........เรื่องเล่าหลังโรงงาน เรื่อง เด็กโรงน้ำแข็ง ตอนที่ ๗ โดย ลุงแผน.........@@

กระทู้สนทนา
.........เด็กโรงน้ำแข็ง   ตอนที่  ๗     ( ชื่อ ร้าน )


            



              ตอนเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
        

              ทำไมผมคิดเรื่องนี้ไม่ออกตั้งแต่แรก อาจเป็นเพราะวันนึงมันผ่านไปเร็วมากก็เลยลืมมอง หรือไม่ก็มัวหาเด็กท้ายอยู่แน่เลย ชื่อลูกค้า ก็เป็นส่วนนึงของการทำงาน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของทุกอย่างในโลกที่ต้องมีชื่อเรียก เพื่อให้การสื่อสารเป็นไปได้ด้วยดี

         ดังนั้น ชื่อ ของลูกค้าในโรงน้ำแข็งยิ่งต้องมีใหญ่ ไม่งั้นจะคุยกันยังไง ไปส่งใคร ที่ไหน ไปไม่ถูกแน่ อีกอย่างวันนึงขายได้เท่าไรส่งใครมาก็ต้องมาลงบันทึกไว้ ทำรายรับรายจ่ายตามปกติ ของโรงงานมีเล่มใหญ่เล่มนึง คนขับแต่ละคันมีเล่มเล็กเฉพาะสายตัวเองเล่มนึงครบเดือนก็เปลี่ยนเล่มใหม่  ตอนสาย ๆส่งลูกค้าเสร็จเข้าโรงงานก็เอาเงินพร้อมสมุดให้คนที่อยู่ในออฟฟิศ  เป็นใครก็ว่ากันไป ส่วนมากจะเป็นเจ๊  ก็จะนั่งไล่ดู  ร้านไหนลงเท่าไร เพิ่มขึ้น หรือ ลดลง ค้างเงินไว้วันไหนเก็บมารึยัง สงสัยตรงไหนก็ถามคนขับ  ถ้า ราบ รื่นดีไม่มีปัญหา ยอดน้ำแข็งตรง เงินครบ  ห้านาทีก็เสร็จ

        ถ้าเงินไม่ครบน้ำแข็งขาด ก็มาหากันว่าลืมอะไรตรงไหน มันก็ต้องมีกันมั่งบางที รีบ ๆ หน้าร้านลูกค้าก็ยุ่ง ๆ ลงน้ำแข็งเสร็จโดดขึ้นรถขับออกมาเลย นึกได้อีกทีก็มาไกลแล้ว เอาไว้รอบหน้าค่อยเก็บก็แล้วกัน  ถึงโรงงาน เจ๊ถามก็บอกไปตามนั้น  ทีนี้ ถ้าร้านโดยทั่ว ๆ ไป ก็จะมีป้ายชื่อร้านติดไว้ให้เห็นมาแต่ไกล ถ้าใครได้ร้านไหนเป็นลูกค้า ก็ลงชื่อร้านนั้นไปในสมุดได้เลย แล้วก็มาบอกโรงงานว่าร้านนี้อยู่ตรงไหน ส่วนใหญ่ในสาย เถ้าแก่จะนึกภาพ ออกอยู่แล้ว เพราะเป็นคนไปบุกเบิกมาเองทุกที่ พอเริ่มอยู่ตัวก็ปล่อยให้ลูกน้องไป ตัวเองก็ไปหาเปิดสายใหม่  

        ชื่อร้านง่าย ๆ อย่าง ต้น ปลาเผา  ,  เจ๊หมวย ตามสั่ง  ,  กาแฟสด น้องแอน    มันไม่ยาก เขียนก็ไม่ยาก  ใครไปส่งแทนก็สบาย  บางร้านเปิดมาตั้งแต่รุ่นพ่อ พ่อเค้าก็เอาชื่อตัวเองเป็นชื่อร้าน ตามที่คนอื่นเรียกแกจนคุ้น เช่น กาแฟ นายยืน  ตอนหลังลุงยืนไปเปิดอีก สาขานึง  ร้านเดิมยกให้ลูกชาย ผมไปส่งน้ำแข็งใหม่ ๆ เหลือบตา มองป้ายร้านแว๊บนึง ทำเนียนตีซี้ เรียก พี่ยืน อยู่เกือบปี พอรู้ทีหลังว่าแกชื่อพี่มาด เป็นลูกลุงยืน อายแทบแย่   นี่เป็นร้านที่ใช้ชื่อเจ้าของ  บางครั้งไปเจอชื่อร้านที่มาจากดาวดวงอื่นก็ต้องคิดนิดนึงละว่าจะเขียนยังไง  

