ตอนเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ ๑
https://ppantip.com/topic/38182471
ตอนที่ ๒
https://ppantip.com/topic/38201894
ตอนที่ ๓
https://ppantip.com/topic/38222772
ตอนที่ ๔
https://ppantip.com/topic/38244528
ตอนที่ ๕
https://ppantip.com/topic/38267741
ตอนที่ ๖
https://ppantip.com/topic/38286854
ตอนที่ ๗
https://ppantip.com/topic/38310587
ตอนที่ ๘
https://ppantip.com/topic/38336944
ตอนที่ ๙
https://ppantip.com/topic/38365655
ตอนที่ ๑๐
https://ppantip.com/topic/38546405
...........เด็กโรงน้ำแข็ง ตอนที่ ๑๑ ( กินอยู่ ในโรงงาน )
..........สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน ถ้าท่านอ่านมาถึงตอนนี้ แสดงว่าท่านยังไม่เบื่อเรื่องวุ่น ๆ ในโรงงาน อาจจะเหนื่อยนิด ๆ หรือเวียนหัวหน่อย ๆ กับ ความยุ่งเหยิง และวีรกรรมของบรรดาเด็ก ๆ ทั้งหลาย ถ้ายังมีความสุขอยู่ งั้นก็ตามผมมาเลย ยังมีความยุ่งอีนุงตุงนัง ให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินกัน อีกมากมายครับ
หลังจากทำงานหนักมาทั้งวันแล้ว เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ก็ต้องพักผ่อนนอนหลับ ใครยังไม่อยากหลับ ก็พากันนั่งเฝ้าขวด แย่จนโงหัวไม่ขึ้นค่อยหามกันไป เด็กในโรงน้ำแข็งนี้ ส่วนมากจะมาจากไกล ๆ ที่บ้านใกล้จะมีเป็นส่วนน้อย รอบโรงงานก็มีหนุ่ม ๆ มากอยู่ แต่ไปหางานทำกันที่อื่น ไม่รู้ว่างานในนี้ไม่ถูกใจหรือว่ายังไง เพราะจะว่าหนักกว่าที่อื่นก็ไม่แน่
เห็นหายไปกันแค่เดือนสองเดือน กลับมานั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บ้านให้แม่บ่นอีกแล้ว แสดงว่าที่อื่นก็ไม่เบาเหมือนกัน พอคนใกล้ ๆ ไม่สนใจ ก็เลยต้องหากันที่ไกล ๆ ไกลไปจนถึง ท่าสองยาง จังหวัดตากนู่น บางโรงไปถึงแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มาแล้วทำไง บ้านไกลขนาดนั้น ก็ต้องมีที่พักให้
ก็ทำกันแบบง่าย ๆ ละครับ เป็นแถวยาวไป แบ่งเป็นห้อง ๆ กว้างยาวก็พอประมาณ แต่ก็ไม่ต่ำกว่าสามคูณสี่เมตร มีประตูบานนึง หน้าต่างก็อยู่ข้าง ๆ ประตู จำนวนห้องมากน้อยเท่าไร แล้วแต่เนื้อที่ของแต่ละโรงงาน แต่เรื่องนี้แปลก ดูยังไงห้องก็ไม่น่าจะพอ คนงานห้าสิบคน กลับไปนอนบ้านมั่ง เหลือพักในโรงงานยี่สิบกว่าคน ห้องสิบกว่าห้องไม่น่าจะพอ กลายเป็นว่าว่างเรื่อย เรียกว่าใครมาสมัครงานตอนไหน มีที่ให้พักตลอด นี่ละมั้ง ที่เป็นเสน่ห์อย่างนึงของโรงน้ำแข็ง ทำให้คนจากแดนไกลแวะเวียนกันเข้ามาบ่อย ๆ
