กลร้าย อุบัติรัก บทที่ 15_2
เขียน... ขอจันทร์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/34058785
บทที่ ๒ http://ppantip.com/topic/34061303
บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/34064438
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/34066898
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/34400930
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/34409252
บทที่ ๗ http://ppantip.com/topic/34411483
บทที่ ๘ http://ppantip.com/topic/35236917
บทที่ ๙ http://ppantip.com/topic/35242366
บทที่ ๑๐ http://ppantip.com/topic/35249691
บทที่ ๑๑ http://ppantip.com/topic/35256888
บทที่ ๑๒ http://ppantip.com/topic/35356480
บทที่ ๑๓ http://ppantip.com/topic/35373514
บทที่ ๑๔ http://ppantip.com/topic/35382163
บทที่ ๑๕ http://ppantip.com/topic/35387079
มุกรวีเปิดซอง เทของที่อยู่ข้างในออกมาปรากฏว่าเป็นกำไลเงิน แต่ไม่ใช่เส้นเดียวกับที่หญิงสาวมองเอาไว้ในตอนแรก กำไลเงินอันนี้ลักษณะแปลกตาตัวกำไลคล้ายเป็นเส้นเงินเล็กๆถักทอเป็นสาย มีพลอยเม็ดสีม่วงเล็กๆประดับ เรียงกันคล้ายพวงองุ่น มันถูกประดับไว้อย่างลงตัวทำให้สร้อยเส้นนี้ไม่ดูรุงรังน่ารำคาญ แต่ออกจะเล็กกระทัดรัดดูน่ารักด้วยซ้ำไป หญิงสาวมองของในมืออย่างแปลกใจ
“คิดว่าผมจะซื้ออันที่คุณมองละสิ” ชายหนุ่มทำเสียงล้อเลียน ดักคออย่างรู้ทัน ก่อนพูดต่อ
“ผมชอบอันนี้มากกว่า เลยเลือกอันนี้มา”
“คุณชอบแล้วเอามาให้ฉันทำไม ซื้อแล้วก็ใส่เองสิ” มุกรวีพูดแล้วทำท่าจะยื่นกลับคืนไป ชายหนุ่มขัดซะก่อน
“โธ่คุณ ผมใส่ก็ตุ๊ดสิ” ว่าแล้วก็คว้าสร้อยมา ก่อนจะดึงข้อมือข้างหนึ่งของหญิงสาวมา ฝ่ายนั้นทำท่าจะดึงกลับ ชายหนุ่มทำหน้าดุใส่ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทางดื้อดึงอีก จึงค่อยๆใส่สร้อยกับข้อมือบาง
“ไหนๆผมก็ซื้อมาแล้ว ฝากไว้ที่ข้อมือคุณก่อนละกัน ถ้าคุณไม่ชอบกลับไปก็ถอดเก็บก็ได้”
มุกรวีมองคนตัวตัวโตที่พยายามใส่สร้อยข้อมือให้เธออย่างเก้ๆกังๆ ท่าทางไม่ถนัดกับเรื่องจุกจิกแบบนี้นัก หญิงสาวเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวแม้จะดูน่าขำ แต่ก็พอเห็นท่าทางตั้งอกตั้งใจนั้นอดเขินอยู่ไม่ได้