        ร้านค้าเดี๋ยวนี้ก็ช่างสรรหาชื่อมาตั้งกัน น่าจะอยากให้แปลกแหวกแนวจำง่าย หรือไม่ก็กลัวซ้ำกับคนอื่น เจอร้านอย่างนี้ทำไงดีถ้าพอไหวก็เขียนไปตามนั้น  ดูแล้วท่าจะแย่ก็ต้องหลบ ๆ ไปเขียนอย่างอื่นให้พอรู้กัน อาจจะตั้งตามของที่ขายหรือเป็นชื่อเจ้าของร้านก็ตามแต่  แก้ปัญหากันไปทีละราย  แล้วที่ชื่อก็ไม่รู้ ป้ายร้านก็ไม่มีนี่ทำไงล่ะ บางทีไปติดต่อใหม่ ๆ ยังไม่คุ้นกัน จะถามก็ไม่กล้า ก็ใช้ลักษณะของเจ้าของร้านซะเลยเป็นไง  น้องตัวเล็ก  น้องผมแดง พี่แว่น  ลุงอ้วน  พอไหวเนาะ แต่ถ้าให้ใครไปส่งแทน ก็บอกสถานที่ให้แน่นอนหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวไปส่งร้าน น้องผมแดง เธอไม่อยู่ไปซื้อของพอดี ให้ยายนั่งเฝ้าแทนหัวขาวโพลน จะงงกันเป็นแถว เอ๊ะ มาถูกร้านรึเปล่าหว่า ผมไม่ยักแดงแฮะ    

        บางทีในร้านอยู่กันหลายคน จะใช้ลักษณะของเจ้าของร้านก็ไม่ไหว  ไปทีก็เปลี่ยนหน้าที ผัวอยู่มั่ง เมียอยู่มั่ง ลูกเฝ้าแทนมั่ง ก็ต้องใช้สถานที่เป็นที่สังเกต เช่น กาแฟ ปตท , ข้าวมันไก่ ประตูห้า , ดอกไม้ สามแยก  ,  ข้าวแกง ริมคลอง  ก็ยังไปได้อยู่  ส่วนตามหมู่บ้านนอก ๆ มีร้านค้าไม่มาก ส่วนใหญ่จะมีแค่ร้านเดียว ก็ชื่อหมู่บ้านนั่นแหละง่ายดี บ้านดง บ้านดอน บ้านโคก อะไรก็ว่าไป   มีชื่อแล้ว มีบันทึกลงไว้เป็นลูกค้าในสมุดแล้ว  ก็ส่งไป จดไป  ไม่ยากอะไร สบาย ๆ

        ระยะนี้ ร้านค้าเกิดใหม่มีมาก ใครเพิ่งตกงานมา ใครอยากได้เงิน ก็มาค้าขาย คิดว่าน่าจะไปได้ดี มีทุนมากหน่อย ก็เช่าบ้าน เช่าตึก ทำเคาน์เตอร์ ชั้นวาง หาซื้อโต๊ะเก้าอี้ วางเข้าไป ทำป้ายหน้าร้านเก๋ ๆ ทำอะไรเป็นก็ขายอันนั้น ขายไปก่อน ได้ไม่ได้ ดีไม่ดีค่อยว่ากันทีหลัง  ใครทุนน้อยลงมานิด ก็หาที่ว่าง ๆ  หรือไม่ก็แบ่งเช่าหน้าร้านใครเข้า หาโต๊ะพับมาตัวนึง ตู้กระจกเล็ก ๆ ใบนึง หาของกินของใช้มาวางตามที่ตัวเองถนัด หรือตามที่ชอบ ส่วนใหญ่ที่เห็นมา จะขายของที่ตัวเองชอบ คนอื่นจะชอบหรือไม่ชอบก็ไม่รู้ ก็เลยขายได้มั่งไม่ได้มั่ง นานเข้าทนไม่ไหวก็เลิก เจ้าใหม่ก็เข้ามาต่อ หมุนเวียนกันไปอย่างนี้  

