กลร้าย อุบัติรัก บทที่ 15
เขียน... ขอจันทร์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/34058785
บทที่ ๒ http://ppantip.com/topic/34061303
บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/34064438
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/34066898
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/34400930
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/34409252
บทที่ ๗ http://ppantip.com/topic/34411483
บทที่ ๘ http://ppantip.com/topic/35236917
บทที่ ๙ http://ppantip.com/topic/35242366
บทที่ ๑๐ http://ppantip.com/topic/35249691
บทที่ ๑๑ http://ppantip.com/topic/35256888
บทที่ ๑๒ http://ppantip.com/topic/35356480
บทที่ ๑๓ http://ppantip.com/topic/35373514
บทที่ ๑๔ http://ppantip.com/topic/35382163
เนื่องจากหมู่บ้านนั้นแบ่งซอกซอยวนเวียนจนน่าปวดหัว แถมเลขที่บ้านก็โดด ไปโดดมาจนหญิงสาวนึกอยากเห็นหน้าคนจัดผังหมู่บ้านขึ้นมาตงิดๆ ทั้งสองคนจึงต้องใช้วิธีถามคนในหมู่บ้านไปตลอดทาง ซึ่งแต่ละคนก็..
‘ป้ารู้จักบ้านเลขที่นี้มั้ยครับ’
‘ตรงไปนะคุณ เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา อ่า จะเจอถังขยะสีเขียว.. ไม่สิ สีแดง ไม่แน่บางทีก็สีเหลือง อืม จากนั้นก็ตรงไปอีกนิด เจอแยกที่มีต้นไทร คุณระวังนะ ต้นนั้นเห็นเขาว่ามีคนเคยผูกคอตายด้วยเขาว่าผีเฮี้ยน ไม่รู้จริงมั้ย... ห๊ะ อะไรนะ อ้อ จากนั้นก็ เอ เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวานะ ป้าไม่แน่ใจ เอ้อ เดี๋ยวนะ คุณจะไปบ้านเลขที่เท่าไหร่..’
‘อ้อ บ้านหลังนี้หรือ ผมรู้จักดีเลยละ ญาติๆกัน ..บอกทางเรอะ ผมบอกไม่ถูกหรอก แต่พาไปได้นะ ขอค่าเสียเวลาสักห้าร้อยละกัน...’
‘มาถามหาบ้านคน โอ๊ย เห็นฉันเป็นผู้ใหญ่บ้านหรือไง ไอ้บ้านนี้หมู่นี้ซอยมันแตกแขนงหยังกะรากฝอย ฉันไม่มีเวลามานั่งจำบ้านเลขที่คนหรอกนะคุณ แค่ทำงานตัวเองเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงนี่ก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้วไหนยังต้องเลี้ยงลูกขี้เกียจ กับไอ้ผัวขึ้เมาอีก เวรจริงๆ..’
หรือไม่ก็...
‘พี่รู้จักบ้านหลังนี้มั้ยคะ’
‘....’
‘คือ ฉันมีธุระกับคนบ้านนี้...’
‘....’
‘อ่า.. ขอบคุณคะ’
‘....’
ใช้ความพยายามอยู่พักใหญ่ ทั้งสองก็มาถึงบ้านตามที่อยู่ของส้มลิ้ม บ้านนั้นตัวบ้านเป็นทรงยุโรป หลังใหญ่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นหลังที่ใหญ่ที่สุดในซอย บ่งบอกถึงฐานะของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี
“หมู่บ้านนี้มันยังไงกัน” เขมินท์ก้าวลงจากรถลงมา มือเกาหัวแกรกๆ
“ชักจะไม่อยากเข้าไปแล้วสิ” มุกรวีพูด
“มาถึงนี่แล้ว ยังไงก็ต้องเข้าละคุณ” ชายหนุ่มพูดพลางมองสำรวจเข้าไปในตัวบ้าน
“บ้านหลังใหญ่น่าดูเลยนะเนี่ย” มุกรวีพูดเบาๆ มองชายหนุ่มที่ทำท่าทางลับๆล่อเกาะอยู่ตามแนวพุ่มไม้
“นี่!” มุกรวีเดินสะกิดชายหนุ่ม “มันน่าสงสัยนะ”
“อืม น่าสงสัยจริง บ้านออกใหญ่คนไปไหนหมด” เขมินท์ว่าพลางชะเง้อมองตัวบ้าน
“ฉันหมายถึงคุณนะ ทำตัวน่าสงสัยมากเลย เดี๋ยวเขาก็นึกว่าเราเป็นโจรแล้วเรียกตำรวจมาจับกันพอดี!” มุกรวีว่าแล้วก็ฟาดอีกฝ่ายดังป๊าบ!
