กลร้าย อุบัติรัก บทที่ 12
เขียน... ขอจันทร์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/34058785
บทที่ ๒ http://ppantip.com/topic/34061303
บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/34064438
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/34066898
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/34400930
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/34409252
บทที่ ๗ http://ppantip.com/topic/34411483
บทที่ ๘ http://ppantip.com/topic/35236917
บทที่ ๙ http://ppantip.com/topic/35242366
บทที่ ๑๐ http://ppantip.com/topic/35249691
บทที่ ๑๑ http://ppantip.com/topic/35256888
บทที่ ๑๒ http://ppantip.com/topic/35356480
ฟ้ามืดสนิทโชคดีที่คืนนี้เป็นคืนวันเพ็ญ ทำให้พอมีแสงจันทร์ส่งไม่ให้ทั่วทั้งบริเวณมืดจนเดินไปนัก หากป่าที่เงียบสงบ ตอนนี้กลับมีคนกลุ่มใหญ่บุกรุกเข้ามา แสงไฟจากกระบอกไฟฉายเกือบสิบอันสอดส่องไปทั่วทิศททาง
หลังจากที่รู้ว่ามุกรวีถูกทิ้งให้อยู่กับพวกขบวนการค้ายาตามลำพัง เขมินก็รีบมาที่บ้านพักริมน้ำทันที หากเข้าไปกลับไม่เจออะไร มีเพียงร่องรอยว่าพึ่งมีคนจากไปเมื่อไม่นาน หลังจากสำรวจดูรอบๆ และจากการซักถามคนงานคนหนึ่งที่เป็นหนึ่งในพวกนั้น จึงได้ความน่าจะเป็นว่าหญิงสาวจะถูกพาเข้ามาในป่า เขมินท์ กับคนงานสามสี่คนและนายตำรวจบางส่วนจึงไม่รอช้าที่จะตามเข้ามา
“เป็นยังไงบ้างนายช่วง”
“มืดแบบนี้เราคงตามรอยลำบากนะครับนาย”
คนงานคนหนึ่งที่ค่อนข้างชำนาญในการเดินป่า เนื่องจากมักเข้ามาหาของป่าไปขายเป็นอาชีพเสริม หันไปของเจ้าของไร่หนุ่มผู้เป็นนาย ด้วยสายตากังวล
“ลำบากแต่ก็ต้องตาม”
“เราเข้ามาใหม่พรุ่งนี้ไม่ดีกว่าหรอนาย ปกติแล้วค่ำมืดแบบนี้ไม่มีใครเขาเข้าป่ากัน มันอันตราย”
“ไม่ได้!” เสียงเข้มของเจ้าของไร่หนุ่มตอบกลับมาแทบจะทันที
“คนเดินป่าอย่างนายยังว่าอันตราย แล้วผู้หญิงที่ไม่เคยเดินป่าเลยจะไม่ยิ่งแย่หรือไง”
เขมินท์ตอบ ความรู้สึกห่วงกังวลยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก และดูเหมือนว่าเวลาผ่านไปก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ ทั้งห่วง ทั้งกลัวจะต้องสูญเสีย ความรู้สึกคล้ายมีอะไรมาบีบหัวใจจนอึดอัดทรมานไปหมดเป็นอย่างไร เขารู้ซึ้งแล้วในเวลานี้ และความรู้สึกนี้คงไม่หายไปง่ายๆ ตราบใดที่เขายังตามหาตัวมุกระวีไม่พบ
“รอยหญ้าโดนย่ำไปเป็นทาง ถ้าเราเดินไปตามทางนี้ก็น่าจะเจอครับนาย”
“ดี เรารีบไปเถอะ” ชายหนุ่มว่าพลางเร่งนายพรานจำเป็นให้เดินเร็วขึ้นอีก