        ไอ้เราก็มีหน้าที่เอาถังไปให้เค้า เวลาเค้าติดต่อมา บางคนก็จะโทรเข้ามาโรงงานว่าจะเปิดร้านขายอะไร ตรงไหน เถ้าแก่ก็บอก คนขับ ใครผ่านเส้นนั้นแวะไปดูซิ พอได้มั๊ย เห็นว่าน่าจะไม่รอดก็ปฏิเสธไป แต่ส่วนมากจะรับไว้เป็นลูกค้าเกือบทั้งหมดแหละ นอกจากว่าจะเป็นลูกค้าโรงอื่นอยู่แล้ว อันนี้ต้องดูกันหลายเรื่อง ส่วนมากจะไม่เอา ไม่อยากมีปัญหากัน ถ้าทะเลาะกันไปแล้วมันยุ่งอีตอนเครื่องเสีย แล้วไปขอซื้อน้ำแข็งเค้ามันจะมองหน้ากันไม่สนิท เลยต้องปฏิเสธไป สงสารลูกค้าเหมือนกันนะ บางทีเวลาไม่ตรงกันมันก็ลำบาก รถผ่านเจ็ดโมง ร้านเปิดแปดโมง รถมาอีกรอบบ่ายสอง น้ำแข็งไม่มีใช้ก็ยุ่ง  

        มาบอก เราให้ไปส่งแทน ทางเรา ก็ให้ไปคุยกับคนส่งโรงนั้นดู ใส่กุญแจไว้ แล้วให้คนขับเก็บไว้ดอกนึงได้มั๊ย เช้าผ่านมาก็ไขกุญแจเปิดถังเทให้ แล้วล็อกไว้ กลางวันค่อยมาเก็บตัง ก็ต้องหาทางออกให้เค้าด้วย ปล่อยให้เค้าวังเวงก็จะใจดำเกินไป  นอกจากเค้าไม่เอาด้วยก็อีกเรื่อง    ทีนี้ลูกค้าใหม่ส่วนมากจะได้จากรถที่วิ่งส่งนั่นแหละ  ขับผ่านไปผ่านมาทุกวัน มองเห็นมีเค้าว่าจะขายอะไรสักอย่าง ขนโต๊ะ เก้าอี้ ตู้กระจก เคาน์เตอร์ กันชุลมุน คนขับก็เข้าไปคุย ขายอะไร เปิดวันไหน  จะได้เตรียมขนาดถังน้ำแข็งได้ถูก

        พูดถึงเรื่องนี้ จริง ๆ แล้วเรียกถังนี่มันเป็นคำที่เรียกแทนให้เข้าใจกันมากกว่านะผมว่า ศัพท์จริง ๆ มันน่าจะเป็นอะไร สี่เหลี่ยมใหญ่ ๆ มีฝาเปิดด้านบน ทำด้วยพลาสติก หนา ๆ  กล่อง  ไม่ได้สิ จะไปนึกถึงกล่องกระดาษที่ใส่ของกันซะ  เพราะเราติดปากกันไปแล้ว  จริง ๆ ลักษณะมันก็เป็นกล่องนะ   ลัง  ก็จะไปนึกถึงลังไม้ ลังแป๊บซี่ ลังโค๊ก เพราะเค้าเรียกกันมานาน  สองอย่างนี้ผมคิดเองนะ  จะถูกจะผิดยังไงไม่รู้  เอ้า เค้าถังก็ถังกะเค้าไป เป็นอันว่ารู้กัน