“อ้าว” ชายหนุ่มร้องพลางคลำไหล่ปอยๆ
“ไปกดออดเรียกเขาดีๆสิ”
“จ้าๆ” ชายหนุ่มตอบรับ “มันระแวงสิคุณ มาบ้านนี้ไม่รู้จะเจออะไรบ้าง ลองอยู่หมู่บ้านนี้คงไม่ธรรมดาหรอก” ปากว่าแต่ก็ยอมเดินตามที่หญิงสาวบอก ก้มลงสอดส่องหน้าบ้านอีกสองสามที ก่อนจะกดออด
รอไม่นานหญิงสูงวัยคนหนึ่งก็วิ่งมาดูจากการแต่งตัวแล้วคงเป็นแม่บ้าน เธอตรงเข้ามาหยุดก่อนมองแขกสองคนอย่างสงสัย
“ผมมาหาเจ้าของบ้านครับ”
“ขอโทษนะคะ คุณเป็นใคร”
“เรียนเจ้าของบ้านว่าผมเป็นญาติคุณเก็จกระรัตน์ครับ”
เขมินท์พูดจบ หญิงชราก็ออกปากว่าให้รอสักครู่แล้ววิ่งอุ้ยอ้ายเข้าไปในบ้าน รอไม่นานฝ่ายนั้นก็ออกมาเปิดประตูให้เชื้อเชิญให้เข้าไปในบ้าน แม่บ้านพาทั้งคู่เข้ามานั่งรอในห้องรับแขกที่ใหญ่โตอลังการ แค่แปปเดียวก็มีน้ำเย็นเชี๊ยบมาเสิร์ฟลงตรงหน้า
“คุณมณีกำลังจะลงมาค่ะ” บอกตามคำสั่งแล้วก็ถอยออกไป
“คุณมณีเธอจะเป็นยังไงนะ”
“ไม่รู้สิคุณ ระวังไว้หน่อย มีอะไรจะได้เผ่นทัน”
“ถ้าทิ้งฉัน กลับไปเมื่อไหร่ ได้เห็นดีกันแน่”
“ไม่ได้ทิ้ง แต่วิ่งให้ทันผมละกัน” เขมินท์พูดพลางยักคิ้วให้ มุกรวีขว้างค้อนไปให้ ยังไม่ทันได้ว่าอะไรต่อ หญิงสูงวัยท่าทางมีสง่าก็เดินเข้ามา เธอพินิจมองตรงนิ่ง คนทั้งคู่เหมือนจะลืมหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะค่อยผ่อนลมหายใจยาวเมื่ออีกฝ่ายส่งยิ้มหวานมาให้ ก่อนค่อยๆนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้าม
“ฉันดีใจที่พวกคุณมา ฉันชื่อยิ่งมณีค่ะ เป็นอดีตภรรยาของพิชิต” น้ำเสียงหวานเอ่ยออกมา ก่อนที่ใบหน้าสวยหวานนั้นจะหันมาส่งยิ้มให้มุกรวี “คุณเก็จอายุน้อยกว่าที่คิดนะคะ เอ หรือว่าหน้าเด็ก”
“เอ่อ ฉันไม่ใช่คุณเก็จกระรัตน์ค่ะ ฉันชื่อมุกรวี...”