เดินกันมาพักใหญ่ แต่ละคนต่างก็ล้ากันไปตามๆกัน ยิ่งเดินมาไกลและยังไม่เห็นวี่แวว กำลังใจก็ชักหมด
“เราพักกันก่อนมั้ยครับนาย”
“ไม่” ชายหนุ่มตอบแทบจะทันที แต่เมื่อหันมาเห็นสภาพคนงานของเขาแต่ละคน ก็อดเห็นใจไม่ได้ ตัวเขาเองไม่ใช่ไม่เหนื่อย ขาสองข้างล้าจนจะยืนไม่อยู่ แต่จะให้พักตอนนี้ ใจมันก็ร้อนจนนั่งลงไม่ติด แต่ถึงอย่างนั้นเช้าของไร่หนุ่มก็สั่งให้ทุกคนหยุดพัก คนงานที่นำทางมามองนายอย่างเข้าใจ เดินนำขึ้นไปสำรวจด้านหน้า ไปได้ไม่นานวิ่งกลับมาอย่างตื่นเต้น
“นายครับ เราเจอใครก็ไม่รู้ครับนาย อยู่ตรงนู้น”
“หนูมุก”
“ไม่ใช่ครับนาย ผมว่านายไปดูเองเถอะครับ”
ความดีใจเมื่อครู่เหมือนมีคนเอาเข็มมาเจาะลูกโป่งที่กำลังพองโตให้กลับฟีบไป เขมินท์โคลงหัวเล็กน้อย เดินตามคนงานไป แล้วก็พบร่างหนึ่งถูกมัดมือไพล่หลังนอนดิ้นอยู่บนพื้น ชายหนุ่มเดินเข้าไปย่อตัวลงข้างๆ อีกฝ่ายเห็นมีคนมาก็ดีใจ
“ช่วยผมด้วย”
“แกเป็นใคร”
“ผม.. เป็นคนที่จับคุณมุกมาที่นี่” นายคมตัดสินใจบอก เมื่อคิดแล้วว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะปิดบัง ในเมื่อเจ้าของไร่หนุ่ม และตำรวจตามมาถึงนี่ ก็แสดงว่าสิ่งที่หญิงสาวพูดไว้เป็นความจริง นายของเขาคงโดนจับไปเรียบร้อย
เท่านั้นเองดวงตาเจ้าของไร่หนุ่มก็ลุกวาบขึ้นมาทันที กระชากคอเสื้ออีกฝ่ายอย่างแรง เสียงกร้าวคำราม จนอีกฝ่ายที่ตอนแรกนึกดีใจ เกิดกลัวขึ้นมาครามครัน
“แก.. มุกรวีอยู่ที่ไหน” ถามไปแล้วเหมือนนึกขึ้นได้ สายตาเหลือบไปมองริมผา ดวงตาฉายแววหวาดหวั่นขึ้นมา ซึ่งอีกฝ่ายก็รู้ได้ จึงรีบละล่ำละลักตอบ
“ผมไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะนาย จริงๆ ผมสาบานได้ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มาอยู่ในสภาพนี้หรอก”
“แล้วตอนนี้มุกอยู่ที่ไหน”
“ผมไม่รู้..”
ทันทีที่อีกฝ่ายตอบ กำปั้นของเขมินท์ก็เงื้อขึ้นแทบจะทันที ทำเอาอีกฝ่ายร้องลั่น หากมือทั้งสองข้างไม่ได้ถูกพันธนาการอยู่ เขาคงยกขึ้นมาไหว้ปลกๆ
“ผมไม่รู้จริงๆครับนาย.. เธอเอาปืนยังขาผม แล้วก็ซัดผมจนสลบ ตื่นขึ้นมาอีกทีผมก็ไม่เจอใครแล้ว รอจนมาเจอพวกคุณนี่ละ” นายคมพูดเร็วปรื้อจนแทบจะกัดลิ้นตัวเอง มองกำปั้นของอีกฝ่ายอย่างหวาดๆ
“มันคงไม่ได้โกหกหรอกครับนาย”
คนงานนำทางพูด มือก็ชี้ไปที่ขาของฝ่ายนั้น เจ้าของไร่หนุ่มเห็นแล้วว่าคาดคั้นไปคงไม่ได้ความ ทั้งยังเสียเวลาเปล่า จึงตัดสินปล่อยอีกฝ่าย ก่อนปล่อยยังไม่วายผลักชายหนุ่มเคราะห์ร้ายรายนั้นไปกระแทกกับต้นไม้ดังอัก ทำเอาทั้งต้นสะเทือน
พุ่มไม้บนยอดสั่นไหวอย่างน่าสงสัย ก่อนที่อะไรบางอย่างที่เป็นเงาดำๆจะหล่นลงมา
ตุ้บ!