มีห้องพักแล้ว หมดห่วงไปได้อย่าง ทีนี้มาเรื่องกินมั่ง เคยได้ยินเค้าว่ากันว่า เหนื่อยงานดีกว่า เหนื่อยกับคน ตอนแรกก็ยังนึกไม่ออก มาเห็นชัด ๆ ก็อีตอนหากับข้าวให้คนงานนี่แหละ จริง ๆ แล้วมันก็ไม่น่าจะยุ่งอะไร ก็แค่เรื่องกิน ลองดูสักนิดซิ ว่ามันเป็นยังไง
เริ่มที่ข้าวก่อนเลย คนบ้านเราส่วนใหญ่กินข้าวเป็นหลัก ยิ่งทำงานใช้แรงด้วยนะ ไปด้วยกันเคยพาแวะกินก๋วยเตี๋ยวตอนเที่ยง พอบ่ายกว่า ๆ พวกบอกหมดแรง มันไม่อยู่ท้อง ฟังแล้วก็ งง เรานี่จุกไปยันเย็น ตั้งแต่นั้นมา ไปไหนต้องเลี้ยงข้าว ไม่งั้นไม่ได้งาน
ที่โรงงานใช้หม้อหุงข้าวขนาดห้าลิตร เช้ามาเจ๊ก็เตรียมละ ซาวข้าว ใส่น้ำ เสียบปลั๊ก เสร็จ ก็ไปทำกับข้าว บ้านเราจะมีอะไร แกงไก่ แกงหมู ผัดกระเพรา ต้มยำ วนไปวนมา ทำทุกวันก็นึกไม่ออกเหมือนกัน เสร็จแล้วก็เดินดูนู่นดูนี่ไป ใครว่างก็ทยอยกันมาตักราด ๆ ไปหาที่นั่งกันตามชอบ ถ้าวันไหนงานตอนเช้าเสร็จเร็ว ก็จะมารุมกันอยู่แถวนั้นแหละ หาช้อนหาจาน ให้วุ่นไปหมด
เคยซื้อทิ้งไว้อย่างละหลายโหล ไม่ถึงสองอาทิตย์ หายเกลี้ยง แล้วไม่มีซากให้เห็นด้วย ในห้องก็ไม่มี หลังห้องน้ำ ตามป่า หาตรงไหนก็ไม่เจอ ครั้งสุดท้ายบอกไม่ซื้อให้อีกแล้วนะ รักษากันเอง ของใครของมัน ก็เลยมีบุญ ได้เห็นภาพการใช้มือเปิบข้าว ทั้งที่น่าจะสูญหายไปแล้ว
ส่วนภาชนะก็หลากหลาย จานพลาสติก จานกระเบื้อง ฝากล่องซุปเปอร์แวร์ กะละมังสังกะสี รูปร่างแปลก แตกต่างกันไป เหมือนกันตรงสภาพย่ำแย่ เยินแล้วเยินอีก แต่เห็นอย่างนั้นยังเผลอไม่ได้ กินเสร็จแล้วต้องล้างเก็บเข้าห้องไปเลย ถ้าวางทิ้งไว้ วันรุ่งขึ้นได้ใช้ถุงก๊อบแก๊บใส่ข้าวกินแน่นอน แต่แปลกใจ แก้วนี่ไม่ยักหาย มีแต่จะมากขึ้น แก้วสั้น แก้วยาว แก้วใส พลาสติก ไปตรงไหนก็เจอ ขนาดหลังเบาะ ในเก๊ะหน้ารถ ก็ยังมี
ใหม่ ๆ ข้าวต้องหุงสองรอบ เช้าไปรอบนึงแล้ว สักบ่ายสามต้องหุงเพิ่มอีก ไม่งั้นไม่พอ โดยเฉพาะกระเหรี่ยงนี่กินข้าวเยอะมาก ตักทีชามใหญ่ ๆ พูนเลย ข้าวสารกระสอบห้าสิบโลไม่ถึงเดือน หมด ไปได้สักพัก รอบสองชักเหลือ ยิ่งต้นเดือนสองสามวันแรก เต็มหม้อเลย แล้วเอามาอุ่นไว้เช้าก็ไม่มีใครมอง ต้องทิ้ง แล้วหุงใหม่อย่างเดียว