“สร้อยมีรูปองุ่นด้วย เห็นมั้ย เป็นสัญลักษณ์ของไร่เรา” เขมินท์พูดขณะที่มือก็ยังง่วนอยู่กับสร้อย และข้อมือเล็กๆของหญิงสาว ...ใส่ยากจริงเว้ย
“งั้นคุณน่าจะเอาไปให้วิ้กกี้ เขาเห็นแล้วจะได้คิดถึงคุณตลอดเวลา” หญิงสาวแกล้งว่า
“ทำไมผมต้องเอาไปให้วิ้กกี้ด้วย” ใส่เสร็จพอดี ชายหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นสบตาตรงๆกับหญิงสาว “อยากให้ใครคิดถึง ก็ต้องให้กับคนนั้นสิ”
“ฉันว่าเราไปดูตรงนั้นกันดีกว่า” มุกรวีว่าแล้วทำท่าจะลุกออกไป แต่ถูกอีกฝ่ายขวาแขนไว้ได้ทัน ก่อนจะถูกดึงให้กลับลงมานั่งตามเดิม
“คุณจะหนีไปถึงไหน”
“หนี? ฉันหนีอะไร”
“นั่นสิ หนีอะไร” เขมินทร์เออออด้วย ก่อนยื่นหน้าเข้าไปหาอีกฝ่ายประชิดจบแทบติดกัน ทำเอาหญิงสาวดึงตัวเองออกแทบไม่ทัน
“อย่ามาอย่ามาล้อเล่นกับฉันนะ”
“ผมไม่เคยล้อเล่น” เขมินท์พูดจบแล้วก็มองปฎิกริยาของคนตรงหน้า เห็นอีกฝ่ายยังคงนิ่งจึงพูดต่อ
“ผมคิดว่า วันนั้นคุณจะได้ยินแล้วเสียอีก”
“ได้ยินอะไร” มุกรวียังคงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“คุณอย่ามาทำเนียนเลย ถ้าคุณได้ยินเรื่องการหมั้นกำมะลอของเรา คุณก็ต้องได้ยินเรื่องที่ผมพูดกับอาอรุณด้วย”
“ฉัน..” มุกรวีเริ่มคิดหาทางเฉไฉอีก แต่อีกฝ่ายชิงพูดขึ้นมาซะก่อน
“คิดจะหนีหรือหนูมุก คุณกล้าพุ่งชนกับปัญหามาตลอด แต่ทำไมกับเรื่องนี้คุณถึงหนี”
“เรื่องของฉัน”
“เรื่องของเรา.. ” เขมินท์ว่าพลางดึงมือของหญิงสาวมามาคลึงเล่นเบาๆ มุกรวีแววจะแพ้อยู่รำไร หมดทางจะไหลลื่นได้ต่อ
“คุณคิดดีแล้วหรอ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่ผู้ชายจะชอบเลยสักนิด”
“แล้วแบบผู้หญิงแบบไหน ที่คุณคิดว่าผู้ชายจะชอบ”
“ก็.. แบบเรียบร้อย อ่อนหวาน ค่ะๆขาๆ หรือไม่ก็เปรี้ยวนิดๆ เซ็กซี่ขี้อ้อน กระแง่วๆ เหมือนลูกแมว ไม่ใช่ผู้หญิงแบบครึ่งๆกลางๆอย่างฉัน” หญิงสาวว่าพยายามทำท่าทางประกอบ ทำเอาอีกฝ่ายหลุดขำ
“ที่จริงผมไม่ใช่คนรักสัตว์ ผมก็เลยไม่รู้จะมองหาลูกแมวไปทำไม ...มันอาจจะฟังดูแปลกไปสักหน่อย เพราะที่ผ่านมาผมปากเสียกับคุณมาตลอด แต่ผมมันก็เป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่ผมทำคุณมั่นใจได้ว่ามันจะออกมาจากใจ” เขมินท์มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างแน่วแน่