“โอ๊ยย”
ทุกคนหันมองเงาดำๆที่ร่วงลงจากต้นไม้อย่างพรั่นพรึ่ง สองขาเตรียมถอย ใจจินตนาการถึงผีสางนางไม้กันไกลลิบ หากแต่เมื่อได้เห็นชัดๆ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าของเขมินท์ทันที
“หนูมุก”
ขาสองข้างสาวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่ายตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็มานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหญิงสาวแล้ว
เขมินท์มองอีกฝ่ายนิ่ง กลัวเหลือเกินว่าหากกระพริบตาภาพตรงหน้าจะเป็นแค่ความฝัน และเธอจะหายไปอีก มือหนาค่อยๆยกขึ้นสัมผัสใบหน้าตรงหน้าอย่างเบามือ จนมั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายมีตัวตนจริง เขาจึงยิ้มออกมาได้ ความรู้สึกอึดอัดในอกราวกับจะหายใจไม่ออกค่อยๆสลายหายไป กลายเป็นความโล่งอก
“นายเขม” มุกรวีมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
“ในที่สุดก็เจอคุณซะที”
“ฉันนึกว่าคุณจะไม่มาช่วยฉันแล้ว”
“ไม่มาได้ยังไง รู้ตัวมั้ยว่าทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงแทบตาย ยัยบ้าเอ้ย” แม่ปากจะว่า หากน้ำเสียงที่เอ่ยออกมากลับนุ่มนวลอย่างไม่น่าเชื่อ
“คุณสิบ้า ทำไมมาช่วยฉันช้านัก”
ทั้งๆที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องเข้มแข็ง แต่พูดไปพูดมา น้ำตาเจ้ากรรมดันไหลออกมาเหมือนเขื่อนแตก ทั้งโล่งใจ ทั้งอุ่นใจที่ได้เห็นหน้าผู้ชายตรงหน้าอีกครั้ง
“ฉันกลัวแทบตาย” พูดไปสะอื้นไปเหมือนเด็กๆ จนคนมองไม่รู้ว่าจะสงสารหรือขำดี
เขมินท์ดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้แนบอก แม้ตอนแรกอีกฝ่ายจะขืนตัวไว้ หากสุดท้ายก็ยอมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดนั้นแต่โดยดี มือหนาปาดน้ำตาบนหน้าหญิงสาว นึกประหลาดใจทั้งๆที่ปกติเจ้าหล่อนไม่ใช่คนเจ้าน้ำตา แต่ไม่รู้ทำไมพอได้ร้องแล้วน้ำตากลับไหลได้ไม่ยอมหยุด ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ร้องให้หน่ำใจ
ชายหนุ่มกระชับคนในอ้อมกอดแน่นขึ้นอีก กอดแน่นๆเพื่อช่วยดับความห่วงกระวนกระวายของตัวเองให้สงบลง กอดให้มั่นใจว่าหญิงสาวจะไม่หายไปไหนอีก...
“คุณนี่มันชอบหาเรื่องใส่ตัวจริงๆเลย”
“เลิกด่าฉันสักทีได้มั้ย”
“ผมขอโทษ” ชายหนุ่มกระซิบเสียงหวาน
“อือ”
“แล้วคุณขึ้นไปทำอะไรบนต้นไม้นะ”
“ก็ฉันไม่รู้จะไปทางไหน มองไปก็มีแต่ต้นไม้เหมือนๆกันหมด ฟ้าก็มืด จะอยู่ข้างล่างก็ขี้เกียจจะคอยระวังนายหนวดเครารุงรังนั่น ฉันก็เลยปีนขึ้นไปอยู่ข้างบน และก็เผลอหลับไป ตื่นตอนที่พลัดตกลงมานี่แหละ” หญิงสาวว่าพยายามจัดการกับก้อนสะอื้นที่ไม่ยอมหายซะที
“ก็ยังจะหลับลงอีกนะคุณ”
ระหว่างนั้นนายพรานจำเป็นก็เดินเลียบๆเคียงเข้ามา ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ
“เอ่อ นายครับ ในเมื่อเราเจอนายหญิงแล้ว เรารีบออกไปดีกว่านะครับนาย”
“ใช่! ฉันโดนยิง เลือดจะหมดตัวตายอยู่แล้วเนี่ย”
นายคมที่นอนอยู่โวยวายขึ้นบ้าง ผลที่ได้คือสายตาประทุษร้ายจากทุกคนที่ยืนอยู่ที่นั่น เจ้าตัวจึงรีบงับปากตัวเองลง เขมินท์เลิกใส่ใจกับตัวประกอบ และก็เห็นด้วยกับคนของเขาจึงหันมาหาหญิงสาวที่ยังอยู่ในอ้อมกอดตัวเอง แล้วก็ต้องแปลกใจ
“อ้าว หลับอีกแล้ว”
“คงจะเพลียนะครับนาย ดูเธอจะถูกทำร้ายมา แล้วยังต้องมาผจญในป่าอีก โดนมาขนาดนี้ยังเอาตัวรอดได้ถือว่าเก่งมากเลยนะครับเนี่ย”
“ใช่ เก่งมาก” ชายหนุ่มพูด มีความชื่นชมอยู่ในน้ำเสียงนั้น นึกเจ็บใจคนที่ทำให้หน้าใสๆต้องมีรอบม่วงช้ำเป็นแถบๆ ซ้ำตามเนื้อตัวก็มีรอยแดงเต็มไปหมด.. รอให้เขาพามุกรวีออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ ใครที่มันทำให้หล่อนเกิดรอยแผล เขาจะตามเด็ดหัวมันรายตัว!