        ทีนี้พอคุยตกลงกันได้แล้วช่วงที่รอ วันเปิดร้าน  โดยทั่วไปแล้วจะเอาถังไปลงไว้ก่อนเลยหนึ่งใบ เช้าผ่านไปก็เทน้ำแข็งใส่ถังไว้ ให้ช่าง ให้คนจัดร้าน ให้เจ้าของกินอะไรก็ว่ากันไป มันก็ได้หลายทางนะ น้ำแข็งวันละถุงสองถุง ซื้อใจกันไป แวะมาเจอกันทุกวันก็เหมือนกับทำความคุ้นเคยกัน  ระหว่างคนขับกับเจ้าของร้าน ถือว่ามาติดตามดูความคืบหน้าว่าใกล้เปิดหรือยัง จะเปิดทันตามกำหนดมั๊ย  หรือว่าเป็นการจองไว้ก็ได้ โรงอื่นขับผ่านเห็น เฮ้ย ร้านเปิดใหม่ เลี้ยวเข้ามาแว๊บ อ้าวมีถังโรงนี้อยู่นี่หว่า ก็ถอยไปตามมารยาท

        พอใกล้เปิด ก็มองหาป้ายชื่อร้านกัน ตอนแรก ๆ ก็ลงพอรู้กันไว้ก่อน ป้ายยังไม่มี  ข้าวมันไก่เปิดใหม่ , ข้าวแกงใหม่ , กาแฟใหม่  เขียนไปเขียนมาชักชิน  พอร้านเปิดแล้วก็ใช้ชื่อนั้นนั่นแหละยาวเลย  แต่รถโรงงานมันมียี่สิบกว่าคันมันก็ต้องมีซ้ำกันมั่งละน่า ข้าวแกง ข้าวมันไก่ น้ำปั่น  ทำเป็นกันคนเดียวซะที่ไหน เถ้าแก่เปิดสมุดมา ไอ้นั่น ก็แกงใหม่ ไอ้นี่ก็แกงใหม่  ไก่ใหม่ แฟใหม่ เหมือนกันเป็นแถว เอ้าไปดูมาซิ เอาชื่อร้านมาด้วย  สาย ๆ อีกวันก็ได้ชื่อมามั่งไม่ได้มั่ง ได้มาก็แก้กันไป ยังไม่ได้ก็ทน ๆ ไปก่อน  นาน ๆ ครั้ง เถ้าแก่ ก็จะเอาสมุดตามสายมาไล่เลียงกันสักที  

        เปิดมาแต่ละเล่มมันต้องมีชื่อแปลก ๆ ปนมาให้สงสัยกันทุกครั้ง เรียกมาถามคุยกันพักนึงกว่าจะเข้าใจ  อย่าง กาแฟ ตกเหว  สมุดใคร เถ้าแก่ดูหน้าสมุด เจ้าโม่ ชื่อเขียนไว้ ถามดูบอกร้านนี้อยู่ถนนเลาะริมน้ำ แล้วตลิ่งพังเลยร้านไปนิด เทศบาลเอาเสาเข็มไปตอกกันมันถล่มไว้แล้ว รอมาทำทางใหม่วันหลัง แล้วทำไมไม่เรียกทางขาดหรืออะไรไป เถ้าแก่กลัวเจ้าของเค้าเห็นชื่อร้านแล้วจะเคือง มันบอกว่ามันนึกไม่ออก แล้วไป อย่าให้เค้ารู้ล่ะ เดี๋ยวโดนบ่น  เจ้าโม่ยิ้ม แสดงว่าโดนไปแล้วละ

        นั่งดูเล่มนู้นเล่มนี้ไปก็เจอเรื่อย   เก๋งดำ เค้าใช้รถสีดำครับ เจ้าตัวบอก เออ ดีครับ หายากด้วยนะรถสีดำน่ะ  มีอะไรอย่างอื่นอีกมั๊ย ให้มันสังเกต ง่ายอีกสักหน่อย อย่าบอกว่าใต้ต้นมะม่วงก็แล้วกัน เพราะตั้งแต่โรงงานไปยัน พิจิตรนี่ต้นมะม่วงมีกันทุกบ้าน มันจะงงกันไปใหญ่  กาแฟ  ,  ก๋วยเตี๋ยว  , ข้าวแกง   แหม ขยายอีกสักนิดก็ได้มั้งพี่  เล่นด้วน ๆ หยั่งงี้ อย่าหยุดนะครับ พรรคพวกจะเดือดร้อน  