“คุณอาจจะคิดว่าตัวเองเหมือนหนีเสือปะจระเข้ มาเจออะไรที่มันซวยยิ่งกว่า ต้องนอนเจ็บไม่รู้ตั้งกี่รอบ แต่ผมนึกอยากจะขอบคุณใครหรืออะไรก็ตาม ที่พาคุณมาที่นี่ อย่างวันนี้ที่ผมมาอยู่ทีนี่ได้ก็เพราะคุณ มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองโคตรโชคดีเลยที่ได้เจอคุณ”
“คุณพูดอะไรแบบนี้เป็นด้วยหรือเนี่ย” มุกรวีถามหลุดขำ
“จะขอความรักสาวมันก็ต้องมีบ้าง” เขมินท์ตอบกลับ ยกมือขึ้นลูบหน้าเขินๆ
“ผมเคยพูดแบบนี้กับอาอรุณไปแล้ว คราวนี้ผมของขอถามคุณบ้าง... ขอโอกาสให้ผมได้มั้ยหนูมุก”
มุกรวีมองคนตรงหน้า แม้จะมองตรงมาอย่างแน่วแน่มั่นใจ แต่หล่อนก็เห็นความคาดหวัง และหวาดหวั่นอยู่ในดวงตาคู่นั้นนั่นทำให้ใจหล่อนอ่อนยวบ
ไม่ได้มีคำว่ารักที่หวานซื้ง มีแต่คำขอแบบทื่อที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา กับน้ำเสียงหนักแน่น แต่นั่นกลับทำให้ใจอ่อนๆสั่นไหวได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ฉัน..” มุกรวีพูดได้แค่นั้นแล้วก็นิ่งไปอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นึกขัดใจตัวเองที่กลายเป็นคนอ้ำๆอึ้งๆอย่างน่ารำคาญ แต่.. ให้ตายเถอะ! เกิดมาหล่อนยังไม่เคยมีความรักเลยสักครั้ง!
ตั้งแต่เด็กจนโตหล่อนไม่เคยเห็นความรักของคุณป๋ามารดาหล่อน เพราะมารดาหล่อนด่วนเสียไปตั้งแต่หล่อนยังจำความไม่ได้ คู่ของน้าวันก็เลิกราก็แบบไม่เหลือดี ความรักฉันหนุ่มสาวของคนรอบข้างที่มุกรวีเคยเห็นนั้นน่าแปลกที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยสวยงามเหมือนอย่างในนิยายน้ำเน่า พอมาถึงเรื่องของคุณเก็จกระรัตน์ก็ยิ่งตอกย้ำความคิดเข้าไปอีก จนหล่อนนึกขยาดความรู้สึกประหลาดนี้จนชาตินี้ไม่คิดอยากจะมีมันให้ต้องปวดหัว
แล้ววันนี้หล่อนดันมาโดนขอความรักเอาดื้อๆ สมองสั่งให้ปฏิเสธไปซะเพื่อตัดปัญหา แต่ใจเอ๋ยมันดันมีเยื่อใยกับอีกฝ่าย คล้ายๆจะตัดไม่ขาด หรือไม่อยากตัดก็บอกไม่ถูก
“ถ้าคุณยังไม่มั่นใจ ผมรอได้”
“รอไปจนแก่เลยละกัน”
“ก็ได้ ผมให้คุณคิดไปตลอดชีวิตเลย ถึงตอนนั้นเราสองคนเป็นตาแก่กับยายแก่เดินจูงมือกันหย่องแหย็ง คงน่ารักดี” ชายหนุ่มพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อนนัก
“คุณนี่ เพ้อเจ้อ”
“เอาเถอะ รอไว้คุณจัดการเรื่องที่บ้านคุณให้เรียบร้อยก่อน ถึงตอนนั้นผมจะมาขอคำตอบอีกครั้ง”
“ถ้าอย่างนั้น คุณก็ช่วยฉันสิ”
“ช่วย?”