“เอายังไงดีครับนาย หลับไปซะแล้ว ให้ผมแบกเธอให้มั้ยครับ” นายพรานจำเป็นเสนอ ไม่รู้เจ้านายหนุ่มของเขาคิดอะไรอยู่ อยู่ดีๆถึงได้แผ่รังสีอำมหิตกระจายจนขนลุกซู่ไปหมด
เขมินท์ไม่ตอบอะไร ค่อยๆดันตัวมุกรวีออก จัดแจงให้หญิงสาวขึ้นอยู่บนหลังตัวเอง ออกปากให้คนงานคนเดิมเดินนำออกไป คนงานหนุ่มๆหลายคนมองนายตัวเองแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ตำรวจที่ตามมาด้วยเข้ามารวบตัวนายคมที่นอนหมดสภาพอยู่ที่พื้นให้ตามกันออกไป
ออกจากป่ามาได้ มุกรวีก็ถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลในเมืองทันที เขมินท์โทรบอกข่าวให้ทางบ้านรับรู้เพื่อคลายความกังวล และทำให้เขาได้รู้ว่าภารกิจการเข้าจับกุมขบวนการขนยาเสพติดนั้นถูกจับได้แต่โดยดี ไม่มีการต่อสู้ขัดขืน
ส่วนตัวนายใหญ่นั้นคือ นิชา จริงๆอย่างที่มุกรวีคาดการไว้ ในตอนแรกที่ถูกจับหญิงสาวไม่ยอมรับว่ารู้จักกับนายสุชาติ ปฏิเสธเสียงแข็งทุกข้อกล่าวหา ตัวนายสุชาติเองนั่งก้มหน้าเงียบก็ไม่ปริปากพูดอะไร หาก ระหว่างที่มุกรวีอยู่บนหลังชายหนุ่ม หญิงสาวแอบกระซิบบอก
‘สิบห้าล้านเก้าแสนหนึ่งร้อยจุดเจ็ดห้าสตางค์’
‘คุณว่าอะไรนะ’
‘นายสุชาติคุยโทรศัพท์กับคนที่เป็นนายใหญ่ บอกให้โอนเงินมาให้ ธนาคารXX’
นั่นเองเขมินท์จึงนำเรื่องนี้ไปบอกกับทางตำรวจ แต่จากการตรวจสอบบัญชีการโอนเงินเข้าออกก็ไม่พบเงินจำนวนที่ว่า และเมื่อเทียบกับบัญชีของนายสุชาติและลูกน้องคนอื่นๆแล้วก็ไม่พบความผิดปกติที่น่าสงสัย
เจ้าของไร่หนุ่มดูเอกสารที่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีของหัวหน้าขบวนการค้ายาแล้วก็ได้แต่สงสัย ความรู้สึกเหมือนมันตงิดๆอะไรบางอย่าง แล้วก็สะดุดตาบางอย่างเข้า เขมินท์เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียง เสียงหล่อนแว่วเข้ามาในความคิด
‘แต่แปลกนะ.. บอกจำนวนเงิน บอกธนาคาร แต่ไม่ยักกะบอกเลขบัญชี’
นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่มุกรวีพูดก่อนจะหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ชายหนุ่มก้มดูเอกสารในมืออีกครั้ง และก็ได้พบ ...ตัวเลขนั้นไม่ใช่จำนวนเงิน .. 15-900-100-75 มันคือเลขบัญชี
และเมื่อนำเรื่องไปตรวจสอบก็พบว่าเจ้าของบัญชีนั้นคือ หญิงวัยกลางคน อายุประมาณสี่สิบ อาศัยอยู่ตัวคนเดียวที่จังหวัดสุรินทร์ และเมื่อสืบลงไปลึกกว่านั้นทำให้ได้รู้ว่า หล่อนคือภรรยาเก่าของนายสุชาติ และนั่นคือความเชื่อมโยงระหว่างนิชาและนายสุชาติที่สามารถปะติดได้สำเร็จ รวมกับการชี้ตัวของเด็กชายต้อม ทำให้หญิงสาวต้องก้มหน้ายอมรับ
จากคำสารภาพ หญิงสาวมีปัญหาอย่างหนัก บิดาที่ชอบมารีดไถเงินจากหล่อนและมารดาคราวละมากๆ ซ้ำยังมีน้องที่เกิดจากบิดากับผู้หญิงคนอื่นที่มักเอามาทิ้งไว้ให้มารดาและหล่อนเลี้ยง มารดาของหล่อนเองรับไว้ด้วยความสงสาร อีกทั้งยังหวังว่าสักวันสามีจะเห็นความดีและกลับมาดีกับหล่อนเช่นเดิม
หากเรื่องไม่เป็นอย่างที่คิด นับวันภาระการเงินที่นิชาจะต้องแบกรับยิ่งมากขึ้น ตัวหล่อนนั้นได้ทุนจากคุณนายจันทร์ฉายไปเรียนต่อที่เมืองนอก และที่นั่นทำให้เธอได้พบกับพ่อค้ายาต่างชาติ ทั้งสองมีสัมพันธ์ลับกัน และด้วยความฉลาดเฉลียว หลังจากนั้นนิชาก็ได้รับความไว้วางใจ กลายเป็นเจ้าแม่ เป็นแขนขาของพ่อค้ายาต่างชาติที่ควบคุมการขนส่งยาเสพติดทางภาคเหนือให้กับขบวนการจากต่างชาติ หล่อนสามารถอำนวยความสะดวกให้ และทำให้การขนส่งทุกครั้งเป็นไปได้ด้วยดีได้เป็นอย่างดี