“..เป็นแฟนผมเองครับ ผมชื่อเขมินท์ เป็นหลานชายของน้าเก็จ” พูดพลางมือก็โอบรอบเอวหญิงสาวเข้ามาแสดงความเป็นเจ้าของ แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเล็บคมๆหยิกหมับเข้าสีข้างอย่างแรงเป็นเชิงเตือน
“อ้อ ตายจริง ต้องขอโทษด้วยนะคะ ก็คิดอยู่แล้วเชียวว่าสามีดิฉันไม่น่าหาภรรยาเด็กได้ขนาดนี้” น้ำเสียงที่พูดนั้นฟังดูสบายๆจนคนฟังแปลกใจ
“แล้วคุณเก็จกระรัตน์เธอไม่มาหรือคะ”
“น้าเก็จติดธุระครับ มาไม่ได้”
“น่าเสียดาย ฉันคิดว่าจะได้เห็นหน้าหนูน้ำหนึ่งสักครั้ง” น้ำเสียงที่พูดนั้นแสดงความจริงใจอย่างแท้จริง หนุ่มสาวทั้งคู่หันมองหน้ากัน ยิ่งมณีเดาความคิดทั้งคู่ได้ จึงหัวเราะออกมาเบาๆก่อนเอ่ยต่อ
“ดูคุณจะมีเรื่องข้องใจนะคะ”
“ขอโทษนะคะที่ต้องพูดตรงๆ แต่คุณผิดจากที่ฉันคิดเอาไว้มาก”
“ที่ฉันดูไม่ยินดียินร้ายกับสามีตัวเองเลยนะหรือคะ” ยิ่งมณีพูดก่อนเอ่ยต่อ “คุณคงวาดภาพฉันเอาไว้ว่าเป็นเมียหลวงใจร้ายเหมือนในละครน้ำเน่าแน่ๆเลย ใช่มั้ยคะ” พูดแล้วเห็นทั้งคู่เงียบ ก็หัวเราะอย่างเห็นขัน ก่อนเอ่ยต่ออย่างจริงจัง
“ก่อนที่เราจะพูดธุระกัน ฉันคงต้องอธิบายอะไรสักหน่อย เพื่อให้คุณไปบอกคุณเก็จที่ ‘ติดธุระ’ ต่อให้เข้าใจด้วย” ยิ่งมณีพูดอย่างรู้เท่าทัน
“มีเรื่องอะไรที่น้าเก็จควรรู้หรือครับ”
“เรื่องสามีของเธอ เอ ไม่สิ.. สามีของเรา ” ยิ่งมณียิ้มให้ทั้งคู่ก่อนเริ่มพูดต่อ
(มีต่อค่ะ)
กลร้าย อุบัติรัก บทที่ ๑๕
เขียน... ขอจันทร์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เนื่องจากหมู่บ้านนั้นแบ่งซอกซอยวนเวียนจนน่าปวดหัว แถมเลขที่บ้านก็โดด ไปโดดมาจนหญิงสาวนึกอยากเห็นหน้าคนจัดผังหมู่บ้านขึ้นมาตงิดๆ ทั้งสองคนจึงต้องใช้วิธีถามคนในหมู่บ้านไปตลอดทาง ซึ่งแต่ละคนก็..
‘ป้ารู้จักบ้านเลขที่นี้มั้ยครับ’
‘ตรงไปนะคุณ เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา อ่า จะเจอถังขยะสีเขียว.. ไม่สิ สีแดง ไม่แน่บางทีก็สีเหลือง อืม จากนั้นก็ตรงไปอีกนิด เจอแยกที่มีต้นไทร คุณระวังนะ ต้นนั้นเห็นเขาว่ามีคนเคยผูกคอตายด้วยเขาว่าผีเฮี้ยน ไม่รู้จริงมั้ย... ห๊ะ อะไรนะ อ้อ จากนั้นก็ เอ เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวานะ ป้าไม่แน่ใจ เอ้อ เดี๋ยวนะ คุณจะไปบ้านเลขที่เท่าไหร่..’
‘อ้อ บ้านหลังนี้หรือ ผมรู้จักดีเลยละ ญาติๆกัน ..บอกทางเรอะ ผมบอกไม่ถูกหรอก แต่พาไปได้นะ ขอค่าเสียเวลาสักห้าร้อยละกัน...’
