อาถรรพ์สวนคุณย่า ตอนจบ

https://ppantip.com/topic/39482260/story

คำเตือน  สำหรับนักอ่านที่เพิ่งเข้ามาอ่าน รบกวนอ่านตั้งแต่แรกนะครับ ประเดี๋ยวท่านจะสงสัยว่าผมเขียนอะไร สำหรับนักอ่านที่ตามเรื่องนี้มาแต่ต้น อย่าเพิ่งทิ้งกระทู้ที่แล้ว ผมลง update ไว้สองตอนก่อนมาตั้งกระทู้นี้ ถ้าท่านไม่ได้รับการแจ้งเตือน ให้ย้อนกลับไปอ่านกระทู้ที่แล้วให้จบก่อน

เกศยื่นหน้ามามองอย่างสนใจ

“เอ ของคุณย่าพี่เรศหรือเปล่านะ แต่เมื่อกี้เกศก็ไม่เห็นมันวางอยู่ตรงนี้หนิค่ะ”

เรศส่ายหน้า  ดวงตามีแววครุ่นคิด

“เห็นจะไม่ใช่หรอก ใครจะเอาของมีค่ามาวางล่อตา ล่อใจอย่างนี้  ถึงพี่เพิ่งกลับมาได้สามวัน แต่พี่ก็เดินไปเดินมารอบบ้าน พี่ก็ว่าไม่เคยเห็นมันอยู่ตรงนี้เหมือนกัน”

หันไปมองทางสองคู่หูที่ยังเมาหลับไหลไม่สมประดี แล้วพูดว่า

“จะว่าเป็นของสองคนนั้นก็ไม่น่าใช่ เพราะนี้มันกำไลผู้หญิง”

เกศรับกำไลจากมือชายหนุ่มมาดูแล้วบอกว่า

“ถ้าเป็นพี่โรจน์ เกศยืนยันค่ะว่าไม่ใช่ของแกแน่นอน พี่โรจน์แกไม่ชอบเครื่องประดับ อย่าว่าแต่ทองเลย นาฟิกาผูกข้อมือพ่อเกศซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด พี่แกยังไม่ผูกเลยบอกว่าอึดอัด รำคาญ พี่แน่ใจหรือค่ะ ว่าไม่ใช้ของคุณย่าพี่หลงหู หลงตาเอาไว้”

ชายหนุ่มนิ่งคิดอีกครั้งแล้วตอบอย่างมั่นใจ

“ไม่ใช่แน่นอน ถ้ามันตกอยู่ตามซอกตู้ หรือใต้เตียงยังพอเข้าใจได้ว่าตกสำรวจ แต่มาวางไว้ที่โล่งแจ้งอย่างนี้ใครจะทำ อีกอย่างขนาดน้องเกศมาไม่ถึงวันดียังเห็นเลย ตอนคุณย่าเสีย ญาติเดินเข้าออกเป็นว่าเล่น มีหรือจะไม่มีคนเจอ”

เกศรำพึงออกมา

“เอ ของใครนะ อยู่ดีๆมันมาหล่นตรงนี้ได้ไง”

มีเสียงตอบจากใต้หน้าต่างว่า

“ของเธอนั่นแหละ แม่หนู ฉันให้”

เรศกับเกศใจสะท้านวาบ หันหน้าไปทางต้นเสียงพร้อมกัน

“ไม่ต้องกลัว และไม่ต้องออกมาดูหรอก ประเดี๋ยวฉันก็จะไปแล้ว ฉันเอามาให้รับขวัญเธอที่เสียไปเพราะนางพรายตนนั้น ฉันเสียใจที่ตอนเย็นมาเตือนภัยได้อย่างเดียว ช่วยเหลืออะไรไปไม่ได้มากกว่านั้น”

ชายหนุ่มกับหญิงสาวมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แทบไม่เชื่อตนเองว่าคืนเดียวปะกับสิ่งเหนือธรรมชาติซ้ำซ้อนกันหลายครั้ง

“เพราะนางพรายตนนั้นกับฉัน ศักดิ์ศรีอยู่ระดับเดียวกัน เพียงแต่ที่อยู่ของฉันคืออาณาเขตสวน ของนางคืออาณาเขตคลอง เราสองเจ้าที่ไม่ก้าวก่ายกัน แต่ฉันได้ขอนางไปแล้วว่าคนชะตายังไม่ถึงฆาตอย่าได้ไปทำร้าย เคราะห์ร้ายของพี่ชายหนูแท้ๆ ที่เผอิญดวงตกแล้วไปนั่งที่ริมคลองพอดี”