        ศรีสะเกษ ป้าด  ไปไกลแท้  บักแดง บ้านอยู่อุบล  ไปไงมาไงเนี่ย  ร้านนี้มาไง  เรียกเจ้าแดงถามดู  ขายไส้กรอกตามนัด เจ้าแดงว่า   ส่วนมาก ลงไว้แช่หมู  อ้าว แล้วป้ายร้านเค้าล่ะ ไส้กรอกอีสาน  เจ้าแดงบอก เถ้าแก่ยังไม่หายงง  แล้วมาไง  ชื่อ ศรีสะเกษ  ก็บ้านเค้าอยู่ศรีสะเกษ  อึ้งไป  ลงลึกไปถึงบ้านเค้าโน่น บักแดง ใครไปส่งแทนก็บอกกันไว้เน้อ ในสมุดอย่าง ป้ายร้านอย่าง เดี๋ยวได้สนุกกันแน่   ลืมไปว่าบางครั้งต้องมีคนวิ่งแทน เขียนไว้ตามความเข้าใจของตัวเอง รู้คนเดียวในใจ

        บางครั้งคุ้นกันกับเจ้าของร้าน ก็ใช้ชื่อนั้นไปเลย เช่น พี่แมว พี่น้อย  ป้าแอ๋ว  เขียนไว้ในสมุดอย่างดี วันไหนหยุดคนไปส่งแทนหากันตาแทบหลุดก็ไม่เจอ แล้วทำไง หาแล้วนี่ ไม่มี โทรหาเจ้าคนลาหยุดก็ปิดเครื่อง กลับสิเรา พอกลับมาสักพักโทรไล่หลังมาน้ำแข็งไม่ส่ง ร้านไหนครับ  ยำน้องบี ถามรถคันไหนส่ง เบอร์ สิบสอง ไล่ดูสมุด สองรอบไม่เจอ ถามพี่อยู่ตรงไหน ชื่ออะไร  เค้าก็บอกมาว่า อยู่ตรงนั้น นะ ชื่อพี่แมว  น้องบี น่ะลูกสาว นั่น แล้วมันจะเจอกันมั๊ยเนี่ย  

        ตอนหลังพอมีเวลาเลยต้องไล่กันทีละเล่ม เพื่อจะได้รู้กันไว้ให้มากที่สุด ให้เข้าใจตรงกันไว้ ว่าร้านนี้ อยู่ตรงไหน ย้ำกับคนขับว่าชื่อร้านสำคัญมาก ไม่งั้นจะหากันไม่เจอ แต่ก็ต้องมีหลุดมามั่งจนได้แหละ เพราะร้านค้าเกิดใหม่มีมาเรื่อย  ชื่อแปลก ๆ ก็มีหลงมาเรื่อยเหมือนกัน  ดีไม่ดีเจ้าของร้านยังไม่รู้ชื่อตัวเองในสมุดเลย  ชื่อตัวเอง น่ะรู้อยู่แล้ว ชื่อร้านก็รู้ แต่เจ้าคนส่งลงไปอีกอย่างเจ้าตัวก็อึ้งเหมือนกัน  โทรไปสั่งน้ำแข็ง บอกร้านนี้นะ อยู่ตรงนี้  เถ้าแก่บอกเด็กไปตามนั้น เสียงเจ้าพวกนั้นตะโกนบอกต่อ ๆ กันดังเข้ามาให้ได้ยิน เฮ้ย ร้านพี่คนสวย ริมคลองถุงนึง คนโทรสั่งหน้าแดงวางหูแทบไม่ทัน ดีนะยังเรียกพี่คนสวย ถ้าเรียกอย่างอื่นเรื่องน่าจะยาว  

( มีต่อครับ )
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งเรื่องสั้น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่