สรุป 2 เรื่องที่รู้สึกดี๊ดีในปี 2024 ค่ะ


ปีนี้ เมื่อนึกทบทวน 300 กว่าวันที่ผ่านมาแล้ว
พบว่า 1 เดือนสุดท้าย มีเรื่องประทับใจ 2 เรื่อง... ที่ให้บทสรุปคล้าย ๆ กัน

เรื่องแรก เกิดในแอลเอ ในธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาหน้าซอยบ้านเลยค่ะ
เป็นธนาคารที่ใช้บริการมา 36 ปีที่อยู่อเมริกา
ดังนั้นจึงคุ้นกับทุกพนักงานในธนาคารนั้นเป็นอย่างดี
และหลายคนกลายเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว

ล่าสุด เจอพนักงานรับฝากถอนคนหนึ่ง น่าจะย้ายมาใหม่
มารยาทการให้บริการ ดีงามสมกับตำแหน่ง
ทว่า ลูกค้าไม่ได้ดีงามทุกคนไป จึงสังเกตหลายครั้งว่า
พนักงานสาวคนนี้ ไม่ค่อยมีความสุขนัก แววตาเศร้าสร้อยจัง

จนวันล่าสุดที่ไปธนาคาร ก่อนบินมาไทย
ด้วยความที่ช่องบริการของพนักงานสาว เจอลูกค้าเจ้าปัญหา
พอถึงคิวฉัน ก็เลยยิ้มให้ และชวนคุยสั้น ๆ
เพราะฉันเบิกเงินเกินจำนวนที่รัฐบาล "สอดส่อง"
นั่นคือ เบิกรวมยอดทั้งสิ้น $18,000 ในรอบ 3 วัน
ทำให้เพิ่งรู้ว่า (ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์) นับเป็น 1 ช่วงวัน ก็เลยต้องกรอกฟอร์ม
ว่า เงินที่ถอน เป็นเงินตัวเอง ถอนจากบัญชีตัวเอง
และจำต้องให้พนักงานคนนั้น กรอกฟอร์มรายงานรัฐ, นิดหน่อย

ระหว่างรอก็เลยหยิบหนังสือเล่มนี้ ขึ้นมาอ่านฆ่าเวลา
แล้วเธอก็หันมาเห็น บอกว่าเธอชอบอ่านและเขียนบทกวี
และเล่มนี้ เธอหาซื้อไม่ได้แล้ว ได้แต่เล่มปกสีดำอีกเล่มที่คู่กัน

ฉันก็ อืมมมม ดี ดี ฉันโชคดีที่ซื้อเล่มนี้มาตั้งแต่ปี 2017
เลยได้หยิบมาอ่านในปี 2024 เป็นรอบที่หลายสิบ
เธอว่า ...เราอ่านหนังสือคล้ายกัน ดีจัง

... พอเสร็จธุระ ก็กลับบ้าน
...แต่ก่อนจะออกจากแบงค์ ได้ยินเธอพูดกับเพื่อนว่า "อยากลาออก"

ฉันกลับถึงบ้าน นั่งมองหนังสือและตัดสินใจเขียน "มอบให้"
เป็นที่ระลึก
จากนั้นก็กลับไปที่แบงค์อีกรอบ และยื่นหนังสือเล่มนี้ให้เธอ
....

ประเด็นคือ ...รุ่งขึ้นฉันบินมาไทย
และวันนี้ ผ่านมาครบ 1 เดือน ฉันได้รับ text ว่า เธอขอโทษที่ติดต่อมา
เธอบอกว่า ได้เบอร์ฉันมาจากพนักงานที่ดูแลบัญชีฉันในธนาคารแห่งนั้นแหละ
จึงอยากส่งข้อความมาบอกว่า เธอลาออกจากงานแล้ว
และวางแผนจะบินมาไทย ปีหน้า...
มาเพราะข้อความที่ฉันเขียนซุกไว้บนหน้าหนังสือ ในเล่มที่ให้เธอไป
ในหลาย ๆ หน้า ที่เธออ่านเจอ
ทำให้เธออยากออกเดินทาง และเลือกมาประเทศไทย
....

ฉันงี้ ว้าวววววววววววววเชียว ...
.....

อีกเรื่องที่ประทับใจ คือ เพื่อนบ้านในไทยนี่แหละ
กล่าวได้ว่า เราเกิดเหตุพูดเสียงดังใส่กันมาหลายหน
เรื่องที่ลูกสาวของเธอ มักจอดรถขวางประตูรั้วบ้านฉัน จนกระทั่งเบี่ยงตัวออกก็ยังไม่พ้น
และหลายครั้ง ฉันเคยทวงคำ "ขอโทษ" จนเกิดวิวาทะ
ก่อนจะลงท้ายด้วยความเงียบของฉัน
แบบ "อืมมม ยอม"

ครั้งนี้ที่กลับมาไทย พอคิดถึงเพื่อนบ้านหลังตรงข้ามก็แอบเซ็ง
แล้วฉันก็ตัดสินใจ เปลี่ยนเธอยาก เปลี่ยนการรับมือเองแล้วกัน
555+

พอมาถึงปุ๊บ ส่งยิ้มทักทาย "สวัสดีค่ะ สบายดีมั้ยคะ"
ยังจำสีหน้างงงันของเพื่อนบ้านได้
วันรุ่งขึ้น ข้ามถนนไปแบ่งระกำให้ 1 ช่อใหญ่
บางเช้า ซื้อผลไม้มายื่นให้
บางวันก็ซื้อข้าวยำเจ้าดังมาฝาก
บางเย็นก็ส่งถุงน้ำเต้าหู้ทรงเครื่อง

พบว่า ...กลยุทธ์นี้ ได้เพื่อนบ้านแปรพักตร์มาเป็นเกลอ
1 คนถ้วน
และกลายเป็นคนช่วยสอดส่องและคอยดูแลบ้านฉันไปเลย

ทุกคนที่รู้เรื่องราวขัดแย้งมาตั้งแต่ 4-5 ปีที่ผ่านมา
บอกว่า ไม่น่าเชื่อเลยพี่ ว่าบ้านหลังนั้นจะญาติดีกับพี่ได้ ในที่สุด

ฉันก็ อืมมมม เนอะ
นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า .......... ได้ผลจริง ๆ เชียว

คุณล่ะคะ
สิ้นปีแล้ว มีเรื่องราวประทับใจอะไรบ้างที่ "จำ" ขึ้นใจคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่