กลร้าย อุบัติรัก บทที่ ๑๓
เขียน... ขอจันทร์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ฟ้ามืดสนิทโชคดีที่คืนนี้เป็นคืนวันเพ็ญ ทำให้พอมีแสงจันทร์ส่งไม่ให้ทั่วทั้งบริเวณมืดจนเดินไปนัก หากป่าที่เงียบสงบ ตอนนี้กลับมีคนกลุ่มใหญ่บุกรุกเข้ามา แสงไฟจากกระบอกไฟฉายเกือบสิบอันสอดส่องไปทั่วทิศททาง
หลังจากที่รู้ว่ามุกรวีถูกทิ้งให้อยู่กับพวกขบวนการค้ายาตามลำพัง เขมินก็รีบมาที่บ้านพักริมน้ำทันที หากเข้าไปกลับไม่เจออะไร มีเพียงร่องรอยว่าพึ่งมีคนจากไปเมื่อไม่นาน หลังจากสำรวจดูรอบๆ และจากการซักถามคนงานคนหนึ่งที่เป็นหนึ่งในพวกนั้น จึงได้ความน่าจะเป็นว่าหญิงสาวจะถูกพาเข้ามาในป่า เขมินท์ กับคนงานสามสี่คนและนายตำรวจบางส่วนจึงไม่รอช้าที่จะตามเข้ามา
“เป็นยังไงบ้างนายช่วง”
“มืดแบบนี้เราคงตามรอยลำบากนะครับนาย”
คนงานคนหนึ่งที่ค่อนข้างชำนาญในการเดินป่า เนื่องจากมักเข้ามาหาของป่าไปขายเป็นอาชีพเสริม หันไปของเจ้าของไร่หนุ่มผู้เป็นนาย ด้วยสายตากังวล
“ลำบากแต่ก็ต้องตาม”
“เราเข้ามาใหม่พรุ่งนี้ไม่ดีกว่าหรอนาย ปกติแล้วค่ำมืดแบบนี้ไม่มีใครเขาเข้าป่ากัน มันอันตราย”
“ไม่ได้!” เสียงเข้มของเจ้าของไร่หนุ่มตอบกลับมาแทบจะทันที
“คนเดินป่าอย่างนายยังว่าอันตราย แล้วผู้หญิงที่ไม่เคยเดินป่าเลยจะไม่ยิ่งแย่หรือไง”
เขมินท์ตอบ ความรู้สึกห่วงกังวลยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก และดูเหมือนว่าเวลาผ่านไปก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ ทั้งห่วง ทั้งกลัวจะต้องสูญเสีย ความรู้สึกคล้ายมีอะไรมาบีบหัวใจจนอึดอัดทรมานไปหมดเป็นอย่างไร เขารู้ซึ้งแล้วในเวลานี้ และความรู้สึกนี้คงไม่หายไปง่ายๆ ตราบใดที่เขายังตามหาตัวมุกระวีไม่พบ
“รอยหญ้าโดนย่ำไปเป็นทาง ถ้าเราเดินไปตามทางนี้ก็น่าจะเจอครับนาย”
“ดี เรารีบไปเถอะ” ชายหนุ่มว่าพลางเร่งนายพรานจำเป็นให้เดินเร็วขึ้นอีก
เดินกันมาพักใหญ่ แต่ละคนต่างก็ล้ากันไปตามๆกัน ยิ่งเดินมาไกลและยังไม่เห็นวี่แวว กำลังใจก็ชักหมด
“เราพักกันก่อนมั้ยครับนาย”
“ไม่” ชายหนุ่มตอบแทบจะทันที แต่เมื่อหันมาเห็นสภาพคนงานของเขาแต่ละคน ก็อดเห็นใจไม่ได้ ตัวเขาเองไม่ใช่ไม่เหนื่อย ขาสองข้างล้าจนจะยืนไม่อยู่ แต่จะให้พักตอนนี้ ใจมันก็ร้อนจนนั่งลงไม่ติด แต่ถึงอย่างนั้นเช้าของไร่หนุ่มก็สั่งให้ทุกคนหยุดพัก คนงานที่นำทางมามองนายอย่างเข้าใจ เดินนำขึ้นไปสำรวจด้านหน้า ไปได้ไม่นานวิ่งกลับมาอย่างตื่นเต้น
“นายครับ เราเจอใครก็ไม่รู้ครับนาย อยู่ตรงนู้น”
“หนูมุก”
“ไม่ใช่ครับนาย ผมว่านายไปดูเองเถอะครับ”
ความดีใจเมื่อครู่เหมือนมีคนเอาเข็มมาเจาะลูกโป่งที่กำลังพองโตให้กลับฟีบไป เขมินท์โคลงหัวเล็กน้อย เดินตามคนงานไป แล้วก็พบร่างหนึ่งถูกมัดมือไพล่หลังนอนดิ้นอยู่บนพื้น ชายหนุ่มเดินเข้าไปย่อตัวลงข้างๆ อีกฝ่ายเห็นมีคนมาก็ดีใจ
“ช่วยผมด้วย”
“แกเป็นใคร”
“ผม.. เป็นคนที่จับคุณมุกมาที่นี่” นายคมตัดสินใจบอก เมื่อคิดแล้วว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะปิดบัง ในเมื่อเจ้าของไร่หนุ่ม และตำรวจตามมาถึงนี่ ก็แสดงว่าสิ่งที่หญิงสาวพูดไว้เป็นความจริง นายของเขาคงโดนจับไปเรียบร้อย
เท่านั้นเองดวงตาเจ้าของไร่หนุ่มก็ลุกวาบขึ้นมาทันที กระชากคอเสื้ออีกฝ่ายอย่างแรง เสียงกร้าวคำราม จนอีกฝ่ายที่ตอนแรกนึกดีใจ เกิดกลัวขึ้นมาครามครัน