“ให้ฉันกลับกรุงเทพไง”
“ไม่มีทาง ปล่อยคุณไปให้โดนเคี้ยวเล่นนะสิ”
“งั้นคุณก็พาฉันไปสิ ลองทำให้ฉันดูหน่อยว่าคุณสามารถดูแลฉันได้”
ชายหนุ่มหรี่มามองอีกฝ่าย “เจ้าเล่ห์นักนะคุณ”
มุกรวีหน้าชื่นยิ้มรับ ชายหนุ่มอดหมั่นไส้ไม่ได้ โดยไม่ทันได้รู้ตัว หน้าคมโน้มเข้าไปประทับริมฝีปากและจมูกลงบนแก้มนวลแรงๆ สูดกลิ่นหอมเข้าฟอดใหญ่ ก่อนจะถอนออกมายักคิ้วให้อีกฝ่ายที่หน้าเหวออย่างน่าขัน
“ขอค่ามัดจำก่อนละกัน”
กลร้าย อุบัติรัก บทที่ ๑๕_๒
เขียน... ขอจันทร์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มุกรวีเปิดซอง เทของที่อยู่ข้างในออกมาปรากฏว่าเป็นกำไลเงิน แต่ไม่ใช่เส้นเดียวกับที่หญิงสาวมองเอาไว้ในตอนแรก กำไลเงินอันนี้ลักษณะแปลกตาตัวกำไลคล้ายเป็นเส้นเงินเล็กๆถักทอเป็นสาย มีพลอยเม็ดสีม่วงเล็กๆประดับ เรียงกันคล้ายพวงองุ่น มันถูกประดับไว้อย่างลงตัวทำให้สร้อยเส้นนี้ไม่ดูรุงรังน่ารำคาญ แต่ออกจะเล็กกระทัดรัดดูน่ารักด้วยซ้ำไป หญิงสาวมองของในมืออย่างแปลกใจ
“คิดว่าผมจะซื้ออันที่คุณมองละสิ” ชายหนุ่มทำเสียงล้อเลียน ดักคออย่างรู้ทัน ก่อนพูดต่อ
“ผมชอบอันนี้มากกว่า เลยเลือกอันนี้มา”
“คุณชอบแล้วเอามาให้ฉันทำไม ซื้อแล้วก็ใส่เองสิ” มุกรวีพูดแล้วทำท่าจะยื่นกลับคืนไป ชายหนุ่มขัดซะก่อน
“โธ่คุณ ผมใส่ก็ตุ๊ดสิ” ว่าแล้วก็คว้าสร้อยมา ก่อนจะดึงข้อมือข้างหนึ่งของหญิงสาวมา ฝ่ายนั้นทำท่าจะดึงกลับ ชายหนุ่มทำหน้าดุใส่ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทางดื้อดึงอีก จึงค่อยๆใส่สร้อยกับข้อมือบาง
“ไหนๆผมก็ซื้อมาแล้ว ฝากไว้ที่ข้อมือคุณก่อนละกัน ถ้าคุณไม่ชอบกลับไปก็ถอดเก็บก็ได้”
มุกรวีมองคนตัวตัวโตที่พยายามใส่สร้อยข้อมือให้เธออย่างเก้ๆกังๆ ท่าทางไม่ถนัดกับเรื่องจุกจิกแบบนี้นัก หญิงสาวเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวแม้จะดูน่าขำ แต่ก็พอเห็นท่าทางตั้งอกตั้งใจนั้นอดเขินอยู่ไม่ได้
“สร้อยมีรูปองุ่นด้วย เห็นมั้ย เป็นสัญลักษณ์ของไร่เรา” เขมินท์พูดขณะที่มือก็ยังง่วนอยู่กับสร้อย และข้อมือเล็กๆของหญิงสาว ...ใส่ยากจริงเว้ย
“งั้นคุณน่าจะเอาไปให้วิ้กกี้ เขาเห็นแล้วจะได้คิดถึงคุณตลอดเวลา” หญิงสาวแกล้งว่า
“ทำไมผมต้องเอาไปให้วิ้กกี้ด้วย” ใส่เสร็จพอดี ชายหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นสบตาตรงๆกับหญิงสาว “อยากให้ใครคิดถึง ก็ต้องให้กับคนนั้นสิ”
“ฉันว่าเราไปดูตรงนั้นกันดีกว่า” มุกรวีว่าแล้วทำท่าจะลุกออกไป แต่ถูกอีกฝ่ายขวาแขนไว้ได้ทัน ก่อนจะถูกดึงให้กลับลงมานั่งตามเดิม
“คุณจะหนีไปถึงไหน”
“หนี? ฉันหนีอะไร”
“นั่นสิ หนีอะไร” เขมินทร์เออออด้วย ก่อนยื่นหน้าเข้าไปหาอีกฝ่ายประชิดจบแทบติดกัน ทำเอาหญิงสาวดึงตัวเองออกแทบไม่ทัน