เลยต้องหุงแค่รอบเช้า เสียดายเวลาทิ้งข้าว ส่วนนานที ใครจะบ่นข้าวไม่มีกินตอนเย็น ก็มาตักในครัวเจ๊ไป แต่ไม่เคยมีใครบ่นให้ได้ยินบ่อยนัก จะได้ยินก็เรื่องกับข้าวจำเจ แล้วคนที่ชอบกินรสจัด จะรู้สึกว่ามันจืด ๆ ไปหน่อย เจ๊ก็ให้ช่วยกันคิดว่าจะกินอะไร เด็กก็รับปาก แล้วไปปรึกษากัน ตอนบ่าย ๆ ก็มาบอกกับเจ๊ว่า อะไรก็ได้ครับ เฮ้อ ขอบใจมาก ช่วยได้เยอะเลยนะ
ผ่านไปอีกไม่กี่วัน กับข้าวเริ่มไม่หมด เจ๊ก็พยายามเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ กลัวเด็กเบื่อ มันก็ลำบากเหมือนกันนะ เดือนละสามสิบวัน วันละสองครั้ง เท่ากับหกสิบครั้ง ที่ต้องคิดรายการอาหารออกมาให้แตกต่างกัน
แล้ววัตถุดิบตามตลาดมันจะมีอะไรมากมาย ไม่หมูก็ไก่ ไม่ไก่ก็หมู ประเภทผักนี่เมินกันตั้งแต่เริ่ม ส่วนพะโล้ หรือ ต้มจืด ไม่มีวาสนาได้ขึ้นโต๊ะแน่นอน ไข่เจียวครั้งสองครั้งแรก อร่อยกันทุกคน ขอให้เจ๊ทำอีก เว้นช่วงทำให้ตามคำเรียกร้อง พอสามครั้งไปแล้วนั่งเขี่ยกันละสิทีนี้
ไปมาข้าวชักเหลือครึ่งหม้อแล้ว ส่วนแกงไม่ต้องสืบ บูดทุกวัน เอาไงดี เจ๊เริ่มเสียดายของ เด็กก็กินไม่อิ่ม ลองสั่งร้านข้าวแกงมามั่งดีมั้ย เค้าทำขายเป็นอาชีพ เผื่อจะหลากหลายกว่าที่เจ๊ทำ หลายคนเห็นด้วย เอ้า ไปหามา ร้านไหน บ้านไหนใครทำกับข้าวส่งได้มั่ง เช้า ยี่สิบห้าถุง บ่ายสาม ยี่สิบห้าถุง ดูราคาที่พอเหมาะด้วยนะ แพงมากเจ๊ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
เสมียนก็ชวนพวกผู้หญิงออกหา แยกกันไป ใครนึกอะไรออก เคยผ่านตาตรงไหนมีกับข้าวขาย ลองไปคุยกับเค้าดู หรือญาติใครทำได้ ก็เช็คราคามา
กลายเป็นเรื่องระดับชาติโดยไม่มีใครคาดฝัน หลังจากออกไปกันได้แค่สองวัน ทีนี้โรงงานต้องเปิดประตูรับบรรดาแม่บ้านอาหารไทย วันละสามเวลา เจ๊ไม่เป็นอันต้องทำอะไรแล้ว วัน ๆ มีคนเอากับข้าวมาให้ชิมสารพัดอย่าง จนข้าวปลาไม่ต้องหุงต้องทำกัน กินของที่ น้า ๆ ป้า ๆ เอามาให้ก็แทบจุก คนนู้นเข้าคนนี้ออก บางวันสี่ห้าเจ้า กินกันไม่หวาดไม่ไหว
ส่วนราคาก็เชือดเฉือนกัน จนมองดูแล้วสงสัยว่า แกเลี้ยงหมูเลี้ยงไก่ ปลูกพริก ปลูกมะเขือกันเองหรือไง แต่พอมานึกถึงวันละห้าสิบถุง มันก็น่าจะเหลือมั่งละนะ ถึงจะไม่มาก แต่ก็เป็นรายได้ที่มั่นคง เพราะโรงงานคงไม่ย้ายหนีกันไปง่าย ๆ หรอกมั้ง