“แก.. มุกรวีอยู่ที่ไหน” ถามไปแล้วเหมือนนึกขึ้นได้ สายตาเหลือบไปมองริมผา ดวงตาฉายแววหวาดหวั่นขึ้นมา ซึ่งอีกฝ่ายก็รู้ได้ จึงรีบละล่ำละลักตอบ
“ผมไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะนาย จริงๆ ผมสาบานได้ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มาอยู่ในสภาพนี้หรอก”
“แล้วตอนนี้มุกอยู่ที่ไหน”
“ผมไม่รู้..”
ทันทีที่อีกฝ่ายตอบ กำปั้นของเขมินท์ก็เงื้อขึ้นแทบจะทันที ทำเอาอีกฝ่ายร้องลั่น หากมือทั้งสองข้างไม่ได้ถูกพันธนาการอยู่ เขาคงยกขึ้นมาไหว้ปลกๆ
“ผมไม่รู้จริงๆครับนาย.. เธอเอาปืนยังขาผม แล้วก็ซัดผมจนสลบ ตื่นขึ้นมาอีกทีผมก็ไม่เจอใครแล้ว รอจนมาเจอพวกคุณนี่ละ” นายคมพูดเร็วปรื้อจนแทบจะกัดลิ้นตัวเอง มองกำปั้นของอีกฝ่ายอย่างหวาดๆ
“มันคงไม่ได้โกหกหรอกครับนาย”
คนงานนำทางพูด มือก็ชี้ไปที่ขาของฝ่ายนั้น เจ้าของไร่หนุ่มเห็นแล้วว่าคาดคั้นไปคงไม่ได้ความ ทั้งยังเสียเวลาเปล่า จึงตัดสินปล่อยอีกฝ่าย ก่อนปล่อยยังไม่วายผลักชายหนุ่มเคราะห์ร้ายรายนั้นไปกระแทกกับต้นไม้ดังอัก ทำเอาทั้งต้นสะเทือน
พุ่มไม้บนยอดสั่นไหวอย่างน่าสงสัย ก่อนที่อะไรบางอย่างที่เป็นเงาดำๆจะหล่นลงมา
ตุ้บ!
“โอ๊ยย”
ทุกคนหันมองเงาดำๆที่ร่วงลงจากต้นไม้อย่างพรั่นพรึ่ง สองขาเตรียมถอย ใจจินตนาการถึงผีสางนางไม้กันไกลลิบ หากแต่เมื่อได้เห็นชัดๆ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าของเขมินท์ทันที
“หนูมุก”
ขาสองข้างสาวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่ายตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็มานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหญิงสาวแล้ว
เขมินท์มองอีกฝ่ายนิ่ง กลัวเหลือเกินว่าหากกระพริบตาภาพตรงหน้าจะเป็นแค่ความฝัน และเธอจะหายไปอีก มือหนาค่อยๆยกขึ้นสัมผัสใบหน้าตรงหน้าอย่างเบามือ จนมั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายมีตัวตนจริง เขาจึงยิ้มออกมาได้ ความรู้สึกอึดอัดในอกราวกับจะหายใจไม่ออกค่อยๆสลายหายไป กลายเป็นความโล่งอก
“นายเขม” มุกรวีมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
“ในที่สุดก็เจอคุณซะที”
“ฉันนึกว่าคุณจะไม่มาช่วยฉันแล้ว”
“ไม่มาได้ยังไง รู้ตัวมั้ยว่าทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงแทบตาย ยัยบ้าเอ้ย” แม่ปากจะว่า หากน้ำเสียงที่เอ่ยออกมากลับนุ่มนวลอย่างไม่น่าเชื่อ
“คุณสิบ้า ทำไมมาช่วยฉันช้านัก”
ทั้งๆที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องเข้มแข็ง แต่พูดไปพูดมา น้ำตาเจ้ากรรมดันไหลออกมาเหมือนเขื่อนแตก ทั้งโล่งใจ ทั้งอุ่นใจที่ได้เห็นหน้าผู้ชายตรงหน้าอีกครั้ง
“ฉันกลัวแทบตาย” พูดไปสะอื้นไปเหมือนเด็กๆ จนคนมองไม่รู้ว่าจะสงสารหรือขำดี
เขมินท์ดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้แนบอก แม้ตอนแรกอีกฝ่ายจะขืนตัวไว้ หากสุดท้ายก็ยอมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดนั้นแต่โดยดี มือหนาปาดน้ำตาบนหน้าหญิงสาว นึกประหลาดใจทั้งๆที่ปกติเจ้าหล่อนไม่ใช่คนเจ้าน้ำตา แต่ไม่รู้ทำไมพอได้ร้องแล้วน้ำตากลับไหลได้ไม่ยอมหยุด ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ร้องให้หน่ำใจ
ชายหนุ่มกระชับคนในอ้อมกอดแน่นขึ้นอีก กอดแน่นๆเพื่อช่วยดับความห่วงกระวนกระวายของตัวเองให้สงบลง กอดให้มั่นใจว่าหญิงสาวจะไม่หายไปไหนอีก...