‘มาถามหาบ้านคน โอ๊ย เห็นฉันเป็นผู้ใหญ่บ้านหรือไง ไอ้บ้านนี้หมู่นี้ซอยมันแตกแขนงหยังกะรากฝอย ฉันไม่มีเวลามานั่งจำบ้านเลขที่คนหรอกนะคุณ แค่ทำงานตัวเองเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงนี่ก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้วไหนยังต้องเลี้ยงลูกขี้เกียจ กับไอ้ผัวขึ้เมาอีก เวรจริงๆ..’
หรือไม่ก็...
‘พี่รู้จักบ้านหลังนี้มั้ยคะ’
‘....’
‘คือ ฉันมีธุระกับคนบ้านนี้...’
‘....’
‘อ่า.. ขอบคุณคะ’
‘....’
ใช้ความพยายามอยู่พักใหญ่ ทั้งสองก็มาถึงบ้านตามที่อยู่ของส้มลิ้ม บ้านนั้นตัวบ้านเป็นทรงยุโรป หลังใหญ่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นหลังที่ใหญ่ที่สุดในซอย บ่งบอกถึงฐานะของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี
“หมู่บ้านนี้มันยังไงกัน” เขมินท์ก้าวลงจากรถลงมา มือเกาหัวแกรกๆ
“ชักจะไม่อยากเข้าไปแล้วสิ” มุกรวีพูด
“มาถึงนี่แล้ว ยังไงก็ต้องเข้าละคุณ” ชายหนุ่มพูดพลางมองสำรวจเข้าไปในตัวบ้าน
“บ้านหลังใหญ่น่าดูเลยนะเนี่ย” มุกรวีพูดเบาๆ มองชายหนุ่มที่ทำท่าทางลับๆล่อเกาะอยู่ตามแนวพุ่มไม้
“นี่!” มุกรวีเดินสะกิดชายหนุ่ม “มันน่าสงสัยนะ”
“อืม น่าสงสัยจริง บ้านออกใหญ่คนไปไหนหมด” เขมินท์ว่าพลางชะเง้อมองตัวบ้าน
“ฉันหมายถึงคุณนะ ทำตัวน่าสงสัยมากเลย เดี๋ยวเขาก็นึกว่าเราเป็นโจรแล้วเรียกตำรวจมาจับกันพอดี!” มุกรวีว่าแล้วก็ฟาดอีกฝ่ายดังป๊าบ!
“อ้าว” ชายหนุ่มร้องพลางคลำไหล่ปอยๆ
“ไปกดออดเรียกเขาดีๆสิ”
“จ้าๆ” ชายหนุ่มตอบรับ “มันระแวงสิคุณ มาบ้านนี้ไม่รู้จะเจออะไรบ้าง ลองอยู่หมู่บ้านนี้คงไม่ธรรมดาหรอก” ปากว่าแต่ก็ยอมเดินตามที่หญิงสาวบอก ก้มลงสอดส่องหน้าบ้านอีกสองสามที ก่อนจะกดออด
รอไม่นานหญิงสูงวัยคนหนึ่งก็วิ่งมาดูจากการแต่งตัวแล้วคงเป็นแม่บ้าน เธอตรงเข้ามาหยุดก่อนมองแขกสองคนอย่างสงสัย
“ผมมาหาเจ้าของบ้านครับ”
“ขอโทษนะคะ คุณเป็นใคร”
“เรียนเจ้าของบ้านว่าผมเป็นญาติคุณเก็จกระรัตน์ครับ”
เขมินท์พูดจบ หญิงชราก็ออกปากว่าให้รอสักครู่แล้ววิ่งอุ้ยอ้ายเข้าไปในบ้าน รอไม่นานฝ่ายนั้นก็ออกมาเปิดประตูให้เชื้อเชิญให้เข้าไปในบ้าน แม่บ้านพาทั้งคู่เข้ามานั่งรอในห้องรับแขกที่ใหญ่โตอลังการ แค่แปปเดียวก็มีน้ำเย็นเชี๊ยบมาเสิร์ฟลงตรงหน้า