ทางด้านเจ๊ก็เลือกตามสบายใจ มาลงตัวที่ยายคนนึงอยู่ไม่ไกลโรงงานเท่าไร รสชาติพอได้ ไม่ถึงกับขี้เหร่ แต่ราคาเร้าใจมาก ถุงละสิบบาท เจ๊ให้เหตุผลว่าสงสารแก เราก็ว่าน่าจะจริง เพราะเจ๊เป็นคนขี้สงสารอยู่แล้ว
เริ่มประเดิมชัยกันวันรุ่งขึ้นเลย เจ็ดโมงข้าวหุงเสร็จเรียบร้อย ยายก็ไล่มาติด ๆ เจ็ดโมงสิบห้า ใส่มายี่สิบเจ็ดถุง ให้เจ๊กับเฮียคนละถุง นอกนั้นของคนงาน ใส่ถุงหิ้วใบใหญ่วางไว้ข้างหม้อข้าวนั่นแหละ ตักข้าวเสร็จก็คว้าแกงไปถุงนึง
แกงก็พื้น ๆ น้ำกับเนื้อสมกับราคา ราดข้าวร้อน ๆ น้ำปลาเหยาะ ๆ หน่อย เข้ามุมใครมุมมัน ก้มหน้าก้มตาไม่รีรอ ข้าวโรงงานปลายเดือนนี่อร่อยสุด เงินในกระเป๋าไม่มีเหลือ บัญชีร้านค้าก็เต็ม รถโรงงานเข้ามาก็มีแต่ขวด ของกินไม่ค่อยมี ดังนั้นยายแกงอะไรมา ไม่มีบ่นสักคำ เหตุการณ์เป็นไปไปด้วยดี ลูกน้องพอใจ เจ๊ก็เบาแรง มีเวลาเพิ่มขึ้นมา ทำอะไรได้อีกหลายอย่าง
ย่างเข้าวันที่ห้า เวลาใกล้ ๆ เที่ยง เจ๊กลับจากธนาคาร เดินดูหน้าหวอด อ่างล้างถุง มองนู่นมองนี่ไปเรื่อย แวะไปดูโต๊ะวางหม้อข้าว มองมาแต่ไกลแล้ว เห็นถุงหิ้วใบใหญ่ วางอยู่ข้าง ๆ ในนั้นเหมือนมีอะไรใส่อยู่เต็ม
เปิดดูเห็นแกงร่วมยี่สิบถุงอยู่ในนั้น เดินไปถามหน้าหวอด ทำไมยังไม่กินข้าวกัน เด็กบอกกินแล้ว อ้าว แล้วแกงล่ะ ทำไมไม่มีใครเอาไป พวกนั้นบอกกินไม่ได้ แกงอะไรไม่รู้ เป็นแบบนี้สองวันแล้ว เจ๊เดินกลับไปแกะใส่ถ้วยดู เป็นแกงส้มน้ำใส ๆ มีชิ้นมะละกออยู่สามชิ้น มีแค่นั้นจริง ๆ จับถุงอื่นเอียง ๆ ดู ก็เหมือนกัน มองตรงพื้นใต้โต๊ะก็มีอีกถุงใหญ่ ข้างในไม่รู้แกงอะไร น่าจะเป็นของเมื่อวาน
ให้เสมียนบิดมอเตอร์ไซค์ไปคุยกับยาย สักพักกลับมาส่งข่าว ยายบอกว่า ใส่หมูใส่ไก่ไม่ไหว มันไม่เหลืออะไร เอ้า ดูเย็นนี้อีกที พอได้เวลา แกก็มาส่งปกติ เจ๊รออยู่ เปิดถุงดูเป็นผัดมะละกอใส่ไข่ มีมาหยิบมือนึง เลยบอก ยายหยุดไปก่อน จะเอาอีกเมื่อไรจะให้เด็กไปบอก
จ่ายยายไปสองร้อยห้าสิบ แล้วให้พวกผู้หญิงไปอีกสองร้อย ไปตลาดหาซื้อหมู ซื้ออะไรมา สรุป เย็นนี้เจ๊ก็ต้องทำกับข้าวเอง มันก็แกงเดิม ๆ นั่นแหละ คนเกือบสามสิบคน จะทำให้ถูกใจทุกคนมันก็ยาก