“อย่ามาอย่ามาล้อเล่นกับฉันนะ”
“ผมไม่เคยล้อเล่น” เขมินท์พูดจบแล้วก็มองปฎิกริยาของคนตรงหน้า เห็นอีกฝ่ายยังคงนิ่งจึงพูดต่อ
“ผมคิดว่า วันนั้นคุณจะได้ยินแล้วเสียอีก”
“ได้ยินอะไร” มุกรวียังคงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“คุณอย่ามาทำเนียนเลย ถ้าคุณได้ยินเรื่องการหมั้นกำมะลอของเรา คุณก็ต้องได้ยินเรื่องที่ผมพูดกับอาอรุณด้วย”
“ฉัน..” มุกรวีเริ่มคิดหาทางเฉไฉอีก แต่อีกฝ่ายชิงพูดขึ้นมาซะก่อน
“คิดจะหนีหรือหนูมุก คุณกล้าพุ่งชนกับปัญหามาตลอด แต่ทำไมกับเรื่องนี้คุณถึงหนี”
“เรื่องของฉัน”
“เรื่องของเรา.. ” เขมินท์ว่าพลางดึงมือของหญิงสาวมามาคลึงเล่นเบาๆ มุกรวีแววจะแพ้อยู่รำไร หมดทางจะไหลลื่นได้ต่อ
“คุณคิดดีแล้วหรอ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่ผู้ชายจะชอบเลยสักนิด”
“แล้วแบบผู้หญิงแบบไหน ที่คุณคิดว่าผู้ชายจะชอบ”
“ก็.. แบบเรียบร้อย อ่อนหวาน ค่ะๆขาๆ หรือไม่ก็เปรี้ยวนิดๆ เซ็กซี่ขี้อ้อน กระแง่วๆ เหมือนลูกแมว ไม่ใช่ผู้หญิงแบบครึ่งๆกลางๆอย่างฉัน” หญิงสาวว่าพยายามทำท่าทางประกอบ ทำเอาอีกฝ่ายหลุดขำ
“ที่จริงผมไม่ใช่คนรักสัตว์ ผมก็เลยไม่รู้จะมองหาลูกแมวไปทำไม ...มันอาจจะฟังดูแปลกไปสักหน่อย เพราะที่ผ่านมาผมปากเสียกับคุณมาตลอด แต่ผมมันก็เป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่ผมทำคุณมั่นใจได้ว่ามันจะออกมาจากใจ” เขมินท์มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างแน่วแน่
“คุณอาจจะคิดว่าตัวเองเหมือนหนีเสือปะจระเข้ มาเจออะไรที่มันซวยยิ่งกว่า ต้องนอนเจ็บไม่รู้ตั้งกี่รอบ แต่ผมนึกอยากจะขอบคุณใครหรืออะไรก็ตาม ที่พาคุณมาที่นี่ อย่างวันนี้ที่ผมมาอยู่ทีนี่ได้ก็เพราะคุณ มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองโคตรโชคดีเลยที่ได้เจอคุณ”
“คุณพูดอะไรแบบนี้เป็นด้วยหรือเนี่ย” มุกรวีถามหลุดขำ
“จะขอความรักสาวมันก็ต้องมีบ้าง” เขมินท์ตอบกลับ ยกมือขึ้นลูบหน้าเขินๆ
“ผมเคยพูดแบบนี้กับอาอรุณไปแล้ว คราวนี้ผมของขอถามคุณบ้าง... ขอโอกาสให้ผมได้มั้ยหนูมุก”
มุกรวีมองคนตรงหน้า แม้จะมองตรงมาอย่างแน่วแน่มั่นใจ แต่หล่อนก็เห็นความคาดหวัง และหวาดหวั่นอยู่ในดวงตาคู่นั้นนั่นทำให้ใจหล่อนอ่อนยวบ
ไม่ได้มีคำว่ารักที่หวานซื้ง มีแต่คำขอแบบทื่อที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา กับน้ำเสียงหนักแน่น แต่นั่นกลับทำให้ใจอ่อนๆสั่นไหวได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ฉัน..” มุกรวีพูดได้แค่นั้นแล้วก็นิ่งไปอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นึกขัดใจตัวเองที่กลายเป็นคนอ้ำๆอึ้งๆอย่างน่ารำคาญ แต่.. ให้ตายเถอะ! เกิดมาหล่อนยังไม่เคยมีความรักเลยสักครั้ง!