“คุณมณีกำลังจะลงมาค่ะ” บอกตามคำสั่งแล้วก็ถอยออกไป
“คุณมณีเธอจะเป็นยังไงนะ”
“ไม่รู้สิคุณ ระวังไว้หน่อย มีอะไรจะได้เผ่นทัน”
“ถ้าทิ้งฉัน กลับไปเมื่อไหร่ ได้เห็นดีกันแน่”
“ไม่ได้ทิ้ง แต่วิ่งให้ทันผมละกัน” เขมินท์พูดพลางยักคิ้วให้ มุกรวีขว้างค้อนไปให้ ยังไม่ทันได้ว่าอะไรต่อ หญิงสูงวัยท่าทางมีสง่าก็เดินเข้ามา เธอพินิจมองตรงนิ่ง คนทั้งคู่เหมือนจะลืมหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะค่อยผ่อนลมหายใจยาวเมื่ออีกฝ่ายส่งยิ้มหวานมาให้ ก่อนค่อยๆนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้าม
“ฉันดีใจที่พวกคุณมา ฉันชื่อยิ่งมณีค่ะ เป็นอดีตภรรยาของพิชิต” น้ำเสียงหวานเอ่ยออกมา ก่อนที่ใบหน้าสวยหวานนั้นจะหันมาส่งยิ้มให้มุกรวี “คุณเก็จอายุน้อยกว่าที่คิดนะคะ เอ หรือว่าหน้าเด็ก”
“เอ่อ ฉันไม่ใช่คุณเก็จกระรัตน์ค่ะ ฉันชื่อมุกรวี...”
“..เป็นแฟนผมเองครับ ผมชื่อเขมินท์ เป็นหลานชายของน้าเก็จ” พูดพลางมือก็โอบรอบเอวหญิงสาวเข้ามาแสดงความเป็นเจ้าของ แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเล็บคมๆหยิกหมับเข้าสีข้างอย่างแรงเป็นเชิงเตือน
“อ้อ ตายจริง ต้องขอโทษด้วยนะคะ ก็คิดอยู่แล้วเชียวว่าสามีดิฉันไม่น่าหาภรรยาเด็กได้ขนาดนี้” น้ำเสียงที่พูดนั้นฟังดูสบายๆจนคนฟังแปลกใจ
“แล้วคุณเก็จกระรัตน์เธอไม่มาหรือคะ”
“น้าเก็จติดธุระครับ มาไม่ได้”
“น่าเสียดาย ฉันคิดว่าจะได้เห็นหน้าหนูน้ำหนึ่งสักครั้ง” น้ำเสียงที่พูดนั้นแสดงความจริงใจอย่างแท้จริง หนุ่มสาวทั้งคู่หันมองหน้ากัน ยิ่งมณีเดาความคิดทั้งคู่ได้ จึงหัวเราะออกมาเบาๆก่อนเอ่ยต่อ
“ดูคุณจะมีเรื่องข้องใจนะคะ”
“ขอโทษนะคะที่ต้องพูดตรงๆ แต่คุณผิดจากที่ฉันคิดเอาไว้มาก”
“ที่ฉันดูไม่ยินดียินร้ายกับสามีตัวเองเลยนะหรือคะ” ยิ่งมณีพูดก่อนเอ่ยต่อ “คุณคงวาดภาพฉันเอาไว้ว่าเป็นเมียหลวงใจร้ายเหมือนในละครน้ำเน่าแน่ๆเลย ใช่มั้ยคะ” พูดแล้วเห็นทั้งคู่เงียบ ก็หัวเราะอย่างเห็นขัน ก่อนเอ่ยต่ออย่างจริงจัง
“ก่อนที่เราจะพูดธุระกัน ฉันคงต้องอธิบายอะไรสักหน่อย เพื่อให้คุณไปบอกคุณเก็จที่ ‘ติดธุระ’ ต่อให้เข้าใจด้วย” ยิ่งมณีพูดอย่างรู้เท่าทัน
“มีเรื่องอะไรที่น้าเก็จควรรู้หรือครับ”
“เรื่องสามีของเธอ เอ ไม่สิ.. สามีของเรา ” ยิ่งมณียิ้มให้ทั้งคู่ก่อนเริ่มพูดต่อ
(มีต่อค่ะ)