รุ่งขึ้นเช้าก็คุยกับเด็กว่า เพิ่มเงินเดือนให้อีกคนละพัน ให้หากินกันเอง ใครจะว่ายังไง มองกันไปมองกันมา ดีแฮะ อยากกินอะไรตอนไหน ก็ซื้อได้เลย เลือกได้ตามใจชอบ ก็ตกลงตามนั้น เงินเดือนเพิ่งออกไปไม่กี่วัน ไม่เป็นไร เจ๊ตัดให้ก่อนเลย รับแล้วก็หน้าบานตาม ๆ กัน
( มีต่อครับ )
........เรื่องเล่าหลังโรงงาน เรื่อง เด็กโรงน้ำแข็ง ตอนที่ ๑๑ โดย ลุงแผน.........@@
ตอนเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
...........เด็กโรงน้ำแข็ง ตอนที่ ๑๑ ( กินอยู่ ในโรงงาน )
..........สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน ถ้าท่านอ่านมาถึงตอนนี้ แสดงว่าท่านยังไม่เบื่อเรื่องวุ่น ๆ ในโรงงาน อาจจะเหนื่อยนิด ๆ หรือเวียนหัวหน่อย ๆ กับ ความยุ่งเหยิง และวีรกรรมของบรรดาเด็ก ๆ ทั้งหลาย ถ้ายังมีความสุขอยู่ งั้นก็ตามผมมาเลย ยังมีความยุ่งอีนุงตุงนัง ให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินกัน อีกมากมายครับ
หลังจากทำงานหนักมาทั้งวันแล้ว เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ก็ต้องพักผ่อนนอนหลับ ใครยังไม่อยากหลับ ก็พากันนั่งเฝ้าขวด แย่จนโงหัวไม่ขึ้นค่อยหามกันไป เด็กในโรงน้ำแข็งนี้ ส่วนมากจะมาจากไกล ๆ ที่บ้านใกล้จะมีเป็นส่วนน้อย รอบโรงงานก็มีหนุ่ม ๆ มากอยู่ แต่ไปหางานทำกันที่อื่น ไม่รู้ว่างานในนี้ไม่ถูกใจหรือว่ายังไง เพราะจะว่าหนักกว่าที่อื่นก็ไม่แน่
เห็นหายไปกันแค่เดือนสองเดือน กลับมานั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บ้านให้แม่บ่นอีกแล้ว แสดงว่าที่อื่นก็ไม่เบาเหมือนกัน พอคนใกล้ ๆ ไม่สนใจ ก็เลยต้องหากันที่ไกล ๆ ไกลไปจนถึง ท่าสองยาง จังหวัดตากนู่น บางโรงไปถึงแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มาแล้วทำไง บ้านไกลขนาดนั้น ก็ต้องมีที่พักให้
ก็ทำกันแบบง่าย ๆ ละครับ เป็นแถวยาวไป แบ่งเป็นห้อง ๆ กว้างยาวก็พอประมาณ แต่ก็ไม่ต่ำกว่าสามคูณสี่เมตร มีประตูบานนึง หน้าต่างก็อยู่ข้าง ๆ ประตู จำนวนห้องมากน้อยเท่าไร แล้วแต่เนื้อที่ของแต่ละโรงงาน แต่เรื่องนี้แปลก ดูยังไงห้องก็ไม่น่าจะพอ คนงานห้าสิบคน กลับไปนอนบ้านมั่ง เหลือพักในโรงงานยี่สิบกว่าคน ห้องสิบกว่าห้องไม่น่าจะพอ กลายเป็นว่าว่างเรื่อย เรียกว่าใครมาสมัครงานตอนไหน มีที่ให้พักตลอด นี่ละมั้ง ที่เป็นเสน่ห์อย่างนึงของโรงน้ำแข็ง ทำให้คนจากแดนไกลแวะเวียนกันเข้ามาบ่อย ๆ