ตั้งแต่เด็กจนโตหล่อนไม่เคยเห็นความรักของคุณป๋ามารดาหล่อน เพราะมารดาหล่อนด่วนเสียไปตั้งแต่หล่อนยังจำความไม่ได้ คู่ของน้าวันก็เลิกราก็แบบไม่เหลือดี ความรักฉันหนุ่มสาวของคนรอบข้างที่มุกรวีเคยเห็นนั้นน่าแปลกที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยสวยงามเหมือนอย่างในนิยายน้ำเน่า พอมาถึงเรื่องของคุณเก็จกระรัตน์ก็ยิ่งตอกย้ำความคิดเข้าไปอีก จนหล่อนนึกขยาดความรู้สึกประหลาดนี้จนชาตินี้ไม่คิดอยากจะมีมันให้ต้องปวดหัว
แล้ววันนี้หล่อนดันมาโดนขอความรักเอาดื้อๆ สมองสั่งให้ปฏิเสธไปซะเพื่อตัดปัญหา แต่ใจเอ๋ยมันดันมีเยื่อใยกับอีกฝ่าย คล้ายๆจะตัดไม่ขาด หรือไม่อยากตัดก็บอกไม่ถูก
“ถ้าคุณยังไม่มั่นใจ ผมรอได้”
“รอไปจนแก่เลยละกัน”
“ก็ได้ ผมให้คุณคิดไปตลอดชีวิตเลย ถึงตอนนั้นเราสองคนเป็นตาแก่กับยายแก่เดินจูงมือกันหย่องแหย็ง คงน่ารักดี” ชายหนุ่มพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อนนัก
“คุณนี่ เพ้อเจ้อ”
“เอาเถอะ รอไว้คุณจัดการเรื่องที่บ้านคุณให้เรียบร้อยก่อน ถึงตอนนั้นผมจะมาขอคำตอบอีกครั้ง”
“ถ้าอย่างนั้น คุณก็ช่วยฉันสิ”
“ช่วย?”
“ให้ฉันกลับกรุงเทพไง”
“ไม่มีทาง ปล่อยคุณไปให้โดนเคี้ยวเล่นนะสิ”
“งั้นคุณก็พาฉันไปสิ ลองทำให้ฉันดูหน่อยว่าคุณสามารถดูแลฉันได้”
ชายหนุ่มหรี่มามองอีกฝ่าย “เจ้าเล่ห์นักนะคุณ”
มุกรวีหน้าชื่นยิ้มรับ ชายหนุ่มอดหมั่นไส้ไม่ได้ โดยไม่ทันได้รู้ตัว หน้าคมโน้มเข้าไปประทับริมฝีปากและจมูกลงบนแก้มนวลแรงๆ สูดกลิ่นหอมเข้าฟอดใหญ่ ก่อนจะถอนออกมายักคิ้วให้อีกฝ่ายที่หน้าเหวออย่างน่าขัน
“ขอค่ามัดจำก่อนละกัน”