเป็นว่าเสนาะหูเป็นพิเศษ

                     จะเป็นผู้ตุ้มครองตักเตือน ดังเช่นเพื่อนผู้หวังดี

                     ความหวาดกลัวทั้งหลายที่มี บอกฉันซิบอกมา

                     หากวันใดพบเจอ ใครทำเธอจงรู้ว่า

                     โว โว้วๆ ขวัญตา ซบลงมาบนบ่าฉัน

 เพลงจบ เสียงปรบมือดังเปาะแปะจากข้างหลังทำให้โรจน์และคงเหลียวหน้ามามอง แล้วเจ้าโรจน์ก็ทักขึ้นโดยเฉพาะดวงตามันเหมือนซ่อนรอยยิ้มเอาไว้

“เดินมาด้วยกันแบบนี้ ปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้วสิท่า อยากบอกว่าฉันแอบลุ้นใจหายใจคว่ำมาตลอด เห็นลงเอยกันได้อย่างนี้ฉันเองดีใจจนบอกไม่ถูก เพราะแกกับน้องสาวฉันเหมาะสมกันที่สุดแล้ว เปรียบไปก็เหมือนกับ เหมือนอะไรนะ เพื่อนคง “ หันไปถามคนนั่งข้างๆ” อ๋อ Beauty and the Beast หนังเรื่องนั้นไงเแกเคยดูหรือยัง” 

เพราะคงซัดเข้าไปได้ที่แล้วลิ้นไก่ของมันถึงเริ่มสั้น น้องเกศย่นจมูก มือเท้าสะเอวมองพี่ชายขี้เมาเธอแบบขวางๆ ส่วนเจ้าคงพอเห็นเพื่อนเริ่มพูดจาเลอะเทอะก็รีบช่วยแก้ไขคำพูดให้ทันทีแบบไกล่เกลี่ย 

“ไม่ใช่เพื่อน แกจำผิดแล้ว ฉันเชื่อว่าแกตั้งใจจะพูดว่า “เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก” มากกว่า โธ่  หนังเรื่อง“ Beauty and the Beast”  มันแปลเป็นชื่อไทยว่า” ทรามวัยกับเจ้าชายอสูร”  เจ้าเรศมันหน้าสวยยังกับผู้หญิงจะเอาไปเทียบกับอสูรได้ยังไง”

เจ้าโรจน์โบกไม้โบกมือค้านเสียงแข็ง ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้มันพูดอ้อแอ้

“ ฉันพูดถูกแล้วเจ้าคง ฉันเถียงแกที่ไหนว่าเจ้าเรศไม่สวย หน้ามันยังกับพระเอกลิเก แม่ฉันเป็นคนบอกเอง ดังนั้นที่ฉันเปรียบเปรยกับ “ Beauty and  Beast “  ฉันหมายถึงเจ้าเรศเป็น “Beauty “ ส่วนอสูรคือน้องสาวฉันต่างหาก  อ้อ ไม่ได้สินะภาษาไทยต้องเรียกว่าอสุรี”

ที่สุดของความอดทน น้องเกศทำท่าจะปรี่เข้าไปประทุษร้ายพี่ชายของเธอด้วยความหมั่นไส้ ผมยืนเตรียมคอยเป็นกันชนแต่แรกอยู่แล้ว จึงคว้าตัวเธอไว้ได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร

พอมือทั้งสองโอบรวบตัวเธอ สัมผัสต่อสัมผัสเหมือนกับว่าน้องเกศสิ้นพยศลง ไม่แสดงฤทธิ์ต่อแต่อย่างใด แค่ดิ้นอยู่พอเป็นพิธี

เจ้าโรจน์ก็ช่างสังเกตจริงๆแทนที่จะหยุด กลับยั่วยุต่อ ด้วยการทำทีเป็นสะอึกสะอื้นหันไปปรึกษากับเจ้าคงเป็นภาษายี่เก

“ เวทนาขนิษฐาร่วมอุทรเราเป็นยิ่งนัก เห็นทีจะจรลีมาไกล ข้าวปลาอาหารคงหาตกถึงท้องสักเม็ดไม่ ร่างกายถึงได้อ่อนปวกเปียกเช่นนี้ยามต้องมือชาย”  แล้วมันก็จีบมือประทับทรวงย้ายขึ้นแนบหน้าตามการร่ายรำของลิเก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่