มีห้องพักแล้ว หมดห่วงไปได้อย่าง ทีนี้มาเรื่องกินมั่ง เคยได้ยินเค้าว่ากันว่า เหนื่อยงานดีกว่า เหนื่อยกับคน ตอนแรกก็ยังนึกไม่ออก มาเห็นชัด ๆ ก็อีตอนหากับข้าวให้คนงานนี่แหละ จริง ๆ แล้วมันก็ไม่น่าจะยุ่งอะไร ก็แค่เรื่องกิน ลองดูสักนิดซิ ว่ามันเป็นยังไง
เริ่มที่ข้าวก่อนเลย คนบ้านเราส่วนใหญ่กินข้าวเป็นหลัก ยิ่งทำงานใช้แรงด้วยนะ ไปด้วยกันเคยพาแวะกินก๋วยเตี๋ยวตอนเที่ยง พอบ่ายกว่า ๆ พวกบอกหมดแรง มันไม่อยู่ท้อง ฟังแล้วก็ งง เรานี่จุกไปยันเย็น ตั้งแต่นั้นมา ไปไหนต้องเลี้ยงข้าว ไม่งั้นไม่ได้งาน
ที่โรงงานใช้หม้อหุงข้าวขนาดห้าลิตร เช้ามาเจ๊ก็เตรียมละ ซาวข้าว ใส่น้ำ เสียบปลั๊ก เสร็จ ก็ไปทำกับข้าว บ้านเราจะมีอะไร แกงไก่ แกงหมู ผัดกระเพรา ต้มยำ วนไปวนมา ทำทุกวันก็นึกไม่ออกเหมือนกัน เสร็จแล้วก็เดินดูนู่นดูนี่ไป ใครว่างก็ทยอยกันมาตักราด ๆ ไปหาที่นั่งกันตามชอบ ถ้าวันไหนงานตอนเช้าเสร็จเร็ว ก็จะมารุมกันอยู่แถวนั้นแหละ หาช้อนหาจาน ให้วุ่นไปหมด
เคยซื้อทิ้งไว้อย่างละหลายโหล ไม่ถึงสองอาทิตย์ หายเกลี้ยง แล้วไม่มีซากให้เห็นด้วย ในห้องก็ไม่มี หลังห้องน้ำ ตามป่า หาตรงไหนก็ไม่เจอ ครั้งสุดท้ายบอกไม่ซื้อให้อีกแล้วนะ รักษากันเอง ของใครของมัน ก็เลยมีบุญ ได้เห็นภาพการใช้มือเปิบข้าว ทั้งที่น่าจะสูญหายไปแล้ว
ส่วนภาชนะก็หลากหลาย จานพลาสติก จานกระเบื้อง ฝากล่องซุปเปอร์แวร์ กะละมังสังกะสี รูปร่างแปลก แตกต่างกันไป เหมือนกันตรงสภาพย่ำแย่ เยินแล้วเยินอีก แต่เห็นอย่างนั้นยังเผลอไม่ได้ กินเสร็จแล้วต้องล้างเก็บเข้าห้องไปเลย ถ้าวางทิ้งไว้ วันรุ่งขึ้นได้ใช้ถุงก๊อบแก๊บใส่ข้าวกินแน่นอน แต่แปลกใจ แก้วนี่ไม่ยักหาย มีแต่จะมากขึ้น แก้วสั้น แก้วยาว แก้วใส พลาสติก ไปตรงไหนก็เจอ ขนาดหลังเบาะ ในเก๊ะหน้ารถ ก็ยังมี
ใหม่ ๆ ข้าวต้องหุงสองรอบ เช้าไปรอบนึงแล้ว สักบ่ายสามต้องหุงเพิ่มอีก ไม่งั้นไม่พอ โดยเฉพาะกระเหรี่ยงนี่กินข้าวเยอะมาก ตักทีชามใหญ่ ๆ พูนเลย ข้าวสารกระสอบห้าสิบโลไม่ถึงเดือน หมด ไปได้สักพัก รอบสองชักเหลือ ยิ่งต้นเดือนสองสามวันแรก เต็มหม้อเลย แล้วเอามาอุ่นไว้เช้าก็ไม่มีใครมอง ต้องทิ้ง แล้วหุงใหม่อย่างเดียว