“คุณนี่มันชอบหาเรื่องใส่ตัวจริงๆเลย”
“เลิกด่าฉันสักทีได้มั้ย”
“ผมขอโทษ” ชายหนุ่มกระซิบเสียงหวาน
“อือ”
“แล้วคุณขึ้นไปทำอะไรบนต้นไม้นะ”
“ก็ฉันไม่รู้จะไปทางไหน มองไปก็มีแต่ต้นไม้เหมือนๆกันหมด ฟ้าก็มืด จะอยู่ข้างล่างก็ขี้เกียจจะคอยระวังนายหนวดเครารุงรังนั่น ฉันก็เลยปีนขึ้นไปอยู่ข้างบน และก็เผลอหลับไป ตื่นตอนที่พลัดตกลงมานี่แหละ” หญิงสาวว่าพยายามจัดการกับก้อนสะอื้นที่ไม่ยอมหายซะที
“ก็ยังจะหลับลงอีกนะคุณ”
ระหว่างนั้นนายพรานจำเป็นก็เดินเลียบๆเคียงเข้ามา ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ
“เอ่อ นายครับ ในเมื่อเราเจอนายหญิงแล้ว เรารีบออกไปดีกว่านะครับนาย”
“ใช่! ฉันโดนยิง เลือดจะหมดตัวตายอยู่แล้วเนี่ย”
นายคมที่นอนอยู่โวยวายขึ้นบ้าง ผลที่ได้คือสายตาประทุษร้ายจากทุกคนที่ยืนอยู่ที่นั่น เจ้าตัวจึงรีบงับปากตัวเองลง เขมินท์เลิกใส่ใจกับตัวประกอบ และก็เห็นด้วยกับคนของเขาจึงหันมาหาหญิงสาวที่ยังอยู่ในอ้อมกอดตัวเอง แล้วก็ต้องแปลกใจ
“อ้าว หลับอีกแล้ว”
“คงจะเพลียนะครับนาย ดูเธอจะถูกทำร้ายมา แล้วยังต้องมาผจญในป่าอีก โดนมาขนาดนี้ยังเอาตัวรอดได้ถือว่าเก่งมากเลยนะครับเนี่ย”
“ใช่ เก่งมาก” ชายหนุ่มพูด มีความชื่นชมอยู่ในน้ำเสียงนั้น นึกเจ็บใจคนที่ทำให้หน้าใสๆต้องมีรอบม่วงช้ำเป็นแถบๆ ซ้ำตามเนื้อตัวก็มีรอยแดงเต็มไปหมด.. รอให้เขาพามุกรวีออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ ใครที่มันทำให้หล่อนเกิดรอยแผล เขาจะตามเด็ดหัวมันรายตัว!