“กำไลวงนั้นเป็นสมบัติของฉันเอง เป็นของรักของหวงของฉันสมัยครั้งมีชีวิต แต่ตอนนี้ฉันละสังขารมานานแล้ว ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม วางใจเถอะมันเป็นของๆฉันเองและฉันเต็มใจให้เธอ ไม่ใช่สมบัติผีสิงที่ไหนที่เจ้าของจะมาทวงคืน”

หญิงสาวอดหัวเราะไม่ได้เมื่อถึงท้ายประโยค เสียงนั้นเงียบหายไปชั่วขณะ ก่อนพูดต่อ

“ เธอหัวเราะออก ฉันก็หายห่วง ฝากบอกเจ้าหนุ่มคู่รักเธอด้วย ว่าหลังจากนี้ไม่ต้องมากราบไหว้ฉัน รำคาญไม่อยากเห็นหน้ามัน สำหรับเธอถ้าเมื่อไหร่เลิกกลัวฉันแล้ว ให้จุดธูปสามดอกแล้วระลึกถึงฉัน ฉันจะมาหา”

หญิงสาวลุกไปที่หน้าต่างแล้วพนมมือไหว้ เงาลางๆของผู้หญิงในยุคสมัยเก่ายังยืนอยู่ตรงนั้น เหมือนรับรู้ ก่อนจะค่อยเลือนหายไปในความมืด

เรศลุกขึ้นมาดูบ้าง แต่ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นแล้วนอกจากสีดำสนิทของรัตติกาล เกศลองสวมกำไลเข้าข้อมือ พบว่ามันพอดีเหมาะเจาะกับมือเธอราวกับว่าช่างทองทำออกมาให้เธอใส่

“สวยดี เข้ากับข้อมือเกศด้วยค่ะ” เกศพลิกข้อมือตัวเองไปมาอย่างชื่นชม เอาเข้าจริงๆเธอเองก็เหมือนหญิงสาวทั่วไปที่ชอบสิ่งประดับสวยงาม 

“อย่าไปถอดให้เด็กเขาคนไหนอีกล่ะ”เรศแซว หญิงรู้สึกฉ่ำชื่นใจ ชายหนุ่มยังจำได้ถึงครั้งแรกที่ทั้งคู่ถ่ายรูปคู่กันกับเด็กน้อยชาวเขา แล้วเธอถอดสร้อยข้อมือให้เด็กน้อยคนนั้นเป็นรางวัล

หญิงสาวเขินเลยทุบแขนชายหนุ่มเบาๆแก้เก้อ เรศจับข้อมือเกศขึ้นมาดู 

“ของเก่าแก่สมัยโบราณเลยเนี่ย สายสลักเสลา น่าจะราวๆสุโขทัย ใหญ่เท่ากะลามะพร้าวผ่ากลาง พี่ขอแนะนำอะไรอย่าโกรธพี่เลยนะครับ  กลับไปกรุงเทพแล้วถอดออกเถอะ เก็บไว้บ้านดีกว่า ของอย่างนี้มันล่อตาโจร ใส่เอาใจคนให้ที่นี้สักวันสองวันพอแล้ว”

เกศพยักหน้า

“ใส่ตอนเป็นนางรำก็ดีนะค่ะ ไม่มีใครเชื่อว่าเอาทองจริงมาใส่แน่  นอกจากนั้นเกศจะเก็บไว้บูชาที่บ้านเพื่อรำลึกถึงท่าน” พลางนึกอะไรขึ้นมาได้ก็พูดขึ้นมา

“ดีนะค่ะที่ได้เจ้าแม่มาช่วยไว้ทัน ไม่อย่างนั้นพี่โรจน์ไม่รอดแน่ พรุ่งนี้พอฟื้นขึ้นมาเกศจะเล่าความจริงให้พี่โรจน์ฟังทั้งหมด และจะให้พี่โรจน์จุดธูปเทียนบูชากราบไหว้ขอบคุณท่าน”

เรศโอบหลังหญิงสาวเบาๆอย่างสุภาพ เพื่อไม่ให้เป็นการล่วงละเมิดมากเกินไป เขาพาหญิงสาวมานั่งที่กลางเรือน

“ท่านแม่ไม่ต้องการอย่างนั้นหรอก เชื่อพี่ ถ้ามีทางหนึ่งที่จะทดแทนบุญคุณท่านได้ เจ้าโรจน์มันจะยอมหรือเปล่าล่ะ”

เกศพูดขึ้นอย่างจริงจัง

“ทางไหนค่ะ ต่อให้ต้องบีบคอบังคับให้ทำ เกศก็จะทำ คอยดู”

“บวช” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ” แล้วพี่จะบวชร่วมด้วย “

เกศตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงสั่น

“บวช บวชหรือค่ะ”

เรศมองหน้าหญิงสาวที่ดูจะสลดลง

“ทำไม หรือ เกศคิดว่าเจ้าโรจน์มันจะไม่ยอม”

“เปล่าค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าลง ก่อนจะเงยหน้าสารภาพ “เพราะเกศกลัวว่าจะไม่ได้เจอหน้าพี่เรศอีกนาน ความคิดถึงมันคงทรมานน่าดู”

“โธ่เอ้ย” ชายหนุ่มอุทาน เอื้อมมือมาจับศีรษะหญิงสาวเพื่อปลอบ “ขอให้จิตใจตั้งมั่น บวชเดือนเดียวก็พอแล้ว ไม่ต้องถึงพรรษาหรอก เพียงแต่ก่อนบวชพี่อาจจะต้องห่างเกศสักพักเพื่อสำรวมจิตใจ”

“ค่ะ” เกศพยายามสงบสติอารมณ์ “เกศเห็นแก่ตัวไปหน่อย ลืมนึกไปว่าถ้าไม่ได้บุญคุณเจ้าแม่ พี่โรจน์อาจจะเสียชีวิตไปแล้ว”

ชายหนุ่มมองนาฟิกาที่ข้างฝา 

“เพิ่งเที่ยงคืนกว่าๆ น้องเกศจะอาบน้ำไหม เดี๋ยวพี่จะลงไปเป็นเพื่อน แต่น้ำคงเย็นหน่อยนะ จะต้มน้ำก็คงไม่ทันแล้ว กว่าจะต้มเสร็จก็พอดีเช้า”

เกศสองจิตสองใจ เหนียวเหนอะทั้งตัว อยากอาบน้ำก็อยาก แต่เหตุการณ์ที่เพิ่งเจอมาสดๆ ร้อนๆทำให้ยังหวั่นผวาไม่หาย

“คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก ใช่ไหมค่ะ”

เรศรีบยกมือขึ้นปิดปากหญิงสาว

“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นตอนดึก แต่พี่มั่นใจว่าคงไม่กลับมาอีกแล้ว เพราะเกรงบารมีท่านแม่ พวกเราลงไปกันเถอะ  เกศมีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนไหม “ ชายหนุ่มรีบตัดบทเพราะกลัวหญิงสาวจะโอ้เอ้ไม่กล้าลงจากบ้าน

ชายหนุ่มยืนรอจนกระทั่งหญิงสาวอาบน้ำเสร็จ ซึ่งก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากความหนาวเย็นของน้ำที่ทำให้เธอตัวสั่นเป็นลูกนก แต่พอเช็ดตัวแห้งแล้วก็รู้สึกสบายตัวขึ้น

หล่อนนอนซุกในผ้าห่ม พอเรศที่เดินมาส่งในห้องทำท่าจะเดินออกไปหลังราตรีสวัสดิ์ หญิงสาวก็พูดรั้งเขาไว้

“พี่เรศ จะเป็นไรไหมค่ะ ถ้าเกศจะขอให้พี่เรศนอนด้วยกันกับเกศคืนนี้”

เรศหันขวับมา แววตกใจปรากฎขึ้นมาในดวงตา

“เกศ” เขาอุทานสั้นๆได้แค่นั้น ก่อนเหมือนมีอะไรจุกที่คอหอยจนพูดไม่ออก

หญิงสาวรีบพูดขึ้น

“พี่เรศอย่าเพิ่งเข้าใจผิด เกศไม่ได้ขอให้พี่มีอะไรด้วย แต่ขอให้พี่เรศนอนเป็นเพื่อนเกศคืนนี้เท่านั้น โธ่ผ่านเหตุการณ์น่ากลัวมาขนาดนี้แล้ว พี่เรศยังคืดว่าเกศกล้านอนคนเดียวหรือค่ะ”

ชายหนุ่มอ้ำอึ้ง

“แต่มันดูไม่ดี เจ้าโรจน์มันอาจเข้าใจผิดได้”

“แต่เราบริสุทธิ์ใจ” หญิงสาวยืนยัน “และเกศรู้แล้วว่า พี่เรศได้เอาหมอนผ้าห่มไปให้สองคนนั่นแล้ว และพี่เรศไม่ได้มีสำรองอีกเลย ในห้องพี่เรศมีแต่ฟูกเปล่าๆ ตามธรรมเนียมคนชนบท เวลาญาติผู้ใหญ่เสีย นอกจากเงินทอง แล้วเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ผ้าห่ม ที่นอนคนตายจะเอาไปบริจาคหมด เพราะไม่อยากเก็บไว้ให้คิดถึงคนตาย”