เลยต้องหุงแค่รอบเช้า เสียดายเวลาทิ้งข้าว ส่วนนานที ใครจะบ่นข้าวไม่มีกินตอนเย็น ก็มาตักในครัวเจ๊ไป แต่ไม่เคยมีใครบ่นให้ได้ยินบ่อยนัก จะได้ยินก็เรื่องกับข้าวจำเจ แล้วคนที่ชอบกินรสจัด จะรู้สึกว่ามันจืด ๆ ไปหน่อย เจ๊ก็ให้ช่วยกันคิดว่าจะกินอะไร เด็กก็รับปาก แล้วไปปรึกษากัน ตอนบ่าย ๆ ก็มาบอกกับเจ๊ว่า อะไรก็ได้ครับ เฮ้อ ขอบใจมาก ช่วยได้เยอะเลยนะ
ผ่านไปอีกไม่กี่วัน กับข้าวเริ่มไม่หมด เจ๊ก็พยายามเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ กลัวเด็กเบื่อ มันก็ลำบากเหมือนกันนะ เดือนละสามสิบวัน วันละสองครั้ง เท่ากับหกสิบครั้ง ที่ต้องคิดรายการอาหารออกมาให้แตกต่างกัน
แล้ววัตถุดิบตามตลาดมันจะมีอะไรมากมาย ไม่หมูก็ไก่ ไม่ไก่ก็หมู ประเภทผักนี่เมินกันตั้งแต่เริ่ม ส่วนพะโล้ หรือ ต้มจืด ไม่มีวาสนาได้ขึ้นโต๊ะแน่นอน ไข่เจียวครั้งสองครั้งแรก อร่อยกันทุกคน ขอให้เจ๊ทำอีก เว้นช่วงทำให้ตามคำเรียกร้อง พอสามครั้งไปแล้วนั่งเขี่ยกันละสิทีนี้
ไปมาข้าวชักเหลือครึ่งหม้อแล้ว ส่วนแกงไม่ต้องสืบ บูดทุกวัน เอาไงดี เจ๊เริ่มเสียดายของ เด็กก็กินไม่อิ่ม ลองสั่งร้านข้าวแกงมามั่งดีมั้ย เค้าทำขายเป็นอาชีพ เผื่อจะหลากหลายกว่าที่เจ๊ทำ หลายคนเห็นด้วย เอ้า ไปหามา ร้านไหน บ้านไหนใครทำกับข้าวส่งได้มั่ง เช้า ยี่สิบห้าถุง บ่ายสาม ยี่สิบห้าถุง ดูราคาที่พอเหมาะด้วยนะ แพงมากเจ๊ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
เสมียนก็ชวนพวกผู้หญิงออกหา แยกกันไป ใครนึกอะไรออก เคยผ่านตาตรงไหนมีกับข้าวขาย ลองไปคุยกับเค้าดู หรือญาติใครทำได้ ก็เช็คราคามา
กลายเป็นเรื่องระดับชาติโดยไม่มีใครคาดฝัน หลังจากออกไปกันได้แค่สองวัน ทีนี้โรงงานต้องเปิดประตูรับบรรดาแม่บ้านอาหารไทย วันละสามเวลา เจ๊ไม่เป็นอันต้องทำอะไรแล้ว วัน ๆ มีคนเอากับข้าวมาให้ชิมสารพัดอย่าง จนข้าวปลาไม่ต้องหุงต้องทำกัน กินของที่ น้า ๆ ป้า ๆ เอามาให้ก็แทบจุก คนนู้นเข้าคนนี้ออก บางวันสี่ห้าเจ้า กินกันไม่หวาดไม่ไหว
ส่วนราคาก็เชือดเฉือนกัน จนมองดูแล้วสงสัยว่า แกเลี้ยงหมูเลี้ยงไก่ ปลูกพริก ปลูกมะเขือกันเองหรือไง แต่พอมานึกถึงวันละห้าสิบถุง มันก็น่าจะเหลือมั่งละนะ ถึงจะไม่มาก แต่ก็เป็นรายได้ที่มั่นคง เพราะโรงงานคงไม่ย้ายหนีกันไปง่าย ๆ หรอกมั้ง
ทางด้านเจ๊ก็เลือกตามสบายใจ มาลงตัวที่ยายคนนึงอยู่ไม่ไกลโรงงานเท่าไร รสชาติพอได้ ไม่ถึงกับขี้เหร่ แต่ราคาเร้าใจมาก ถุงละสิบบาท เจ๊ให้เหตุผลว่าสงสารแก เราก็ว่าน่าจะจริง เพราะเจ๊เป็นคนขี้สงสารอยู่แล้ว