“เอายังไงดีครับนาย หลับไปซะแล้ว ให้ผมแบกเธอให้มั้ยครับ” นายพรานจำเป็นเสนอ ไม่รู้เจ้านายหนุ่มของเขาคิดอะไรอยู่ อยู่ดีๆถึงได้แผ่รังสีอำมหิตกระจายจนขนลุกซู่ไปหมด
เขมินท์ไม่ตอบอะไร ค่อยๆดันตัวมุกรวีออก จัดแจงให้หญิงสาวขึ้นอยู่บนหลังตัวเอง ออกปากให้คนงานคนเดิมเดินนำออกไป คนงานหนุ่มๆหลายคนมองนายตัวเองแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ตำรวจที่ตามมาด้วยเข้ามารวบตัวนายคมที่นอนหมดสภาพอยู่ที่พื้นให้ตามกันออกไป
ออกจากป่ามาได้ มุกรวีก็ถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลในเมืองทันที เขมินท์โทรบอกข่าวให้ทางบ้านรับรู้เพื่อคลายความกังวล และทำให้เขาได้รู้ว่าภารกิจการเข้าจับกุมขบวนการขนยาเสพติดนั้นถูกจับได้แต่โดยดี ไม่มีการต่อสู้ขัดขืน
ส่วนตัวนายใหญ่นั้นคือ นิชา จริงๆอย่างที่มุกรวีคาดการไว้ ในตอนแรกที่ถูกจับหญิงสาวไม่ยอมรับว่ารู้จักกับนายสุชาติ ปฏิเสธเสียงแข็งทุกข้อกล่าวหา ตัวนายสุชาติเองนั่งก้มหน้าเงียบก็ไม่ปริปากพูดอะไร หาก ระหว่างที่มุกรวีอยู่บนหลังชายหนุ่ม หญิงสาวแอบกระซิบบอก
‘สิบห้าล้านเก้าแสนหนึ่งร้อยจุดเจ็ดห้าสตางค์’
‘คุณว่าอะไรนะ’
‘นายสุชาติคุยโทรศัพท์กับคนที่เป็นนายใหญ่ บอกให้โอนเงินมาให้ ธนาคารXX’
นั่นเองเขมินท์จึงนำเรื่องนี้ไปบอกกับทางตำรวจ แต่จากการตรวจสอบบัญชีการโอนเงินเข้าออกก็ไม่พบเงินจำนวนที่ว่า และเมื่อเทียบกับบัญชีของนายสุชาติและลูกน้องคนอื่นๆแล้วก็ไม่พบความผิดปกติที่น่าสงสัย
เจ้าของไร่หนุ่มดูเอกสารที่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีของหัวหน้าขบวนการค้ายาแล้วก็ได้แต่สงสัย ความรู้สึกเหมือนมันตงิดๆอะไรบางอย่าง แล้วก็สะดุดตาบางอย่างเข้า เขมินท์เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียง เสียงหล่อนแว่วเข้ามาในความคิด
‘แต่แปลกนะ.. บอกจำนวนเงิน บอกธนาคาร แต่ไม่ยักกะบอกเลขบัญชี’
นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่มุกรวีพูดก่อนจะหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ชายหนุ่มก้มดูเอกสารในมืออีกครั้ง และก็ได้พบ ...ตัวเลขนั้นไม่ใช่จำนวนเงิน .. 15-900-100-75 มันคือเลขบัญชี
และเมื่อนำเรื่องไปตรวจสอบก็พบว่าเจ้าของบัญชีนั้นคือ หญิงวัยกลางคน อายุประมาณสี่สิบ อาศัยอยู่ตัวคนเดียวที่จังหวัดสุรินทร์ และเมื่อสืบลงไปลึกกว่านั้นทำให้ได้รู้ว่า หล่อนคือภรรยาเก่าของนายสุชาติ และนั่นคือความเชื่อมโยงระหว่างนิชาและนายสุชาติที่สามารถปะติดได้สำเร็จ รวมกับการชี้ตัวของเด็กชายต้อม ทำให้หญิงสาวต้องก้มหน้ายอมรับ
จากคำสารภาพ หญิงสาวมีปัญหาอย่างหนัก บิดาที่ชอบมารีดไถเงินจากหล่อนและมารดาคราวละมากๆ ซ้ำยังมีน้องที่เกิดจากบิดากับผู้หญิงคนอื่นที่มักเอามาทิ้งไว้ให้มารดาและหล่อนเลี้ยง มารดาของหล่อนเองรับไว้ด้วยความสงสาร อีกทั้งยังหวังว่าสักวันสามีจะเห็นความดีและกลับมาดีกับหล่อนเช่นเดิม
หากเรื่องไม่เป็นอย่างที่คิด นับวันภาระการเงินที่นิชาจะต้องแบกรับยิ่งมากขึ้น ตัวหล่อนนั้นได้ทุนจากคุณนายจันทร์ฉายไปเรียนต่อที่เมืองนอก และที่นั่นทำให้เธอได้พบกับพ่อค้ายาต่างชาติ ทั้งสองมีสัมพันธ์ลับกัน และด้วยความฉลาดเฉลียว หลังจากนั้นนิชาก็ได้รับความไว้วางใจ กลายเป็นเจ้าแม่ เป็นแขนขาของพ่อค้ายาต่างชาติที่ควบคุมการขนส่งยาเสพติดทางภาคเหนือให้กับขบวนการจากต่างชาติ หล่อนสามารถอำนวยความสะดวกให้ และทำให้การขนส่งทุกครั้งเป็นไปได้ด้วยดีได้เป็นอย่างดี