“มานอนเถอะค่ะ” หญิงสาวโน้มน้าว” พี่เรศเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว แถมยังมาเจ็บตัวแทนพี่ชายเกศอีก ถ้าพรุ่งนี้อธิบายแล้วยังเข้าใจผิด จะลากไปถีบตกคลองเลย ไปๆมาๆ คนเคราะห์ร้ายดันเป็นเราสองคนแทน”

แล้วหล่อนก็ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย เมื่อเห็นชายหนุ่มยังเงอะงะอยู่

“ไม่รู้ล่ะค่ะ ถ้าพี่เรศไม่ยอมนอนในห้องนี้ เกศก็จะไม่นอนห่มผ้าให้หนาวเป็นไข้ไปเลย เรื่องอะไรจะปล่อยให้พี่เรศกลับไปนอนหนาวคนเดียว”

“พี่ไปนอนเบียดเจ้าสองคนนั่นก็ได้” เรศหาทางออกเสียงอ่อยๆ

หญิงสาวร้องฮึในลำคออย่างขัดใจ

“สองคนนั้น นอนเท้าแทบจะพาดหน้าอกกันแล้วล่ะค่ะ และก็แข่งกันกรนสนั่นหวั่นไหว นอนพร้อมกันน่ะไม่เท่าไหร่ แต่นอนที่หลังพี่เรศจะนอนหลับหรือค่ะ”

เมื่อใช้ไม้แข็งแล้วก็เปลี่ยนมาใช้ไม้นวม หล่อนเดินไปจูงมือชายหนุ่มที่ยังยืนอิดออดที่มานั่งที่ที่นอน ผลักเบาๆให้ชายหนุ่มเอนตัวลงนอนแล้วหล่อน แล้วหล่อนก็ล้มตัวลงนอนข้างๆ 

“ว่าง่ายอย่างนี้ดีแล้วค่ะ เห็นผ้าห่มนี้ก็ใหญ่พอ หมอนนี้ก็ยาวพอให้เราแบ่งกันได้ โดยไม่ต้องนอนเบียดกันให้พี่โรจน์เข้าใจผิด หมายถึงถ้าแกตื่นก่อนเราสองคนนะ แต่เกศว่าไม่มีทาง”

ชายหนุ่มนอนเกร็งๆในตอนแรก แต่ด้วยความเหนื่อยล้ามาทั้งวัน เขาจึงม่อยหลับไปในไม่ช้า หญิงสาวเห็นดังนั้นก็พอใจ หล่อนเองก็อ่อนแรงเช่นกัน แถมยังต้องใจหายใจคว่ำเกือบทั้งคืน ไม่นานหล่อนก็สู่นิทรารมย์เช่นเดียวกัน

อากาศข้างนอกหนาวเหน็บจนเสียดกระดูก มีสุรเสียงอ่อนโยนดังขึ้นในความมืด

“อากาศคืนนี้เย็นวิปริตจริงๆ เกรงว่าบุตรข้าและนางน้อยนั่นเปลี่ยวดำจะจับเอา พญาคำ ท่านจงเลี้อยขึ้นไปบนหลังคาตรงที่บุตรข้านอนอยู่ และขดตัวของท่านถ่ายไอร้อนลงไปในห้อง เพิ่มความอบอุ่นให้กับบุตรข้าและแม่นางน้อยนั่นด้วยเทอญ”

งูหลามตัวมหึมาแต่มีหงอน ค้อมหัวลงเหมือนน้อมรับคำสั่ง แล้วเลี้อยปราดอย่างว่องไวผิดกับรูปร่างที่ใหญ่ราวกับท่อนซุงขนาดย่อมๆ มันไต่ไปตามฝาบ้านและขึ้นไปขดตัวโดยที่บ้านไม่สะเทือนเลย ทั้งที่บ้านแบบนี้แมวขึ้นไปวิ่งบนหลังคายังได้ยินเสียง

พญาคำเป็นงูกึ่งเทวดา ท่านจะเลื้อยไปที่ไหนแล้วให้เกิดรอยลากเป็นไฟเลยก็ได้ แต่ตอนนี้ท่านแค่แผ่พลังความร้อนในตัวท่านทะลุหลังคาลงไปให้เกิดความอุ่นสบายในห้อง โดยที่ชายหนุ่มหญิงสาวไม่รู้ตัว โรจน์กับคงที่นอนอยู่ในห้องโถงพลอยได้อานิสงส์ไปด้วย เพราะว่าความร้อนส่วนหนึ่งก็กระจายมาถึง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่