เริ่มประเดิมชัยกันวันรุ่งขึ้นเลย เจ็ดโมงข้าวหุงเสร็จเรียบร้อย ยายก็ไล่มาติด ๆ เจ็ดโมงสิบห้า ใส่มายี่สิบเจ็ดถุง ให้เจ๊กับเฮียคนละถุง นอกนั้นของคนงาน ใส่ถุงหิ้วใบใหญ่วางไว้ข้างหม้อข้าวนั่นแหละ ตักข้าวเสร็จก็คว้าแกงไปถุงนึง
แกงก็พื้น ๆ น้ำกับเนื้อสมกับราคา ราดข้าวร้อน ๆ น้ำปลาเหยาะ ๆ หน่อย เข้ามุมใครมุมมัน ก้มหน้าก้มตาไม่รีรอ ข้าวโรงงานปลายเดือนนี่อร่อยสุด เงินในกระเป๋าไม่มีเหลือ บัญชีร้านค้าก็เต็ม รถโรงงานเข้ามาก็มีแต่ขวด ของกินไม่ค่อยมี ดังนั้นยายแกงอะไรมา ไม่มีบ่นสักคำ เหตุการณ์เป็นไปไปด้วยดี ลูกน้องพอใจ เจ๊ก็เบาแรง มีเวลาเพิ่มขึ้นมา ทำอะไรได้อีกหลายอย่าง
ย่างเข้าวันที่ห้า เวลาใกล้ ๆ เที่ยง เจ๊กลับจากธนาคาร เดินดูหน้าหวอด อ่างล้างถุง มองนู่นมองนี่ไปเรื่อย แวะไปดูโต๊ะวางหม้อข้าว มองมาแต่ไกลแล้ว เห็นถุงหิ้วใบใหญ่ วางอยู่ข้าง ๆ ในนั้นเหมือนมีอะไรใส่อยู่เต็ม
เปิดดูเห็นแกงร่วมยี่สิบถุงอยู่ในนั้น เดินไปถามหน้าหวอด ทำไมยังไม่กินข้าวกัน เด็กบอกกินแล้ว อ้าว แล้วแกงล่ะ ทำไมไม่มีใครเอาไป พวกนั้นบอกกินไม่ได้ แกงอะไรไม่รู้ เป็นแบบนี้สองวันแล้ว เจ๊เดินกลับไปแกะใส่ถ้วยดู เป็นแกงส้มน้ำใส ๆ มีชิ้นมะละกออยู่สามชิ้น มีแค่นั้นจริง ๆ จับถุงอื่นเอียง ๆ ดู ก็เหมือนกัน มองตรงพื้นใต้โต๊ะก็มีอีกถุงใหญ่ ข้างในไม่รู้แกงอะไร น่าจะเป็นของเมื่อวาน
ให้เสมียนบิดมอเตอร์ไซค์ไปคุยกับยาย สักพักกลับมาส่งข่าว ยายบอกว่า ใส่หมูใส่ไก่ไม่ไหว มันไม่เหลืออะไร เอ้า ดูเย็นนี้อีกที พอได้เวลา แกก็มาส่งปกติ เจ๊รออยู่ เปิดถุงดูเป็นผัดมะละกอใส่ไข่ มีมาหยิบมือนึง เลยบอก ยายหยุดไปก่อน จะเอาอีกเมื่อไรจะให้เด็กไปบอก
จ่ายยายไปสองร้อยห้าสิบ แล้วให้พวกผู้หญิงไปอีกสองร้อย ไปตลาดหาซื้อหมู ซื้ออะไรมา สรุป เย็นนี้เจ๊ก็ต้องทำกับข้าวเอง มันก็แกงเดิม ๆ นั่นแหละ คนเกือบสามสิบคน จะทำให้ถูกใจทุกคนมันก็ยาก
รุ่งขึ้นเช้าก็คุยกับเด็กว่า เพิ่มเงินเดือนให้อีกคนละพัน ให้หากินกันเอง ใครจะว่ายังไง มองกันไปมองกันมา ดีแฮะ อยากกินอะไรตอนไหน ก็ซื้อได้เลย เลือกได้ตามใจชอบ ก็ตกลงตามนั้น เงินเดือนเพิ่งออกไปไม่กี่วัน ไม่เป็นไร เจ๊ตัดให้ก่อนเลย รับแล้วก็หน้าบานตาม ๆ กัน
( มีต่อครับ )